GAMEINDY: Asura Online
หน้า: [1] 2 3 ... 12
ผู้เขียน หัวข้อ: มือใหม่หัดเเต่งนิยายเรื่องยาว:ปฐมบทแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์บทที่ 31 (23/02/53)  (อ่าน 5919 ครั้ง)
หลานผู้พันคาร์เตอร์
Asura Tester
Hero Member
*
กระทู้: 2,256

เลื่อนไม่สิ้นสุด .. นิยายฉัน


เว็บไซต์
มือใหม่หัดเเต่งนิยายเรื่องยาว:ปฐมบทแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์บทที่ 31 (23/02/53)
« เมื่อ: 01-02-2009, 11:43:47 »

บทที่1 : ปฐมบทแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์
             
               นานมาแล้ว  ครั้งที่โลกยังมีแต่ความสงบ   ชนเผ่าทั้ง 5 ได้แก่ มนุษย์ เอลฟ์ ซอเรี่ยน อสุรา

และอสูร ล้วนแต่อยู่ด้วยกันด้วยความปรองดอง สามัคคี  จนกระทั่งวันหนึ่ง เศษเสี้ยวทั้ง9ของลูกแก้ว

แห่งเทวีอาทรัมได้ตกลงมาสู่โลกมนุษย์ เนื่องจากการต่อสู่กันระหว่างเทวีแห่งความมืดอาทรัม

และเทวีแห่งแสงลูซิส        แต่ละชนเผ่าได้พบและครอบครองชิ้นส่วนลูกแก้วทั้ง9 ซึ่ง มนุษย์ได้ไป 2 ชิ้น

ซอเรี่ยนได้ไป 2 ชิ้น  เอลฟ์และอสุราได้ไปเผ่าละ 1 ชิ้น และอสูรได้ไป 3 ชิ้น ซึ่งนับว่ามากกว่าชนเผ่าใดๆ

ทุกเผ่าได้ค้นพบว่า เศษเสี้ยวของลูกแก้วนั้น มีพลังอันมหาศาล สามารถนำไปสร้างอาวุธที่ทรงพลังที่สุดได้

อสูร เป็นชนเผ่าที่มีความโลภ ได้พยายามก่อสงครามเพื่อแย่งชิงขุมอำนาจอันยิ่งใหญ่  สงครามแย่งชิงเศษเสี้ยวของ

ลูกแก้วจึงได้อุบัติขึ้น พลังของเศษลูกแก้วทั้ง 9 น่ากลัวยิ่งนัก เมื่อถูกใช้งานพร้อมกัน อาณาบริเวณทั้งหมดใน

สนามรบ ถูกเปลี่ยนให้เป็นนรกในพริบตา  ทั้งท้องฟ้าที่ร้อนรุ่มราวกับเปลวเพลิง แผ่นดินไหวรุนแรง 

อุกกาบาตขนาดใหญ่ และคลื่นขนาดยักษ์ที่ซัดเข้าฝั่ง

                  บริเวณไอรอนวิลล์และอีสวอลเลย์ (ป้อมปราการตะวันออก-เมืองเดธวอลเล่ย์ในปัจจุบัน) ได้กลายเป็น

สนามในการรบครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งชนเผ่าทั้ง 5 ได้สู้กันอย่างถึงที่สุด  จนสุดท้าย  มนุษย์ได้มีชัยเหนือชนเผ่าทั้งปวง

แต่ในการรบครั้งนั้น เศษเสี้ยวของลูกแก้วได้สูญหายไป 7 ดวง ด้วยฝีมือของนักเวทแห่งชนเผ่าอสุรา ที่ได้ส่งให้

เศษเสี้ยวของลูกแก้วกระจัดกระจายไปตามสถานที่ต่างๆ เผ่าเอลฟ์ได้หลบหนีเข้าไปในป่าลึก

เผ่าซอเรี่ยนได้อพยพไปบริเวณแผ่นดินเหนือ  อสุราทั้งหมดหายสาบสูญ และอสูรได้กระจัดกระจายไปตามที่ต่างๆ

ในวันนั้นได้มีมนุษย์ผู้หนึ่งทำนายไว้ว่า “หากวันใดเศษเสี้ยวของลูกแก้วทั้งเก้านั้นมารวมตัวกันในมือคนชั่ว

กองทัพแห่งซอเรี่ยนจะกลับมา จะเกิดมหาสงครามอีกครั้ง” เรื่องทั้งหมดนี้กลายเป็นตำนานที่เล่าขานกันมา

จนเหมือนเป็นนิยายปรัมปราโดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่า มันคือความจริง...

                        ---------------------------------------------------------------------------------------------------

หลานผู้พันคาร์เตอร์
Asura Tester
Hero Member
*
กระทู้: 2,256

เลื่อนไม่สิ้นสุด .. นิยายฉัน


เว็บไซต์
Re: มือใหม่หัดเเต่งนิยายเรื่องยาว: ปฐมบทแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์
« ตอบ #1 เมื่อ: 01-02-2009, 11:52:16 »

บทที่2 :
            ทางตะวันออกของเมืองเดธวอลเล่ย์ในยามราตรี ถูกปกคลุมด้วยความเงียบสงัด

 และความหนาวเหน็บของทะเลทรายยามค่ำคืน จึงไม่แปลกที่จะไม่มีชาวเมืองออกมาเดินเล่นบนผืนแผ่นดินแห่งนี้

แต่แล้วความเงียบในยามค่ำคืนก็ถูกทำลายโดยเสียงฝีเท้าของคนๆหนึ่ง นาทีต่อมา เสียงที่

ชวนให้ตกใจกันทั้งเมืองก็ดังขึ้น!   “เฮ้ย! มันอยู่นั่นไง ตามจับให้ได้ เร็ว!!!”

เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังวิ่งหนีกลุ่มพลทหารลาดตระเวนอย่างสุดชีวิต ในมือของพลทหารลาดตระเวนล้วนแต่มี

อาวุธ ไม่ว่าจะเป็นปืนไรเฟิลสงครามมาตรฐาน ไรเฟิลจู่โจม และปืนดัดแปลงอีกมากมาย

ในไม่ช้า กลุ่มพลลาดตระเวนก็วิ่งตามชายหนุ่มทันที่บริเวณหน้าผา พวกเขาตีวงล้อมรอบๆชายคนนั้น

 สายตาจับจ้องราวจะกลืนกิน “แก บังอาจมากนะ ถ้าไม่มีผู้พันคาร์เตอร์คุ้มหัวแก ฉันเอาแกตายตั้งแต่เช้าแล้ว”

พลลาดคระเวนคนหนึ่งพูดขึ้น  ในขณะนั้นเงาบางอย่างพุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว พลลาดตระเวนคนหนึ่งล้มลง

มีบาดแผดที่คอ คล้ายถูกกรีดด้วยมีดอย่างรวดเร็ว ระเบิดควันลูกหนึ่งถูกโยนเข้ามากลางวง

 ทำให้ในบริเวณนั้นมีแต่สายหมอก พลลาดตระเวนทั้งหมดถูกสังหาร 

เด็กหนุ่มคนนั้นถูกผลักตกลงไปในเหวจนสลบไป...

            แสงอาทิตย์อ่อนๆในยามเช้า ทอแสงผ่านยอดไม้ กระทบลงบนใบหน้าของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง

ที่นอนหลับอยู่บนพื้นของก้นเหว  เขาค่อยๆเปิดตา เพื่อปรับสายตาให้ชินกับแสงของเช้าวันใหม่

 เขากวาดสายตาไปบริเวณรอบๆ  โครงกระดูกของสิ่งมีชีวิตคล้ายจระเข้จำนวนมาก

กระจัดกระจายอยู่ในบริเวณนี้ ในบรรดาโครงกระดูกทั้งหมด มีสิ่งประหลาดอยู่ในมือของ

โครงกระดูกตัวหนึ่ง เขาจ้องมองมันอย่างพิจารณา ด้ามสีดำสนิท ใบขวานที่ดูร้อนเหมือนทองกำลังหลอมละลาย

สิ่งหนึ่งที่สะดุดตาเขามากๆคือผลึกสีดำสนิทที่ถูกผนึกอยู่กลางขวาน มันดูเหมือนมีอะไรดึงดูดให้เขาเข้าไปหยิบ

            ขวานเล่มนี้น้ำหนักไม่มาก ที่ด้ามมีอักขระบางอย่างจารึกอยู่ สิ่งที่ดูคุ้นตาเขามาที่สุดตอนนี้

คงเป็นอักขระช่วงหนึ่ง ซึ่งเนื้อหาคล้ายกับบทอัญเชิญแผ่นดินไหวของวิซาร์ดที่เขาเคยคิดจะร่ำเรียน

หลายวันต่อมา เขาเดินทางมาถึงโรงแรมแห่งหนึ่งในเซาเทิร์นฟอร์ท

 เป้าหมายของเขาคือนำจดหมายลับจากผู้พันคาร์เตอร์ไปส่งให้กับลูคัส ขุนขวานแห่งวินโดเนีย....

                     ---------------------------------------------------------------------------------------------

หลานผู้พันคาร์เตอร์
Asura Tester
Hero Member
*
กระทู้: 2,256

เลื่อนไม่สิ้นสุด .. นิยายฉัน


เว็บไซต์
Re: มือใหม่หัดเเต่งนิยายเรื่องยาว: ปฐมบทแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์
« ตอบ #2 เมื่อ: 01-02-2009, 11:52:46 »

บทที่3:

              สายลมอันหนาวเหน็บพัดมาจากทางเหนือ อันเป็นที่ตั้งของเมืองวินโดเนีย

สามวันที่ผ่านมา เด็กหนุ่มได้ค้นพบความสามารถพิเศษของขวานเล่มนี้ …

“ พสุธากัมปนาท!!! ” แผ่นดินในบริเวณกว้างแตกออก  ราวกับมีบางสิ่งแทรกออกมา

เสาหินจำนวนมากพุ่งขึ้นมาจากผืนดิน พร้อมกับร่างเด็กหนุ่มที่ล้มลงจากความเหน็ดเหนื่อยจากการใช้เวทย์

“กรี๊ด~~~”เสียงกรีดร้องของเบลดมาสเตอร์สาวผู้หนึ่งดังขึ้น

แมวของเธอถูกลูกหลงของเวทมนต์บทนี้เข้าอย่างจัง   “แก.. ดาบคู่ผ่ามิติ!!” 

แรงผลักจากการพุ่งเข้าชน ส่งให้ร่างของทั้งสองกระเด็นไปไกล  ปลายดาบจ่ออยู่ที่คอของเด็กหนุ่ม 

“แก ยิงเวทใส่ชั้นแบบนี้ กะจะฆ่ากันรึไง ถ้าแมวของชั้นเป็นอะไรไป เธอต้องตายตามมัน!!”

