-28-
'อยู่นี่เอง หาตั้งนาน! ไป กลับหอ'
'นาริ! วันนี้ฉันจะหนีพี่ !'
'เธอจะหนีพี่ไปไหน?'
'เป็นเพราะว่าเธอคิดกับพี่เกินเลยคำว่าพี่น้องใช่มั้ย !?'
'ฉันไม่ใช่ผู้หญิงใจง่ายนะ !!'
'โกหก ! ความจริงเธอก็ต้องการมันใช่มั้ย ห๊ะ !!'
'บอกว่าฉันไม่ได้คิดไงเล่าไอ่พี่บ้า !!' ภาพเหตุการณ์คำพูดต่างๆที่สาวน้อยนาริได้ประสบและได้ยินเต็ม2หูของเธอ ยังคงไหลวนเวียนค้างคาอยู่ในจิตใจเธอเป็นระยะๆ
ก่อนที่เธอจะค่อยๆหันหน้าไปมองหน้าโลวาน่าที่ซีดเซียวผิดปกติ
ย้อนกลับไปเมื่อคืน ก๊อกๆ...
เสียงเคาะประตูเบาๆหน้าห้อง021ที่นาริอาศัยอยู่ดังขึ้น ในเวลาขณะนี้ซึ่งอยู่แถวๆเวลา3ทุ่มครึ่ง ทำให้ผู้เป็นเจ้าของห้องฉงนใจยิ่งนัก
"ดึกดื่นป่านนี้ ใครมาวะเนี่ย?" นาริที่ยังฉงนใจอยู่ ค่อยๆแง้มบานประตูออกไปช้าๆ...
"นาริ...!!!" ร่างบางอีกร่างพุ่งเข้ากอดตัวเธอแน่น ไม่ใช่ใครนอกจากโลวาน่าเพื่อนสาวของเธอเอง
"ป...เป็นอะไร..! โอ๊ย~!หยุดๆ หายใจไม่ออก!" นาริรีบแกะตัวเพื่อนสาวของเธอออกก่อนหน้าของโลวาน่าจะปรากฏให้เธอเห็นจังๆ
หน้าเรียวของโลวาน่าตอนนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำที่ไหลออกมาจากดวงตาสีพื้นน้ำสมุทรของหล่อน เห็นดังนี้แล้วยังไงก็ต้องมีเรื่องอะไรมาแน่ๆ
"แกร้องไห้...?" คำกล่าวที่ถูกต้องของนาริหลุดออกจากปากของเธอ ทำให้โลวาน่าไม่พูดอะไรก่อนทรุดลงตรงนั้น
"เห้ย! อย่าเพิ่งเป็นไรไปนะ เข้ามาก่อน!" ว่าแล้วนาริก็ลงมือลากเพื่อนเธอเข้ามาในห้องสุดแรง
จากนั้นโลวาน่าค่อยๆนั่งลงบนเตียงนอนของนาริโดยในมือมีแก้วโกโก้อุ่นๆอยู่
"ไหนแกว่ามาซิ ว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงต้องตีโพยตีพายมาหาชั้น?" นาริเริ่มเปิดประเด็นคำถามแรกก่อนด้วยความสงสัยสุดขีด
โลวาน่าที่ฟังอยู่แต่พูดอะไรไม่ค่อยออก จึงค่อยๆพยักหน้าตอบช้าๆ
"ถ้าให้ชั้นเดา แกทะเลาะกับพี่แกมาใช่มั้ย?"
คำกล่าวของนาริทำให้โลวาน่าชะงักไปอีกครั้ง ก่อนที่จะหันหน้ามาหาอีกรอบแล้วค่อยๆพยักหน้า โดยนัยน์ตาของเธอเริ่มจะมีน้ำใสๆคลอขึ้นอีกครั้ง
"คืนนี้...ชั้นขอนอนห้องแกได้มั้ย?" น้ำเสียงที่ใกล้แหบแห้งของโลวาน่าฟังแล้วรู้ได้ชัดว่าก่อนหน้านั้นเธอได้ร้องไห้มาอย่างหนัก
นาริค่อยถอนหายใจออกแล้วจับมือเพื่อนสาวของตัวเองอย่างแนบแน่น
"เรื่องนั้นไม่มีปัญหาหรอก ห่วงแต่แกเหอะ มีเรื่องอะไรกับพี่ชายของแกมาวะ? ถึงขั้นต้องน้ำตาร่วงเช็ดแทบไม่ทันเลยรึไง?"
