GAMEINDY: Asura Online
หน้า: 1 ... 21 22 [23] 24 25 ... 32
ผู้เขียน หัวข้อ: [Special events] 5 spice [รับสมัครผู้เข้าร่วม]  (อ่าน 4500 ครั้ง)
一番の宝物
Hero Member
*****
กระทู้: 6,540

.......


Re: [Special events] 5 spice [รับสมัครผู้เข้าร่วม]
« ตอบ #330 เมื่อ: 30-03-2011, 13:17:13 »

นั่นสิ นี่กิจกรรมส่วนรวมนะยูกิ รีบๆเข้าหน่อย

คนอื่นเขาก็รอเหมือนกัน



SHUT UP
Hero Member
*****
กระทู้: 7,692

Kami Korosu !!!!!


Re: [Special events] 5 spice [รับสมัครผู้เข้าร่วม]
« ตอบ #331 เมื่อ: 30-03-2011, 14:19:07 »

sorry เดี๋ยวจะพิมพ์และ



สนใจจิ้มเลย >0<



SHUT UP
Hero Member
*****
กระทู้: 7,692

Kami Korosu !!!!!


Re: [Special events] 5 spice [รับสมัครผู้เข้าร่วม]
« ตอบ #332 เมื่อ: 30-03-2011, 15:04:41 »

-34-

หลังจากเกิดเหตุการณ์วันนั้นขึ้น ผมก็ไม่เห็น(ไอ)คุณโรวาโน่กลับมาหออีกเลย แล้วกลับได้ยินข่าวลือประหลาด 'ผู้ชายหน้าตาดีไล่ปลํ้าผู้หญิง' วิปริต....วิปริตโครตตตตตตต

ซึ่งไอคนที่ผมด่าว่าวิปริตก็คงจะเป็นโรวาโน่อีกนั่นแหละ เพราะ 1.มันหน้าตาดี 2.มันหื่น 3.มีคนบอกมาว่าหัวดําแซมขาว แล้วเรื่องนี้ทําให้ผมปวดหัวจนแทบจะระเบิด และอีกเรื่องคือ

มีคนเอาเหล้า-เบียร์ บลาๆ... มากินในหอ... ไม่ทราบว่าใครขาย แล้วไม่ทราบว่าคุณครูที่เฝ้าด้านหน้าโรงเรียนตอนเช้าทําไมไม่สังเกตุกัน ปล่อยให้มีของแบบนี้เข้ามาในรร.

ถ้ารู้ว่าใครเอาเข้ามานะ จะจับตอนให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย =_=* แล้วอีกปัญหานึงคือโรงเรียนเราเป็นโรงเรียนระดับแนวหน้าของโลกกกกกกกก(จริงๆ ไม่ได้ประชด)

ทําให้มีดาราเกาหลี อาตี๋ อาหมวย เข้ามาเยอะแยะไปหมด ทําให้เกิดการแหกกฏคือไม่เข้าเรียนไปดี๊ด๊าหน้าห้องดาราแทน พวกสาวน้อยสาวใหญ่ผู้ไม่กลัวเกรงบทลงโทษ ประมาณว่า

'ต่อให้ต้องลุกนั่ง 500 ขอให้ได้ดูดารา' ทางสภานักเรียนจึงต้องออกกฏใหม่ให้โหดกว่าเดิมเพื่อไม่ให้แหก เราจึงมีกฏใหม่นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปคือ 'ใครแหก ต้องกระทืบให้แหลก'

ไม่เป็นไร โรงเรียนออกค่ารักษาพยาบาลให้ หลังจากนั้นก็ไล่ออก.... เพื่อที่จะได้ไม่ต้องกระทืบคน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องตะโกนด่าคนที่แหกกฏ เพื่อที่จะรักษาความโมเอะ(?)ของตัวเองไว้

ผมก็จะขอขลุกอยู่ในห้องตัวเอง ทํางานเอกสารอย่างจําใจ ผมไม่อยากเป็นรุ่นพี่หน้าบาก ประมาณว่าเดินไปที่ไหนคนหายเกลี้ยง...ไม่เอา... แต่เนื่องจากผมเป็นคนเสนอกฏนี้ออกมา

ทําให้ทุกคนนึกว่าผมนี่แหละ 'โหดตัวจริง' จริงแล้วๆผมก็แค่พูดลอยๆว่า 'ก็กระทืบไปซะเลยสิ จะได้หายซ่าส์' กับกลายเป็นว่ารุ่นพี่ในสภานักเรียนเอาจริงซะงั้น (งี่เง่าสุดๆ)

ทําให้ผม...ซวย เดินไปที่ไหนมีแต่คนหนี จะแก้ข่าวตอนนี้ก็ไม่ทัน ผมเลยปล่อยให้มันชิบหายไปเลย ผม...ไม่แคร์เลยซักนิดเดียว !!!!

แล้วผมก็ได้ยินเสียงกรี้ดอันแสนดังสนั่นโลกจากหน้าห้อง.... กล้ามากเลยนะที่มากรี้ดหน้าห้องสภานักเรียน ผมก็คงต้องออกกฏอีกข้อแล้วมั้ง ว่า 'ห้ามดาราทั้งหลายทั้งแหล่มาเดินเฉียดหน้าห้องสภานักเรียน'

มันน่ารําคาญสุดๆ....

"ปัง !"เสียงประตูเปิดเข้ามากระแทกกับพนังอย่างแรง

"ช่วยด้วย~~~"คนที่ร้องเนี่ยแหละที่เปิดเข้ามา และคนที่เข้ามาไม่ใช่เขาคนเดียว... มันพกแฟนคลับมาด้วย...เป็นฝูงเลยโว้ยยย

"กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด คุณชินขาาาาา" ไม่มีความเกรงใจกันเลยนะ...หึหึ

"ออกไปให้หมดเลยโว้ย ไอพวกชะนีทั้งหลายยยยยยยยยยยยย !!!!!!" เนื่องจากเสียงตะโกนที่ดังสุดๆของผมทําให้พวกผู้หญิงหายไปกับสายลม

ไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลย แต่ยังมีตัวต้นเหตุอยู่....

"เอ่อ...ขอบคุณมากครับ"เขากล่าวอย่างนอบน้อม เป็นรุ่นพี่ผมตั้งหลายปีนะเนี่ย

"ไม่เป็นไรครับ" ผมพูดแล้วนั่งลงทํางานต่อ ช่วงเวลานี้เป็นช่วงพัก เลยมีผมทํางานอยู่คนเดียวคือนั่งเคลียร์เอกสาร

"ขออยู่ที่นี่ซักพักนึงได้ไหม รอจนกว่าพวกแฟนคลับจะกลับไปจริงๆ"รุ่นพี่คนนั้นพูดขึ้น น่าเห็นใจนะ = ='

"ตามสบายเลยครับ" แล้วหลังจากนั้นในห้องนี้ก็เงียบสนิท ราวกับไม่มีใครอยู่ มีเพียงเสียงปากกาเท่านั้น....

___________________________________________________________________________

มาแบบเน่าๆ ถ้าไม่ตรงตามนิสัย หรือข้อมูลผิดพลาดอะไรไปต้องขออภัยด้วย












สนใจจิ้มเลย >0<



GøøGle-KunG
Hero Member
*****
กระทู้: 10,361


ถึงเวลา ก็ขอให้โชคดีกะที่ใหม่


Re: [Special events] 5 spice [รับสมัครผู้เข้าร่วม]
« ตอบ #333 เมื่อ: 30-03-2011, 15:22:10 »

แฟนคลับตัวจริง ทำได้จริง!

เหมือนว่ากฏจะไม่ช่วยสะทกอะไรต่อพวกนี้เลย กล้ากันมาก= =



บุย บอร์ดเก่า ไปให้พ้น บอร์ดใหม่
一番の宝物
Hero Member
*****
กระทู้: 6,540

.......


Re: [Special events] 5 spice [รับสมัครผู้เข้าร่วม]
« ตอบ #334 เมื่อ: 30-03-2011, 15:33:35 »

ช่างน่าสงสารจริงๆ=_=



● ρєтсн™
Hero Member
*****
กระทู้: 10,343


Rin Say : ฉันจะไม่ให้เธอเห็นน้ำตาของฉัน ..