 เบลดมาสเตอร์สาวเอ่ยขึ้น สายตาจับจ้องอย่างเคียดแค้น ก่อนที่จะลุกขึ้นจากร่างของเด็กหนุ่ม

“โอ้ย!! ” เบลดมาสเตอร์ร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวด พร้อมกับเอามือจับข้อเท้าเอาไว้
       
“เธอ เป็นไรรึเปล่า” เด็กหนุ่มรีบลุกขึ้นมาดูอาการของเบลดมาสเตอร์สาวทันที

“แมวของชั้น แมวของชั้นอยู่ไหน ”  เด็กสาวถามขึ้นทันที พร้อมกับจ้องเด็กหนุ่มเบื้องหน้า

ซึ่งกำลังหน้าแดงอย่างไม่ทราบสาเหตุทำเอาเด็กสาวหน้าแดงไปด้วย

“เมี้ยววว~” แมวน้อยที่ติดอยู่บนต้นไม้ร้องขึ้นมา  ทำทั้งสองรู้สึกตัวและหันไปสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“เอ่อ... จะเอามันลงมายังไงดี? ชั้นปีนต้นไม้ไม่เป็นซะด้วยสิ...” เด็กหนุ่มถามขึ้น

“เอาขวานสับต้นไม้ลงสิ อย่าบอกนะว่าทำไม่ได้”

“ได้สิ ชั้นจะทำให้ดู….”


หลายนาทีต่อมา ต้นไม้ใหญ่ก็ถูกหักโค่นลง พร้อมกับเด็กหนุ่มที่ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น

แต่สิ่งที่น่าแปลกใจ... ไม่มีแมวอยู่บนนั้น?!?

“แมว หายไปไหนแล้ว!!!”

“ อิอิ ตาบร้า แค่ชั้นเรียก แมวน้อยก็ลงมาแล้ว ใช่ไหม?มัดจัง~” เด็กสาวพูดพร้อมกับหัวเราะอย่างกวนประสาท

“เมี้ยวววว~” แมวที่ชื่อว่ามัดจัง ร้องเสียงแหลม ทำเอาหนุ่มน้อยปวดหัว

“…..ว่าแต่ ขาเธอ หายเจ็บแล้วหรอ?” เด็กหนุ่มถามด้วยความเป็นห่วง

“อ่า ยังเจ็บอยู่เลย” เด็กสาวพูดพร้อมกับใบหน้าที่ซีดลง

ชายหนุ่มมองเบลดมาสเตอร์สาวอย่างพิจารณา เธอเป็นผู้หญิงผมยาวสีชมพู หุ่นดี หน้าตาสละสลวย

ทั้งสองมองกันอยู่นาน จนกระทั่ง...

“เธอบาดเจ็บหรอ?”  แม่ชีผู้หนึ่งที่เดินทางผ่านมา ได้ถามขึ้น

“อ่า.. ค่ะ เจ็บมากเลย ขาจะหักอยู่แล้ว” เด็กสาวทำเสียงเหมือนกำลังจะร้องไห้

“ไม่บอกว่าขาจะขาดซะเลยล่ะ จะได้เหมือนจริง” เด็กหนุ่มพึมพำเสียงห้วน

“เดี๋ยวเถอะ นาย!! ทำคนอื่นเจ็บแล้วยังมาพูดอีก” เบลดมาสเตอร์สาวตะโกนขึ้น ใบหน้าของเธอแดงฉาน

“มาๆ ฉันจะรักษาให้...  รักษาขั้นสูง!!” แม่ชีใช้เวทมนต์รักษาอาการบาดเจ็บได้ในพริบตา

บาดแผลทั้งหมดของเบลดมาสเตอร์สาวหายเป็นปลิดทิ้ง

“ว้าว~ ขอบใจมากน้า” เด็กสาวพูดอย่างดีอกดีใจ

“พวกเธอสองคนจะเดินทางไปไหนหรอ แม่ขอตามไปด้วยได้ไหม?” แม่ชีสาวถามขึ้น

“ผม/หนู กำลังจะไปที่วินโดเนีย ครับ/ค่ะ” ทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน และหันหน้ามามองอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

“อ่า พวกเธอชื่ออะไรหรอ แม่ชื่อแนนนะจ๊ะ”ซิสเตอร์แนะนำตัวเอง พร้อมยิ้มให้ทั้งสอง

“หนูชื่อพิ้งค่ะ” เด็กสาวตอบ

“แล้วอีกคนล่ะ?” แนนถามซ้ำด้วยหน้าตายิ้มแย้ม

“บาสครับ... ผมชื่อบาส” เด็กหนุ่มตอบ

“เอาล่ะ เราเดินทางไปด้วยกันดีกว่านะจ๊ะ ไปด้วยกัน จะได้ปลอดภัย” แนนเอ่ยขึ้น

“ไปกับคนที่ร่ายเวทมั่วซั่วอย่างตานี่เนี่ยนะ!! ”

“ไปกับคนที่เอาดาบมาจ่อคอคนอื่นอย่างเธอมันปลอดภัยนักรึไง ยัยตัวแสบ!!”

“ใจเย็นๆสิ  ใจเย็นๆ” ซิสเตอร์รีบเข้ามาห้ามปรามทั้งสอง

คณะเดินทางจึงได้ก่อกำเนิดขึ้น เป้าหมายของทั้งสามคือเมืองหิมะอันหนาวเหน็บ วินโดเนีย...

                        -------------------------------------------------------------------------------------------------

หลานผู้พันคาร์เตอร์
Asura Tester
Hero Member
*
กระทู้: 2,256

เลื่อนไม่สิ้นสุด .. นิยายฉัน


เว็บไซต์
Re: มือใหม่หัดเเต่งนิยายเรื่องยาว: ปฐมบทแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์
« ตอบ #3 เมื่อ: 01-02-2009, 11:53:59 »

บทที่4:

ณ  ที่ราบสูงเมืองเซาเทิร์นฟอร์ท   “โอ๊ยทำไมมันร้อนยังเนี่ย~ ” พิ้งที่กำลังโวยวายกับอากาศที่ร้อนจนแทบคลั่ง

 “เฮ้อ..ผู้หญิงนี่จริงๆเลย... ไม่รู้จักอดทน ” บาสทำท่าเป็นทองไม่รู้ร้อนพูดขึ้นแต่จริงๆแล้วเหงื่อแตกพลั่กๆทั่วตัว 

“แม่ว่าบาสนั่นแหละที่ร้อนกว่าเพื่อนดูแม่สิไม่เห็นร้อนเลย  ” ซิสเตอร์ที่กำลังเอาผ้าเย็นที่ได้จากการร่ายเวทน้ำแข็ง

ใส่ผ้ามาเช็ดหน้า  บาสและพิ้งต่างคิดว่า ‘ไม่น่าเชื่อคนที่กวนอารมณ์ได้มากขนาดนี้ จะมาเป็นแม่ชีได้...’

  “ เมี๊ยว ~ ”เสียงของมัดจังที่จู่ๆก็ร้องขึ้น  ทั้งสามเงยหน้าขึ้นมอง  เบื้องหน้าเป็นเมืองขนาดย่อมแห่งหนึ่ง

เมืองวินโดเนียเป็นสถานที่ที่ถูกหิมะปกคลุมตลอดปี ในเมืองจึงมีแต่ความเงียบสงบ

ทั้งสามเดินเข้าไปในเมือง  ลมที่พัดผ่านพาความหนาวเหน็บแทรกเข้าไปในกาย...

“ต้องการความช่วยเหลืออะไรรึเปล่าคะ? ” อลิเซียร์ หญิงสาววัยกลางคน เดินออกมาจากบ้านหลังหนึ่งและถามขึ้น

 เธอเป็นเจ้าหน้าที่อาคาเดมีที่มาประจำการที่เมืองแห่งนี้

“พวกเราต้องการที่พักค่ะ ไม่ทราบว่าแถวนี้มีโรงแรมรึเปล่าคะ?” ซิสเตอร์ถามขึ้นด้วยความยินดี

“โรงแรมหรือคะ? เชิญทางนี้เลยค่า~ ” อลิเซียร์พาทั้งสามไปที่อาคารหลังหนึ่งที่อยู่ใจกลางเมือง

ในเวลาต่อมา นักเดินทางทั้งสามได้พักผ่อนอยู่ในห้องของพวกตน...

ครืน... เปรี้ยง!!

“กรี๊ด~~ ” เสียงของเด็กสาวคนหนึ่งที่ตกใจอย่างสุดขีด

“...บาสนายว่าแปลกไหม?ที่จู่ๆฟ้าก็ผ่าแบบนี้ ” เด็กสาวที่กำลังพูดขึ้นพร้อมกับแสงเทียนในตะเกียงที่ถืออยู่ในมือ

 แสงจากตะเกียงที่ส่องไปยังใบหน้าเบลดมาสเตอร์สาวที่พูดอยู่

เผยให้เห็นผมสีชมพูตาสีเขียวมรกต หน้าตาของหล่อนจัดอยู่ในขั้นน่ารักน่าชัง

“หือ? ก็ปกตินี่ที่ฟ้าจะร้องมันจะแปลกตรงไหนล่ะ?” เสียงของเด็กหนุ่มที่กำลังเอาผ้าชุบน้ำมันมาเช็ดขวาน

สีดำเล่มใหญ่ในมือ เงาของขวานที่สะท้อนเผยให้เห็นหน้าของเขา ผมที่สีดำราวกับท้องฟ้าที่ไร้ดาว

ตาสีดำเป็นประกายที่กำลังจับจ้องมายังเด็กสาวที่กำลังทำท่าตกใจอยู่ใกล้ๆ 

“แม่ก็คิดว่ามันแปลกๆเหมือนกันนะบาส”

แสงไฟจากตะเกียงกระทบแม่ชีที่อยู่ในชุดขาว เผยให้เห็นใบหน้าที่ผุดผ่อง ผมของหล่อนเป็นสีน้ำเงิน

และตาที่เป็นสีฟ้าคราม ในมือแนนถือไม้กางเขนพร้อมกับขวดใส่น้ำอะไรบางอย่างอยู่ข้างใน

“ แม่รู้สึกว่ามันจะเป็นลางร้ายอะไรสักอย่างก็เป็นได้ ”

“โถ่... มันจะอะไรหนักหนาฟ้าร้องแค่นี้” บาสที่กำลังพูดเสียงอ่อยๆอย่างรำคาญเต็มที

 “งั้น...เราสองคนก็ลองออกไปดูสิ” พิ้งที่พูดขึ้นพร้อมกับจ้องหน้าเด็กหนุ่มอย่างท้าทาย

“โอย... จะอะไรกันนักกันหนาเอาเดี๋ยวไปดูก็ได้เฮ้อ ~ ”

 ตุบ ตุบ ตุบ เสียงของฝีเท้าที่กำลังเดินลงจากบันไดของโรงแรม เป็นจังหวะเดียวกันกับเสียงลมกรรโชกแรก

“มันจะมีอะไรกันหนักหนา กะอีแค่… ” บาสที่กำลังพูดด้วยอารมณ์เสียแต่แล้วจู่ๆก็นิ่งเฉยนั้นไม่ใช่เพราะ

เสียงฟ้าผ่าที่กำลังร้องหรือลมที่กำลังพัดมาแต่ที่บาสกำลังตะลึงอยู่นั้น

คือพระจันทร์ที่กำลังเป็นสีแดงสดราวกับเลือด บรรยากาศรอบๆตัวความเย็นที่แผ่ซ่านเข้าถึงกระดูก

“ เห็นไหมแม่บอกแล้วว่ามันแปลก ”  ซิสเตอร์เอ่ยขึ้นพร้อมกับกุมไม้กางเขนแน่น 

“ผมไม่เคยเห็นพระจันทร์เป็นแบบนี้เลย ” บาสตอบพร้อมทำหน้าตะลึงกับภาพที่เห็นตรงหน้า 

“ว้าย~ !! ” เสียงร้องอย่างตกใจของพิ้ง ทำให้บาสและแนนก้มลงไปมองที่พื้น

สิ่งที่ปรากฏอยู่ก็คือรอยเลือด......  ทั้งสามกวาดสายตาตามรอยเลือดขึ้นไปเพื่อหาต้นตอของเรื่องทั้งหมด....