โลวาน่านิ่งไปอีกครั้งเมื่อได้ยินประโยคนี้
"บอกชั้นได้มั้ย? ว่ามันเกิดอะไรขึ้น?"
โลวาน่ายังนิ่งอยู่สักครู่ ก่อนริมฝีปากเรียวของเพื่อนสาวค่อยๆขยับช้าๆ "ถ้าชั้นพร้อม ชั้นอาจจะเล่าให้แก...ฟัง"
จากเหตุการณ์เมื่อคืน ถ้าหันไปมองหน้าของโลวาน่าเพื่อนสาวเธอก็เดาได้เลยว่าเพิ่งผ่านมรสุมหนักมา นาริที่แอบมองอยู่ได้แต่ถอนหายใจ
และยังงุนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น ก่อนจะหันไปมองนาฬิกาหน้าห้องด้วยแววตามุ่งมั่นพร้อมเอาจริงเอาจัง
กริ๊ง...!
ชั่วครู่ เสียงกริ่งเลิกเรียนในคาบสุดท้ายดังขึ้น นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพอาจารย์ก่อนจะเก็บข้าวของแยกย้ายออกจากห้องไป
"ยัยโลวาน่า" น้ำเสียงของนาริดูจริงจังมาก จนทำให้โลวาน่าสะดุ้ง
"ม..มีอะไร?" โลวาน่าค่อยๆฝืนยิ้ม ก่อนที่ข้อมือของหล่อนจะถูกล็อคไว้ด้วยมือของผู้เป็นเพื่อนหล่อน
"อะไรน่ะ...!!!" ร่างของโลวาน่าถูกฉุดให้ลุกขึ้นตามแรงฉุดของนาริ ก่อนที่นาริจะหันมาบอกกล่าว
"ไปกับฉัน เรามีเรื่องต้องคุยกัน...!"
ไม่ทันขาดคำ นาริจึงสะบัดร่างคว้ากระเป๋าของเธอและโลวาน่าก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างว่องไว
โลวาน่าที่อยู่ในสภาพถูกลากไมได้ร้องอะไร แต่ค่อยเดินตามพร้อมทำใจไปในเวลาเดียวกัน
'มันคงถึงจุดที่มีใครต้องรู้แล้วสินะ...' หล่อนรำพึงในใจเบาๆ ก่อนจะเดินตามแรงลากของนาริไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งถึงห้องของนาริเอง ซึ่งน่าจะเป็นสถานที่ที่เป็นส่วนตัวที่สุด
"แกคงรู้ใช่มั้ย ว่าชั้นจะถามอะไร" มือของนาริค่อยๆคลายออกจากข้อมือเพื่อนสาว พร้อมน้ำเสียงที่ดูอ่อนโยนลง
"ก่อนหน้านั้นชั้นอยากรู้ว่าเมื่อวานที่ชั้นคุยกับพี่ชายในห้องเรียน แกได้ฟังอยู่รึเปล่า?" โลวาน่าปั้นคำถามกลับ
"ใช่ บังเอิญชั้นเดินขึ้นมาหยิบสมุดการบ้าน แล้วก็ได้ยิน" นาริกล่าวไปตามความจริง
"อืม ชั้นรู้ และมันก็คงปิดบังต่อไปไม่ได้แล้วด้วย" รอยยิ้มจางๆของโลวาน่าผุดขึ้นในสภาพที่เธอเตรียมใจมาเรียบร้อยแล้ว
"ถ้าเรายังเป็นเพื่อนกันอยุ่ เล่ามาให้หมด ต่อให้แกจะหาเรื่องปิดบังต่อไป ซักวันมันก้จะรั่วหนักกว่าเดิม
ที่สำคัญ แกจะเป็นทุกข์มากกว่าเดิมด้วย ดังนั้น มีอะไรว่ามาให้หมด"
โลวาน่านิ่งไปสักครู่ ก่อนจะค่อยๆกล่าวออกมาเป็นขั้นลำดับช้าๆ
"ใช่...อย่างที่แกได้ยิน ชั้นคิดกับพี่ชาย มากกว่าคำว่า...พี่"
ประโยคแรกที่พูดออกมาจากปากเพื่อนสาวเธอ ทำเอานาริผงะไปชั่วครู่ ก่อนจะตั้งสติมาฟังต่อ
"เรื่องมันเกิดขึ้น ตอนนั้นพวกเรายังเด็ก ไม่รู้เดียงสาอะไร...เราเลย...เคยมีอะไรกัน"
นาริที่ฟังอยู่แทบจะสะอึกไปอีกที แต่ก็กลั้นอารมณ์ไว้แล้วฟังต่อ "แล้วมันเป็นไงต่อ?"