Re: [Special events] 5 spice [รับสมัครผู้เข้าร่วม]
« ตอบ #335 เมื่อ: 30-03-2011, 19:14:07 »

ตาเค้าละแฮะ

เดี๋ยวพรุ่งนี้มาแต่งแน่นอนจ้า =w=



Len Say : ผมจะรอไม่ว่าจะนานแค่ไหน!! จนกว่าเธอจะกลับมา
ผมจะเก็บรักษาจดหมายของเธอดั่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของผม
● ρєтсн™
Hero Member
*****
กระทู้: 10,343


Rin Say : ฉันจะไม่ให้เธอเห็นน้ำตาของฉัน ..


Re: [Special events] 5 spice [รับสมัครผู้เข้าร่วม]
« ตอบ #336 เมื่อ: 31-03-2011, 09:07:13 »

-35-

หลังจากที่แอนโทเนียแยกตัวไป ฉันก็ลงมือกินข้าวตามปกติต่อ แต่ดูเหมือนคินจิจะไม่ค่อยอยากกินเท่าไหร่

“นายไม่กินหรอ”

“ไม่ค่อยหิว”
คินจิส่ายหน้าเล็กน้อย

“กินเข้าไปสิ เสียดายข้าว !” ว่าแล้วฉันก็วางช้อนในมือลงและหยิบช้อนของคินจิตักข้าวขึ้นมาแล้วเอาไปจ่อที่ปากของเขา

“ไม่ ..” คินจิยังคงปฏิเสธ

“นี่ อย่าให้ฉันต้องใช้กำลังนะ !”

“ก็ฉันไม่อยากกินนี่ เธอจะบังคับฉันทำไม”
คินจิหันหน้าหนีช้อน เหมือนมานั่งป้อนข้าวให้เด็กเล็กแหะ

“กิน ๆ ไปเหอะน่า นายเป็นคนออกปากชวนฉันมากินข้าวเองนะ !” ฉันยังไม่ลดความพยายาม แต่คินจิก็ยังไม่ยอมอยู่ดี

“ก็ฉันไม่อยากกิน” สงสัยคงต้องใช้กำลังซะแล้ว ว่าแล้วฉันก็เอามืออีกข้างนึงไปจับบริเวณคางและบีบให้ปากมันอ้า

“โอ๊ย ! นี่เธอจาทามอาราย” เขาร้องอย่างเจ็บปวดและพูดไม่ค่อยชัดเท่าไหร่เพราะโดนฉันบีบอยู่

“ฉันจะกรอกข้าวลงหลอดอาหารนายน่ะสิ !” แต่คินจิจะใช่ว่าจะยอมอยู่นิ่ง ๆ ให้ฉันกรอกข้าวลง

เขาขัดขืนพยายามหุบปากให้ได้มิดที่สุด บีบใช้ไม่ได้ละแหะ ฉันตัดสินใจเปลี่ยนท่า วางช้อนลงบนจานก่อนที่จะเอามืออีกข้างมาช่วย

ฉันเอามือขวาจับหน้าส่วนบนและมือซ้ายจับบริเวณคางที่เดิม แล้วพยายามดึงออกเหมือนฉันจะแหกหน้ามันยังไงไม่รู้

คินจิก็พยายามจะแกะมือฉันออกเช่นกัน แต่ฉันต้านไว้โดยเอามือกดลงบนหน้ามันแรงกว่าเดิมเพื่อไม่ให้เขาแกะออกง่าย ๆ

ทุกคนในโรงอาหารแทบจะมองฉันกับคินจิเป็นสายตาเดียวกัน บางคนหัวเราะคิกคัก บางคนมองด้วยความอึ้ง

ไม่นานหลังจากนั้นในที่สุดฉันก็แงะปากมันจนได้ เพราะดูเหมือนคินจิจะหมดแรงไปมากเลยขัดขืนต่อไม่ค่อยไหว

ฉันเอามือซ้ายหยิบช้อนที่ยังมีข้าวอยู่ขึ้นมาและยัดเข้าปากมัน

“อุ๊บ ..” คินจิเอามือปิดปากตัวเองแล้วค่อย ๆ เคี้ยวข้าว

“นายนี่มันป้อนยากกว่าเด็กเล็กที่ไม่ยอมกินข้าวซะอีก !!” ฉันบ่นพลางนั่งกินของตัวเองต่อ

หลังจากที่คินจิเคี้ยวข้าวในปากหมดก็นั่งเฉย ๆ ต่อ

“นี่ กินต่อสิ !!” ฉันสั่งให้คินจิกินต่อ แต่เขาก็ยังนั่งนิ่งเฉย

“กินไปแล้วไง คำนึง”

“นี่นายอยากให้ฉันทำแบบนี้เมื่อกี้อีกใช่มั้ย !”
ว่าแล้วฉันก็วางช้อนลงแล้วกำลังจะแงะปากมันอีกรอบเหมือนในท่าเมื่อกี้ แต่ว่า ..

“นักเรียนคะ ไม่ทราบว่าทำอะไรกันอยู่คะ” มีเสียงหวาน ๆ ดังขึ้นมา แทนที่จะฟังแล้วรู้สึกไพเราะหู


แต่กลับรู้สึกขนลุกตาม ๆ กัน ฉันกับคินจิรุ้สึกได้ถึงรัศมีอำมหิตที่อยู่ข้างหลัง เราทั้งคู่ค่อย ๆ

หันไปหาแหล่งกำเนิดรัศมีพร้อมกันพบคุณครูผู้หญิงที่กำลังสาว ๆ อยู่

หน้าตาสะสวยน่ารักดูอ่อนโยนเหมือนครูที่สอนเด็กอนุบาล ผิวคล้ำนิดหน่อยแต่ก็ถือว่าขาว ผมสีดำเงางามเหมือนผมในโฆษณาซันซิล

ถูกมัดเป็นผมม้าเรียบร้อย มีปอยผมอยู่ข้าง ๆ เล็กน้อย ลำตัวสูงเรียวและหุ่นดียังกับนางแบบ อยู่ในชุดสีน้ำตาลอ่อนเหมือนนักธุรกิจมากกว่าจะเป็นครู

และใส่รองเท้าส้นสูงสีดำ แต่ไม่นึกว่าจะมีรังสีอำมหิตที่ไม่น่าจะมีแผ่ออกมาจากตัวแรงมาก

“เอ่อ .. คือ ..” แล้วฉันก็เงียบ พยายามไปมองตากับครูโดยตรงเหมือนคินจิที่กำลังก้มหน้าหนีครูอยู่

“คิดว่าครูไม่เห็นหรอคะ” เงียบ ..

“อาหารเป็นของกิน ไม่ใช่ของเล่นนะคะนักเรียน รู้มั้ยว่าข้าวน่ะกว่าจะได้มา ชาวนาเขาลำบากแทบตาย” อ้าวครู หนูไม่ได้เล่นซะหน่อย

หนูบังคับให้คินจิกินข้าวตะหากล่ะ .. เดี๋ยวครูหาว่าเถียงอีก สงสัยได้มีเทศยาวแหง ๆ




หลังจากที่ครูบ่นเสร็จ ฉันกับคินจิลงมือทานข้าวต่อ ข้าวเย็นหมดเลยแหะ .. จริง ๆ ที่ยาวน่ะเพราะครูไปพูดเรื่องอื่นมากกว่า เพราะไป ๆ มา ๆ

กลายเป็นพูดถึงวิธีปลูกข้าวและต่อมาอีกกลายเป็นมารยาทในการรับประทานอาหารบนโต๊ะเฉย ครูโรงเรียนนี้พูดเก่งทุกคนอย่างนีเลยหรอเนี้ย

แต่คงจะสู้ผอ.ไม่ได้หรอก .. หลังจากที่ฉันกับคินจิเอาจานไปเก็บก็เดินออกมาจากโรงอาหารโดยไม่มีใครพูดอะไร .. อีกแล้ว

ฉันไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน คินจิก็ไม่มีที่จะไปเหมือนกับฉันจึงเดินด้วยกันไปเรื่อย ๆ รอบโรงเรียน .. จะว่าไป ทำไมฉันถึงเผลอมาเดินกับคินจิด้วยนะ

ช่างมันเถอะ

“นี่ ไปนอกโลงเลียนกัน” คินจิชวนฉันอีกครั้ง

“แล้วไปไหนล่ะ”

“เดินไปเลื่อย ๆ”
มันก็ไม่ต่างอะไรจากที่เดินในโรงเรียนน่ะสิ เอาเถอะ ถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศ

“ก็ได้” ฉันยอมรับคำชวนและเดินออกนอกโรงเรียนพร้อมกับคินจิ




บทนี้มาสั้น ๆ มั่ว ๆ หน่อย =_="

ตอนที่มันแงะปากคินจิอาจจะบรรยายแย่หน่อย เพราะอธิบายไม่ค่อยถูกเหมือนกัน



Len Say : ผมจะรอไม่ว่าจะนานแค่ไหน!! จนกว่าเธอจะกลับมา
ผมจะเก็บรักษาจดหมายของเธอดั่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของผม
●♫•Kαnαмe Äi•♫●
Hero Member
*****
กระทู้: 2,201

คำคมที่เจ็บปวดที่สุด คือเธอมันแย่ที่สุด!