“แฮ่....”เสียงอะไรบางอย่างในเงามืดครางอย่างแผ่วเบา พิ้งชูมือข้างที่ถือตะเกียงขึ้น

เมื่อแสงสาดส่องไปถึงบริเวณเงามืด สิ่งที่ปรากฏต่อสองตาของบุคคลทั้ง3  คือ!!

                   ----------------------------------------------------------------------------------------------------

หลานผู้พันคาร์เตอร์
Asura Tester
Hero Member
*
กระทู้: 2,256

เลื่อนไม่สิ้นสุด .. นิยายฉัน


เว็บไซต์
Re: มือใหม่หัดเเต่งนิยายเรื่องยาว: ปฐมบทแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์
« ตอบ #4 เมื่อ: 01-02-2009, 11:54:56 »

บทที่5:

                  สิ่งที่ปรากฏต่อสองตาของบุคคลทั้ง3  คือศพจำนวนมากเกลื่อนกลาดอยู่ ณ ใจกลางเมือง

แต่ละแห่งบนศพมีค้างคาวราตรีปักอยู่ ท่ามกลางศพเหล่านั้น มีบางสิ่งเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ

 แอสแซสซินชายคนหนึ่งพยายามลุกขึ้น แต่ร่างกายที่บาดเจ็บ ทำให้เขาล้มลงไป

“ นะ..นั่นมันอะไร... ทุกคนเห็นอย่างที่แม่เห็นไหม?” ซิสเตอร์พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นคลอน

เหมือนกับเจออะไรบางอย่างที่น่ากลัวสุดๆ  “แฮ่ก...  แฮ่ก...” แสงจันทร์สาดส่องลงมา เผยให้เห็นใบหน้าของแอสแซสซินที่กำลังแสดงความสิ้นหวังสุดชีวิต

แต่ในแววตานั้นกลับสะท้อนถึงความแค้นอย่างเห็นได้ชัด

บรรยากาศรอบๆที่ตอนนี้หนาวเย็นกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย

และจิตสังหารที่แผ่ออกมาจากแอสแซสซินคนนั้น นัยน์ตาของเขาเป็นสีแดง

 มีรูปไม้กางเขนตรงกลางของนัยน์ตา   ผมสีส้มปลายผมเป็นสีแดงเพลิงนั้นเหมือนกับไฟที่ลุกโชนอยู่ก็ไม่ปาน

“ ออกไปออกไปเดี๋ยวนี้... แกอย่ามาบงการชั้น!! ”เสียงตวาดที่ดังขึ้นอีกครั้งจากแอสแซสซินคนเดิม

ที่ตอนนี้ในมือกำลังจับค้างคาวราตรีแน่น เลือดสีแดงสดที่ไหลออกมาจากเบ้าตาชวนให้ชวนสยดสยองยิ่งนัก 

“ นายคิดว่าเขาเป็นอะไร บาส”  พิ้งพูดขึ้นอย่างผวากับภาพที่เห็นตรงหน้า 

“ไม่รู้....แต่ที่แน่ๆศพที่กลาดเกลื่อนรอบๆนั้นต้องเป็นฝีมือของแอสแซสซินคนนั้นแน่ๆ... อ๊ะ!!”

สิ่งที่อยู่ในความคิดบาสคือภาพของเหล่าพลลาดตระเวนที่วิ่งไล่ตามเขาจนตกหน้าผา

และภาพของเหล่าทหารที่ตายอย่างปริศนา

“ ไม่จริงน่า....”   เด็กหนุ่มพูดขึ้นอย่างเหม่อลอย

“ อะไรเหรอบาส”  แนนถามขึ้นด้วยความกลัว 

“ผมจำได้ว่าเคยมีคนมาช่วยผมแต่ผมไม่คิดน่าจะใช่เขานะ”

  “ ออกไป!! ออกไปเดี๋ยวนี้!! ” แอสแซสซินกำลังพยายามจะทำอะไรบางอย่างอยู่นั้น

 วูบ!!~~~~~เสียงของควันสีดำทมิฬที่กำลังออกมาจากร่างแอสแซสซิน

มันกำลังเข้าไปรัดตัวแอสคนนั้นอย่างสุดแรง 

“พวกเราควรเข้าไปช่วยไหม?” บาสถามแนนด้วยความตื่นตระหนก

“ แม่ว่าอย่าดีกว่า”  แม่ชียกมือขึ้นขวางบาสกับพิ้งที่กำลังจะพุ่งเข้าไปหาแอสคนนั้น

“  ทำไมล่ะ  ถ้าเราไม่ช่วยเขาอาจตายก็ได้นะ ”บาสและพิ้งพูดด้วยความโกรธที่ต้องทนเห็นใครบางคน

กำลังจะตายอยู่รอมร่อ

“ ดูก่อนสิ แม่ว่าเขากำลังพยายามเอาอะไรบางอย่างออกจากตัวเองนะและดูเหมือนว่ามันใกล้จะจบแล้ว”   

“อ้าก แกไม่ยอมใช่ไหม ทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะแก...  แกคนเดียวที่ทำไห้เกิดเรื่องนี้ขึ้น ”แอสแซสซินแผดเสียง

อย่างทรมานพร้อมกับพยายามออกจากการพันธนาการของควันสีดำนั่น

“ได้...เมื่อแกไม่ยอมออกดีๆงั้นแกก็เป็นทาสฉันซะ!!”

พรึบ!! จู่ๆก็มีไฟสีดำทมิฬลุงโชนขึ้นรอบๆตัวแอสแซสซินคนนั้น

พร้อมกับรัศมีเวทมนต์ประหลาดสีดำและตรงกลางเป็นลักษณะของเผ่าอสูร 

“พันธะสัญญาของข้า จงตรึงวิญญาณทาสผู้ซื่อสัตย์ไว้กับข้าด้วยเถิด!!”

เปรี้ยง~!! เกิดฟ้าผ่าอีกครั้งแต่ครั้งนี้ฟ้าได้ผ่าลงยังร่างของแอสแซสซินคนนั้นเต็มๆ 

“อุ้บ...!!” พิ้งรีบยกมือขึ้นปิดปาก เพราะความตกใจจากภาพที่เห็น

“ จะ.....จะรอดไหมนั่น” บาสพูดอย่างตะลึง

  ตุบ... เสียงของร่างที่ล้มลงทั้งยืน พร้อมกับพิ้งบาสและแนนวิ่งเข้าไปดูอาการ 

“แม่จะช่วยเขาเดี๋ยวนี้ล่ะ  ฟื้นฟูขั้นสูง!!” แสงสีเขียวที่กำลังผ่านเข้าไปยังร่างของแอสแซสซินที่นอนอยู่

ปากแผลเหวอะหวะที่เห็นตามร่างกายที่กำลังหายไปอย่างรวดเร็ว 

“สำเร็จ...” บาสและพิ้งที่พูดพร้อมขึ้นอีกครั้ง               

“...งั้นเราแบกเขาเข้าโรงแรมก่อนไหม?” พิ้งที่กำลังพูดเสนอพลางพยุงร่างบางๆของแอสแซสซินคนนั้นไว้

“อืม ก็ดีงั้นช่วยกันเร็วบาสที่กำลังพยุงไปกับพิ้ง  เดี๋ยวแม่จะขอดูที่นี่เดี๋ยวนะเผื่อมีคนยังมีชีวิตรอดอยู่บ้าง...”

“งั้นเราสองคนล่วงหน้าไปก่อนนะ ” บาสและพิ้งที่กำลังจ้ำอ้าวเดินอย่างเร็วไปยังโรงแรม.... 

‘อืมตายหมดเลยรึเนี่ย…’ ซิสเตอร์มองไปรอบๆกองซากศพ ซึ่งบางศพนั้นมีค้างคาวราตรีปักส่วนต่างๆอย่าง

สยดสยองบางศพก็ถูกเผาจนเกรียมเป็นตอตะโก....

‘ นี่ใช่ฝีมือของคนจริงๆรึเนี่ยอะไรจะอำมหิตขนาดนั้น....’ ซิสเตอร์คิดในใจพร้อมกับกุมกางเขนในมือแน่น

สายตาของแนนปะทะกับหลุมศพที่ตั้งเด่นอยู่กลางกองศพเหล่านั้นรอบๆ

‘หลุมศพหลุมเต็มไปด้วยอาวุธยังงี้ สงสัยเป็นของพวกที่ตายแน่เลยแฮะ... ขอล่วงเกินหน่อยน้า~ ’

ซิสเตอร์เอามือถูไปที่แท่งหินอ่อนที่ปกคลุมไปด้วยหิมะของหลุมศพดังกล่าว 

‘ลู.. ลูปินส์...ชื่อของคนที่ตายรึนี่??!แล้วทำไมไม่มีนามสกุลเขียนไว้เนี่ย’ แนนทำหน้างงพร้อมเกาหัว

‘  เอาเถอะกลับไปดูแอสแซสซินคนนั้นก่อนดีกว่าเผื่อฟื้นจะได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่....’
                        ------------------------------------------------------------------------------------------------

ราตรี เด็กดี
Newbie
*
กระทู้: 15


Re: มือใหม่หัดเเต่งนิยายเรื่องยาว: ปฐมบทแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์
« ตอบ #5 เมื่อ: 01-02-2009, 11:55:25 »

กะจะยกบอร์ดกลิมาเลยรึไงฮะ  Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley
หลานผู้พันคาร์เตอร์
Asura Tester
Hero Member
*
กระทู้: 2,256

เลื่อนไม่สิ้นสุด .. นิยายฉัน


เว็บไซต์
Re: มือใหม่หัดเเต่งนิยายเรื่องยาว: ปฐมบทแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์
« ตอบ #6 เมื่อ: 01-02-2009, 11:55:57 »

บทที่6:

 “เฮ้อ......พวกท่านไปเจอเขาที่ไหนกันหรอค่ะ ” อลิเซียร์เอ่ยขึ้น

พร้อมกับเอาผ้าชุบน้ำที่บิดจนแห้งพาดไว้ที่ศีรษะแอสแซสซินคนนั้น

 “พวกเราเห็นเขาสลบอยู่ที่ทางเข้าถ้ำน้ำแข็งน่ะครับ” บาสหลีกเลี่ยงการเล่าสิ่งที่น่าสยดสยองให้อลิเซียร์ฟัง

 “ตายแล้ว... สงสัยเป็นพวกไปลองของกับปีศาจอีกแล้วสิเนี่ย กี่รายแล้วที่ไม่กลับมา”

อลิเซียร์ที่ถอนหายใจเฮือกใหญ่

 “ลองของกับปีศาจ!!” พิ้ง บาสและแนนที่พูดขึ้นแทบพร้อมกัน

 “ช่วยเล่าให้พวกเราฟังหน่อยได้ไหมว่าเรื่องมันเป็นยัง”

“คือเรื่องมันเกิดเมื่อ3วันก่อนที่พวกคุณจะมาถึงค่ะ... มีข่าวลือกันว่าเห็นปีศาจที่รูปร่างคล้ายมนุษย์กำลังนั่งเฝ้า

หลุมศพหน้าถ้ำน้ำแข็งอยู่ค่ะ” อลิเซียร์ที่หยุดพูดพลางเอามือทั้งสองกอดอก แล้วก็พูดขึ้นต่อ

 “ผู้คนมากมายที่ได้ข่าวก็พากันมาปราบ คงคิดว่าปีศาจตนนั้นต้องเป็นสัมพเวสีแน่ๆ แต่ทุกคนที่แทบไม่รอด

กลับมาบางคนมาตายที่โรงแรมนี้เองละค่ะ  รู้สึกว่าแอสแซสซินคนนี้จะโชคดีมากนะคะที่รอดมาได้เนี่ยเพราะจาก

คนที่เห็นเหตุการณ์ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า  เจ้านั่นไม่ใช่ปีศาจแล้วมันเป็นเทพจำแลงมาชัดๆนะค่ะ”

เกิดความเงียบชั่วขณะหลังจากที่อลิเซียร์พูดจบ 

“นี่บาสอย่าบอกนะว่าคนที่เราเก็บมาและแบกมาส่งเนี่ย จะใช่คนๆเดียวกับปีศาจที่ว่า...”

