-54-
เสียงริงโทนโทรศัพท์กังวานขึ้นจากกระเป๋ากางเกงขนาดพอดีตัวของสาวน้อยผมซอยสั้น นาริเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
พบว่าสายที่กำลังรอการตอบรับมิใช่ใครนอกจาก...
"นายชิน โทรมาทำบ้าอะไร คนกำลังทำงานทำการ!" และนี่คือประโยคแรกที่เธอกล่าวกับคู่สนทนาปลายสาย ตามเหตุการณ์จริงที่เธอกำลังจัดการ
ปัดกวาดเช้ดถูขณะปิดร้านดอกไม้ที่เธอมาทำงานพิเศษ
"โห มาถึงก็ด่าเลยนะคุณ ผมก็แค่มีเรื่องจะคุยด้วย" เจ้าของเสียงปลายสายซึ่งคือชายหนุ่มซูปเปอร์สตาร์บิดเสียงอิดออดกลับ
"เรื่องอะไร" เธอตอบกลับเสียงห้วน
"ผมก็แค่จะมารับคุณกลับหอเรียน"
"หา! ไม่ต้องเลย! ชั้นไม่อยากปลอมตัวเป็นนังพจมานอะไรนั่นแล้วนะ ตอนอยู่กับนายน่ะ" คราวนี้กลับกลายเป็นนาริเป็นฝ่ายทำเสียงอิดออด
เพื่อปฏิเสธ เพราะรู้ดีว่าตอนที่เธออยู่กับเจ้าพ่อซุป'ตาร์คนนี้ เธอจะต้องปลอมตัวเป็นสาวติสส์สายเฉิ่มเบ๊อะ เพื่อไม่ให้ตัวตนที่แท้จริง
ตกเป็นข่าวหน้า1ในรุ่งอรุณตอนเช้าของวันถัดไป
"ผมรู้ๆ แต่ก็แค่มาแวะอยากรับคุณกลับเท่าน้นเอง เห็นต้องเดินเท้ากลัวแข้งขาเสื่อม" ชายหนุ่มตอบเออออกลับ แต่ดูเหมือนจะไม่หยุดตื๊อง่ายๆ
"ชั้นเดินได้ย่ะ แล้วอีกอย่างถ้ามีใครเห็นชั้นลงจากรถพ่อซุป'ตาร์ที่ตั้งแต่ทะเบียนรถยันจำนวนพวงกุญแจที่พวกแฟนคลับรู้ละเอียดยิบ
ต่อให้เป็นพจมานอะไรนั่นนายก็จะเป็นข่าวอยุ่ดี หรือว่าอยากหาเรื่องใส่ตัวหา" นาริที่เริ่มหมดความอดทนกับปรัชญา 'ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก'
ของผู้หวังดีปลายสายจึงเริ่มเค้นเสียงหนักขึ้นไปอีก พร้อมกับเหตุผลที่ร่ายยาวประกอบการปฏิเสธ
"เอาน่า เพื่อนผมมันฝากมอเตอร์ไซค์ให้เอากลับไปที่หอพัก แล้วหมวกกันน็อคของมันก็มิดชิดพอที่จะปิดหน้าปิดตาผมได้
รับรองว่าไม่มีใครสงสัยแน่ว่าเป็นผมขับมอเตอร์ไซค์ไปส่งคุณที่หอแน่นอน"
"แล้วทำไมชั้นจะต้องไปกับนายด้วย"
"เอ่อ..."