เว็บไซต์
Re: [Special events] 5 spice [รับสมัครผู้เข้าร่วม]
« ตอบ #337 เมื่อ: 31-03-2011, 11:48:31 »

อุตสาห์หาเงินมาเติม นึกว่าถึงเทิร์นละ - -

พรุ่งนี้จะมาดูอีกรอบ

แต่งสนุกมากค่ะเพชร ^^

一番の宝物
Hero Member
*****
กระทู้: 6,540

.......


Re: [Special events] 5 spice [รับสมัครผู้เข้าร่วม]
« ตอบ #338 เมื่อ: 31-03-2011, 20:28:23 »

-36-

ช่วงนี้ฉันอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เนื่องจากคืนดีกับพี่ชายและพูดกันได้อย่างสงบเสงี่ยมเหมือนเดิม ได้รู้จักกับเพื่อนของพี่ชายพร้อมเล่าวีรกรรมของตัวเขาเวลาเมาเละเทะ แถมยังมีข่าวลือแปลกๆออกไปเมื่อคืนก่อนที่ฉันจะคืนดีกับพี่ว่า 'ผู้ชายโรคจิตเมาเหล้าวิ่งไล่ปล้ำสาวๆในโรงเรียน'

และที่มีความสุขที่สุดก็คือแอบจับคู่ให้นาริและคุณชินนั่น หลังจากที่เธอมาระบายอารมณ์กับฉันจนเผลอหน้าเหวอไปอย่างรวดเร็ว เพราะนาริบอกว่าเธอจะต้องแกล้งเป็นแฟนกับคุณชิน

..อุ๊..อุ๊..ไม่แกล้งก็เหมือนนะ..คิกๆ

"เป็นอะไร ยิ้มหน้าบานอีกแล้ว"เสียงพี่ชายทักฉันจนหลุดจากภวังค์ ฉันหันไปมองพี่อย่างงุนงง

"อ้าว ? งงอะไรอีกล่ะ ก็พี่เห็นเธอนั่งยิ้มมีความสุขและหัวเราะคนเดียวบนเตียง มันทำเอาดูหลอนๆแปลกๆ"

"อ้อ..ขอโทษนะ พอดีมีเรื่องให้สบายใจเยอะแยะเลยแหละ"ฉันยิ้มตอบกลับ ก่อนจะยกหนังสือที่อ่านค้างไว้มาอ่านต่อ


และแล้วตอนหกโมงเย็นก็มาถึง  สายตาฉันจับจ้องมองดวงอาทิตย์กลมโตที่กำลังจะลาลับขอบฟ้าอย่างเหม่อลอย เมื่อรู้ตัวอีกที นาริก็ขึ้นห้องพักมาชวนฉันไปกินข้าวเสียแล้ว

ระหว่างที่เดินไปโรงอาหาร ฉันฮัมเพลงอย่างมีความสุข เพราะว่าพี่ชายมากินข้าวเป็นเพื่อนฉันและนาริด้วย แต่แล้วพวกเราทุกคนก็พบคุณชินที่นั่งยิ้มแฉ่งรอนาริมาทานข้าวที่โต๊ะอาหาร เธอทำหน้าอารมณ์เสียเล็กน้อยและรู้สึกขัดใจ ก่อนจะรีบเดินไปหาเขาอย่างรวดเร็วแล้วบ่นเบาๆ แต่พอทำให้ฉันกับพี่ชายได้ยิน

"นี่นาย..มาหาฉันทำไมกัน ! ..วันนี้ฉันจะกินข้าวกับเพื่อน !"นาริตอบด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว แต่คุณชินกลับยิ้มเริงร่าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

"ผมอยากกินข้าวกับคุณ..และเพื่อนๆนี่"ว่าแล้วเขาก็ปรายตามามองฉันกับพี่ชายที่ยืนหน้าเอ๋อไม่รู้เรื่องราวอยู่ เขาส่งยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตรมาให้ทำเอาฉันเหลอหลาทำอะไรไม่ถูกแต่ก็ต้องยิ้มแหยๆกลับไป

พวกเราทานอาหารด้วยกันสี่คน แอนโทเนียกับอาเรียหายไปไหนไม่รู้ ทั้งสองคนคงจะทานข้าวตอนห้าโมงเย็นไปแล้วล่ะมั้งหรืออาจจะทานตอนดึกๆพวกเราก็ไม่ทราบ แต่ที่รู้คือนาริกับคุณชินกัดกันแทบตาย ส่วนฉันกับพี่ชายได้แต่แอบนั่งหัวเราะเล็กๆ

"อิ่มจังเลย..งั้นเดี๋ยวไว้เจอกันพรุ่งนี้เช้านะแก"นาริยิ้มหยีตาให้ฉัน ฉันยิ้มตอบรับก่อนจะพยักหน้าแล้วปิดประตูห้อง

แปะ..แปะ..แปะ..

เสียงหยดน้ำที่ค่อยๆหล่นโปรยปรายจากท้องฟ้ายามค่ำคืนโดยมีเมฆสีหม่นประดับไว้ ฉันกับพี่ชายหันไปมองตรงหน้าต่างก็พบว่าฝนเริ่มทวีคูณความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นเสียงฟ้าผ่าและฟ้าร้อง

เปรี้ยง !!

"กรี๊ดด !!"ฉันเผลอหลุดปากกรีดร้องออกไปด้วยความกลัว ฉันเป็นคนที่กลัวเสียงฟ้าร้องมาแต่ไหนแต่ไร จนต้องไปนอนกอดพี่เวลาฝนตกทุกคืน ไม่งั้นก็จะนอนร้องไห้ไม่หลับเพราะหวาดกลัว

พรึ่บ !!

และแล้วสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดก็เกิด เมื่อไฟในห้องเริ่มติดๆดับๆก่อนจะมันวูบลงไปในที่สุดทำเอาฉันผวาเผลอนั่งลงบนเตียงก่อนจะกวาดสายตาท่ามกลางความมืด

"พี่..อยู่ตรงไหนอ่ะ.."

"อยู่นี่ๆ เจอไฟฉายแล้ว"เสียงดังมาจากหน้าโต๊ะหนังสื อจนสายตาฉันเริ่มปรับกับความมืดได้ก็พบเงาตะคุ่มๆของพี่ที่กำลังก้มๆเงยๆหาไฟฉาย แล้วหยิบมันขึ้นมาส่องที่หน้าฉัน ส่วนตัวเองที่ไม่รู้อะไรก็ได้แต่กระพริบตาปริบๆ

ครืนน..ครืน..

เสียงฟ้าร้องดังมาแต่ไกลทำเอาฉันสังหรณ์ใจไม่ดี กลัวว่ามันจะเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง จึงรีบคว้าผ้าห่มพี่มาแล้วคลุมตัวเองไว้

"นี่เธอยังกลัวเสียงฟ้าร้องอยู่หรอเนี่ย ?"เสียงดังมาจากนอกผ้าห่มที่ฉันคลุมโปงอยู่ ฉันตอบไปเบาๆ ก่อนเสียงหัวเราะจะดังขึ้นทำเอาฉันต้องเอาหน้าออกไปจากผ้าห่มแล้วแหวทันที

"ทำไม ! มันมีอะไรน่าขำ ?"