พิ้งที่พูดขึ้นพร้อมกับทำหน้าไม่เชื่อว่าเรื่องที่ฟังเป็นเรื่องจริง

“แม่คิดว่าเป็นเรื่องจริงนะ”แนนพูดแทรกขึ้น

 “มีอะไรกันรึค่ะ”อลิเซียร์ทำหน้ายิ้มแย้มก่อนเอ่ยขึ้น

 “มันก็แค่ข่าวลือน่ะค่ะ อย่าไปเชื่อให้มากนักดีกว่านะคะ”อลิเซียร์พูดขึ้นก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องของทั้งสาม

“นั่นสิครับคงเป็นแค่ข่าวลือ แหะๆ”บาสพูดขึ้นพลางลูบหัวมัดจังที่กำลังเข้าคลอเคลียบาสไปมา

“งั้นเมื่อไม่มีอะไรดิฉันก็ขอตัวก่อนนะคะ พอดีมีงานเยอะน่ะค่ะ” 

เอี้ยด~ เสียงปิดประตูเบาๆหลังจากที่อลิเซียร์ได้พูดอำลาไปแล้ว

  ...บรรยากาศในห้องที่เริ่มเงียบอีกครั้งพร้อมสีหน้าที่เคร่งเครียดของทั้ง3คนที่กำลังจ้องมองมายัง

แอสแซสซินชายคนนั้น

  “เอ่อ คิดว่าอีกนานไหมกว่าเขาจะฟื้น?”พิ้งพูดขึ้นอีกครั้งเพื่อทำลายบรรยากาศอันอึมครึมในห้องนี้ 

“คงอีกไม่นานหรอกพิ้งเพราะแม่เห็นเขาฟื้นแล้ว”แนนพูดขึ้นพลางชี้ไปยังร่างบางๆที่กำลังพยุงตัวเองขึ้นมา

 “เฮ้ย... ฟะ...ฟื้นแล้วรึเทพปีศาจ...”บาสพูดขึ้นพร้อมยกขวานมากันตัวแอสแซสซินไว้ 

“อา... พวกแก...โอ้ย...”แอสแซสซินนิรนามพูดขึ้น เขาเอามือมากุมศีรษะอย่างเจ็บปวด

จู่ๆก็เกิดควันสีขาวอีกมาจากตัวของแอสแซสซินคนนั้น

แอสแซสซินคนนั้นเอามือออกจากศีรษะตนเองพร้อมกับสีผมที่เปลี่ยนไปเป็นสีชมพูอ่อน ตาที่เคยเป็นสีแดงสด

ตอนนี้กลับเป็นเพียงตาที่เป็นสีดำขลับ

“เอ่อไม่ทราบว่าพวกนายเป็นใครเนี่ยแล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้ไงเนี่ย”

แอสแซสซินพูดขึ้นเหมือนพึ่งนึกอะไรได้โวยวายซะลั่นห้อง 

“เอ่อ..นายสลบน่ะเราเลยช่วยนายไว้ นึกว่านายตายแล้วเชียว” พิ้งบอกพลางเข้ามาใกล้ๆบาสที่กำลังทำหน้างงอยู่

 “หา!!สลบเกือบตายงั้นเหรอ?”แอสแซสซินขึ้นพูดขึ้นอีกครั้ง

  “งั้นพวกเธอก็เป็นผู้มีพระคุณ โอ้!! ข้าขอรับใช้พวกท่านไปจนวันตาย” แอสแซสซินพูดพลางคำนับทั้ง3คน

 “คนบ้าแน่ๆ” ทั้ง3คนคิดขึ้นพร้อมกัน

ระหว่างนั้นเองมัดจังที่กำลังเดินอยู่หลังห้องกระโจนขึ้นไปเลียหน้าแอสแซสซินคนนั้นอย่างเร็ว

“อย่าสิมันจั้กจี้ ก้ากๆๆๆ ”แอสแซสซินหัวเราะพลางล้มไปกองกับพื้นเพราะเป็นคนบ้าจี้

“ กรี๊ด~!!” เสียงของพิ้งดังขึ้นอีกครั้ง ทุกคนหันไปมองอย่างตกใจ

                   -------------------------------------------------------------------------------------------------------------

หลานผู้พันคาร์เตอร์
Asura Tester
Hero Member
*
กระทู้: 2,256

เลื่อนไม่สิ้นสุด .. นิยายฉัน


เว็บไซต์
Re: มือใหม่หัดเเต่งนิยายเรื่องยาว: ปฐมบทแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์
« ตอบ #7 เมื่อ: 01-02-2009, 11:56:25 »

อ้างจาก: ราตรี เด็กดี ที่ 01-02-2009, 11:55:25
กะจะยกบอร์ดกลิมาเลยรึไงฮะ  Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley

ใจร้อนอ่ะ Evil อยากเอามารวดเดว

หลานผู้พันคาร์เตอร์
Asura Tester
Hero Member
*
กระทู้: 2,256

เลื่อนไม่สิ้นสุด .. นิยายฉัน


เว็บไซต์
Re: มือใหม่หัดเเต่งนิยายเรื่องยาว: ปฐมบทแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์
« ตอบ #8 เมื่อ: 01-02-2009, 11:59:13 »

บทที่7:
       
            “มัดจัง  ออกมาจากแอสแซสซินคนนั้นเดี๋ยวนี้น้า~ เดี๋ยวติดโรคบ้า ”

 พิ้งกรีดร้องเสียงหลง ด้วยความเป็นห่วงแมวน้อยของเธอ 

แมวน้อยที่แสนเชื่องกระโดดออกจากหน้าอกของแอสแซสซินคนนั้น เข้ามาสู่อ้อมแขนของพิ้ง

“โอ๋ เจ้าแมวน้อยที่แสนเชื่องเชื่อ ” พิ้งพูดอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับกอดเจ้าแมวน้อย

“ขอโทดคร้าบ~  ผมผิดไปแล้วคร้าบ ”  แอสที่ตอนนี้กำลังโค้งขอโทษอย่างเร็วจนนับครั้งไม่ถ้วน

“ เอ่อไม่ต้องก็ได้ครับ” บาสพูดขึ้น

“ พวกเราไม่ถือหรอกครับเนอะ พิ้ง ” บาสพูดพลางมองไปทางพิ้ง 

“ใช่ค่ะพวกเราไม่ถือหรอกค่ะ” พิ้งยิ้มแต่ในใจโกรธมาก

มัดจังคงอึดอัดไม่น้อยเพราะแขนของพิ้งกำลังบีบเข้าคอพอดิบพอดี

“ หยึย~ แบบนี้โกรธแน่ๆ ” แอสแซสซินเห็นแมวตัวนั้นกำลังแลบลิ้นออกมาจุกปาก

พลางคิดในใจว่าในไม่ช้าเราคงโดนเจี๋ยนแน่ๆ!

“พิ้ง แม่ว่าลูกดูแมวของลูกก่อนนะ”  แนนทำหน้าสยองสุดๆ เพราะมัดจังหันหน้าพร้อมแลบลิ้นจุกปากมาทางแนน

“อุ้ย~ หวา โทษทีมัดจังเผลอไปหน่อย อิอิ” พิ้งที่ทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ก่อนพลางปล่อยให้มัดจังวิ่งเข้าไป

หลบที่มุมหลังของห้อง  มัดจังเป็นแมวพันธุ์เปอเซียร์ ขนของมันเป็นสีดำวาวสะท้อนกับแสงไฟในห้อง

ตาของมันที่เป็นสีเขียวมรกตเหมือนผู้เป็นเจ้าของยิ่งทำให้มันดูดีกว่าแมวทั่วไป

 “เอ่อ...ว่าแต่นายชื่อไรเหรอครับ? ” บาสถามขึ้น

 “เอ่อ....ผมชื่อ......ชื่อ...โอ้ย....ปวดหัว ”  แอสแซสซินคนดังกล่าวที่ตอนนี้กำลังเอามือกุมขมับแน่น

“ออ.. จำได้แล้ว...ผมชื่อแมวครับ”

“ ออ... ครับ? แล้วไม่ทราบว่าคุณไปทำอะไรที่ทางเข้าถ้ำน้ำแข็งครับ?”  บาสถามขึ้นอีก 

“ขอโทดนะคร้าบคือ...แบบว่าลืมไปหมดแล้วอ่า... จำได้แค่ชื่อเอง”  แอสแซสซินพูดไปพลางก้มหน้าไป

“ หา~ จำไม่ได้!! ” พิ้ง บาสและแนนร้องขึ้น

“ ความจำเสื่อมแน่ๆแบบนี้ ” พิ้งที่พูดขึ้น

“เหวอ...แล้วถ้าพี่แกดันความจำกลับคืนมาตอนนี้พวกเราจะไม่แย่เหรอเนี่ย ”  บาสโวยขึ้นอีกคน

“ไม่หรอกแม่ว่าคงอีกนานแหละนะที่เขาจะจำได้เพราะ...”
 
“อะไรเหรอคะแนน” พิ้งทำหน้าสงสัยพร้อมกับบาสที่ยืนอยู่ข้างๆ

 “คือแม่รู้จักอยู่นะเวทมนต์ที่แอสแซสซินคนนั้นท่องตอนนั้นมันคือเวทผนึกพลังของตัวเอง”

 แนนพูดพลางถอนหายใจ

“เอ...ถ้าควบคุมได้แล้วทำไมต้องผนึกด้วยล่ะ? ” บาสถามขึ้นอีกครั้ง

“ เพราะพลังที่เขาผลึกนั้นเป็นพลังของอสูรซึ่งถึงแม้ควบคุมได้แต่ถ้าใช้ในระดับหนึ่งมันจะเข้าสิงผู้ใช้พลังนั้น

จึงได้มีเวทย์พันธะสัญญาขึ้น แต่การที่จะผนึกได้นั้นต้องใช้ของสำคัญบางอย่างเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนซึ่งก็คือ

ความทรงจำนั่นเอง ” แนนพูดราวกับท่องจำจากตำรา

“ งั้นตอนนี้เขาก็จำอะไรไม่ได้นอกจากชื่อล่ะสิ ”

“ใช่ แต่ความทรงจำบางส่วนอาจหลงเหลืออยู่เช่นการเรียกใช้พลัง”  แม่ชีพูดอธิบาย

เคร้ง!! พลั่กๆๆๆ โครม!!

