[.-_57_-.]
วันต่อมา...
ตอนนี้ฉันกำลังนั่งรวมกลุ่มกับเหล่ารุ่นพี่ทั้งสามอยู่ที่ร้านไอศกรีมซเวนเซ่นในห้างแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้โรงเรียน เพราะพี่เกรฟโทรมาเรียกฉันเมื่อเช้า และให้ออกมาหาในยามเที่ยง
ซึ่งเรื่องที่เราทั้งสี่คนมารวมตัวกันในที่แบบนี้คงไม่ใช่แค่มาทานไอศกรีมแน่นอนเลย ถ้าฉันคิดไม่ผิดนะ เพราะสีหน้าของรุ่นพี่ทั้งสามคนดูเคร่งเครียดกันมาก
จะว่าไปมันก็ไม่น่าจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้พวกรุ่นพี่เครียดขนาดนี้ได้นี่นา เพราะตั้งแต่เรื่องการซ้อมก็ไม่มีปัญหาอะไร นักกีฬาในทีมก็เก่งกันทุกคน จะว่าเรื่องเรียนก็ไม่น่าใช่ เพราะพี่เขาเก่งกันทุกคนแล้วเรียนก็ไม่ยากเท่าไหร่
แต่เรื่องอะไรกันล่ะ ที่ทำให้พี่ๆเขาเครียดขนาดนี้น่ะ..
“เฮ้อ~ จะทำยังไงดีล่ะ ใกล้จะถึงวันแข่งแล้วด้วยนะ” เสียงหวานใสของพี่สาวข้างกายของฉันดังขึ้น แต่ไม่ดังเท่าไหร่ น้ำเสียงพี่เกรฟฟังดูไม่ร่าเริงเหมือนแต่ก่อน
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอคะ ทำไมถึงต้องรวมตัวกัน แล้วทำไมถึงต้องเครียดด้วยล่ะคะ” ฉันเอ่ยปากถามรุ่นพี่ออกไปตรงๆ ก่อนจะตักไอศกรีมซันเดย์รสมะนาวเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
“..นั่นสินะ แอนไม่รู้เรื่องนี่นา” จากน้ำเสียงที่ราบเรียบของจองซอลทำให้ฉันเริ่มงงไปใหญ่ ใบหน้าที่แสดงถึงความงุนงงของฉันจึงแสดงออกมาได้ชัด แม้จะกำลังทานไอศกรีมอยู่ก็ตาม
“ก็เรื่องที่ชินมันขับรถมอเตอร์ไซล้มข้างทางจนบาดเจ็บน่ะสิ” เสียงเข้มที่ตึงเครียดของรุ่นพี่เรียวจิทำให้ฉันสะดุ้งโหยงทันที ใครจะไปคิด
ว่าซูเปอร์สตาร์หนุ่มดาวรุ่งพุ่งแรงอย่างพี่ชินจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นล่ะ แต่เรื่องสำคัญขนาดนี้ทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลยนะหรือฉันมัวแต่ยุ่งเรื่องอื่นมากเกินไป ไม่สิ เมื่อวานเรายังเจอกันอยู่เลยนะ! แบบนี้ฉันจะต้องถามให้รู้เรื่อง
“ทำไมพี่ชินถึงรถล้มไปที่ข้างทางได้หรอคะ พี่ชินไม่ใช่คนที่ไม่รอบคอบนี่” ฉันถามรุ่นพี่ทั้งสามด้วยความรู้สึกที่ห่วงพี่ชายคนนั้น พร้อมด้วยความรู้สึกที่ยังงุนงงกับเรื่องบางเรื่อง พร้อมตักไอศกรีมเข้าปากเป็นคำที่สิบ
“ก็ใช่ คนอย่างชินไม่ได้เป็นคนที่ไม่ได้รอบคอบจนขับรถล้มลงข้างทางได้ง่ายๆ แต่เพราะมันต้องขี่รถหลบแฟนคลับจอมตื้อของมันไงล่ะ ถึงได้เป็นแบบนั้น”