"นาริจ๊ะ" เสียงอันนุ่มนวลที่ลอยผ่านเข้าหหูของสาวน้อย ทำให้เธอสะดุ้งสุดตัวก่อนจะค่อยๆหันไปยิ้มแหยๆกับต้นตอเสียงที่เรียกชื่อเธอ
"คะ? คุณป้า มีอะไรเหรอ..คะ...?" นาริยิ้มแห้งๆด้วยความเกรงว่าจะถูกเฉ่งข้อหาเม้าท์แตกในเวลางาน
แต่ทว่าคุณป้าเจ้าของร้านดอกไม้กลับไม่ได้ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านั้น
"ป้าแค่อยากฝากกระถางต้นไม้นี่ไปให้คนแถวๆโรงเรียนหนูน่ะจ้ะ ที่อยู่ของลูกค้าก็อยู่ระหว่างทางเดินกลับของหนูแหละ"
หลังจากที่รู้จุดประสงค์ของหญิงชราผู้เป็นนายตน สาวน้อยก็ลอบถอนใจครั้งหนึ่งด้วยความโล่งใจ ก่อนหันไปตอบรับคำสั่ง
"ได้ค่ะคุณป้า ว่าแต่ไหนล่ะคะ? ที่จะให้ไปส่ง" นาริหมายถึงกระถางต้นไม้เล็กๆที่คนปกติพอจะถือหิ้วติดตัวไปได้อย่างสบายๆ
หากแต่เมื่อเห็นกระถางต้นไม้ขนาดเท่ากระเป๋าเรียนที่มากองไว้ตรงหน้าก็แทบจะลมจับเลยทีเดียว
นาริปั้นหน้ายิ้มเจื่อนๆพลางค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาจ้องหน้าคุณป้าเจ้าของร้าน ก่อนถามคำถามเพื่อความแน่ใจสูงสุด
"เอ่อ... แน่ใจนะคะ ว่าคุณป้า...ไม่ได้เอามาผิดอัน...?"
"แย่ที่สุดเลย ถึงมันจะไม่หนักเกินกำลังถือแต่ไซส์ขนาดนี้ใครมันจะบ้าเดินถือได้(วะ)" เสียงสบถอุบอิบราวกับหมีกินผึ้งดังขึ้นจาก
ปากนาริ ที่กำลังหัวเสียสุดๆที่ต้องกึ่งเดินกึ่งลากกระถางต้นไม้เจ้ากรรมที่ขนาดไซส์ใหญ่เทอะทะเกินจะโอบมันไหว
โดยมาจากคำสั่งเบื้องบนจากคุณป้าเจ้าของร้านดอกไม้ที่ให้เหตุผลตอนเธอพยายามคัดค้านอย่างเลือดเย็นประมาณว่า
'หนูยังสาวเป็นวัยรุ่นฟิตเปรี๊ยะไม่ได้โรยราอ่อนสิ้นเรี่ยวสิ้นเรียงเหมือนคนแก่ๆอย่างป้านี่' ซึ่งระยะทางที่เธอ
ฝ่าฟันมาได้กับระยะทางที่เหลือจนกว่าจะถึงที่อยุ่ลูกค้าช่างห่-างไกลกันเหลือเกิน
"นาริ"
"โอ๊ย ใครมันจะยุ่งกับชั้นอีกเนี่ย...!" พลันบ่นอิดออดเสร็จแล้วร่างบางก็เอี้ยวตัวเหลือบดูต้นตอของเสียงที่น่าจะมาจากทิศเบื้องหลังเธอ
และคนที่ปรากฏตรงหน้าก็แทบอยากจะทำให้เธอเข้ากระโดดกอดมากที่สุด
"นายชิน มาได้ไงเนี่ย!?" นาริที่จำเสียงของบุคคลที่ถูกปิดบังใบหน้ามิดชิดด้วยหมวกกันน็อคสีมืด จึงสามารถบอกได้ว่าเขาเป็นใคร
"ว่าไง สภาพแบบนี้จะเดินกลับเองอีกมั้ยครับ?" ชายหนุ่มกระแอมเยี่ยงผู้ชนะเบาๆในลำคอ ก่อนจะกวักมือให้สาวน้อยตรงหน้าให้ขึ้น
มาซ้อนท้ายยานพาหนะที่ตนคร่อมอยู่