ทั้งสามหันไปทางต้นเสียง สิ่งที่เห็นก็คือ!!!





หลานผู้พันคาร์เตอร์
Asura Tester
Hero Member
*
กระทู้: 2,256

เลื่อนไม่สิ้นสุด .. นิยายฉัน


เว็บไซต์
Re: มือใหม่หัดเเต่งนิยายเรื่องยาว: ปฐมบทแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์
« ตอบ #9 เมื่อ: 01-02-2009, 12:01:49 »

บทที่8:

ภาพที่เห็นคือข้าวของที่รื้อกระจายเพราะตอนนี้แอสแซสซินกำลังรื้อข้าวของอย่างเอาเป็นเอาตาย

 “ผ้าพันคอ  ถุงมือล่ะ  รองเท้าอยู่ไหน ” แอสแซสซินโวยวายขึ้น

“เอ่อ... คุณแมวครับ คือของที่คุณใส่อยู่ตอนนี้พวกเราฝากไว้กับอลิเซียร์แล้วล่ะครับไม่ต้องห่วง” บาสพูดขึ้น

อาการของแอสแซสซินเปลี่ยนไปอีกเป็นท่าทางกระวนกระวายหนักกว่าเดิมเป็น

“ เวรแล้วไงต้องรีบไปเอาเดี๋ยวนี้ก่อนที่จะ...” ไม่ทันที่สิ้นเสียงของชายชื่อแมว เสียงกรีดร้องของผู้หญิงก็ดังขึ้น... 

“กรี๊ด!!!!!~~~~ช่วยด้วย~ ” เสียงอลิเซียร์ที่ดังขึ้นอีกครั้ง ทุกคนรีบลงไปดู

พร้อมกับแมวที่กำลังกระโจนไปก่อนใคร ซึ่งภาพที่เห็นต่อหน้าก็คืออลิเซียร์ที่กำลังพยายาม

ดึงผ้าพันคอสีแดงสดที่ตอนนี้มันกำลังรัดอลิเซียร์

  “ช่วยด้วยค่า~ช่วยฉันที!! ” อลิเซียร์ร้องอย่างหมดกำลังขัดขืน  ก่อนที่แอสแซสซินจะกระโจนเข้ามา

พร้อมตะโกน “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!แกจะทำใครไม่ได้ถ้าฉันไม่สั่ง ”

 ทันใดนั้นเองผ้าพันคอสีโลหิตที่กำลังรัดอลิเซียร์ก็คลายออก แอสแซสซินนำผ้าพันคอนั้นมาพันไว้ที่คอตนเอง

“เอ่อ... เมื้อกี้เกิดไรขึ้นน่ะ ” บาสพูดขึ้นพร้อมสังเกตมองไปที่อลิเซียร์ที่กำลังตัวแข็ง

เธอคงตกใจมากที่จู่ๆก็โดนผ้าอะไรก็ไม่รู้มารัดเธอซะขนาดนั้น

“ ไม่มีอะไรหรอกเดี๋ยวค่อยอธิบายที่หลังว่า แต่ว่า...เป็นอะไรมากไหมครับ? เอ่อ..ขอถุงมือกับรองเท้าคืนด้วยครับ”

แอสแซสซินเข้าไปถามอลิเซียร์ก่อนที่อลิเซียร์จะถอยห่างออกไปอย่างระมัดระวังตัว

“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ....นะ.....นี่ถุงมือกับ.....รองเท้าคุณค่ะ”

อลิเชียที่ตอนนี้กำลังพูดเสียงตะกุกตะกักก่อนยื่นถุงมือกับรองเท้าให้

“ ขอบคุณครับ ” แอสแซสซินพูดขึ้น

“ออ.. ยังไงก็ได้มาครบแล้ว ขอถามหน่อยครับว่าพวกคุณชื่ออะไรกันบ้างผมอยากจะตอบแทนคุณที่ช่วยผมเอาไว้”

“เอ่อ... ผมชื่อบาร์คัซ อายุ14ครับ เรียก ผมว่าว่าบาสก็ได้ครับ”

  “แม่ชื่อเรเวน ลอร์เซียร์ อายุ16 เรียกแนนเฉยๆก็ได้ค่ะ ”

“ฉันชื่อเซฟีน่า  ราลีเชียร์ อายุ14ค่ะ ”

“ ผมชื่อแมว อายุ17ครับ  พอมีให้ผมช่วยได้ไหม  ทำไมทุกท่านถึงมาที่นี่? ”

“ผมมาส่งจดหมายฉบับนี้ให้กับท่านลูคัสครับ ”   บาสพูดขึ้น

“งั้น เราไปด้วยกันเลยสิ ชั้นก็มีจดหมายมาถึงท่านเรน่าเหมือนกัน”  พิ้งพูดพร้อมหันมามองบาส

“งั้น ดิฉันจะนำทางไปให้นะคะ” อลิเซียร์พูดขึ้น

             หลายนาทีต่อมา สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของทั้งสามคือวิหารแห่งอาทรัม วิหารนี้เป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่

สร้างด้วยคริสตัลสีฟ้าใส อลิเซียร์เอื้อมมือไปผลักประตูบานใหญ่ซึ่งเปิดออกอย่างง่ายดาย

“มีธุระอะไรกับข้ารึ? ” เสียงทุ้มหนักเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น

เจ้าของเสียงเป็นชายหนุ่มผมสีเงิน ร่างกายสูงใหญ่ ในมือมีขวานด้ามยาวเล่มหนึ่ง

“พวกเรามีจดหมายมาถึงท่านทั้งสองครับ ” บาสพูดขึ้น

“จดหมาย? ถึงพวกข้างั้นรึ?” เสียงหนึ่งดังขึ้น หญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมาจากมุมมืด

“ ขอเวลาแปปนะ ...อ่า ...อืม ข้าเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว พวกเจ้าเป็นคนที่ไซเฟอร์และท่านคาร์เตอร์

ส่งมาให้ช่วยงานพวกข้านั่นเอง....” เรน่าพูดอย่างรู้ทัน โดยที่ยังไม่ได้เปิดจดหมาย

“ เอ๊ะ... ”  สายตาของลูคัสจับจ้องอยู่ที่ขวานในมือของบาส

“หนึ่งในเก้า... เศษเสี้ยวของลูกแก้วอยู่ตรงหน้าพวกเราแล้วเรน่า... ”

“จริงรึ? ขวานเล่มนั้น!!  ข้าเคยเห็นมันในมือของจอมทัพแห่งคล๊อกโคเดียนเมื่อหกร้อยปีก่อน...

เจ้าได้มันมาครอบครองได้อย่างไร?” เรน่าถามขึ้น

“ผมไปพบมันที่ก้นเหว ในมือของโครงกระดูกคล๊อกโคเดียนตัวหนึ่งครับ”

“พวกเจ้าเป็นผู้ที่ถูกเลือกแล้ว จงออกเดินทางไปที่วิหารเพลิง มันอยู่ทางทิศตะวันตกของมหาวิหารเมทาลิกาน่า

เจ้าจะได้พบกับเศษลูกเเก้วชิ้นที่สอง โปรดรวบรวมเศษลูกเเก้วทั้งเก้าให้ครบ ก่อนที่คำทำนายเก่าเเก่จะเป็นจริง....”

"คำทำนาย?!?" บาสเเละพิ้งพูดขึ้นพร้อมกัน

เช้าวันต่อมา คณะเดินทางจึงได้ออกจากวินโดเนีย  สู่เมืองชายทะเล “เรดคลิฟ”…..



หลานผู้พันคาร์เตอร์
Asura Tester
Hero Member
*
กระทู้: 2,256

เลื่อนไม่สิ้นสุด .. นิยายฉัน


เว็บไซต์
Re: มือใหม่หัดเเต่งนิยายเรื่องยาว: ปฐมบทแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์
« ตอบ #10 เมื่อ: 01-02-2009, 12:04:04 »

บทที่9:

 “เฮ้อ~ออกมาจากวินโดเนียก็ร้อนอีกแล้วสีเนี่ย... ”  พิ้งพูดขึ้นพลางส่ายหน้าไปมา

“อดทนหน่อยสิ ” บาสพูดพร้อมกับเหงื่อที่แตกพลั่ก

“ลูกก็ร้อนตับแลบเหมือนกันนั่นแหละบาส ดูแม่สิ ยังอดทนได้เลย ”

ซิสเตอร์กำลังนั่งที่หินข้างทางพร้อมกับเอาผ้าที่ถูกเสกด้วยพลังเวทน้ำแข็งเช็ดตัว

บาส... แน่ใจหรอว่านี่เป็นแม่ชี?  พิ้งกระซิบกับบาส

 “กระผมมีวิธีดับร้อนดีๆแล้วครับ~ ” แอสแซสซินพูดขึ้นด้วยพลางทำท่าปลื้มสุดๆ

“  ว่าแต่คุณแมวคิดจะทำยังไงเหรอครับ” บาสถามอย่างสงสัย

“ แหมๆอย่าพูดเหมือนคนห่างคนไกลขนาดนั้นสิ เรียกพี่แมวจะได้ได้ดีดูกันเองๆ ” แมวที่พูดขึ้นอีกครั้ง 

“อ่าครับ พี่แมวจะทำยังไงเหรอครับ?”  บาสทวนคำพูดก่อนที่จะจับจ้องไปที่พี่แมว 

เขากำลังหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า บอลน้ำแข็งนั่นเอง... 

“ถึงผมจะไม่เคยทำมาก่อนมันต้องได้ผลแน่ๆ” พี่แมวพูดขึ้น

“ เอ่อ....แน่ใจเหรอครับว่าจะดีพี่แมว? ” บาสพูดขึ้นอย่างไม่เชื่อสุดขีด

 “หนูก็ไม่เชื่อหรอก เพราะพ่อแม่เคยสอนไว้ อย่าคบคนพาล อย่าเชื่อคนบ้า!!”  พิ้งพูดขึ้น

“ ว่าใครบ้าไม่ลองไม่รู้เฟ้ย ” พี่แมวกำลังทุบบอลน้ำแข็งเข้าใส่ตัวเอง

 แกร่ก... แกร่ก... เสียงของเกล็ดน้ำแข็งลามขึ้นบนตัวพี่แมวและในที่สุดก็หุ้มตัวพี่แมวไว้จนหมด....

