กำเนิดโลกและเผ่าพันธุ์ ฉบับศาสนจักรแห่งลูซิส

จาก อสุรา เกมส์ออนไลน์ ฟอร์มยักษ์ - สารานุกรม
ข้ามไปยัง: นำทาง, ค้นหา

นานแสนนานมาแล้ว...

แรกเริ่มแต่เดิมทีนั้น โลกมีแต่เพียงความมืดมิดและว่างเปล่า ปราศจากสรรพสิ่งใด ไม่มีแผ่นฟ้า พืนน้ำ หรือแม้กระทั่งแผ่นดิน เป็นแค่มวลอากาศที่ไร้ชีวิตชีวา มหาเทวีแห่งแสง ลูซิส รู้สึกเบื่อต่อความว่างเปล่าและกาลเวลาอันเป็นนิรันดร์ จึงได้ชักชวนบรรดาเทพทั้งหลายซึ่งนำโดย เทพีแห่งลม เวนทัส ,เทพแห่งปฐพี เทอร์ร่าห์ และเทพีแห่งน้ำ อควา ยกเว้นแค่ องค์มหาเทวีแห่งความมืด อาทรัม เพียงองค์เดียวที่ไม่ขอยุ่งเกี่ยวด้วย นางรู้สึกว่าเป็นแบบนี้ดีอยู่แล้ว แต่กระนั้นเทพองคอื่นหาได้สนใจไม่

องค์มหาเทวี ลูซิส ได้ตรัสขึ้นว่า "จงมีแสงสว่าง" ลูซิส มอบแสงสว่างให้กับโลก โดยผิดใจกันกับ มหาเทวีแห่งความมืด อาทรัม ทุกวัน องค์มหาเทวีแห่งแสง ลูซิส จะสู้กับองค์มหาเทวีแห่งความมืด อาทรัม ช่วงที่ลูซิสชนะโลกจะเป็นกลางวัน ถ้าแพ้จะเป็นกลางคืน ตอนกลางคืนจะมองเห็นเศษซากที่บาดเจ็บของลูซิสส่องประกายเต็มท้องฟ้า(หมู่ดาว) เนื่องจากมหาเทวีแห่งแสง ลูซิส กับ มหาเทวีแห่งความมืด อาทรัม เป็นเทพที่เป็นอมตะจึงไม่สามารถปลิดชีพกันได้

การต่อสู้ใช้ดำเนินไปต่อเนื่องเป็นเวลายาวนาน จนกระทั่งวันหนึ่งที่อาทรัมนั้นเริ่มสนใจโลกที่สร้างใหม่มากขึ้น และเหนื่อยกับการสู้รบกับลูซิสผู้มีพลังเท่าเทียมกัน จึงตกลงกันว่าจะแบ่งช่วงเวลาดูแลโลกกัน โดยลูซิสจะดูแล 14 ชั่วโมง และ อาทรัมจะดูแล 10 ชั่วโมง เหล่าบรรดาเทพที่เหลือก็ได้ช่วยกันสร้างโลกให้สมบูรณ์ เทอร์ร่าห์ เนรมิตผืนดินยาวสุดลูกหูลูกตา และสร้างเหล่าพรรณพืช ต้นไม้ ใบหญ้า อควา เนรมิตผืนน้ำ และสร้างเหล่าหมู่สัตว์น้ำ เวนทัส แบ่งร่างออกเป็นสี่ เคลื่อนที่ไปสี่ทิศทางอย่างไม่รู้จบ เติมเต็มจิตวิญญาณให้กับก้อนหิน ต้นไม้ใบหญ้า อิกนัส ได้จุดไฟ เผาหลอมดิน ก้อนหินและต้นไม้ เกิดเป็นร่างของเหล่าสรรพสัตว์ โดยมีจิตวิญญาณที่เวนทัสมอบให้

แต่ลูซิสผู้รู้สึกว่าโลกยังขาดอะไรบางอย่าง โลกที่มีแผ่นฟ้า พื้นน้ำ แผ่นดิน "ถึงมันจะมีวัฎจักรของมันแต่มันก็เงียบเหงาจนเกินไป ข้ารู้สึกว่ามันไม่ต่างจากเมื่อก่อนเท่าไรนัก" จึงได้ปรึกษากับเหล่าเทพองค์อื่น ว่าควรทำอะไรบางอย่างกับโลกที่พวกเขาได้สร้างขึ้น อาทรัมจึงเสนอว่า "ด้วยพลังอำนาจและสติปัญญาของเหล่าทวยเทพอย่างพวกเรา ถ้าเราสร้างสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาขึ้นมาให้อาศัยในโลก ก็น่าจะทำให้โลกใบนี้มีอะไรน่าสนใจขึ้นมาบ้าง" เหล่าเทพทั้งสี่จึงได้สร้าง "เอลฟ์" โดยจำลองแบบมาจากพวกตนเอง และเป็นเอลฟ์ตนแรกที่ได้กำเนิดขึ้นบนโลก ซึ่งเหล่าเทพก็ได้มอบหน้าที่ให้แก่ เอลฟ์ ปกครองโลกในฐานะตัวแทนเทพ