"โอ๊ะโอ..อย่าโกรธสิๆ"จะไม่ให้โกรธได้ไงล่ะ ก็เล่นขำไม่หยุดแบบนี้

"ไหน ? จะนอนกอดพี่เหมือนตอนเด็กๆอีกรึเปล่า ?"เสียงอันอบอุ่นดังขึ้นทำเอาฉันถึงกับต้องก้มหน้างุดเพราะไม่อยากให้เห็นสีหน้าตอนนี้ ก่อนจะตอบเหมือนบ่นอุบอิบ

"ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ.."

เปรี้ยง !!

เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นจนทำฉันแสบแก้วหู รู้สึกตัวอีกทีก็กรี๊ดเสียงดังลั่นจนพี่ต้องมาโอบตัวฉันไว้ไม่ให้หวาดกลัว

"ปล่อยเลยนะ.."ฉันดิ้นขลุกขลักพยามผละออกมาจากอ้อมกอดแล้วหนีขึ้นเตียงตัวเอง แต่ว่ายังไงก็ถูกกักตัวเอาไว้แน่นหนาเหมือนถูกล็อคไว้ด้วยโซ่

"ไม่เอาน่า..เดี๋ยวเธอก็แหกปากร้องอีกหรอก"น้ำเสียงยั่วโทสะกวนอารมณ์ฉันเล่นๆดังขึ้นข้างๆหูทำเอาฉันเบือนหน้าหนี

"ไม่ใช่เวลามากวนประสาทฉันนะ.."

"เอาล่ะ นอน! พรุ่งนี้เข้าเรียนวันอังคาร !"พี่บอกเสียงเข้มก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงพร้อมๆกับฉัน ไม่ใช่ว่าอยากนอนด้วยหรอกนะ แต่ว่ามือของพี่โอบเอวฉันไว้อยู่ก็เลยล้มลงนอนด้วย

จะว่าไปแล้ว..ก็..ง่วงๆ..เหมือนกันแฮะ..

ฉันหาววอดหนึ่งก่อนจะพริ้มตาหลับลงไป เสียงฟ้าร้องฟ้าผ่านั้นไม่ได้เข้าหูเลยแม้แต่น้อย รู้แต่เพียงว่า..

..อบอุ่น..เหลือเกิน..



一番の宝物
Hero Member
*****
กระทู้: 6,540

.......


Re: [Special events] 5 spice [รับสมัครผู้เข้าร่วม]
« ตอบ #339 เมื่อ: 31-03-2011, 20:28:53 »

บทนี้บรรยายไม่ดีเลย- -' เพราะว่าไมได้เข้าถึงความรู้สึก

เน่าแอนด์เละไปมากยังไงก็อ่านๆไปเหอะ= =



●♫•Kαnαмe Äi•♫●
Hero Member
*****
กระทู้: 2,201

คำคมที่เจ็บปวดที่สุด คือเธอมันแย่ที่สุด!


เว็บไซต์
Re: [Special events] 5 spice [รับสมัครผู้เข้าร่วม]
« ตอบ #340 เมื่อ: 03-04-2011, 17:10:12 »

[.-_36_-.]

“โอ๊ย !! เบาๆหน่อยสิ ทำไมต้องรุนแรงด้วยเนี่ย” ราเชลร้องขึ้นอย่างเจ็บปวดรวดร้าว ขณะที่ฉันกดสำลีชุบยาแอลกอฮอล์ลงที่แผลของเขา แต่ฉันทำเบาที่สุดแล้วนี่ - -

“อะไรกันคะ เมื่อกี้ยังแข็งแรงอยู่เลย ทำไมตอนนี้ถึงอ่อนแอเป็นเด็กไร้เดียงสาได้ล่ะ” ฉันพูดประชดออกไป ก็มันจริงมั้ยล่ะ เมื่อกี้ยังบู้ได้แบบไม่เหนื่อย แข็งแรงเกินปริยาย แต่มาตอนนี้ แค่แอลกอฮอล์โดนแผลนิดหน่อยดันร้องโอดโอย

“... ก็เมื่อกี้มันสนุกดีนี่ ที่ได้ออกแรงกับพวกคนชั่วๆน่ะ”

“งั้นหรอคะ”
ฉันพูดพลางยิ้มอย่างร่าเริง ก่อนจะกดสำลีไปที่แผลมุมปากของเขาเต็มแรงเกิด

“โอ๊ย !! ทำอะไรเนี่ย !” ราเชลสบถออกมาอย่างดัง นี่ไม่เกรงใจฉันก็เกรงใจอาจารย์บ้างก็ดีนะ

“ก็ทำให้รู้สำนึกไงคะ” ฉันตอบเสียงเรียบ พลางเปลี่ยนสำลีใส่ยาตัวใหม่เพื่อบรรเทาอาการของแผล

“สำนึกอะไรของเธอ” ราเชลพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังปานกลาง แฝงด้วยความนัยที่โกรธอยู่นิดๆ แต่จิตใจภายในก็ลบล้างมันไปหมดสิ้น

“ก็สำนึกว่าอย่าอวดเก่งไงคะ” ฉันยังคงตอบกลับไปไม่ลดละ นี่จะกลายเป็นสงครามปากเลยรึไงเนี่ย

“แต่-ว..”

“เงียบเถอะนะคะ เดี่ยวแผลไม่หายนะ”
ฉันบอกกับราเชลด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลง และหวังว่าเขาคงเข้าใจ เพราะเขาพูดมากเกินไปทำให้ลำบากต่อการทำแผลที่มุมปาก…


“เสร็จแล้วค่ะ” ฉันพูดหลังจากใช้ผ้าก็อตปิดที่แผลบนมุมหน้าผากของเขาเรียบร้อย ถ้าโดยรวมแล้ว มีบาดแผลแค่สามจุด อะไรกันป้องกันตัวเองได้เก่งขนาดนั้นเนี่ย

“ขอบใจ” ราเชลกล่าวคำขอบคุณพร้อมลุกขึ้น และมีท่าทีว่าจะเดินออกไป

“ไม่เป็นไร เอ่อ...ขอบคุณเหมือนกันนะ...ราเชล” ประโยคแรกฉันพูดออกไปอย่างเต็มเสียง แต่ประโยคหลังฉันพึมพำออกไปเบาๆ และไม่คิดว่าเขาจะได้ยิน

แต่ราเชล เขาได้ยินเต็มสองรูหู และด้วยเสียงที่เบาหวิวนั้น ทำให้เขาหยุดชะงักจากการที่จะเดินออกไป พร้อมกับหันกลับมาที่ฉัน

“อืม...ไปหาไรกินกัน” ราเชลบอกกับฉันพร้อมทั้งยิ้มร่า จะว่าไปตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว แต่ฉันยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยนี่ เพราะเสียเวลาอยู่ชั่วโมงกว่าๆกับเรื่องบ้าๆนั่น แล้วยังมาเสียเวลามาช่วยทำแผลให้ราเชลที่แสนดื้อรั้น จนกินเวลาไปชั่วโมงกว่า แต่...ทำไมเหมือนทุกอย่างมันเพิ่งผ่านไปแค่แปปเดียวเองนะ

“อ..อืม ก็ได้” ฉันตอบกลับไปอย่างตะกุกตะกัก นี่ฉันคิดถูกหรือผิดกันนะ ที่ตกลงไปทานข้าวกับเขาน่ะ…

ตอนนี้เราสองคนนั่งทานข้าวอยู่ที่โรงอาหาร ทั้งโต๊ะมีฉันกับราเชลแค่สองคน แต่เรานั่งคนละฝั่งกัน ต่างคนต่างเงียบไม่พูดอะไร ฉันคิดว่าเราสองคนก็คงไม่มีเรื่องอะไรจะพูดจริงๆ

แต่จะว่าไปถ้าให้พูดถึงราเชล ฉันคิดว่า เขาคือบุคคลคนหนึ่งที่ฉันไม่ควรจะเข้าใกล้ เพราะยังไงซะเขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชายเพลบอย แล้วยังมีสาวๆหลายคนมารุมชอบ ถึงขนาดย้ายโรงเรียนมาอยู่ที่ประเทศไทยตาม อักทั้งว่าฉันยังไม่รู้จักเขาดีเท่าไหร่ เราแค่บังเอิญเจอกันเท่านั้นเอง แล้วทุกสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ มันอาจจะไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเขาก็ได้