“อืม และเรื่องที่เรากำลังเครียดอยู่ก็ไม่ใช่แค่เรื่องที่ชินประสบอุบัติเหตุหรอกนะจ๊ะ แต่มันเป็นเรื่องการแข่งขันที่ใกล้เข้ามาทุกที แล้วชินมาเป็นแบบนี้อีก
ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปถึงจะกลับมาเล่นได้ หรือจะหาคนมาเล่นได้ทัน เพราะงั้นถึงได้เรียกแอนโทเนียมาด้วยไงจ๊ะ” เข้าใจแจ่มแจ้ง แสดงว่า เรื่องที่เรียกมาคือให้ฉันช่วยคิดหาทางออกน่ะสินะ เฮ้อ~ นึกว่าจะพาเที่ยวก่อนแข่งซะอีก
“ถ้าอย่างงั้น บทสรุปคือรุ่นพี่ต้องการให้แอนมาช่วยคิดหาทางออกใช่ไหมคะ” ฉันถามรุ่นพี่อีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
“Yes!” ทันทีที่สิ้นคำถามของฉัน คำพูดตอบรับที่เปี่ยมล้นด้วยความมุ่งมั่นก็ถูกเปล่งออกจากลำคอของรุ่นพี่ทั้งสาม อะไรกันเนี่ย! แบบนี้มันกดดันนะคะ
“งั้นตอนนี้ถ้านับจนถึงวันแข่งก็เหลือเวลาอีกสามวันใช่ไหมคะ...อืม...ถ้าเอาตามความคิดเห็นของแอน แอนว่าการที่จะหานักกีฬาคนใหม่ หรือให้พี่ชินหายเร็วๆก็คงจะไม่ทันการนะคะ แต่ถ้าหาคนมาแทนก็ว่าไปอย่าง”
ฉันบอกกับรุ่นพี่ทั้งสามคนด้วยทฤษฏีที่วิเคราะห์ออกมาไก้ภายในเวลาอันรวดเร็ว และแน่นอนว่าทันทีที่พูดจบ ฉันก็ตักไอศกรีมเข้าปากไปอีกคำ
“จริงสินะ! เรื่องแค่นี้ทำไมคิดไม่ออกนะ แล้วจะเอาใครเล่นแทนชินล่ะ ถ้าจะเอาทีมสีแดงก็ยังฝีมือไม่ดีเท่าไหร่ เพราะเป็นนักเรียนช่วงชั้นที่สาม” จองซอลเสริมแนวคิดที่เพิ่มคำถามเข้ามาสำหรับข้อนี้...
“แอนรู้จักคนฝีมือดีอยู่คนนึงค่ะ!” ทันทีที่นึกขึ้นได้ ฉันรีบบอกกับรุ่นพี่ทั้งสามอย่างเสียงดัง (แต่ก็ยังสุภาพอยู่)
“ใครหรอแอน ถ้าอยู่ในชมรมบาสพี่ก็น่าจะรู้จัก แต่ที่เคยเจอสมาชิกทุกคนมา ยังไม่เจอใครที่ฝีมือดีจนถึงดีเยี่ยมเลยนะ” พี่เรียวจิถามคำถามออกมาอย่างงุนงง ซึ่งคำตอบของฉันไม่ได้มีเสียง แต่มีเพียงแค่การยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตรงหน้าพร้อมเปิดหน้าเขียนข้อความขึ้นมา
‘สวัสดีค่ะ มีเรื่องจะคุยด้วย ช่วยมาที่...’ ฉันพิมพ์ข้อความเชิญชวนแขกปริศนาอย่างรวดเร็ว พร้อมกดส่งอย่างไม่ลังเล แล้วเก็บโทรศัพท์เข้าที่ดังเดิม
“ทำอะไรน่ะแอน ทำไมไม่โทรเลยล่ะ จะได้รวดเร็ว” พี่เกรฟถามแบบออกความคิดเห็นเล็กน้อย ก่อนจะเว้นช่วงซักพักแล้วตักไอศกรีมรสวนิลาเข้าปากอย่างสุภาพนุ่มนวล
