บทที่ ๗ ความจริงที่ถูกเปิดเผย
ภายใต้การนำทัพของพันตรีผู้เป็นมือหนึ่งในการใช้กระบี่่ กองทหารของจักรวรรดิ์ก็เข้าสู้ดินแดนทางใต้อีกครั้งจุดประสงค์เพื่อเข้ามาเจรจาขอผ่านทาง แต่สุดท้ายก็ต้องเข้าปะทะกับกลุ่มนักรบผู้ห้าวหาญของเผ่าอสุรา ผลของการปะทะทำให้ผู้นำทหารและผู้ติดตามถูกเผ่าอสุราพาตัวไปขังไว้ ณ หมู่บ้านบางกระท่อม การหลบหนีเกิดขึ้นในคืนวันนั้นแต่ทว่าพันตรีไม่อาจหลบหนีไปได้ หลังการปะทะย่อยๆ ความวุ่นวายภายในหมู่บ้านบางกระท่อมยังคงมีอยู่ ผู้ใช้มนตราหญิงตนหนึ่งได้ใช้โอกาสนี้ลอบสนทนากับปิศาจร่างยักษ์ แผนการที่ทั้งคู่ได้วางเอาไว้ใกล้สำเร็จแล้ว สงครามใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในเร็ววัน จะทำให้มันทั้งคู่บรรลุจุดประสงค์ เมฆหมอกแห่งสงครามที่ก่อตัวขึ้นอีกครั้งถึงแม้จะหนาแน่นแต่ก็ไม่อาจบดบังแสงเล็กๆ แห่งความดีได้ ระหว่างที่พันตรีของเผ่ามนุษย์ถูกจับอยู่นั้นแม้เป็นเชลยก็ไม่ได้นิ่งเฉยจึงขออาสาช่วยพัฒนาหมู่บ้านบางกระท่อม ด้วยใจที่เห็นว่ายังขาดความสะดวกสบายในหลายๆ สิ่ง จนเป็นที่ประทับใจของชาวบ้านและหญิงสาวชาวอสุราผู้หนึ่ง ธงธิวจำนวนนับร้อยพลิ้วไหวอยู่เหนือกองทัพอันยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิ์บัดนี้พร้อมแล้วที่จะทำสงครามอีกครั้ง กองกำลังของนักสู้แดนใต้ก็ไม่แพ้กันถึงแม้มีกำลังน้อยกว่าแต่กลับลั่นกลองรบเข้มแข้งไร้ความกลัว หากแต่ ว่าทั้งสองกองรบอันยิ่งใหญ่ไม่อาจรับรู้ถึงกองกำลังสัตว์เลื้อนคลานที่พร้อมเก็บเกี่ยวผลประโยชน์นี้ตั้งทัพอยู่ห่างออกไปไกลสุดเขตแดนทางด้านเหนือ แต่ก่อนที่มหาสงครามจะชักนำพสุธาสุ่การนองเลือด การปะทะย่อยกลับเกิดขึ้นเสียก่อนเมื่อทหารเชลยผู้หลบหนีไปได้กลับมาอีกครั้งพร้อมทหารกลุ่มหนึ่งแม้ไม่ยิ่งใหญ่แต่พร้อมไปด้วยลูกน้องคนสนิทของพันตรีทั้งสิ้น การชิงตัวเชลยเริ่มขึ้นแล้ว กำลังทหารและชาวบ้านเข้าต่อสู้กันจนต่างฝ่ายต่างบาดเจ็บแม้ไม่ถึงชีวิตแต่ก็อาการสาหัส และการต่อสู้ก็จบลงเมื่อหญิงสาวชาวอสุราแอบปล่อยตัวพันตรีออกจากที่คุมขัง ทั้งคู่ได้พาชาวบ้านคนหนึ่ง เข้ามาในสมรภูมิเพื่ออธิบายแผนการที่แอบได้ยินจากการสนทนาระหว่างผู้ใช้มนตราผู้เก่งกล้ากับปิศาจผู้แอบในเงามืด ความจริงกระจ่างแล้วมีมือที่สามมาทำให้เกิดสงครามนี้ เหลือเพียงต้องเอาความจริงนี้ไปเปิดเผยก่อนมหาสงครามจะเริ่มขึ้นเท่านั้น