“แอน...” ราเชลปริปากขึ้น ทำฉันตกใจจนสะดุ้งนิดหน่อย เพราะไม่รู้ว่าเขาจะพูดออกมา

“อะไร เรียกชื่อฉันกลัวลืมชื่อหรอ” ฉันขานรับอย่างกวนๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี แต่จะพูดคำสั้นๆแทนดีมั้ยนะ

“เอ่อ...คือว่า...” ตะกุกตะกักอยู่ได้ ทำไมไม่รีบพูดซะทีนะ จะถ่วงเวลาให้ฉันอยู่กับนายนานๆหรือไง ฉันไม่อยากให้สาวๆที่รุมชอบนายมองฉันผิดหรอกนะ

“เอ่อ...เอ่ออะไรคะ รีบพูดมาสิ” ฉันเร่งเขาให้พูด เพราะกลัวเหตุการณ์ที่สาวๆทั้งหลายรุมเข้าใจผิดไปอย่างอื่นเกินเลยคำว่าเพื่อน จนทำให้ฉันต้องลำบาก เกิดขึ้นจากการที่มาเห็นฉันและเขานั่งทานข้าวด้วยกัน

“...เอ่อ...อ๋อ ทำไมเธอถึงไปอยู่ที่นั่นได้ล่ะ” โธ่ นึกว่าจะพูดอะไร อมไว้ตั้งนาน เรื่องแค่นี้น่าจะพูดให้เร็วซะสิทำเหมือนกับ ไม่กล้าพูดออกมาแล้วเปลี่ยนเรื่องกะทันหันอย่างงั้นแหละ เอ๊าะ เปลี่ยนกะทันหันหรอ....

“เผอิญว่าฉันเดินผ่านไปแถวนั้นน่ะ” ฉันตอบปัดๆ พร้อมตักอาหารในจานขึ้นมาทานต่อ เพื่อไม่ให้เสียเวลา และไม่ให้ความคิดของฉันฟุ้งซ่านไปกับคำพูดและความสงสัยในใจเมื่อกี้

“เดินผ่าน แค่เดินผ่านทำไมต้องเข้าไปที่นั่นด้วยล่ะ” ราเชลยิงคำถามมาที่ฉันอีก นี่เขาเดินเข้าไป ไม่ได้สังเกตดูรูปภาพเลยหรือไงนะ

“ก็ที่นั้น มันเป็นที่แห่งความทรงจำของฉันนี่” ตอนนี้ฉันมีอารมณ์ตอบแค่เสียงเรียบๆ และคงตอบแบบอื่นไม่ได้แล้วล่ะ ทำไมเขาต้องถามเรื่องนี้ด้วยนะ

“ ฉันทำให้เธอรู้สึกไม่ดีหรือเปล่า ถ้ามันทำให้เธอรู้สึกไม่ดี ฉันจะไม่ถามเธอเรื่องนี้แล้วล่ะ...เอ่อ ฉันขอตัวไปซ้อมบาสก่อนนะ อีกสองอาทิตย์ก็แข่งแล้ว”

“อืม...ไปเถอะ” สิ้นเสียงที่แสนเรียบเฉยของฉัน ราเชลก็เดินออกไปแบบเงียบๆทันที เฮ้อ~ โล่งแล้ว

คิดถึงอาเรียจัง ตอนนี้เธอทานข้าวหรือยัง แล้วกำลังทำอะไรอยู่นะ จะไปหาก็กลัวว่าจะรบกวนซะด้วยสิ ทำยังไงดีนะ เหงาจัง...

“เฮ้ !! ส่งมาทางนี้สิ !!” เสียงหนึ่งดังขึ้นขณะที่ฉันยังอยู่ในอารมณ์ที่เศร้าหมองเพราะความเหงา แต่เสียงนี่ ทำไมถึงคุ้นหูของฉันจังเลยนะ

“รับนะ !!”

“ตีให้ถูกสิ เดี๋ยวแพ้นะ !!”

“เราไม่ยอมแพ้หรอกน่า”

“อย่าลืมสิ ใครแพ้เลี้ยงข้าวนะ เราสู้ตายอยู่แล้ว”

“งั้นหรอ ~ ฮึ๊บ!”


เสียง เสียงพวกนี้มัน เสียงของเพื่อนคนสนิททั้งหกคนของฉันนี่ ถ้าฉันจำไม่ผิด ต้องเป็นพวกเขาแน่ๆ  ต้องใช่แน่ !!

ฉันรีบวิ่งไปยังสนามบอลเล่ย์บอลที่อยู่ทางทิศตะวันออกของโรงเรียนทันทีที่คิดถึงเสียงต่างๆนั่นอยู่พักหนึ่ง และฉันต้องดูให้เห็นกับตา ว่าคือพวกเขา !!

“ทุกคน !!”  ฉันตะโกนเรียกเพื่อนสาวคนสนิทขึ้นเต็มเสียงทันทีที่พบหน้า พวกเขาทำหน้างุนงงซักพักก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่สนใสร่าเริงมากขึ้น ไม่รอช้า ฉันรีบวิ่งไปหาทุกคนอย่างรวดเร็วด้วยความคิดถึง

“คิดถึงจังเลยเพื่อน” เสียงแหลมเล็ก แต่ฟังแล้วน่ารักของหญิงสาวผมสีบลอนด์เป็นลอน นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเล ผิวขาวเหมือนไข่ปลอก และน่าตาน่ารักน่าชังดังขึ้นต่อหน้าฉัน และฉันจำได้ไม่เคยลืม ว่าเพื่อนคนนี้เป็นใคร

หญิง คิดถึงเธอจัง” ฉันบอกกับเพื่อนสาว พร้อมโผกอดเข้าด้วยความคิดถึงที่เปี่ยมล้น

“ไม่คิดถึงเค้าบ้างเลยหรอ” เสียงหนึ่งดังขึ้น ปรากฏพร้อมร่างหญิงสาวผมยาวสลวยสีดำสนิท ที่มีนัยตาสีน้ำตาลเข้ม ผิวขาวอมชมพู ที่กำลังเดินตรงมาที่ฉันพร้อมเพื่อนอีกสี่คน

“ใครจะไปลืมเพื่อนคนนี้ได้ลงล่ะมิ้นฉันพูดปลอบแบบหยอกล้อ พร้อมโผกอดเพื่อนคนนี้อีกคนพร้อมกอดกับทุกๆคนด้วยความคิดถึง ดีใจจังวันนี้เจอเพื่อนครั้งเดียวหกคน แถมคนสนิททุกคนด้วย

“ไปไหนมาหรอ ไม่เจอซะนานเลยนะ” ฉันถามทุกคนพลางนั่งลงที่สนามหญ้าใต้ร่มไม้ของโรงเรียน

“ความจริง...เราไม่ได้หายไปไหนซะหน่อย” หญิงสาวผู้มีเส้นผมสีน้ำตาลเข้มเกือบดำยาวสยายถึงกลางหลัง นัยตาสีเขียวอ่อนเป็นประกายสดใส ผิวขาวอมชมพูเนียนนุ่ม เพราะได้รับการดูแลมาเป็นอย่างดี พูดขึ้นด้วยเสียงเรียบๆ พร้อมกับนั่งลงข้างๆฉัน คุณหนูแสนสวยและอ่อนหวานคนนี้น่ะ โมคนเดียวเท่านั้นแหละ

“ใช่แล้วล่ะ เพราะเราไม่ได้ไปไหนเลย” อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น พร้อมร่างของสาวผมสั้นสีดำสนิท นัยน์ตาสีน้ำเงินอ่อน น่ารักเข้ากับรูปทรง ที่นั่งลงข้างๆฉันอย่างเงียบเชียบ

“ ไม่ได้หายไปไหน แล้วทำไม ฉันถึงไม่เจอทุกคนล่ะ อ้อ ฉันถามเพื่อนสาวอย่างสงสัย

“ถามบ๋อมดูสิ”

“ว่าไงบ๋อม บอกฉัน ได้มั้ย”
ฉันพูดพร้อมกับหันหน้าไปทางหญิงสาวผมยาวตกบ่าสีน้ำตาลแดง นัยน์ตาสีแดงเพลิงคมเข้ม และผิวที่ขาวไม่มีที่ติ

