ขอโทษที่หายไปนานเเสนนาน.. คลาส3เข้า มีงานให้ทำเเล้ว
บทที่20:
จิ๊บ~จิ๊บๆ เสียงเล็กๆของนกซึ่งกำลังประสานเสียง แว่วมาถึงห้องๆหนึ่งซึ่งมีชายบางคนนอนอยู่บนเตียงขนาดใหญ่
ชายหนุ่มผมสีดำที่กำลังหลับอยู่บนเตียงด้วยท่าทางแปลกๆ ดูเหมือนกำลังทรมานอย่างแสนสาหัส....
“แฮ่กๆ...แฮ่ก....แกเป็นใครกันแน่!!” เสียงที่ฟังดูคุ้นหูของวิซาร์ดชายร้องขึ้น
พร้อมกับเสียงท่องคาถาบางอย่างต่อสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า
“ตายซะ!! วายุคลั่ง!!” สายลมที่เฉียบคมดังใบมีด พุ่งเข้าหาเป้าหมาย ก่อนจะวกกลับมาทำร้ายผู้เรียก
“อ๊าก เป็นแค่แคสเตอร์แท้ๆทำไมมันเก่งอย่างนี้ ” เสียงของเพนร้องอีกครั้งก่อนจะสลบไป
“หึหึหึ...เป็นแค่มนุษย์แท้ๆแต่ใช้เวทมนต์ได้ขนาดนี้ต้องขอชม... ” แคสเตอร์ชายในเงามืดเอ่ยขึ้น
ตูม!! สิ้นเสียงของแคสเตอร์ลึกลับคนนั้น มีบางอย่างพุ่งมาหา
“ แกใช่ไหมที่เป็นคนสั่งการมาฆ่าพวกเราหา!!”
แอสแซสซินชายกระโดดลงมาจากต้นไม้ด้วยพลังบางอย่าง ฝุ่นผงกระจายออกไปเป็นวงแหวน
“หึหึหึ.. เกือบไป..ทำกับเพื่อนเก่าแบบนี้ได้ไง อนูบิส...”
ทันใดนั้นเองแคสเตอร์คนนั้นก็พุ่งมายังชายหนุ่มพร้อมกับแสงสีขาวที่เกิดขึ้นทั่วบริเวณ
แสงซึ่งสาดส่องมายังแคสเตอร์เผยให้เห็นใบหน้าซึ่งกำลังฉีกยิ้มอยู่ ตาด้านซ้ายมีรูปไม้กางเขนกลับหัวคล้ายๆ
เขาแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว เผยให้เป็นเขี้ยวอันแหลมคมในปากจนดูไม่ต่างจากปิศาจ
พรึ่บ!! บาสลุกขึ้นจากเตียงด้วยอาการตกใจสั่นอย่างกะทันหันพร้อมกับเหงื่อท่วมตัว
ก่อนจะกวาดสายตามองรอบๆห้อง ห้องที่บาสอยู่นั่นล้วนประดับด้วยสิ่งของสีขาวล้วนลวดลายแปลกตา
สายตาของเขาสะดุดกับกระดาษแผ่นหนึ่งบนโต๊ะ เขาก้มลงหยิบและเจอข้อความบางอย่าง
‘รีบลงมายังห้องโถงตรงทางเดินด้านซ้าย ทุกคนรออยู่’
เด็กหนุ่มไม่รอช้าเขารีบแต่งตัวทันทีและวิ่งไปเปิดประตูห้องก่อนจะได้ยินเสียงดังโครมครามมาจากด้านล่าง
“ หมูชิ้นนี้มันของชั้นนะโว๊ย!!”
เสียงกวนอารมณ์นิดๆของพี่แมวร้องขึ้นมาก่อนจะตามด้วยเสียงของชายอีกคนซึ่งพอจะเดาได้ว่าเป็นเสียงของไฮค์
“ แต่ข้าหยิบก่อนรึว่าเจ้าจะมีปัญหา...” ทันที่สิ้นเสียงของไฮค์ก็มีเสียงตูมตามเกิดขึ้น
บาสรีบวิ่งลงบันไดและภาพที่เห็นคือไฮค์แล้วแมวกำลังแย่งเนื้อชิ้นเดียวกัน
“เนื้อสุดท้ายต้องเป็นของชั้นโว๊ย!!” เสียงของพี่แมวดังขึ้นอีกและเริ่มกระชากเนื้อไปมา
ผิดกับพิ้ง แนน และเพนซึ่งกินอย่างเงียบๆอยู่บนโต๊ะอาหารขนาดใหญ่
“.... เอ่อ สวัสดี...” บาสกล่าวทักทาย จู่ไฮค์ๆก็ปล่อยเนื้อชิ้นนั้นก่อนจะกลับไปยังที่ของตน
“ นั่งสิครับ...” เสียงฟังดูเยือกเย็นของเพนทำเอาบาสถึงกับรีบนั่ง
เกิดความเงียบขึ้นเมื่อทุกคนต่างไม่พูดอะไรกันระหว่างกินข้าว จนกระทั่งเสียงของเด็กหนุ่มแทรกขึ้นมา
“ คือเกิดอะไรขึ้นระหว่างผมหลับไปครับ”
“ ก็ลูกเล่นหลับไปตั้ง3วันแน่ะ...แล้วอีกอย่างนะที่ทุกคนเงียบขนาดนี้เพราะอีกหน่อยเราต้องไปร่วมงาน....”