นาริเริ่มนึกขึ้นได้ว่าเธอดันไปหลุดปากถือฟอร์มไม่ให้เขาแวะรับเธอไปก่อนหน้านี้ก็กลัวจะเสียฟอร์มที่วางไว้อย่างดี แต่อีกใจหนึ่ง
เมื่อเห็นกระถางต้นไม้ในวงมือทั้งสองข้างของตนจึงถอดถอนใจยอมแพ้การถือฟอร์มแต่โดยดี
"ก็ได้ๆ"
"เอาต้นไม้ที่คุณสั่งมาส่งค่ะ" นาริปาดเหงื่อด้วยความเบาอกเมื่อกระถางต้นไม้เจ้ากรรมได้ออกจากชีวิตไปอยู่ในความเป็นเจ้าของของ
คุณยายลูกค้าขาประจำตัวดีที่ยืนยิ้มนับเงินที่จะจ่ายอยู่ข้างหน้า
"ขอบคุณมากเลยนะหนูนาริ พอดีเพิ่งอ่านเจอหนังสือฮวงจุ้ยน่ะ เขาบอกว่าถ้าปลุกกระถางใหญ่ๆมั่งจะเสริมดวง" ปากที่พะงาบๆพูดจาเจื้อยแจ้ว
กับคนส่งของที่รู้จักดี จนทำให้คนที่สนทนาด้วยเกรงฟันปลอมในปากของคุณยายจะหลุดออกมา จึงต้องตอบรับแค่การพยักหน้าหรือ
คำหางเสียงเพื่อกันการที่คุณยายจะเผลอคุยเพลินไปมากกว่านี้ ทว่าวันีน้คุณยายเหมือนจะมีเรื่องเม้าท์มากเป็นพิเศษ
"แหม๊ แล้ววันนี้มีพ่อหนุ่มที่ไหนมาส่งของกับหนูด้วยล่ะจ๊ะ คงเป็นพ่อเทพบุตรใจกว้างแฟนหนูแน่ๆเลย"
ใบหูที่ผึ่งขึ้นกับคำยอหมายมั่นปั้นสถานะของผู้ช่วยส่งของกับเธอทำให้สาวน้อยรีบปฏิเสธพัลวันอย่างร้อนรนที่สุด
"ไม่ๆๆๆนะคะ ก็แค่คนรู้จักที่เขาแวะมาช่วยหนูเท่านั้น...เอง"
"เหรอจ๊ะแม่หนู สมัยนี้ถ้าไม่รีบหามันไม่มีเวลาจีบกันมากเหมือนสมัยยายหรอกนะ รถสมัยนี้มันเป็นรถด่วนไปแล้ว หึๆๆ"
คำเปรียบเปรียบสภาพความเป็นจริงของสถานะการหาคู่ในปัจจุบันของหญิงสาว ทำให้นาริเริ่มสะอึกเมหือนถูกแทงใจดำเต็มๆ
ยิ่งโดยเฉพาะกรณีเธอ สาวน้อยที่ท่าทางทะมัดทะแมงราวกับทอมบอยอย่างเอ จะมีใครเอาเรอะ ไปเกิดใหม่สัก10ชาติเถอะ
ระหว่างที่นาริกำลังสิ้นหวังอยู่ในภวังค์ขึ้นคานของตัวเอง เสียงที่ปลุกเธออกจากภวังค์ได้ก็ลอยเข้ามาปะทะหู
"ผมว่าน่าจะเสร็จธุระได้แล้วนะครับ เดี๋ยวหอเรียนปิด ไปได้แล้ว" ไม่ใช่ใครนอกจากชายหนุ่มในหมวกกันน็อคทีเป็นคนเตือนสติ
ให้เธอรีบจัดการเคลียร์ธุระให้เสร็จ นาริที่เพิ่งรู้ตัวจึงรีบกล่าวขอบคุณและร่ำลาคุณยายขาประจำ แล้วกระโดดขึ้นพาหนะที่มีชายหนุ่มเป็นคนขับ
หารู้ไม่ว่าบุคคลที่เธอเพิ่งร่ำลากำลังบ่นอุบอิบราวกับถูกผีรำเข้าสิง
"เสื้อแจ๊กเกตที่เขาใส่อยู่ แบรนด์เนมสีน้ำเงินกรมท่า มีตัวอักษรปักว่า C เล็กๆอยุ่แถวปกคอ
และคราบน้ำยาลบคำผิดสีขาวที่ชายเสื้อ ไม่ผิดแน่! ไม่ผิดแน่ๆ!"