“ฉันบอกแล้วไง ว่าเราไม่หายไปไหนทั้งสิ้น เราอยู่ข้างๆแอนเสมอนะ ลืมแล้วหรือไง คำสัญญาของพวกเราน่ะ” เสียงที่แสนเรียบแต่แฝงด้วยความร้อนแรงของบ๋อมดังขึ้น ทำให้ฉันคิดได้...คำสัญญานั่นน่ะ

“ แม้ฟ้าจะแตกสลาย หรือโลกจะพังทลาย...เราก็จะไม่ทิ้งกัน” หญิงสาวผมสีดำแกมแดงยาวประบ่า นัยน์ตาสีฟ้าอ่อน เอ่ยปากขึ้นหลังจากเงียบมานาน

“นั่นสินะ คำสัญญาของเรา” มิ้นพึมพำเบาๆ พร้อมกับคิดอะไรเรื่อยเปื่อยแบบที่จินตนาการไม่มีหยุดต่อไป

“อืม...ฉันไม่เคยลืมเลยล่ะ ความสัมพันธ์ในวันวาน หวนกลับคืนมาแล้ว” โมพูดอย่างร่าเริง เธอคนนี้ไม่เปลี่ยนเลยนะ

“ว่าแต่ เมื่อกี้ได้ยินว่าเลี้ยงข้าวอะไรกันหรอ” ฉันพูดตัดบทจากเรื่องคำสัญญา เพราะเพิ่งคิดได้ถึงคำพูดของพวกเขาขณะเล่นบอลเล่ย์

“อ๋อ~ นั่นเรากำลังแข่งบอลกันน่ะ  ใครแพ้ ต้องเลี้ยงข้าว” เสียงที่แสนอ่อนหวานของพลอยดังขึ้นอีกครั้งพร้อมร่างของเธอที่ค่อยล้มลงไปนอนราบกับพื้นหญ้า

“และผลปรากฏว่า เสมอกัน” หญิงแทรกขึ้นมาทันทีเมื่อพลอยพูดจบ ทำเอาเราทุกคนหัวเราะกันยกใหญ่อย่างมีความสุข

“อดเลยอ่ะ” อ้อบ่นอุบอิบ นี่หวังอะไรกันเนี่ย

“เพราะฉันหรือเปล่า” ฉันถามทุกคนไปตรงๆ ตอนนี้ทุกคนอยู่ภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้มมีความสุข ทำอะไรซักอย่างเพื่อทุกคนบ้างดีมั้ยนะ

“ไม่หรอก พวกเราเก่งกันเอง เราเท่าเทียมกันก็เลยเสมอกัน” โมพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี

“ถ้างั้น...วันนี้ฉันเลี้ยงทุกคนเอง เอามั้ย เป็นการฉลองที่เจอกันด้วยไง” ฉันบอกทุกคนพลางยิ้มร่าอย่างมีความสุข โดยลืมความอิ่มหนำที่เพิ่งรับไปเมื่อกี้ในชั่วพริบตา ส่วนทุกคนก็ยิ้มอย่างมีความสุขไม่แพ้กัน

และนั่นคือสัญญาณว่าความสุขของพวกเรา มันเริ่มบังเกิดขึ้นอีกแล้วล่ะ...




เน่านิดๆไม่ว่ากันนะ ^^

GøøGle-KunG
Hero Member
*****
กระทู้: 10,361


ถึงเวลา ก็ขอให้โชคดีกะที่ใหม่


Re: [Special events] 5 spice [รับสมัครผู้เข้าร่วม]
« ตอบ #341 เมื่อ: 03-04-2011, 18:48:36 »

-37-

  "ชั้นล่ะกลุ้มใจจริงๆ" เสียงใสของนาริที่หม่นลงไปจากเดิม เนื่องด้วยเหตุที่หลังจากตัวสาวน้อยเองไปสนทนาข้อตกลงกับชายหนุ่มแล้ว

ว่าจะให้ดำเนินการต่อไปยังไง ถึงจะนั่งเถียงอยู่นานสองนาน ข้อสรุปทางออกที่ดีที่สุดแต่ก้แย่ในความคิดของเธอเองก็ไม่สามารถหนีไป

ได้พ้น นั่นคือ "แกล้งเป็นแฟน(ไอ่บ้านี่)" ข้อเสนอที่ดูฉาบฉวยแต่ก็เป็นทางเลือกสุดท้าย ในเมื่อมืดแปดด้านจริงๆ

ต่อให้เสนอแล้วว่าจะคอยกันท่าสับรางขบวนรถไฟสารพัดให้ ตัวสาวน้อยเองแหละที่จะเหนื่อยกว่าใครเพื่อน

ชายหนุ่มที่ดูมีท่าทีในตอนนั้นก็ขอร้องแบบสุดฤทธิ์สุดเดชซะด้วยสิ จะให้ปฏิเสธก็ดูเหมือนจะใจจืดใจดำเกินไป

ในที่สุดผลลัพธ์ของข้อตกลงก็ออกมาในแบบที่เธอไม่อยากแม้แต่จะคิด

 "แหม ก็แกดันใจอ่อนออกปากจะช่วยเขาเอง ถ้าเจอแบบนี้เข้าก็ไม่ใช่เรื่องแปลก" ผู้เป็นเพื่อนสาว โลวาน่ากล่าวเสียงใส

เพื่อให้บรรยากาศที่คุยกับเพื่อนตัวเองดูไม่เป็นในแนวมาคุเครียดกดดันมากเกินไป หากแต่อีกฝ่ายยังกุมขมับกรีดร้องออกมาเป็นระยะๆ

 "จะบอกให้ชั้นยอมรับความจริงใช่มะ" นาริซึ่งตกอยู่ในภาวะมืดแปดด้านอีกครั้ง ส่งเสียงออกมากระปอดกระแปด

เพื่อนสาวของเธอซึ่งไม่รู้จะเลือกคำตอบอะไรอื่น จึงได้แต่พยักหน้าช้าๆตอบให้เชิงว่า ใช่

 "เอ่อ เอาน่ะๆ ในเมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้ว แกนั่งเครียดก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี และ..." โลวาน่าแตะรีมฝีปากตัวเอง ก่อนรอยยิ้มเล็กๆ

จะผุดขึ้นมาเนืองๆ ให้ท่ากับประโยคถัดไปที่จะพูดได้อย่างดี

 "แกก็ เต็มใจอยู่ใช่มะล่า~" คำกล่าวของเพื่อนสาวทำให้สาวน้อยนาริที่สับสนอยู่ปรี๊ดแตกขึ้น ตั้งท่าจะลุกขึ้นเถียง

แต่กลับถูกเพื่อนสาวฉุดให้นั่งลง มืออีกข้างขึ้นนิ้วชีที่ริมฝีปากตัวเองเป็นสัญญาณบอกให้สงบเงียบไว้ก่อน

 "โอเค ชั้นไม่พุดไปมากกว่านี้ก็ได้ ชั้น... ปล่อยให้แกมารู้ตัวเองน่าจะดีกว่า" คู่นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มกลอกไปทางอื่น

ในท่าทีที่อีกฝ่ายที่ฟังอยู่ถึงกับเงียบลงไป แล้วเมินหน้าไปคิดทางอื่นเพื่อหาความสงบในการครุ่นคิด

โดยเพื่อนสาวที่เห็นท่าทีก็รู้ว่านาริอาจต้องการความสงบในการทำความเข้าใจกับความรู้สึกตัวเอง หล่อนจึงขอตัวไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกล

จากโต๊ะม้าหินอ่อนที่ทั้งสองนั่งคุยอยู่นี้

 ความคิดกับความรู้สึกในหัวของสาวน้อยนาริตีกันไม่เป็นระเบียบ เธออาจต้องใช้เวลาในการเรียงระเบียบขั้นตอนในการตัดสินใจสิ่งทีเธอจะ

ทำต่อไป หากความคิดแต่เดิมที่คิดว่าแค่อยากจะช่วยเหลือเขา โดยที่จริงๆแล้วมันก็ไม่ควรมีอะไร แต่ความรู้สึกอีกด้าน

กลับรุ่มร้อน ตื่นเต้น บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าดีใจ หรือเกรงในสิ่งความรู้ชอบชั่วดีของมนุษย์ แต่มันก็ทำให้เธอรู้สึกได้ว่า

อบอุ่น มีความสุขเมื่อได้อยู่ได้ใกล้ชิดกับเขา แต่ถึงอย่างไรก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าสิ่งที่เธอทำมันจะดีต่อภาพพจน์ของเขา

หรือแม้กระทั่งความรู้สึกของตัวเองหรือไม่ มันก็ควรจะปล่อยให้เรื่องมันเกิดไปตามสภาพที่ควรจะเป็นเท่านั้น...