“ถ้าคุยก็ไม่สนุกสิคะ แอนว่าเรารีบทานกันดีกว่านะคะเดี๋ยวจะไปจุดนัดพบไม่ทัน”
ตอนนี้ฉันและพวกรุ่นพี่กำลังมุ่งหน้าเดินขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าของห้างสรรพสินค้า ซึ่งไร้ผู้คน บรรยากาศด้านบนนั้นมีลมพัดโชยมาตลอดเวลา จึงเป็นแอร์ธรรมชาติได้อย่างดี
ทันทีที่เปิดประตูดาดฟ้าออก เราทั้งสี่คนก็ได้พบกับชายหนุ่มร่างสูง ผมทรงวีคัดสีดำสนิท แต่งกายด้วยยูนิฟอร์มสีดำสนิท ซึ่งเป็นสูทปกตั้ง พร้อมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวด้านใน และกางเกงขายาวสีดำสนิท พร้อมเนคไทย์ที่คอ
ซึ่งตอนนี้ใบหน้าและลำตัวของเขามิได้หันมาเผชิญหน้ากับเราทั้งสี่คนแต่อย่างใด เพียงแค่เขามองออกไปจากดาดฟ้า เพื่อดูบรรยากาศรอบนอก
“ช้าจังนะไอจัง” เสียงอันเยือกเย็นออกเย็นชาของชายหนุ่มตรงหน้าดังขึ้นให้เราได้ยินพอรู้ตัว พร้อมกับตัวของเขาที่หันมาทางเราทั้งสี่คน ดวงตาของเขาเรียวยาวสีน้ำเงินเข้ม
ซึ่งเข้ากับใบหน้าที่เพอร์เฟก แบบขวัญใจของสาวๆทั้งหลาย จมูกที่โด่งเป็นสัน และในหน้าเรียวที่หล่อแบบเท่ๆ
“นายเร็วเองต่างหาก...รุ่นพี่คะแอนขอแนะนำให้รู้จัก นี่คือมุโรคาวะ อาซากิ นักเรียนชั้น ม.6/4 ค่ะ” ทันทีที่ตอบคำพูดกวนๆกับเพื่อนต่างรุ่นอีกคนตรงหน้า ฉันก็ไม่รอช้ารีบแนะนำเขาให้รุ่นพี่ทั้งสามคนรู้จักทันที
“อาซากิที่เขาว่าเย็นชาที่สุดและอัจฉริยะที่สุดของโรงเรียนน่ะหรอ” ไม่ทันทีฉันจะได้พูดอะไรต่อไปเสียงหวานใสของพี่เกรฟก็ดังแทรกขึ้นด้วยความงุนงง
“อึ่ม จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ แต่เค้าเป็นเพื่อนของแอนเมื่อตอนที่แอนเรียนประถมที่ญี่ปุ่นกับญาติน่ะค่ะ และนี่แหละค่ะ นักบาสมือดีที่แอนจะแนะนำให้” ฉันอธิบายไปพร้อมยิ้มอย่างร่าเริง เพราะตอนนี้ฉันช่วยทีมของโรงเรียนไว้ได้แล้ว
“ถ้าอย่างงั้น ก็ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันเรียวจิ นี่เกรฟ และนี่จองซอล” พี่เรียวจิแนะนำตัวเองอย่างสุภาพ พร้อมชี้ไปที่พี่เกรฟและจองซอลตามลำดับ อาซากิพยักหน้าเบาๆเพื่อตอบรับโดยไม่มีปริปากพูดอะไร
“รู้จักกันแล้ว...เราไปเที่ยวกันดีมั้ยคะ คลายเครียดก่อนแข่งไง” ฉันเสนอความคิดเห็นที่ทุกคนไม่พึงประสงค์ ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนจะไม่กล้าปฏิเสธ และสถานที่ที่ฉันจะไปก็คือ...