ต่อมา อาทรัม จึงสร้างสิ่งมีชีวิตหนึ่งขึ้นมา และมอบปัญญาอันเฉลียวฉลาดให้กับพวกเขา เธอมอบร่างกายที่มีผิวหนังแข็งประดุจเกราะเหล็ก ดวงตากลมโต เขี้ยวอันแหลมคมและพละกำลังอันมหาศาล "มังกร"จึงได้กำเนิดขึ้นมา ด้วยความประสงค์ของนาง "มังกร"นั้นต่างจากสัตว์ทั่วๆไป พวกเขามีจินตนาการ มีความอยาก และมีความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ รวมถึงยังรับรู้ถึงการมีอยู่ของเหล่าเทพได้อีกด้วย

เทพองค์อื่นเมื่อเห็นเทวีแห่งความมืดสร้างสิ่งน่าสนใจอย่างมังกรขึ้นมา ก็เลยทำตามประสงค์ของตัวเองขึ้นบ้าง เทอร์ร่าห์ เนรมิตสร้าง ชาวออค ผู้มีร่างกายแข็งแกร่งประดุจหินผา สร้างชาวสมิงผู้มีชีวิตผูกผันกับผืนดินและทุ่งหญ้า เวนทัส สร้างชาวเอล์ฟ ผู้งดงาม คล่องแคล่ว และยังได้แบ่งพลังกว่าครึ่งของนางให้กับพวกเขาเหล่านั้นด้วย อิกนัส เริ่มแรกไม่กล้าใช้พลังของตนสร้างอะไรขึ้นมา จึงได้ไปขอยืมพลังของเทวีแห่งความมืดมากึ่งหนึ่ง ให้กำเนิดเป็นกอบลินขึ้นมา ต่อมาอิกนัสไม่พอใจกับกอบลินที่รูปร่างแคระแกร็น และมีผิวกายภายนอกอัปลักษณ์เยี่ยง"มังกร" เขาจึงใช้พลังของตัวเองสร้างคนแคระขึ้นมาอีก และมอบพลังแห่งไฟรวมไปถึงปัญญาแห่งการประดิษฐ์ให้กับพวกเขา แต่ อควา หามิได้สนใจในการสร้างผู้มีปัญญาใดๆ ขึ้นมาเลย

ในขณะที่เทพทุกๆ องค์กำลังเพลิดเพลินกับการสร้าง สิ่งมีปัญญานั้น ลูซิส ผู้เหนื่อยหน่าย นางตระเวนดูผลงานของเทพองค์ต่างๆ จดจำข้อดี ข้อเสียของแต่ละเผ่ามา และพยายามจะสร้าง ผู้สมบูรณ์แบบ ตามแบบฉบับของนางเอง นางปั้นร่างของพวกเขาขึ้นมาจาก ดินของเทอร์ร่าห์ มอบความสามารถแห่งการประดิษฐ์ด้วยสะเก็ดไฟแห่งอิกนัส แต่นั้นก็ทำให้พวกเขาทำได้เพียงเครื่องมือจากก้อนหินง่ายๆ มอบจิตวิญญาณด้วยเสี้ยวหนึ่งของเวนทัส ทำให้พวกเขานั้นจำต้องดำรงวิญญาณเอาไว้ด้วยสายลม ชุบเลี้ยงพวกเขาด้วยร่างของ เทพีแห่งน้ำ ทำให้พวกเขาเหล่านั้นต้องผูกพันกับสายน้ำ นางมอบปัญญาอันแหลมคมแบบที่"มังกร"มี ด้วยพลังของเทวีแห่งความมืด และท้ายที่สุด นางก็ทำให้มนุษย์มีนิสัยคล้ายกับนางที่ชอบสร้างสรรค์สรรพสิ่ง ไม่หยุดนิ่ง มนุษย์ จึงได้ถือกำเนิดขึ้นมา ซึ่ง เอลฟ์ เรืองอำนาจและปกครองโลกในฐานะตัวแทนเทพ ในความสงบมาตลอด จนกระทั่งเหล่ามังกรได้สร้างเสริมกำลัง ขยายอำนาจจนทั่วทวีปทางเหนือ กลายเป็นอาณาจักรขั้วอำนาจใหญ่ "ซอร์เรี่ยน" ต่อมาสองขั้วอำนาจ "เอลฟ์" ที่อยู่ทางใต้ และ "ซอร์เรี่ยน"ที่อยู่ทางเหนือ ได้ขยายอิทธิพลในโลกได้ยิ่งใหญ่ทัดเทียมกัน ได้เกิดการปะทะกัน ทำให้โลกช่วงนั้นเกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย ในเหตุการณ์ครั้งนี้ ลูซิส ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหล่าเอลฟ์ ทำให้อาทรัมไม่พอใจจนกลายเป็นสงครามระหว่างเทพทั้งสองขึ้น สงครามดำเนินต่อเนื่องยาวนาน เพราะเทวีทั้งสองต่างก็เป็นอมตะทั้งคู่ จนกระทั่ง ลูซิส ได้คิดวิธีการเอาชนะ อาทรัม ได้ ในการต่อสู้ครั้งหนึ่ง ลูซิส เอาชนะ อาทรัม และได้แบ่งร่างของนางออกเป็นเจ็ดส่วน แล้วทิ้งลงแผ่นดิน และทะเล ทำให้ อาทรัม ถูกกระจายพลังออกจนคืนชีพไม่ได้ จากการปะทะของเหล่าเทพด้วยกันครั้งนี้ เหล่าเทพตัดสินใจที่จะเลิกยุ่งเกี่ยวกับโลกอีก...