 
  "กริ๊งงงง...."

 เสียงกริ่งเลิกเรียนดังขึ้นตามวิสัย นักเรียนทุกช่วงชั้นต่างเก็บสัมภาระเดินออกจากห้องเรียนของตนพลุ่กพล่าน

ขณะที่สาวน้อยนาริโบกมือลากับเพื่อนสาวตนเอง แล้วหันหลังขวับเดินเลาะทางเดินออกไปจากตึก

 ในเวลาเย็นโพลเพล้ ดอกไม้ที่อยู่ตามริมทางเดินของโรงเรียนต่างส่งกลิ่นหอมชวนชื่น หากใครพอมีความรู้เกี่ยวกับดอกไม้

ก็ต้องทราบว่าดอกไม้เหล่านี้จะส่งกลิ่นให้ในเวลาเย็นโพล้เพล้เท่านั้น สาวน้อยนาริที่เริ่มจะสนใจก็อดที่จะนึกอีก

ไม่ได้ว่า ถ้หากมีเวลาว่างเธอต้องรู้รายละเอียดเจ้าดอกไม้พันธุ์นี้ให้ได้ เพราะตามเดิมเธอไม่ค่อยคุ้นเคยกับดอกไม้

เมืองร้อนเสียเท่าไหร่ การที่จะได้เจอพันธุดอกไม้ใหม่ๆนี้ก็น่าจะเป็นสิ่งที่เสริมสร้างประสบการณ์ให้กับตัวเองได้ดียิ่ง

 สาวน้อยนาริที่เดินตามทางอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะสูดกลิ่นหอมสดชื่นของดอกไม้ข้างทางในระหว่างเดินไปตามสิ่งที่นัดพบไว้

ซึ่งก็สิ่งที่เธอไม่อยากจะคิดถึง ยามที่เธอคิดอารมณ์ความรู้สึกของเธอก็แปรตีกันไม่ถูก ยิ่งการนัดเจอกับชายหนุ่มคราวนี้

ก็เพื่อดำเนินตามแผนในขั้นตอนที่ยากที่สุด เรียกง่ายๆคือ การยอมรับ

แม้จะเป็นสิ่งที่หลอกลวงตบตาคนอื่น แต่ก็อดที่จะรู้สึกตื่นเต้นระทึกไม่ได้จริงๆ ในการที่จะลงเอยความรู้สึกให้บุคคลอื่นเห็น

นาริพยายามจะขัดเกลาสมองไม่ให้คิดถึงสิ่งนี้ เพราะรู้ดียิ่งคิดก็ยิ่งสับสน

ปล่อยให้อะไรเกิดก็ต้องเกิดน่าจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับสภาพของเธอที่สุดในตอนนี้

 สองฝีเท้าหยุดชะงักการเคลื่อนไหวลง อันเนื่องจากร่างบางของสาวน้อยได้มาถึงจุดที่นัดพบหน้าน้ำพุกับชายหนุ่มชิน

ว่าที่แฟนกำมะลอของเธอ ระหว่างที่รออยู่นี้ความคิดของเธอเริ่มจะตีกันอีกครั้ง ทั้งเกร็ง ทั้งตื่นเต้น

'ไม่จริง... ไม่มีวันที่จะรู้สึกฉาบฉวยกับเรื่องที่ไม่เป็นจริง'

ความคิดของสาวน้อยยิ่งพลุกพล่านดั่งตกอยู่ในภวังค์ตน ความกังวลได้แทรกขึ้นมาเมื่อเพิ่งรู้สึกตัวว่า จะต้องทำสภาพหน้าที่อย่างไร

กับสถานการณ์ที่จะมาถึงตรงหน้า ยิ่งถลำปล่อยความคิดไปมากขึ้น ความรู้สึกเครียดเกร็ง หรือดีใจ ตื่นเต้น ก็ตีกันมั่วจนเจ้าตัว

ก้อธิบายเองไม่ถูก คิ้วคู่งามที่นิ่วกันเกือบจะเป็นปม หากใครมาเห็นก็คงรู้ว่าสาวน้อยคนนี้กำลังใช้ความนึกคิดอย่างหนัก

 กลิ่นของดอกไม้ที่เธอเพิ่งเห็นเมื่อครูนี้โชยเข้าจมูกในระยะที่เธอคาดว่าอาจห่างไม่ถึงเซนติเมตร

ร่างของสาวน้อยค่อยๆหันไปในทิศเบื้องหลัง ก็พบกับสิ่งที่เธออาจจะตกใจมากที่สุดในตอนนี้ได้

 "ชิน!?" นาริโพล่งออกมาด้วยความตกใจ ที่ส่วนหนึ่งก็รวมจากการที่ไม่ได้ตั้งตัว ชายหนุ่มที่เธอรู้จักยืนยิ้มอยู่ข้างหลัง

ริมฝีปากหนาสีชมพูเข้มของเขาที่คลี่ยิ้มอยู่ ประกอบกับนัยน์คมเข้ม และจมูกเรียวเป็นสัน

หากสาวนารีใดได้ประทินโฉม อาจต้องอยู่ในภวังค์แห่งความหลงใหลก็เป็นได้ ไม่แปลกเลยที่เขาจะเป็นนักดนตรีซุปเปอร์สตาร์ที่ต่างมี

แฟนคลับที่หลงใหลเป็นจำนวนมาก

 ดวงตาสีเลือดนกราวอัญมณีทับทิมเลื่อนไปที่มือของชายหนุ่ม ซึ่งถือดอกไม้ที่เธอได้สูดกลิ่นของมันเมื่อไม่กี่อึดใจมา

ถึงลักษณะการถือจะดูหนักแน่น แต่กลับไม่ทำให้ก้านปลายของดอกไม้ช้ำเสียหายแต่อย่างใด

นารินึกแล้วก็อดชมไม่ได้ที่ชายหนุ่มสามารถถือดอกไม้ได้นุ่มนวลไม่อยาบกระด้างจนทำให้มันเสียหาย

ท่วาเธอพยายามเก็บอาการตีหน้านิ่ง แล้วเปิดประเด็นคำถามขึ้นมา

 "เอ่อ... เอามาเพื่ออะไร?" เธอถามเสียงเรียบ ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าหัวเราะหึๆในลำคอแล้วยื่นสิ่งที่ถืออยู่ในมือให้

 "ผมเห็นว่ามันสวยดี กลิ่นก็หอมด้วย เลยคิดว่าจะเอามาให้คุณ" เขาตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ทำให้สาวน้อย

ถึงกับทำตัวไม่ถูก จึงรีบเบนหน้าที่กำลังเริ่มแดงก่ำเป็นลูกตำลึงสุกไปทางอื่น

 ไม่ทันที่นาริจะโต้ตอบ ชายหนุ่มก็คว้ามือเรียวของสาวน้อยขึ้น ค่อยๆวางดอกไม้นั้นไว้ในมือเรียวอย่างนุ่มนวล

 สาวน้อยที่กลอกสายตาเห็นอยู่จึงถือมันไว้ แล้วยื่นมือห่.างออก

 "เข้าเรื่องเลยดีกว่านะ" นาริพยายามเปลี่ยนเรื่อง ชายหนุ่มล่อกแล่กมองซ้ายมองขวา เหมือนจะดูสภาพแวดล้อมรอบๆตัว

ซึ่งตอนนี้ก็นับว่ามีคนพลุ่กพล่านเดินผ่านแถวนี้เยอะเลยทีเดียว

ในขณะที่นาริพยายามอานความคิดเขาว่าจะทำอะไรกันแน่ "ถ้างั้น..." เขาเอ่ยออกมาก่อนจะโน้มหน้าไปข้างๆใบหูของสาวน้อย