 “เฮ้ย!! ” บาสอ้าปากค้างกับสภาพของพี่แมวที่เห็นตรงหน้า 

“บาส รีบออกเดินทางเถอะเดี๋ยวจะมืดซะก่อน ” พิ้งพูดก่อนจะลุกขึ้นจูงแขนแนนเดินออกไป

“ เดี๋ยวๆๆ!!แล้วพี่แมวที่ตัวแข็งอยู่ตรงนี้ล่ะไม่ช่วยเขาเหรอ? ”

“ปล่อยให้คนบ้าความจำเสื่อมอยู่ตรงนั้นแหละ!!ถ้าตายได้ก็ตายไปเลย  คิดได้ไงเอาบอลน้ำเเข็งมาปาใส่ตัวเอง ”

“ แม่ว่าคนที่สติไม่สมประกอบอย่างนี้ ทิ้งเขาไว้เถอะ ”

“เอาเป็นว่าทิ้งไว้อย่างนี้แหละดีแล้วนะ?เฮ้พิ้ง รอด้วย~ ” บาสร้องขึ้นพลางวิ่งไปหาทั้งสอง

และปล่อยให้พี่แมวที่อยู่ในสภาพถูกแช่แข็งยืนเดียวดายอย่างโดดเดี่ยว   

“เปรี๊ยะ.... เปรี๊ยะ....  อย่าทิ้งป๋มไว้คนเดียว~ ” พี่แมวกระแทกตัวเองจนหลุดจากน้ำแข็งและวิ่งตามมาเรื่อยๆ   

 หลายวันต่อมา....

“เอาล่ะ... ถ้าดูจากแผนที่ ผมคิดว่าพวกเรามาถึงเขตเมืองเรดคริฟแล้วนะ” บาสพูดขึ้นระหว่างที่กำลังนั่งพัก

“อืมงั้นพวกเรารีบเดินกันเดี๋ยวมันมืดซะก่อนถ้าจะดีนะ ” พิ้งออกความเห็น

“งั้นเรารีบไปต่อกันเถอะ”

คณะเดินทางได้เดินทางไปยังทางแคบๆเข้าป่าไปจนถึงพื้นที่ที่มีแต่เห็ดขึ้นเต็มไปหมด

บาสเดินไปอย่างรวดเร็วก่อนโดนพี่แมวฉุดแขนเอาไว้

“เดี๋ยวก่อนบาสพี่แมวรู้สึกตั้งแต่เมื่อกี้แล้วว่ามีใครกำลังจ้องมองเราอยู่...”

พี่แมวพูดขึ้นพลางมองซ้ายมองขวา 

“ผมว่า พี่แมวน่ะคิดไปเองมากกว่าไม่เห็นว่าจะมีใครสักคน ” บาสพูดขึ้นก่อนทำหน้าหวาดๆกับคำพูดของพี่แมว

“พวกมันกำลังจ้องเล่นงานเรา... ”

 ตุ้บ...  แนนถูกผงสีม่วงที่กระจายออกมาจากดอกเห็ดอันหนึ่ง ทำให้แนนสลบไป

“แนน!! เป็นไรรึเปล่า ”  พิ้งรีบวิ่งเข้าไปดูอาการอย่างรวดเร็ว

“อี๊ๆๆๆ ” เสียงของมอนสเตอร์รูปร่างคล้ายเห็ดจำนวนมาก ผุดขึ้นมาจากพงหญ้ารอบตัว!!

บาสและแมวพุ่งเข้าใส่พวกมันอย่างรวดเร็ว

ฉับ! เสียงขวานที่ถูกตวัดไปข้างหลัง ปีศาจเห็ดเบื้องหน้าเขาขาดเป็นสองท่อน

แอสแซสซินหนุ่มระดมแทงมีดอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเบลดมาสเตอร์สาวที่วิ่งเข้าไปฟัน

ปีศาจเห็ดดูเหมือนจะมากขึ้นเรื่อยๆ แต่พวกเขาก็ต้องฝ่ามันไปให้ได้ เพื่อไปยังเป้าหมาย เมืองเรดคลิฟ....




หลานผู้พันคาร์เตอร์
Asura Tester
Hero Member
*
กระทู้: 2,256

เลื่อนไม่สิ้นสุด .. นิยายฉัน


เว็บไซต์
Re: มือใหม่หัดเเต่งนิยายเรื่องยาว: ปฐมบทแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์
« ตอบ #11 เมื่อ: 01-02-2009, 12:05:11 »


บทที่10:

“พวกมันมาจากไหนเนี่ย  หลั่งเลือดสังหาร!! ”  บาสใช้ขวานขนาดใหญ่สับเข้าที่กลางตัวฟังกี้เข้าเต็มๆ

“พิ้ง ไม่ว่ายังไงคุ้มกันแนนก่อน เดี๋ยวทางนี้ผมกับพี่แมวจัดการเอง”  บาสพูดพร้อมความเหนื่อยล้า

ที่ต้องสู้กับเห็ดที่เข้ามาอย่างนับไม่ถ้วน 

“ได้เลย~” พิ้งที่พูดพร้อมกับฟันเห็ดที่กำลังจะเข้าไปทำร้ายแนน

“โอย.. มันมาจากไหนกันเนี่ย เยอะยังกะแมลงวัน ”  พี่แมวพูดพลางใช้มีดแทงปีศาจเห็ดสองตัว

ที่กำลังจะกระโดดไปหาบาส

“ส่งขวานมา.... พวกเราต้องการขวาน...ส่งขวานนั่นมา...” เสียงของเหล่าฟังกี้และฟังก์กัซร้อง

มีแต่พี่แมวเท่านั้นที่ฟังภาษาของพวกมันออก 

“บาส...พี่แมวมีสองทางเลือกให้เลือก…”  พี่แมวอ่อนแรงเพราะพวกเห็ดที่พุ่งเข้ามาเรื่อยๆเริ่มเยอะขึ้นอีก 

“อะไร?”  บาสพูดขึ้น

 “ ฟังให้ดีนะ หนึ่ง..ส่งขวานให้พวกมันซะแล้วพวกเราจะรอด สอง..หนีเพราะยังไงเราคงปราบมันไม่หมดแน่

ลองสังเกตพวกเห็ดตอนตายดูสิ ”  พี่แมวพูดพลางชี้ไปยังฟังกี้ตัวที่บาสเพิ่งสังหารไปหยกๆ

มันกำลังละลายลงไปในดินพร้อมกับบางสิ่งที่ผุดขึ้นมาอีกครั้ง มันคือปีศาจเห็ดอีกหลายตัว 

“บาสรีบหนีกันเถอะไม่งั้นพวกเราเราเละแน่ๆ ” พิ้งพูดพลางประคองร่างของแนนให้ลุกขึ้น

“รีบถอยไปซะ นั่นไงตรงนั้นแหละทางออก ”บาสชี้ไปยังแสงที่ลอดผ่านป่าทึบไปซึ่งเป็นทางที่มองเห็นได้ตอนนี้

“ได้เลย!! ”พี่แมววิ่งฝ่าวงล้อมของพวกเห็ดอย่ารวดเร็ว

“เป็นไง ~ ไอพวกเห็ดพวกเรารอดแล้วโว้ย ” พี่แมวพูดขึ้นพร้อมวิ่งไปเรื่อยๆจนกระทั่ง

 “อื๋อ....จ๊าก~!!!โครม!!”  พี่แมวสะดุดขาตัวเองล้มลง

“ อ๋อย~  ไรเนี่ย  อุ๊ป...” แอสแซสซินโดนปีศาจเห็ดรุมเกาะ พร้อมกับปล่อยสปอร์ทำให้สลบไป

“บ้าแบบไม่ดูตาม้าตาเรืออีกแล้ว พี่แมว!!” บาสพูดขึ้น

“ กรี๊ด~!! ” เสียงของพิ้งดังขึ้นอีกคนพร้อมกับเห็ดที่รุมล้อมอยู่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ

 “เฮ้ ทำไมมันสถานการณ์เลวร้ายขึ้นล่ะเนี่ย!!  อั่ก!! ” บาสโดนเห็ดพวกนั้นรุมปล่อยสปอร์ไปอีกคน

“อิ๊~ อิ๊~ ”เสียงของพวกเห็ดกำลังกระโดดโลดเต้นไปมาพร้อมกับพูดกระซิบกัน

 ก่อนที่บาสจะสลบไปนั้นภาพที่เห็นเลือนรางอยู่ตรงหน้าคือเหล่าเห็ดที่กำลังโดนพ้าพันคือของพี่แมวแทงทะลุตัว

“อะไรน่ะ...? ” บาสพูดเสียงแผ่วก่อนจะได้ยินเสียงจากพี่แมว

“ เคร็ด....ไร้....ใจ...”

 ซ่า... ซ่า... ฟิ้ว... แซ่กๆ...เสียงของลมที่เสียดสีกับใบไม้รอบๆ 

ป่าที่เคยเป็นแหล่งชุมนุมของเห็ดที่มีบรรยากาศของลมพัดเอื่อยๆตอนนี้กลายเป็นป่าที่

เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย...

“เมื่อกี้พวกแกบอกว่าจะเอาผ้าพันคอของฉันเหรอ?” เสียงเย็นๆที่ฟังแล้วชวนขนหัวลุกยิ่งนักกล่าวขึ้น...

 เหล่าเห็ดที่กำลังกระโจนเข้ามาต่างพากันถอยกรูดเพราะภาพที่เห็นตรงหน้า

 ผมสีชมพูอ่อนๆสยายขึ้นและเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิง... นัยน์ตาข้างขวากลายเป็นสีเลือด

พร้อมรูปกางเขนที่อยู่ข้างในดวงตานั้น...

“ถ้าอยากตายนักก็เข้ามา ”  ร่างบางๆของชายที่กำลังพูดและแสยะยิ้มอย่างน่ากลัวให้เหล่าเห็ดได้เห็น

แอสแซสซินพูดขึ้นพร้อมหยิบค้างคาวราตรีมาควงเล่นไปมาในมือ....

“จะเข้ามากี่ตัวก็เข้ามาเลยเดี๋ยวฉันจะให้พวกแกหายไปกับสายลมเอง หึหึหึ...”



หลานผู้พันคาร์เตอร์
Asura Tester
Hero Member
*
กระทู้: 2,256

เลื่อนไม่สิ้นสุด .. นิยายฉัน


เว็บไซต์
Re: มือใหม่หัดเเต่งนิยายเรื่องยาว: ปฐมบทแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์
« ตอบ #12 เมื่อ: 01-02-2009, 12:07:38 »

บทที่11:

ณ ป่ารอบเมืองเรดคริฟ

 “อิ๊~อิ~....มันโดนสปอร์ไปแล้วนี่นา ทำไมยังลุกขึ้นมาได้อีกเนี่ย...” เหล่าเห็ดทำหน้างงบวกกับผวากับ

ภาพที่เห็นตรงหน้าเพราะพวกมันได้รับรู้ถึงอะไรบางอย่างจากแอสซาซินที่ยืนอยู่ตรงหน้าของพวกมัน

 “อุ๊....น่ากลัวหนีดีกว่าพวกเรา...” เหล่าเห็ดกระซิบกันอีกครั้ง บางตัวก็กำลังตั้งท่าเตรียมหนี 

ตุ้บ.. ตุ้บ..เสียงของฝีเท้าของตัวอะไรบางอย่าที่เดินออกมาท่ามกลางเหล่าเห็ดที่ตอนนี้กำลังก้มหัวคำนับให้...

 มันมีร่างกายที่เหี่ยวสีเทา ลายจุดสีเขียวที่แต้มบนตัวมัน ร่างกายที่ใหญ่และต้วมเตี้ยม...

ไม้เท้าที่ถือมีรูปลักษณ์แปลกตาและโล่ขนาดใหญ่...