"ซอร์เรี่ยน"เมื่อขาดการช่วยเหลือจากอาทรัมจึงต้องถอยร่นไป แต่สงครามครั้งนั้นก็ทำให้เผ่าพันธุ์เอลฟ์เหลือจำนวนน้อยมาก พวกเอลฟ์ตายเกือบหมดในสงคราม ส่วนที่เหลืออยู่ก็ตัดสินใจทำตัวเหมือนเหล่าเทพ หลบเร้นหนีไปยังที่ที่ไม่มีใครพบ เมื่อขาดขั้วอำนาจใหญ่ทางใต้แล้ว ออค จึงเรืองอำนาจต่อจากเอลฟ์ ด้วยที่มีพละกำลังแข็งแกร่งกว่าใคร และมีจำนวนมาก อาณาจักรออคโบราณ จึงกำเนิดขึ้น แล้วเผ่าพันธุ์ใดๆที่อยู่ทางใต้ก็ตกอยู่ใต้การปกครองของ ออค ทั้งสิ้น หนึ่งในนั้นก็คือ "มนุษย์" ซึ่งตอนนั้นยังเป็นเพียงชนกลุ่มน้อยที่กระจัดกระจายกันอยู่ ซึ่งบางส่วนก็ถูกจับนำมาเป็นทาสใช้แรงงานให้แก่พวกออค อาณาจักรออคนั้นรุ่งเรืองและขยายอิทธิพลอย่างรวดเร็ว แต่เวลารุ่งเรืองของออคก็มีเวลาไม่นานนัก เมื่อเหล่ากองทัพของ"ซอร์เรี่ยน"ที่ถอยร่นไปในสงครามครั้งก่อนได้กลับมาเข้ารุกรานอาณาจักรทางใต้อีกครั้ง ก่อนต่อสู้กินเวลายืดเยื้อยาวนาน เพราะอาณาจักรออคมีกำลังเข้มแข็งมาก ทำให้กองทัพของ"ซอร์เรี่ยน"ต้องแตกพ่ายถอยกลับไปอีกครั้ง แต่อาณาจักรออคก็เสียหายไปไม่น้อย อีกทั้งประสบกับโรคระบาดและฤดูกาลที่แห้งแล้งยาวนาน จึงทำให้พวกออคอ่อนแอลงมาก เวลานั้นเองได้มี "มนุษย์"ผู้หนึ่งได้รวบรวมสมัครพรรคพวก จนเกิดเป็นกองกำลังปลดปล่อยอิสระภาพ ได้เข้าตีอาณาจักรออคจนแตกพ่ายไป จนต้องหนีหายไปอย่างลึกลับ

และมนุษย์ผู้นั้นก็กลายเป็นปฐมราชาของอาณาจักรมนุษย์ ต้นราชวงศ์เซราฟิม ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นผู้สืบสายเลือดครึ่งหนึ่งจากเอลฟ์ ต่อมาอาณาจักรแห่งนี้ถูกเรียกว่า "แองเจลเลีย" และนี้เป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าแรกของมนุษย์...