“สวนสนุกหรอ ทำไมต้องที่นี่” อาซากิอุทานด้วยเสียงเรียบๆ นี่เขาจะไม่แสดงอารมณ์เลยรึไงกันนะ
“แหมๆ ก็อักแค่สามวันก็จะแข่งแล้วนี่คะ อย่าซีเรียสน่ะค่ะ เราไปสนุกกันดีกว่านะ” ฉันบอกกับทุกคนออกไปอย่างร่าเริงพร้อมกับจูงมือของอาซากิเดินเข้าไปข้างใน โดยจุดมุ่งหมายที่เครื่องเล่นแรก โดยไม่สนใจสายตาของใคร ก็ฉันไมได้มาสวนสนุกนานแล้วนี่นา
“เอาล่ะนะ เราจะเล่นอันนี้เป็นอย่างแรกค่ะ” ฮันพูดพร้อมหันหน้าไปหารุ่นพี่ทั้งสี่คน โดยพี่เกรฟยืนอยู่ใกล้พี่เรียวจิ และอาซากิยืนใกล้กับจองซอล
“เอ่อ...พี่ไม่มั่นใจกับเครื่องเล่นอันนี้เลยนะจ๊ะแอน” พี่เกรฟพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ฟังดูเหมือนหลัวที่จะเล่น
“พี่เกรฟคะ แค่บ้านผีสิงเองน่า แอนก็เพิ่งเล่นครั้งแรกในรอบสามปี มันคงไม่น่ากลัวเท่าไหร่หรอกค่ะ แอนเคยเล่นแล้วล่ะ ตอนนี้แอนไม่รอแล้วนะคะ” ฉันอธิบายเล็กน้อย ก็จุพูดตกท้ายพร้อมกับดึงมือชายหนุ่มข้างตัวเดินนำเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“อาซากิฉันอยากรู้จังว่านายจะกลัวเป็นหรือเปล่า” ฉันพูดกับชายหนุ่มข้างกายพร้อมหันกลับไปมองหน้าของเขา แต่มันต้องทำให้ฉันตกใจอย่างสุดขีด เพราะคนที่ฉันจูงมือมา ไม่ใช่อาซากิ
“จองซอล! อะไรกัน ฉันไม่ได้อยากจะเข้ามาในนี้พร้อมนายซะหน่อย ทำไมนายต้องมายืนแทนที่อาซากิด้วยเล่า” ฉันพูดออกไปอย่างเซ็งๆ เพราะไม่คิดว่าคนที่จูงมือเข้ามาจะเป็นจองซอล ทั้งๆที่อยากจะเล่นกับอาซากิที่ไม่ได้คุยกันนานแท้ๆ
“ฉันยืนของฉันอยู่ดีๆนะ เธอต่างหากล่ะที่ดึงมือฉันเข้ามาน่ะ”
“เอ่อ...งั้นหรอ ช่วยไม่ได้นะ ไว้ฉันค่อยเล่นอย่างอื่นกับอาซากิก็ได้” ฉันบอกกับจองซอลโดยไม่ได้สนใจอะไรในตัวเขาพร้อมเดินนำหน้าไป
บรรยากาศภายในเครื่องเล่นเริ่มมืดขึ้นเรื่อยๆ จนฉันแทบจะมองไม่เห็นทาง จะมีแสงก็แต่แสงไฟอ่อนๆที่ส่องออกมาจาะบางมุมเพื่อเพิ่มความน่ากลัวเท่านั้น
“ทำไมถึงยังไม่มีผีล่ะ ทั้งๆที่น่าจะมีตั้งแต่เดินเข้ามาแรกๆแท้ๆ ว่าแต่ จองซอลไปไ..กรี๊ดดด~~~!!!!!” ทันทีที่หันไปพบกับเงาตะคุมที่ด้านหลัง สติของฉันแทบไม่อยู่กับตัว อะไรกันเล่าฉันไม่เคยกลัวแบบนี้นะ
“จองซอล นายอยู่ไหน กรี๊ดดดด~~!!”