นั่นคือเห็ดยักษ์ที่เป็นราชาของเหล่าเห็ดทั้งปวง!! มันคือผู้เฒ่าเห็ดหอม!!

“พวกเจ้าทุกตัวจงอยู่ในความสงบ....แค่มนุษย์คนเดียวพวกเราทุกตัวก็สามารถปราบมันได้” 

ผู้เต่าเห็ดหอมพูดพร้อมตวัดไม้เท้าไปมา

“  เจ้าจงมอบขวานเล่มนั้นมาซะแต่โดยดีและผ้าพันคอที่อยู่กับเจ้าแล้วพวกข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปแต่โดยดี”

เสียงที่ฟังดูอึมครึมปนแหบแห้งของผู้เฒ่าเห็ดหอมดังขึ้น...

 “งั้นเหรอครับแต่ขอบคุณนะครับ...เพราะผ้าพันคอกับขวานเนี่ย...ต่อให้แลกด้วยชีวิตก็....ไม่ยอม”  พี่แมวพูดขึ้น 

“หนอย!! เจ้าฆ่ามัน!!” ผู้เฒ่าเห็ดหอมทำหน้าตาโกรธสุดๆพร้อมกับชี้ไม้เท้าไปที่พี่แมว

เหล่าเห็ดต่างพากันพุ่งเข้าไปหาพี่แมวอย่างรวดเร็ว

 “เฮ้อ....ยิ่งฆ่ายิ่งเพิ่ม...วัยรุ่นเซง...”  พี่แมวที่พูดขึ้นก่อนจะเก็บค้างคาวราตรีแล้วหยิบอะไรบางอย่างออกจาก

“ มอนเตอร์ธาตุไม้.. เผาลูกเดียว!!” พี่แมวขว้างบอลไฟไปยังฝูงมอนเตอร์ที่กรูกันเข้ามา

ประกายไฟขนาดใหญ่ระเบิดขึ้น พรึ่บ!!!

แกรบ...แกรบ.. เสียงของป่ารอบๆที่ตอนนี้กลายเป็นทะเลเพลิง พร้อมๆกับเหล่าเห็ดที่กรีดเสียงร้องอย่างโหยหวน

 “ไงลูกน้องตายหมดแล้วจะเอาไงต่อหึหึหึ”  พี่แมวยืนประจันหน้ากับผู้เฒ่าเห็ดหอม

 “แก...”  ผู้เฒ่าเห็ดหอมที่ใช้ไม้เท้าขนาดใหญ่ฟาดอย่างรวดเร็วเข้าที่ตัวพี่แมว ฟุบ!!
 
 “โอ๊ะโอ๋~ เกือบไปแล้ว...เก่งจังเลยคุณลุงเห็ดหอมเนี่ย”  พี่แมวที่กำลังหัวเราะไปพลางหลบการฟันที่รวดเร็วของ

ผู้เฒ่าเห็ดหอมที่ฟันอย่างต่อเนื่อง

‘ บ้าน่าทำไมมนุษย์คนนี้ถึงหลบการโจมตีของเราได้...’

 ผู้เฒ่าเห็ดหอมที่กำลังทำหน้าตะลึงก่อนที่จะตกใจเมื่อพี่แมวขึ้นมาเหยียบบนด้ามของไม้เท้า

 “โหยเบื่ออ่ะไม่โดนสักทีงั้นตาผมมั่งนะ” พี่แมวหยิบค้างคาวราตรีออกมา

 และปาอย่ารวดเร็วเข้าใส่จนผู้เฒ่าเห็ดหอมถึงกลับกระเด็นถอยหลังไป

 “อุ๊บ...  ลองเจอนี่หน่อยเป็นไง... คลื่นกระแทก!!” 

“เหวอ~ ” รอยร้าวของแผ่นดินถล่มไปทางพี่แมว

 แต่พี่แมวก็กระโดดขึ้นต้นไม้ที่เกรียมและไหม้เพราะผลของบอลไฟได้...

“เจ้ามนุษย์คนนี้มันเป็นใครกันแน่ทำไมเราถึงทำอะไรมันไม่ได้เลย!!...”

 ผู้เฒ่าเห็ดหอมที่พูดขึ้นพลางทำหน้าเหมือนคิดอะไรบางอย่างออก

“จริงสิ!!!ลองเจอนี่หน่อยเป็นไงหึหึหึ..” .ผู้เฒ่าเห็ดหอมแสยะยิ้มขึ้นมาก่อนจะหยิบเศษยันต์

ขึ้นมาโปรยทั่วบริเวณนั้น

 “หือ?จะทำอะไรหรือครับคุณลุง” พี่แมวพูดขึ้นพร้อมทำหน้ากวนประสาทใส่ผู้เฒ่าเห็ดหอม

 “โอม....เหล่าสมุนข้าที่ล่วงลับไป...จงปรากฏกายขึ้นต่อหน้าข้า!!!”

วิ้ง...ฟู่... เกิดควันล้อมรอบบริเวณนั้นและแผ่นยันต์ที่ตอนนี้กำลังบิดๆเบี้ยวๆก่อนจะเกิดเป็นเห็ดตัวสีเห็ดม่วง

ยันต์ที่ติดบนใบหน้าที่ตอนนี้กำลังเปล่งแสงสีแดงออกมา....

 “ฮ่าฮ่าฮ่า...เหล่าสมุนของข้าจงไปจับเจ้ามนุษย์ชั้นต่ำคนนั้นซะ!!!”  ผู้เฒ่าเห็ดหอมที่หัวเราะขึ้นก่อนเหล่าเห็ดผีจะ

พุ่งไปยังพี่แมวอย่างรวดเร็ว

“หวาๆๆ” พี่แมวโดนเหล่าเห็ดผีจับเอาอีกครั้ง...

 “ดีมาก!!เอามันลงมาให้ข้าลงทัณฑ์มัน...” ผู้เฒ่าเห็ดหอมเดินเข้ามาหาพี่แมว

 “ชิ....เจ้าเห็ดหอมเจ้าเล่ห์จะทำอะไรก็เชิญ แต่ถ้าผมรอดล่ะก็คุณลุงต้องตายแทนนะ ฮิๆ” พี่แมวที่ยิ้มขึ้นอีกครั้ง

เฟี้ยว~  ฉึก....ผ้าพันคอสีแดงสดของพี่แมวพุ่งเข้าแทงร่างของพวกเห็ดที่กำลังจับพี่แมวอยู่จนกระเด็นออก....

 “หึหึหึ นึกว่าจะแน่....ผิดหวังจริงๆเลยนะครับ...ถึงคราวผมเอาจริงมั่งดีกว่า”

“ว่าอะไรนะ!! ” ผู้เฒ่าเห็ดหอมทำหน้าตาเหมือนไม่เชื่อกับภาพที่เห็นตรงหน้าอย่างสุดๆ

 “เอางี้นะครับผมจะเล่านิทานสนุกๆสักเรื่องให้ฟังละกัน.... ในอดีตกาลมีอสูรอยู่ตนหนึ่งที่แข็งแกร่งและร้ายกาจ

มันมีพลังจนเป็นที่เกรงกลัวของเหล่าอสูรทั้งปวง พวกมันได้กักขังปีศาจตนนั้นไว้พร้อมกับผนึกมันกับอาวุธของ

ปีศาจตนนั้น และรู้ไหมครับว่าอาวุธของปีศาจตนนั้นมันคืออะไร?....” พี่แมวพูดขึ้นพลางชูมือ

จู่ๆก็เกิดวงเวทย์สีดำทมิฬขึ้น หลังจากนั้นอะไรบางอย่างก็ออกมาอยู่ในมือของพี่แมว

ธนูและลูกดอกสีน้ำเงินซึ่งมีลวดลายประดับอย่างวิจิตบรรจงสวยงามยิ่งนัก

พร้อมกับพี่แมวที่จับคันธนูง้างมาที่ผู้เฒ่าเห็ดหอม

“ผมบอกแล้วใช่ไหมครับว่าถ้าผมรอด คุณลุงต้องตาย... จงหายไปกับสายลมซะเถอะ”

 “ศรผ่าภพ วิหกกลับรัง!!”



หลานผู้พันคาร์เตอร์
Asura Tester
Hero Member
*
กระทู้: 2,256

เลื่อนไม่สิ้นสุด .. นิยายฉัน


เว็บไซต์
Re: มือใหม่หัดเเต่งนิยายเรื่องยาว: ปฐมบทแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์
« ตอบ #13 เมื่อ: 01-02-2009, 12:09:46 »

บทที่12:

ซู่ม!!...ฉึก!!! เสียงของลูกศรที่พุ่งไปยังร่างของผู้เฒ่าเห็ดหอม

“ไม่จริง...ธนูวิหกฟ้า….ลูกดอกวิหกฟ้า…..จะ.....เจ้า.....มีมันได้ยังไง.....อั่ก!!”

ผู้เฒ่าเห็ดหอมพูดพร้อมกับเลือดที่กระอักออกจากปาก

“ ก็ผมเป็นเจ้าของมันนี่ครับ หึหึ” พี่แมวหัวเราะในลำคอฟังน่ากลัว...

“เจ้ามนุษย์อย่ามาเล่นคำกับข้าผู้ที่ใช้มันได้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น”  ผู้เฒ่าเห็ดหอมพูดด้วยสีหน้าทรมาน

“แล้วถ้าบอกว่าผมคือคนๆคนนั้นล่ะ” พี่แมวที่พูดขึ้น

“ไม่จริง นี่เจ้าออกมาจากสถานผนึกได้ยังไงกัน...”ใบหน้าของผู้เฒ่าเห็ดหอมแสดงความหวาดผวาอย่างเห็นได้ชัด 

“ไม่รู้สิครับเอ....ออกมาได้ยังไงน้า...”

 ฟุ่บ!!!เสียงของควันที่ลอยออกมาจากลูกดอกที่ปักอยู่บนพื้นก่อนที่มันจะสลายไปและกลับมาที่มือพี่แมวอย่างเดิม

“ เอาเป็นว่าหลับให้สบายนะครับคุณลุง” พี่แมวที่โบกมือไปมา ไฟสีดำทมิฬแผ่ออกมาจากร่างของผู้เฒ่าเห็ดหอม

“อ้าก......อย่า.....ข้ายังไม่อยากตาย...” เสียงของผู้เฒ่าเห็ดหอมโดนไฟสีดำเผาจนในที่สุดก็สลายหายไป

เหลือเพียงซากขี้เถ้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“แหมๆหลับกันซะสบายเชียวนะครับเฮ้อ.....เอาไงดีหว่าถึงจะพาไปเรดคริฟครบทุกคนเนี่ย”

แอสแซสซินหนุ่มเอื้อมมือเข้าไปหาบาส พิ้ง และแนน จู่ๆมัดจังก็กระโดดขึ้นมาขวางพี่แมวไว้พร้อมทำเสียงขู่

เขี้ยวเล็กๆของมัดจังขย้ำเข้าที่มือพี่แมวอย่างแรงพร้อมเลือดพี่แมวที่ค่อยๆไหลออกมาเรื่อยๆ

“ ...มัดจังไม่ดีเลยนะทำแบบนี้น่ะ เห็นทีต้องทำให้หลับแฮะ” พี่แมวเอามือลูบไปที่หัวของมัดจังพร้อมแมวน้อยที่

ล้มลงไปนอนอีกตัว

“ แฮ่~ ”เสียงของเหล่าฟังกุลที่ยังเหลือรอดจากการถูกฆ่าดังขึ้นมาทางด้านหลังของพี่แมว

“ เห็ดนี่ ตื้อเป็นบ้า เฮ้~ เอรอสต์ฉันอนุญาต ไม่ต้องเกรงใจอย่าลืมรักษามือฉันด้วยล่ะเจ็บแฮะถูกแมวกัดเนี่ย...”