สาวน้อยนาริผู้ที่ชาตินี้ไม่เคยซ้อนหลังบนพาหนะกับผู้ชายสองต่อสองจึงทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นอย่างอบกไม่ถูก ประกอบกับระยะประชิด
ที่เพิ่มขึ้นเมื่อปราศจากอุปสรรคคือสิ่งของที่ถืออยู่เมื่อก่อนหน้านี้ก็ทำให้ใบหน้านวลของเธอเผลอซบแผ่นหลังอันอบอุ่นเขาอย่างไม่รู้ตัว
นานแค่ไหนแล้วนะที่เธอไม่ได้รับความรู้สึกอบอุ่นเช่นนี้กลังจากที่คุณย่าของเธอล้มป่วยลง คนที่เคยกอดเธอให้เป็นที่พักพิงทางใจ
ก็เมหือนจะหายตัวกันไปหมด ความรู้สึกที่ขาดหายอย่างบอกไม่ถูกกลับมาปรากฏต่อเธอในตอนนี้ และมันเกิดขึ้นระหว่างเธอ
กับชายหนุ่มไม้เบื่อไม้เบาที่ทำให้ใจเธอเต้นแรงและตกอยู่ในภวังค์แทบทุกครั้งทีได้อยู่ในระยะประชิดกับเขา
ภวังค์ของหลุดลอยหายไปทันทีเมื่อมีเสียงร้องขึ้นจากคนขับด้านหน้าตัวเอง "เฮ้ยคุณ! ทำไมมีรถตามมาเต็มไปหมดเลยล่ะ!"
พลันจบคำ สาว้นอยก็รีบหันหลังขวับไปดูสถานการณ์ด้านหลัง เป็นอย่างที่ชายหนุ่มชินพูด เหมือนมีขบวนรถนับ10กว่าคัน
และรถจักรยานยต์อีกนับ20 ราวกับกลุ่มเด็กแว้น ตามมาในถนนอันแคบดั่งหนังแอคชั่นฉากตัวร้ายไล่ยิงพระเอกในเรื่อง
"เห้ย!!!" นาริอุทานออกมาด้วยคำไม่สมหญิงแต่ก็พอจะบ่งบอกอารมณ์ได้ว่ากำลังตกใจมากไม่แพ้ชายหนุ่มที่เธอนั่งมาด้วยกันเลยทีเดียว
"เขาจะตามพวกเรามาทำไมเยอะแยะน่ะ!"
และข้อสงสัยของหนุ่มสาวก็กระจ่าง เมื่อมีร่างสาวเปรี้ยวผมสีทองจัดโผล่ขึ้นมาจากกระจกของรถคันที่อยู่ติดชิดมากที่สุด
บ่งบอกสถานการณ์ว่า ชายหนุ่มกำลังถูกแฟนคลับไล่ล่า!!!
"กรี๊ดดดด~ ชินขา! ไม่ต้องมาใส่หมวกกันน้อคบังตาพวกเราเลยนะ! แล้วนั่นมากับผู้หญิงที่ไหน แพทตี้ไม่ย๊อม!"
เสียงปรี๊ดกระแทกกระทั้นยิงคำถามรัวเป็นชุดระหว่างที่มอเตอร์ไซค์คันหน้าและขบวนรถแฟนคลับกำลังไล่ล่ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
"เหมือนจะไม่เห็นหน้าชั้นว่ะ" นาริถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ที่อย่างน้อยความลับก็ยังไม่ถูกเปิดเผย เพราะเคราะห์ดีที่เธอใส่หมวกกันน็อค
สีมืดอีกอันซึ่งบดบังใบหน้าของเธอได้อย่างดี พลันมือเรียวก็คว้านกระเป๋าเรียนของตนแล้วแอบกระชากวิกผมเปียออกมายัดๆใส่ศีรษะ
ในมุมที่อีกฝ่ายไม่สามารถเห็นได้ และรีบเอาไฝเม็ดยักษ์ขึ้นมาติดบนใบหน้าเพื่อปลอมตัวอย่างว่องไว
"คุณรู้ได้ไง!!! ผมอุตส่าห์ไม่ขับรถผมเองแล้วนะ!" สถานการณ์อันคับขันทำให้ชายหนุ่มโวยวายออกมาเมื่อถูกจับตัวได้
ราวกับเป็นผู้ร้ายกำลังหนีตำรวจหัวซุกหัวซุน และคำตอบทีได้ก็ทำเอาผู้ซ้อนท้ายอยากจะกรีดร้องตามไปด้วย
"ยายเอง!" ใบหน้ายับย่นของหญิงสาววัยชราที่คุ้นตาและเมหือนเพิ่งจะเจอะเจอมาหมาดๆปรากฏขึ้นที่หน้าต่างอีกบานของคันรถเดียวกัน
ที่สาวเปรี้ยวแพทตี้ชะเง้อชะแง้ออกมา
"เสื้อแจ๊กเกตที่ใส่อยู่ แบรนด์เนมสีน้ำเงินกรมท่า มีตัวอักษรปักว่า C เล็กๆอยุ่แถวปกคอ และคราบน้ำยาลบคำผิดสีขาวที่ชายเสื้อ!