“แอนโทเนีย!” เสียงนั่นใช่เขาใช่ไหม
“จองซอล กรี๊ดดด! ช่วยฉัน..ฉันกลัว..มัน มันน่ากลัวกว่าที่ฉันเค..” ไม่ทันที่ฉันจะพูดจบ ดูเหมือนร่างของฉันจะถูกห้อมล้อมด้วยอะไรบางอย่าง ความรู้สึกที่อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกมันเกิดขึ้นเองโดยที่ไม่ได้ตั้งตัว ทั้งๆที่บรรยากาศในนี้มันหนาวแท้ๆนะ
“ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะช่วยเธอเอง” เอ๊ะ! เสียงนี้ จองซอลหรอ แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกคุ้นๆกับน้ำเสียงที่อ่อนโยนแบบนี้ ทำไมรู้สึกเหมือนเคยได้ยินมันมาก่อน มัน..มันคือเสียงของใครกันนะ...
“อ้าว! แอนโทเนีย แอนโทเนีย!” น้ำเสียงของชายหนุ่มปาร์ค จองซอลข้างกายหญิงสาวร่างบาง ต่างเปี่ยมล้นไปด้วยความตื่นตกใจกับภาพเบื้องหน้า เพราะจู่ๆ หญิงสาวผู้อ่อนโยนในอ้อมแขนก็มีทีท่าจะล้มลงและสลบไปในที่สุด
แต่ยังโชคดีที่หญิงสาวอยู่ภายใต้อ้อมกอดของเขา ทำให้เธอไม่ล้มลงไปกองกับพื้นอย่างที่คาดคิดไว้
“อะไรกันยัยนี่ ทั้งๆที่เมื่อกี้ยังเก่ง และกล้าหาญอยู่แท้ๆ” น้ำเสียงที่อ่อนนุ่มปะปนด้วยความห่วงใยของจองซอลเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของเขา พร้อมร่างของหญิงสาวที่ลอยขึ้นเหนือพื้นเพราะสองอ้อมแขนของชายหนุ่ม...
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้” น้ำเสียงมาดเข้มของอาซากิดังขึ้นจากเบื้องหน้าของจองซอล พร้อมร่างสูงของเขาที่ปรากฏตรงหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว
“เธอกลัวจนสลบไป” จองซอลตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย แต่ภายในจิตใจของเขาที่เกิดความรู้สึกจากความผูกพันที่เหมือนจะไม่ค่อยดี แต่กลับเป็นความทรงจำอันมีค่า เพราะเหมือนทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเธอ ทำจะจำได้ทั้งหมด รวมถึงเด็กผู้หญิงในอดีตของเขาด้วยเช่นกัน
“เดี๋ยวฉันอุ้มเธอเอง ไอเป็นเพื่อนฉัน นายไม่ต้องห่วง” อาซากิบอกชื่อหญิงสาวกับจองซอลด้วยชื่อภาษาญี่ปุ่นของแอนโทเนีย เขาเอื้อมมือไปประคองลำตัวของหญิงสาวมาไว้บนอกของตัวเองพร้อมเดินออกจากจุดนั้นไปโดยที่ไม่ได้หันกลับมามอง
เขาไม่รู้เลยว่า เขากำลังทำให้ปาร์คจองซอลชายหนุ่มสุดฮอต ยืนโดดเดี่ยวอย่างเจ็บปวดที่หน้าบ้านผีสิงแห่งนั้น
เพราะตอนนี้ สิ่งที่อาซากิสนใจและเป็นห่วงที่สุดมีเพียงหญิงสาวตรงหน้า ผู้เป็นนางฟ้าหนึ่งเดียวในหัวใจของเขาเท่านั้น...
เอ่อ ลงช้าไป พอดีว่าเพิ่งว่างเล่น แต่แต่งเสร็จตั้งแต่มาบอกวันนั้น
ไม่ว่ากันนะยังไงก็ทัน เหอะๆ
บทนี้มันแบบว่าเอ่อ.. อารมณ์ตัวละครประมาณนี้รึเปล่า แบบเดิมคิดว่าน่าจะแบบนี้
แล้วก็พยามตัดบทให้มันเป็นธรรมชาติที่สุด แม้ตอนเข้าบ้านผีสิงจะกรี๊ดไม่สมออริก็เถอะT^T