แนนพูดขึ้นขณะเอาช้อนเขี่ยผักออกจากจาน
“ เอ๋งานอะไรเหรอครับ? ” บาสทำหน้าสงสัย
“ ก็งานศพไว้อาลัยเจ้าอังเดรขึ้เก๊กนั่นไง ” พี่แมวพูดเบาๆก่อนจะถูกไฮค์กดหัวลงกระแทกกับโต๊ะ
“ งั้นแสดงว่าอังเดรตายแล้วเหรอครับ? ไม่น่าเลย..” บาสก้มหน้าลงพร้อมทำหน้าเศร้า
เคล้ง เสียงของแก้วน้ำกระทบกับจานรองแก้ว
พร้อมกับแม่ชีที่มองมาทางบาสแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอ่อนโยน
“ เขาไม่ได้ตายไปไหนหรอกจ๊ะ... เขาแค่ไปในที่ที่เราเริ่มต้นก็แค่นั้นเอง อย่ามัวเศร้าไปเลย
เอาล่ะแม่ขอไปเตรียมตัวทำพิธีให้อังเดรก่อนนะ ป่านนี้คนร่วมพิธีคงรอนานแล้ว...”
ณ ลานพิธีงานศพของอังเดร
ที่นั่นเต็มไปนักบวชและนักพรตจำนวนมาก สิ่งที่ตั้งอยู่กลางลานพิธีนั้นคือโลงศพสีขาวขนาดใหญ่ของอังเดร
ทุกคนกำลังยืนนิ่ง มีเพียงแนนคนเดียวซึ่งตอนนี้กำลังสวดมนต์อยู่ ณ ที่นั้น ควันสีขาวลอยไปยังกองฟืน
พร้อมกับไฟที่ลุกโชนขึ้น เสียงร้องไห้ดังขึ้นซึ่งเป็นเสียงของพิ้งซึ่งเป็นหนึ่งในบรรดาเหล่านักพรตหญิง
ที่กำลังร่ำไห้อยู่หลังกลุ่มบาสตอนนี้ หลังสิ้นสุดงานพิธีของอังเดรบรรยากาศบริเวณมหาวิหารก็กลับสู่ภาวะปกติ
“เฮ้อ....รำคานเป็นบ้าต้องทนยืนนิ่งๆแบบนั้นตั้ง4-5ชั่วโมงไม่ใช่หุ่นโชว์นะเฟ้ย”
เสียงพี่แมวบ่นพร้อมกับรีบเดินไปเปิดห้องที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะทำทีเป็นยืนจับประตูแล้วผายมือตอนรับพวกบาส
“เชิญคร้าบ ใครอยากอาบน้ำก็อาบได้นะอยู่ทางซ้ายมือมีห้องน้ำอยู่”
พี่แมวพูดก่อนทำหน้ายิ้มแล้วกระโดดไปนอนบนเตียงพร้อมกับหลับไปในทันที
“หลับเร็วแฮะ...” เสียงของทุกคนที่ดูพี่แมวกรนอยู่บนเตียง
“เฮ้อ....พรุ่งนี้พวกเราต้องทำอะไรบ้างเนี่ย” เสียงของบาสถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมๆกับล้มตัวนอนบนเตียง
“พรุ่งนี้... เตรียมตัวออกเดินทางน่ะ” พิ้งพูดขึ้นมาอย่างลอยๆ
“แล้วจะไปที่ไหนต่อเหรอ?” บาสลุกขึ้นมาถาม
“แกรนด์ ฟอร์เรสต์ไงล่ะไงล่ะ” แนนพูดขึ้นก่อนจะเดินไปหยิบสัมภาระและล้มตัวนอนบนเตียง
ก๊อกๆ....ก๊อกๆ....เสียงของคนที่มาเคาะประตูห้องด้านนอก เพนและไฮค์นั่นเอง....