"สิ่งนั้นมันเป็น ตราบาป ติดตัวชั้นมาตลอด ชั้นทำในสิ่งที่เรียกว่า รักต้องห้าม ยิ่งนานวันความรู้สึกที่ชั้นยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น"
หล่อนขบกรามแน่น ก่อนจะเล่าต่อ "แต่พี่กลับไม่เข้าใจความรู้สึกของชั้น เขาทำเเหมือนว่ามันไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น!!!"
ระดับเสียงของโลวาน่าดังขึ้นตามความเสียใจที่เริ่มพรั่งพรูออกมา
"แล้วแกต้องการยังไงกันแน่" นาริที่ฟังอยู่จึงเริ่มตั้งคำถามให้เพื่อนสาวของเธอตอบต่อความรู้สึกของตัวเองให้ได้
"ชั้นไม่รู้..."
"แต่ว่าชั้นรู้สึกสองจิตสองใจ ใจหนึ่งก็รัก แต่อีกใจหนึ่งมันรู้สึกผิด..." โลวาน่ากล่าวพลางน้ำตาที่ไหลรินออกมาหนักขึ้นจากดวงตาคู่งามของหล่อน
โดยที่นาริที่นั่งดูอยู่ก็อดจะกลุ้มใจแทนไมได้ จึงได้แต่ซับน้ำตาให้
"ถ้าตอนนี้แกตอบตัวเองยังไม่ได้ ชั้นแนะนำนะ แกควรจะลองกลับไปคิดก่อน" นาริเอ่ยขึ้นในเชิงให้คำแนะนำ
"ถ้าหากว่าใจเธอยังรัก ก็รักต่อไปเพียงแต่อาจต้องเจออุปสรรคอีกหลายอย่าง"
"แต่ถ้าคิดว่ามันผิดจริง ก็ตัดใจซะ"
"ส่วนเรื่องที่แกต้องนอนกะพี่ชายแก ถ้าอึดอัดก็มาที่ห้องชั้นก็ได้ ชั้นไม่ว่าอะไร"
คำแนะนำของนาริทำให้โลวาน่าชะงักไปอีกครั้ง ก่อนจะนิ่งคิดปาดน้ำตาตัวเองออก "ชั้นขอเวลาสักพักหนึ่ง ถ้าได้คำตอบชั้นจะบอกแกคนแรก"
รอยยิ้มจางๆค่อยๆผุดขึ้นมาบนใบหน้าของโลวาน่า ทำให้รู้ได้ชัดว่าหล่อนรู้สึกสบายใจขึ้น
"จ้ะ ถ้าไปมายังไงก็บอกชั้นละกันนะ ชั้นยินดีช่วยเสมอ ที่สำคัญอย่าคิดสั้นนะเว้ยแก"
สาวน้อยนาริกล่าวเสียงใสกับเพื่อนเธอ พร้อมตบบ่าให้กำลังใจ
"จ้ะ ชั้นจะพยายาม..."