 "ตอนนี้ผู้คนก็มากพอสมควรแล้ว พร้อมมั้ย?" ชายหนุ่มชินไม่รอบคำตอบ ก่อนจะจับมือเรียวของสาวน้อย แล้วคุกเข่าลงต่อหน้า

ในสายตาที่ทุกคนเห็น ซึ่งเป็นท่าที่ทุกคนรู้อยู่ว่าจะมีความหมายออกมาว่าอย่างไร

 "เป็นแฟนกับผมนะ" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและอยู่ในระดับที่คนรอบข้างน่าจะพอได้ยิน

จะฟังแล้วเหมือนเล่นละครอยู่ก็ไม่เชิง แต่จะให้ว่าจริงใจพุดก็ยืนยันไมได้

 ทว่าตอนนี้สาวน้อยที่ไม่มีเวลาตั้งตัวมากเท่าไหร่ ยังเหวอกับคำพูดที่ออกมาจากปากของชายหนุ่ม

เธอพยายามรวบรวมสติแล้วนึกได้ว่าต้องเล่นละครตบตาอยู่ แม้จะทำให้เธอระทึกตื่นเต้นเหมือนความจริงเพียงใดก็ตาม

เมื่อสติอยู่กับตัวแล้ว เธอจึงรวบรวมความกล้าตอบออกไป

 "ตกลงค่ะ" คำยืนยันของสาวน้อยที่ถูกจับมืออยู่ ทำให้ชายหนุ่มถึงกับคลี่ยิ้มออก ยันตัวลุกขึ้นจับมืออีกข้างของสาวน้อยตรงหน้า

 "ขอบคุณที่ตกลงตามนี้" น้ำเสียงขอบคุณของเขา ทำให้เธอตกอยู่ในภวังค์เหมือนทุกคราว

คำกล่าวเอ่ยที่ผ่านไปชั่วอึดใจเมื่อกี้ คล้ายเชิงจะเป็นเหมือนของจริง มีคำขอบคุณเท่านั้นที่ฟังแล้วยังไงก็ต้องคิดว่าเป็นสิ่งที่จริงใจมากที่สุด

ความรู้สึกนึกคิดของนาริเริ่มตีกันมั่วอีกครั้ง ปฏิกิริยาร่างกายตอบสนองโดยชักมือออกช้าๆ ไม่รู้ว่าเป้นเพราะเพียงพอแล้ว

กับบทละครน้ำเน่านี่ หรือเพราะอารมณ์เขินอายของเธอเอง ที่ไม่กล้าประสานจ้องดวงตาคมของเขาได้นาน 

  นัยน์ตาคู่งามที่กลอกชำเลืองไปรอบๆเริ่มเห็นคนยกโทรศัพท์ รวมถึงกล้องถ่ายรูปแอบถ่ายอยุ่ห่.างๆ

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ใครมาเห็นซุปเปอร์สตาร์กาหลีระดับเขาจะมาขอใครเป็นแฟนแล้วจะปล่อยให้เรื่องผ่านไปเหมือนคู่หนุ่มสาวปกติ

รับรองและยืนยันได้เลยว่าไม่เกินเช้าพรุ่งนี้ต้องได้ขึ้นเป็นข่าวฉาวข่าวหนังสือพิมพ์บันเทิงเป็นแน่

 นาริที่ไม่รู้ว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอคิดยังไงกับเรื่องแบบนี้ แต่คงหมดเวลาที่จะแสร้งเล่นละครฉากนี้ต่อ

 "ชั้นไปได้ยัง มีงานต้องทำนะ" นาริซึ่งร้อนใจกับสถานการณ์ตรงนี้เต็มที่ จึงกล่าวออกมาในน้ำเสียงที่ร้อนรนแต่อยู่ในระดับเบาที่แค่คนข้างๆจะได้ยิน

ชายหนุ่มคลี่ยิ้มอีกครั้ง แล้วพยักหน้าตกลง พลางคลี่ยิ้มแล้วยกมือโบกลา

 สาวน้อยที่ไม่รู้จะทำยังไงจึงยิ้มแหยๆพลางโบกมือลากลับ ก่อนจะหันร่างวิ่งออกไปจ่างจุดนั้น

 ขณะที่ชายหนุ่มชินคลี่ยิ้มออกมา ในความรู้สึกที่ไม่ค่อยแตกต่างจากสาวน้อยนาริเท่าไหร่นัก

 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ทำให้นาริรู้สึกสับสนมากขึ้นหนักกว่าเดิมกับความรู้สึกของตนเอง หากจะบอกว่ามันเป็นเพียงแค่บทละคร

แต่ทำไม หัวใจของเธอเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ อารมณ์กระสับกระส่ายทำตัวไม่ถูกตอนอยู่ต่อหน้าเขา

ทว่าก็รู้สึกมีวคามสุขมากในเวลาเดียวกัน เสมือนว่ามันเป็นเรื่องจริง เธอเองก็ไม่รู้ว่าอีกฝั่งจะนึกคิดเช่นไร

 แต่ใจของเธอหลุดล่องลอยไปไหนต่อไหนเสียแล้ว...



ช่วยเม้นหน่อยว่าบทนี้บรรยายดีกว่าบทก่อนๆมั้ยอ่ะ= =



บุย บอร์ดเก่า ไปให้พ้น บอร์ดใหม่
● ρєтсн™
Hero Member
*****
กระทู้: 10,343


Rin Say : ฉันจะไม่ให้เธอเห็นน้ำตาของฉัน ..


Re: [Special events] 5 spice [รับสมัครผู้เข้าร่วม]
« ตอบ #342 เมื่อ: 03-04-2011, 18:56:01 »

แต่ละคน บรรยายได้อลังแท้ ๆ =[]=

ใกล้ตาเค้าแล้วสินะ

ขอบอกล่วงกน้าไว้ว่า อาจจะลงช้าหน่อย

เพราะอาทิตย์นี้ไม่ได้ไปบ้านยาย อยู่ที่บ้าน ทางไม่สะดวกพิมพ์เท่าไหร่ =^=

เดี๋ยวขอไปพิมพ์ล่วงหน้าละ จะได้ลดเวลาได้หน่อย



Len Say : ผมจะรอไม่ว่าจะนานแค่ไหน!! จนกว่าเธอจะกลับมา
ผมจะเก็บรักษาจดหมายของเธอดั่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของผม
GøøGle-KunG
Hero Member
*****
กระทู้: 10,361


ถึงเวลา ก็ขอให้โชคดีกะที่ใหม่


Re: [Special events] 5 spice [รับสมัครผู้เข้าร่วม]
« ตอบ #343 เมื่อ: 03-04-2011, 19:04:21 »

ลองปรับใช้บรรยายตามแบบนิยายที่เพิ่งซื้อมา

อยากรุ้ว่าหลังจากลองใช้ตามแล้วประสิทธภาพการแต่งของตัวเองดีขึ้นแค่ไหน

ช่วยเม้นตอบผลลัพธ์กันหน่อยนะ=__=



บุย บอร์ดเก่า ไปให้พ้น บอร์ดใหม่
● ρєтсн™
Hero Member
*****
กระทู้: 10,343


Rin Say : ฉันจะไม่ให้เธอเห็นน้ำตาของฉัน ..


Re: [Special events] 5 spice [รับสมัครผู้เข้าร่วม]
« ตอบ #344 เมื่อ: 03-04-2011, 19:11:08 »

อ้างจาก: GøøGle-KunG ที่ 03-04-2011, 19:04:21
ลองปรับใช้บรรยายตามแบบนิยายที่เพิ่งซื้อมา

อยากรุ้ว่าหลังจากลองใช้ตามแล้วประสิทธภาพการแต่งของตัวเองดีขึ้นแค่ไหน

ช่วยเม้นตอบผลลัพธ์กันหน่อยนะ=__=

สุดยอดมาก *[]*

ไม่รู้จะติอะไร =w=

ที่แน่ ๆ ของเค้าเทียบไม่ติดแต่ละคนเลย ใช้คำอลังไม่ค่อยเป็น =.="



Len Say : ผมจะรอไม่ว่าจะนานแค่ไหน!! จนกว่าเธอจะกลับมา
ผมจะเก็บรักษาจดหมายของเธอดั่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของผม
ป้าย:
หน้า: 1 ... 21 22 [23] 24 25 ... 32