มีคนเดียวที่ใส่อยู่คือ ชุง คีชินยุน ซุป'ตาร์ในดวงใจของยายคนเดียวเท่านั้น!!!"
ข้อมูลที่ละเอียดยิบจนทำให้นาริเหวอประกอบทึ่งกับความสามารถในการจดจำรายละเอียดที่ดูไร้สาระของไอดอลของอีกฝ่าย
แต่ที่ยิ่งอึ้งมากยิ่งกว่าก็คือการได้รู้ว่า คุณยายลูกค้าขาประจำร้าดนอกไม้ที่เธอทำงาน ก็เป็นโซวอน(แฟนคลับดาราเกาหลี)ตัวแม่เหมือนกัน!
"อ๋อ นังผู้หญิงซ้อนท้ายนั่นแฟนในข่าวของคุณใช่มั้ยคะชิน! แพทตี้ไม่ยอม!!! จอดเดี๋ยวนี้!!!" แพทตี้พยายามออกคำสั่ง
กับชายหนุ่มที่ตนหลงใหล แต่คำตอบทีได้รับคือเสียงคันเร่งที่แรงขึ้นเรื่อยๆเพื่อเพิ่มความเร็วของพาหนะ
"กรี๊ด~! จะหนีเหรอคะ! แฟนคลับทั้งหลาย ตามมม!!! จับตัวคุณชินของฉันมาให้ได้!"
พลันคำสั่งที่ตวาดขึ้นจากดาราสาวคราวนักเรียนดีกรีเซ็กซี่ตัวแม่ ทำให้บริวารของเธอเกิดฮึดหมายจะจับเป้าหมายที่ผู้เป็นไอดอลของตนสั่งการให้จงได้
คันเร่งที่เหยียบเพิ่มความเร็วมากขึ้นของชายหนุ่มชินที่มีเป้าหมายเดียวในตอนนี้คือหนีจากกองทัพแฟนคลับและยัยสาวเปรี้ยวคนนั้น
ทำให้สาวน้อยผู้ซ้อนท้ายเริ่มแหวออกมา "เฮ้ย~! ขับเร็วไปแล้ว! เดี๋ยวก็ชนเข้าให้หรอก!!!"
ไม่ทันขาดคำที่นาริเตือน มอเตอร์ไซค์รุ่นซอมซ่อร่อติกที่เหมือนจะเร่งความเร็วไม่ได้ก็เริ่มจะมีอาการผิดปกติขึ้น
"บอกให้ช้าลงไงเล่า! อย่างมากก็แค่โดนแฟนคลับรุมตอมรุมทึ้ง!"
"ช้าไม่ได้!" ชายหนุ่มที่เป็นคนขับตะโกนกลับในสภาพสติแทบหลุด
"ทำไม!!!" เธอตวาดกลับเชิงถามหาเหตุ
"เบรก แตก!!!!" สิ้นคำของชายหนุ่ม มุมที่ต้องหักเลี้ยวก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า ซึ่งประกอบกับความเร็วของรถจักรยานยนต์
ก็ทำให้ผู้ขับไม่สามารถจะประคับประคองได้พุ่งเข้าหาบังเกอร์ถนนตรงนั้นด้วยความเร็วสูงสุด
"ว้าย........!!!!"
ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของเหล่าบรรดาแฟนคลับที่เห็นเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นด้วยความไวสูง ด้วยแน่ใจแล้วว่ามอเตอร์ไซค์คันนี้อาจ
ชนเข้าจังๆได้ในภายในเสี้ยววินาที สาว้นอยที่นั่งซ้อนท้ายพยายามรวบรวมสติที่มีอยู่ทั้งหมดกระชากตัวของเขาไปด้านข้างด้วยแรง
กำลังฮึดที่มี แม้ร่างใหญ่กำยำของชายหนุ่มก็มิสามารถต้านแรงฮึดของสาวน้อยนาริได้ ตัวพาหนะมอเตอร์ไซค์ที่หักโค่นล้มลงไปด้วย
ก็พานพาร่างของทั้งสองหล่นกระแทกพื้นถนนตรงนั้น ส่วนพาหนะที่เพิ่งขับขี่มาก็ลงไปนอนปั่นล้ออยู่กับพื้นด้วยสภาพด้านที่ลงกระแทก
ยับเยิน ขณะที่ผู้ที่ขับขี่และซ้อนท้ายต่างล้มลงกลิ้งตกไปกลางพงหญ้า
ยังไม่ทันที่จะจับจ้องเหตุการณ์มอเตอร์ไซค์หักล้มได้ทัน เสียงรถปะทะอุปสรรคตรงหน้าก็ดังขึ้นอีก ซึ่งนั่นเป็นคันที่ดาราสาวเปรี้ยว
นั่งมาด้วยสติที่ไม่อยุ่กับตัวของคนขับจึงทำให้ไม่ทันแตะเบรกพุ่งเข้าชนเป็นเพื่อนไปอีก
ร่างของดาราเซ็กซี่ตัวแม่กระเด็นออกล้มลงหมดสติคาจุดนั้นจนแฟนคลับทั้งหลายรีบกรูเข้าช่วยเหลือ
ขณะที่สาวน้อยนาริค่อยๆยันตัวขึ้นมาเห็นหัวไหล่ตัวเองข้างซ้ายที่ถลอกปอกเปิกทว่ากลับไม่สนใจรีบพยุงตัวไปดูร่างของชายหนุ่มชิน
ที่นอนสลบอยู่ข้างๆ แขนข้างหนึ่งที่หักผิดรูปจนน่าหวาดกลัวด้วยท่ากระเด็นลงปะทะพื้นประกอบกับรอยบาดแผลถลอกตามตัวของร่างกำยำ
ทำให้สาวน้อยแทบจะสิ้นสติอีกรอบ พลันสิ่งที่เธอนึกได้ตอนนั้นคือโทรเรียกรถพยาบาล!
รถพยาบาลที่ติดไซเรนหวอค่อยๆรับผู้บาดเจ็บแต่ละคนขึ้นไปในขณะที่นาริจดจ้องเหตุการณ์และกำลังได้รับปฐมพยาบาลอยู่เงียบๆ
จึงเริ่มนึกถึงเรื่องที่แฟนคลับจะตามไปรังควานชายหนุ่มถึงโรงพยาบาล สาวตาที่กลอกระหว่างรถพยาบาล2คันด้วยความรวดเร็ว
พบว่าเป็นคนโรงพยาบาลกัน เธอจึงตัดสินใจสับรางเสียก่อนเกิดเรื่อง โดยในสภาพสาวเฉิ่มแบบนี้ไม่มีใครจดจำเอได้แน่
"แฟนคลับทุกคนขา! ตามไปช่วยกำลังใจคุณชินที่อยู่ในรถพยาบาลคันที่กำลังออกตัวไปนู่นเลยค่ะ! ไวๆค่ะ!"
เสียงเตือนของนาริทำให้แฟนคลับที่ไม่ทันสังเกตเพราะอยู่ในสถานการณ์คับขัน รีบตามรถพยาบาลคันที่กำลังออกตัวไปเป็นขบวน
ซึ่งผู้จดการส่วนตัวของแพทตี้ก็รีบเออออให้แฟนคลับของแพทตี้ตามรถคุณชินไปไม่ว่าจะสถานการณ์ใดตามคำสั่งก่อนหน้านี้
เมื่อแฟนคลับทั้งหมดออกตัวตามซุป'ตาร์ของตนไปหมดแล้ว รถพยาบาลที่เรียกนาริให้ข้นมาดูคนเจ็บก็ออกตัวไปอีกเส้นทางหนึ่ง
ซึ่งคนที่นอนสลบอยู่ตรงหน้าเธอในคันรถก็คือนายชินแฟนกำมะลอของเธอน่ะเอง โดยหารุ้ไม่ว่ารถที่แฟนคลับทั้งหลายตามไป
นั่นคือรถที่ขนร่างแพทตี้สาวเปรี้ยวไปส่งโรงพยาบาล
ทว่าตอนนี้เธอไม่มีเวลามามัวสะใจกับแผนการสับราง หากแต่ต้องคอยกุมมือของชายหนุ่มในสภาพบาดเจ็บหนักจนไร้สติตรงหน้าไว้แน่นมือ
พลางภาวนาให้เขาไม่เป็นอะไรไปมากกว่านี้ ด้วยสภาพน้ำตาคลอเบ้า
"นายชิน..! นายต้องไม่เป็นไปอะไรนะ...!"