หลังจากที่โลวาน่ากลับไปแล้วนาริจึงกอดอกถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้ากับเรื่องที่เกิดขึ้น
ก่อนจะจัดารธุระแล้วเดินทางไปที่ทำงานที่ร้านดอกไม้ตามปกติ ซึ่งวันนี้เธอต้องไปจัดการในแปลงปลูกดอกไม้หลังร้าน
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดกลับเกิดขึ้นต่อหน้าเธอ
"นายชิน!?" สาวน้อยนาริอุทานด้วยความตกใจเมื่อคนที่อยู่ตรงหน้าเธอคือชิน ชายหนุม่ที่เธอรู้จัก
"มาทำอะไรเนี่ย?"
"ถามได้ ผมก็จะมาเลือกซื้อดอกไม้น่ะสิ จะให้มาทำอะไรอย่างอื่นรึไง" เขาตอบเสียงเรียบ ก่อนจะพินิจพินัยดอกไม้พันธุ์หนึ่งต่อ
"แต่นี่มันเฉพาะพนักงานเข้านะ"
"ลูกค้าVIP ได้ไม่ใช่เหรอ"
สาวน้อยชะงึกกึกในภสพาหน้าเสียก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่อง
"แล้วนี่จะซื้ออันไหนเนี่ย มันยังปลูกอยู่เลยนะ" นาริบ่นกระปอดกระแปด ก่อนจะย่อตัวลงดูดอกม้ที่เขาเพ่งอยู่
"ก็ผมอยากได้ต้นนี้" เขาชี้ไปที่ดอกไม้ดอกหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะกลีบบางเป็นริ้ว สีม่วงบานเย็นอ่อนชวนดูสบายตา
ตรงกลางดอกมีเกสรสีเหลืองน้ำผึ้งอำพันยื่นออกมาจากดอก เห็นแล้วดูสวยงามน่าเอาไปประดับยิ่งนัก
"ดอกมูกุงฮวา หรือ โรส ออฟ ชารอน เอ๋? ดอกไม้ประจำประเทศเรานี่" น้ำเสียงของเธอดูฉงนใจยิ่งนัก ชายหนุ่มชินยักคิ้วก่อนสะกิดตัวเออีกรอบ
"แล้วมันดูแลในไทยได้มั้ยล่ะ?"
"ด..ได้สิ ดอกไม้ประจำชาติเราทนต่อสภาพอากาศอยู่แล้วแหละ ถามทำไมนายก็น่าจะรู้"
"ทดสอบความรุ้" เขายิ้มกริ่มพลางตอบลอยๆ
"หา! จะบ้าเหรอ! ชั้นเป็นพนักงานร้านดอกไม้นะ ถ้าแค่ดอกไม้ประจำชาติยังไม่รู้ก็ไม่มีปัยญาทำงานแบบนี้แล้ว!"
เธอตวาดกลับในสภาพอึ้งๆกับท่าทีของชายหนุ่ม
"ทำไมวันนี้ร่าเริงเกินกว่าปกติจังฟะ?" เธอสบถเบาๆแต่ก็อยู่ในระดับที่ชายหนุ่มจะได้ยิน
"จะให้ผมเดินหน้ามุ่ยเข้ามาในร้านรึไงล่ะคุณ?" เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นทำเอาสาวน้อยนาริสะดุ้งอีกรอบ
"เอ่อ... ช่างมันเหอะ สรุปนายอยากได้ดอกไม้พันธุ์นี้ใช่มั้ย?"