 พี่แมวที่เอ่ยขึ้นและหลังจากนั้นก็มือเสียงตอบรับที่ดังมาจากที่ไหนสักแห่งดังขึ้น

“ขอรับ นายท่าน” เสียงแหบห้าวดังขึ้นมาลอยๆ

และในขณะผ้าพันคอก็ค่อยๆบิดๆเบี้ยวๆก่อนจะกลายเป็นรูปร่างคล้ายดอกไม้ที่เบ่งบานและภายในผ้าสีแดงสดนั้น

มีอะไรบางอย่างคล้ายหนามแหลมจำนวนมากที่โผล่ขึ้นมา

กร้วม!!!ง่ำ..กร๊อบ... เสียงที่เหมือนกับเสียงของคนเคี้ยวอาหารดังขึ้น เหล่าฟังกุลถูกผ้าพันคอสีแดงสดรัดเอาไว้

 ฟู่... ของควันที่ออกมาจากมือพี่แมวเผยให้เห็นรอยแผลที่กำลังหายไปอย่างรวดเร็ว

“ช่วยพาฉันกับคนพวกนี้ไปเรดคริฟหน่อยสิจะได้ไหม?” พี่แมวเอ่ยขึ้น

ฟุ่บ!! ผ้าพันคอตวัดใส่กลุ่มคนทั้งสี่อย่างรวดเร็ว พร้อมกับแสงสว่างจ้า 

นาทีต่อมา บริเวณนั้นเหลือแต่ซากศพของปีศาจเห็ด ไม่มีร่องรอยของบุคคลที่บุกรุกเข้ามาในป่าแห่งนี้เลย.. 

ณ เมืองเรดคริฟ

“ขอบคุณที่ใช้บริการค่า~” เสียงใสๆของหญิงที่ใส่ชุดสีขาวผมสีทองดังขึ้น

“เฮ้อ... วันนี้คนมาเที่ยวที่เมืองนี้เยอะแยะอีกตามเคย” เมียร์ อาคาเดมีแห่งเมืองเรดคริฟบ่นพึมพำ

พร้อมกับปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นบนใบหน้าก่อนจะแหงนหน้ามองบนฟ้า

“วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใสจังเลยขอให้มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นทีเถอะวันนี้ ” เมียร์พูดขึ้นพลางยิ้มให้กับฟ้าก่อนจะสังเกตเห็น

แสงบางอย่างที่ปรากฏบนท้องฟ้า  วูป!! คนสี่คนโผล่ขึ้นมา พร้อมกับตกลงมาทับเมียร์ 




หลานผู้พันคาร์เตอร์
Asura Tester
Hero Member
*
กระทู้: 2,256

เลื่อนไม่สิ้นสุด .. นิยายฉัน


เว็บไซต์
Re: มือใหม่หัดเเต่งนิยายเรื่องยาว: ปฐมบทแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์
« ตอบ #14 เมื่อ: 01-02-2009, 12:11:46 »

บทที่13:

โครม!!!  เสียงของทั้งสี่ที่ตกมาลงทับเมียร์

 “โอย.. เอรอสต์ทำไมแกพามาแบบนี้ทีไรต้องเจ็บตัวทุกทีหา!!” พี่แมวตะโกนด่าใส่ผ้าพันคอของตัวเอง

โดยไม่สนใจเมียร์ที่ตอนนี้โดนแนน บาสและพิ้ง ทับอยู่

“เอ่อ ขอร้องละค่า!!”ช่วยเอาคนพวกนี้ออกไปจากตัวชั้นที~  เมียร์ร้องพร้อมกับขยับตัวไปมา

 “อ้าว...ขอโทดครับเดี๋ยวจะช่วยเดี๋ยวนี้ล่ะครับ”  พี่แมวยกทั้งสามคนที่นอนสลบออกจากตัวเมียร์

พร้อมกับเมียร์ที่กำลังเอามือปัดฝุ่นเสื้อตัวเอง   

“ขอบคุณมากค่ะ...เอ่อแล้วมีอะไรให้รับใช้ไหมค่ะ? ”

เมียร์พูดขึ้นก่อนโค้งคำนับให้พี่แมวที่ตอนนี้กำลังโมโหใส่ผ้าพันคอตนเองโดยไม่สนใจเมียร์เลยแม้แต่น้อย....

“เอ่อ...ท่านค่ะ.....ท่าน..... ”  เมียร์พูดออกไปแต่รู้สึกจะเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาของพี่แมวซะแล้ว

“ ท่านโว้ยยยยย!! ”  คราวนี้พี่แมวหันกลับมาทันทีพร้อมทำหน้าสำนึกผิดก่อนจะพูด 

“เอ่อ...ขอโทดด้วยครับ...”  พี่แมวทำหน้าหงอย

“ ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะคือพวกท่านมีอะไรไห้ดิฉันรับใช้ไหมคะ?” เมียร์ถามขึ้นอีกครั้งก่อนจะยิ้มหวานให้พี่แมว

“ อ๋อ มีครับ ผมขอจองที่พักหน่อยครับ ขอแบบสี่คนกับอีกหนึ่งตัวได้ไหมครับ” 

พี่แมวพูดขึ้นพลางชี้ไปยังคนสามคนที่นอนสลบอยู่ กับแมวอีกหนึ่งตัวที่อยู่ในสภาพเดียวกัน 

“ได้ค่า~ แล้วมีอะไรไห้รับใช้อีกไหมคะ?”  เมียร์พูดขึ้นพลางเอาสมุดโน้ตมาจดไว้

 “ คือ ช่วยแบกคนพวกนี้ไปด้วยนะครับพอดีผมคนเดียวคงไม่ไหว ”  พี่แมวพูดขึ้นพร้อมกับเมียร์กวักมือเรียก

คนในโรงแรมอีกหลายคนมาช่วยหามพวกของบาสขึ้นไปยังห้องพัก

“นี่ค่ะกุญแจห้อง  ห้อง213อยู่ที่ชั้น2นะคะ เดินไปทางด้านซ้ายสุดก็เจอค่ะแล้วถ้าต้องการอะไรให้เรียกคนที่อยู่

บริเวณชั้น2นะคะ ขอบคุณที่ใช้บริการค่า~ ” เมียร์พูดพร้อมกับโค้งคำนับให้พี่แมวอีกทีและหลังจากนั้นก็เดิน

ไปหากลุ่มคนที่ตอนนี้ยินรอเธออยู่อีกฝั่งของโรงแรม

“  เฮ้อ....พูดซะเราฟังไม่ทันเลย ”  พี่แมวถอนหายใจก่อนจะเดินจ้ำอ้าวไปยังชั้น2ของโรงแรมแห่งนี้ 

“ ไหนหว่า......211...212...อ๊ะเจอแล้ว ห้อง213 ”  พี่แมวเข้าไปพร้อมไขกุญแจห้อง

ภายในห้องนั้นมีเตียงขนาดใหญ่อยู่สองเตียงและเตียงที่เป็นกระเช้าเล็กตั้งอยู่กลางห้อง พวกของบาสต่างก็นอน

อยู่บนเตียงแล้ว

“ เฮ้อ......ไหนดูซิบาดเจ็บตรงไหมบ้างหว่า ” พี่แมวเข้าไปสำรวจอาการของแต่ละคนจนครบ

ก่อนไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆห้อง

“ เฮ้อ...ออกมาคุยก็ได้นะตัวฉันอีกคน”  พี่แมวพูดก่อนจะมีควันสีขาวออกมาจากร่างของพี่แมว

“นายเป็นใคร?”  ควันเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นพี่แมวอีกคนแต่มีผมสีชมพูแทน 

“ฉันคือตัวนายอีกคนไงล่ะ....จะพูดไงดีหว่า....เราเป็นวิญญาณเดียวกันแต่ยังไม่สมบูรณ์ ” 

“ เอ๋...งั้นแสดงว่านายจะเข้าสิงร่างฉันเหรอ? ว้าก~ ออกไปจากร่างชั้นเดี๋ยวนี้นะเฟ้ย ”

 พี่แมวผมสีชมพูที่ร้องโวยวายขึ้นก่อนจะโดนพี่แมวอีกคนเอามือปิดปากไว้

“ ใช่ซะที่ไหน ฉันแค่ยืมร่างนายแค่แปบเดียว แถมนายก็ไม่ได้โดนยึดร่างด้วยลองเพ่งสมาธิแล้วลองขยับนิ้วดูสิ ”

 พี่แมวผมสีแดงที่เอ่ยพลางมองไปยังพี่แมวอีกคนที่ตอนนี้หลับตาและกำมือก่อนจะชูนิ้วขึ้น

“ ว่าแต่นายมาเข้าสิงชั้นได้ยังไง? ”  พี่แมวทำหน้าสงสัย

“ นายเรียกฉันเองไม่ไช่เรอะว่าเคล็ดไร้ใจ...”  ชายหนุ่มผมสีแดงทำหน้าขรึมก่อนแสยะยิ้มดูชั่วร้าย

“อ๋อ ตอนนั้นนั่นเอง...เอ๊ะเดี๋ยวเด้!! แล้วเมื่อไหร่จะคืนร่างให้ฉันฟะ!! ”  พี่แมวตะโกนขึ้น

 “จะคืนให้เดี๋ยวนี้แหละ อย่าเรียกผมบ่อยแล้วกันนะครับเพราะจะทำให้วิญญาณคุณกับผมเชื่อมเข้าหากัน” 

 “ นายว่าไงนะ!!”

“ความทรงจำของนายกับของผมจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียวและเมื่อถึงเวลานั้น.....”

 ชายผมสีแดงพูดขึ้นพลางทำหน้าตาชั่วร้ายจนพี่แมวถึงกับค่อยๆถอยออกห่าง 

“เมื่อถึงเวลานั้นนายจะต้องเจอกับความเจ็บปวดเกินบรรยายเลยล่ะ....”

  น้ำเสียงของชายหนุ่มฟังดูชั่วร้ายแต่ผิดกับใบหน้าที่แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่เศร้าสร้อย

 “ เอาล่ะ...ผมขอคืนร่างให้นายเลยก็แล้วกัน....”    ควันสีดำค่อยๆหายไปกับแสงที่ลอดมาจากหน้าต่าง 

  ผมสีแดงเพลิงที่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีชมพูอีกครั้งพร้อมกับตาที่เปลี่ยนเป็นสีดำดังเดิม   

 “แล้วจะจัดการกับพวกบาสยังไงละเนี่ย ” พี่แมวถอนหายใจพลางมองไปยังคณะเดินทางที่กำลังหลับไหล

  “ ขอโทษนะ แต่มันเป็นอารมชั่ววูบ ” พี่แมวที่ค่อยๆย่องไปยังทั้งสามคนที่หลับอยู่บนเตียง......







ป้าย:
หน้า: [1] 2 3 ... 12