บาสถึงกับสะดุ้งก่อนชี้นิ้วไปยังเพนและไฮค์
“ทำไมตกใจกันขนาดนั้นล่ะ?” เพนพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย
“พวกนายเข้ามาในห้องนี้ทำไม? บาสพูดเสียงตะกุกตะกัก
“อ้าว นี่บาทหลวงยังไม่ได้บอกเจ้านี่เหรอ? ว่าจ้างให้พวกเรานำทางไปยังใจกลางของป่านั่น?”
ไฮค์พูดพร้อมกับเหวี่ยงดาบใหญ่ในมือไปมาทำเหมือนกับมันเป็นกระดาษ
“เอ่อ..โทดนะบาสที่แม่บอกช้า คือว่าที่นั่นเป็นป่าเขาวงกตแถมเราก็ต้องการคนที่เชี่ยวชาญด้านการเดินป่าด้วย”
แนนพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มแห้งๆให้เพนและไฮค์
“คงได้ยินแล้วนะยังไงก็จัดเตรียมสัมภาระกันก่อนล่ะ” แนนพูดขึ้นพร้อมกับพิ้งที่เริ่มจัดเตรียมของยัดไส่กระเป๋า
ในคืนนั้น...
“แฮ่ก.....แฮ่ก.. ที่นี่ที่ไหนเนี่ยทำไมมันมืดอย่างนี้...” เสียงที่ฟังดูเหนื่อยหอบของเด็กสาวดังขึ้น
รอบตัวของเธอคือผืนดินที่ปกคลุมด้วยต้นไม้ใบหญ้าที่แสงจากดวงอาทิตย์ก็ส่องลงมาไม่ถึง
“อ๊ะ... ”พิ้งร้องอย่างประหลาดใจ เพราะสิ่งที่ปรากฏต่อหน้าเธอเป็นหญิงสาวผมสีทอง หน้าตาสละสลวย
ที่กลางหลังของหญิงสาวนั้นมีปีกผีเสื้อขนาดใหญ่งอกอยู่ ดูราวกับเทพธิดา
ชุดไหมสีเขียวอำพันซึ่งสะท้อนแสงในความมืดของป่านี้ทำให้เธอคนนั้นสวยและเป็นสง่ามากขึ้น
แต่ใบหน้าของหญิงสาวในตอนนี้กลับเศร้าสร้อยและเป็นกังวลอย่างมาก
“ ช่วยข้าตามหาท่านผู้นั้นที.....นายเหนือของเหล่าอสูร.....นายที่ถูกบ่าวข้ารับใช้ทรยศและถูกปิดผลึกไว้ตลอดกาล
......ช่วยข้าให้พบกับนายท่านผู้นั้นอีกสักครั้งเถอะท่านผู้กล้า”
สิ้นเสียงของหญิงสาวจู่ๆก็มีแคสเตอร์ชายลึกลับเข้ามาพร้อมกับแสยะยิ้มที่ชวนขนลุก
“ได้ยินหมดแล้วสินะว่าไงว่าไง?ถ้าไม่อยากให้เจ้าพวกนั้นตายล่ะส่งเจ้าอนูบิสมาซะแล้วพวกเพื่อนๆแกก็จะรอด”
สิ้นเสียงแคสเตอร์ลึกลับ แสงสีเงินพุ่งเข้ามายังเด็กสาวพร้อมกับพิ้งที่ตื่นขึ้นอย่างกะทันหัน
ใบหน้าของพิ้งดูซีดเซียวเป็นอย่างมากก่อนที่บาสจะสังเกตว่าทุกคนในห้องหายไปแล้วด้วย
“ อ้าวทุกคนหายไปไหนหมดเนี่ย.....” ชำเลืองมองหาทุกคนแต่กลับพบความว่างเปล่า
“เฮ้....รีบๆลงมาสิทุกคนเขาจะไปกันแล้วนะ” เสียงของพี่แมวร้องเรียกพิ้งจากด้านล่างทำเอาเด็กสาวสะดุ้ง
และรีบแต่งตัวหอบสัมภาระอย่างกระวนกระวายในทันที
“ขอโทดนะพอดีตื่นสายนิดหน่อยน่ะ...” พิ้งขอโทษทุกคนซึ่งยืนขนสัมภาระอยู่ก่อนแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอกว่าแต่ว่าหมู่นี้พิ้งดูซีดๆไปนะ” บาสพูดพร้อมกับจ้องหน้าพิ้งจนถึงกับหน้าแดง
“เอาเถอะครับถึงยังไงพวกเราก็รีบออกเดินทางกันต่อเถอะครับนี่ก็สายมากแล้ว”
เพนเริ่มก้าวเดินออกจากโบสถ์พร้อมกับทุกคนที่เดินตามมา
คณะเดินทางทั้งสองได้รวมตัวกัน สองจุดประสงค์แต่ที่หมายมีเพียงหนึ่งเดียว... แกรนด์ ฟอร์เรสต์…