เขาพยักหน้าตอบพร้อมรอยยิ้มที่ผุดขึ้น
นาริถอนหายใจก่อนจะเดินไปหยิบพลั่วและกระถาง ก่อนจะสาวเท้าเดินลงในในแปลง
"โอเค เดี๋ยวชั้นลงไปขุดขึ้นมาห... ว้าย!!!" ทันทีที่ขาคู่เจ้าปัญหาของเธอไถลเสียหลักจะล้มลงอีกครั้ง
ร่างของชายหนุ่มก็เอาตัวเข้ามารับร่างของสาวน้อยไว้อย่างทันท่วงที ทำให้ร่างของเธออยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มอีกรอบ
ลมหายใจที่ลดรินใส่หน้าของเธอในระยะประชิดทำให้เธอตกอยู่ในภวังค์อีกครั้ง
แม้แต่ชายหนุ่มที่เป็นคนรับตัวเธอไว้ เมื่อจ้องหน้าเรียวงามของสาวน้อยใจเขาเกิดเต้นแรงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
ก่อนที่นาริจะสะดุ้งจากภวังค์และแกะตัวห่-างออกจากบ่ากว้างของชายหนุ่มชิน
"เอ่อ ขอบคุณ" สาวน้อยกล่าวโดยน้ำเสียงล่อกแล่กลนลาน
"ผมแนะนำให้คุณเปลี่ยนรองเท้าใหม่นะ เหมือนมันจะลื่นหลายรอบเหลือเกิน" เขากล่าวกลบเกลื่อนเปลี่ยนเรื่องสนทนาทันที
สายตาคู่งามของสาวน้อยล่อกแล่กไปที่ดอกไม้ดอกหนึ่งที่โตเต็มที่ตามที่ชายหนุ่มสั่ง ก่อนที่จะสะบัดร่างย่อตัวลงไปขุดตามงาน
"รู้แล้วน่า เดี๋ยวขุดให้เดี๋ยวนี้แหละ" ว่าแล้วพลั่วในมือของนาริก็ปักเข้าลงดินจังๆ ทว่ากลับขุดไม่เข้า
"อะไรเนี่ย? เจอดินแข็งเข้าแล้วไง" เธอบ่นอิดออดก่อนจะลงมือขุดอีกรอบ แต่ก็ยังขุดไม่เข้าอยู่ดี
ในขณะนั้น มือของชายหนุ่มได้ประกบกับมือเรียวของสาวน้อยที่ถือพลั่วอยู่โดยที่สาวน้อยเองก็ยังไม่รู้ตัว
"เดี๋ยวผมช่วย แรงผู้หญิงคนเดียวมันไม่เข้าหรอก" ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทำเอาสาวน้อยพยักหน้าตกลงตามนั้นอย่างง่ายดาย
เมื่อสองแรงประสานกัน ทำให้ดินที่แข็งถูกขุดได้สำเร็จ มือของสาวน้อยเบนไปช้อนดอกไม้ขึ้นมาใส่กระถางด้วยความระมัดระวัง
ในขณะที่มือของชายหนุ่มยังกุมมือของเธอไว้มิได้เหินห่-าง ก่อนที่กระถางใส่ดอกไม้จะถูกเติมดินและปุ๋ยจนเต็มเสร็จสมบูรณ์
"อ่ะ นี่" หญิงสาวยื่นกระถางดอกมูกุงฮวาให้ชายหนุ่ม เขาเอื้อมมือรับไว้โดยมือทั้ง2แตะกันอีกรอบ
ชั่วเสี้ยววินาทีที่หญิงสาวหลุดจากภวังคืเธอลดมือออกจาการประกบที่แสนอบอุ่นนั่น แล้วทำทีเหมือนทำตามงานต่อ
"ดอกมูกุงฮวาโตเต็มที่ 300บ...!" ไม่ทันที่เธอจะกล่าวราคาจบ ธนบัตร500บาทใบหนึ่งวางบนมือเธอทันที
"ไม่ต้องทอนนะ ผมไปล่ะวันนี้มีงานต้องไปทำอีก" เขาโบกมือให้พลางยิ้ม ก่อนจะหันร่างก้าวเท้าออกจากร้านไป
พลันที่เธอโบกมือตอบ รอยยิ้มบนใบหน้าของสาวน้อยผุดขึ้นอัตโนมัติ ที่แม้แต่เจ้าตัวก็ยังไม่รู้ตัว
ทำไมเธอรู้สึกมีความสุขเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกับเขาทุกครั้ง? แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่รู้เช่นกัน...