-23-
"วันนี้กลับไปทวนหน้าที่138นะ พรุ่งีน้จะมีสอบอ่าน" สิ้นเสียงคำพูดสั่งการบ้านของครูวิชาประวัติศาสตร์ในคาบสุดท้ายของวันนี้
นักเรียนทั้งหมดเมื่อทำความเคารพแล้วก็เก็บข้าวของแห่กันออกไปตามวิสัยปกติ
"เดี๋ยววันนี้ชั้นต้องไปกับพี่ชั้น...อีกแล้ว..." โลวาน่าบ่นใส่เพื่อนสาวที่อยู่ตรงหน้าด้วยน้ำเสียงอิดออดหน่ายชีวิต
พลางชี้ไปที่หน้าประตูซึ่งพี่ชายหล่อนก็มายืนรอก่อนหมดคาบประมาณ10นาทีได้แล้ว
"ไม่เป็นไร วันนี้ชั้นกะว่าจะไปจัดการธุระที่ร้านดอกไม้ก่อนแล้วค่อยกลับหอ เธอกลับไปก่อนก็ได้" สาวน้อยนาริตอบอย่างสบายอารมณ์
ในขณะที่เพื่อนสาวของเธอยังทำสีหน้าเบื่อโลกเหมือนเดิม
"ยังงี้ก็ดีแล้วไม่ใช่รึไง?
พี่น้องกันรักๆกันไว้ดีออก" คำกล่าวให้กำลังใจของนาริเหมือนจะทำให้โลวาน่านิ่งไปอีกครั้ง
จนเธอต้องไปสะกิดเรียก "เป็นอะไรอีกแล้วเนี่ย?"
"ป...เปล่า ไม่มีอะไร แค่อยากถ่วงเวลาหน่อยๆ" รอยยิ้มค่อยๆผุดขึ้นมาจางบนหน้าของโลวาน่าแต่เท่าที่ดูเหมือนจะเป็นการกลบเกลื่อนความรู้สึก
เสียมากกว่า กระนั้นนาริก็ไม่ได้อยากเซ้าซี้อะไรมาก จึงลากๆตัวโลวาน่าไปหาพี่ชายของหล่อน
"พี่ของยัยโลวาน่าใช่มั้ยคะ? ขอโทษนะคะที่ช้า พอดีเธอมองหาสมุดการบ้านอยู่ และก็เจอแล้ว" นาริตอบอ้างให้ทันควันต่อหนาพี่ชายของโลวาน่า
ทำให้ผู้ที่ควรจะออกปากอ้างเองโล่งใจระดับหนึ่ง
"เอ่อ งั้นชั้นไปละนะ" โลวาน่าค่อยๆแกะแขนเพื่อนสาวตัวเองออก ก่อนจะโบกมือให้เบาๆ และเธอก็โบกมือตอบกลับ
หลังจากที่พี่น้องคู่นั้นเดินออกไปแล้ว นาริก็ถึงกับถอนหายใจยืนพิงกำแพงเหมือนมีอะไรตะขิดตะขวงใจ
'ยัยโลวาน่า...กับพี่ชายมัน เหมือนมีอะไรแอบแฝงอยู่...' เธอนิ่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง กอ่นจะปลุกตัวเองจากภวังค์ สะพายกระเป๋า
แล้วเดินออกจากห้องเรียนไปเป็นคนสุดท้าย...
'ทางออกที่จะทะลุไปถึงร้านดอกไม้ที่สุดก็ออกประตู3สินะ' ระหว่างที่เธอเดินเลือกเส้นทางอยู่ สายตาคู่ใสของเธอเหลือบไปมอง
ที่สนามบาส ซึ่งดูเหมือนจะมีคนเล่นอยู่ในเวลาเย็นๆ อาจจะเป็นพวกชมรมกีฬาก็ได้ เพราะเห็นบอกกันว่าชมรมนี้ก่อตั้งไวกว่าชมรมอื่นเป็นเดือน
ทว่า เธอสะดุดกึกเมื่อเหลือบไปเห็นคนที่เธอน่าจะรู้จัก "นายชิน?"
แน่นอนชายหนุ่มนจามว่า คีชินยุน ซึ่งตอนนี้ใส่ชุดกีฬานักบาสทีมสีเขียวกำลังเดาะลูกบอลอยู่อย่างคล่องแคล่วก่อนจะชู้ต
ลูกบาสลงห่วงไปอย่างสวยงาม ในเวลาที่หมดพอดีของเกมนั้น ทำให้ทีมของเขาชนะไปอย่างไม่ต้องสงสัย
สิง่ที่เห็นอยู่ตรงหน้า ทำเอานาริที่แอบยืนมองอยู่อดรำพึงไม่ได้
"หูว ไม่อยากเชื่อเลยนะเนี่ย นักดนตรีจะเอาดีทางกีฬาได้ นึกว่าจะชอบอยู่แต่ในห้องทึบๆซะอีก"
ระหว่างที่เหล่านักบาสทั้งหลายแปะมือให้กับชัยชนะหรือบางส่วนก็พักเหนื่อยดื่มน้ำล้างหน้ากันอยู่
นัยน์ตาเรียวคมของชายหนุ่มที่นาริแอบจับจ้องอยู่ค่อยๆหันมาทางคนที่กำลังจ้องเขา
ทำเอานาริที่รู้สึกตัวรีบไปหลบหลังรถคันหนึ่งที่จอดไว้ข้างๆ
'สงสัยรู้สึกไปเอง?' เขาเกาหัวแกร่กๆด้วยความงุนงง ก่อนจะหันไปดื่มน้ำแก้กระหายต่อ
"เกือบไปแล้วมั้ยล่ะไอนาริเอ๊ย~" นาริถอนหายใจอย่างโล่งอกที่หนีพ้นสายตาได้
ชั่วครู่ ชายหนุ่มชินก็เก็บข้าวของเดินออกไปจากสนามก่อนจะเดินมาทางรถโดยที่สาวน้อยที่หลบอยู่ไม่รู้ตัว
"อ้าว มานั่งทำอะไรตรงนี้เนี่ย" เสียงของชายหนุ่มที่ดังขึ้น ทำให้สาวน้อยนาริที่นั่งหันหน้าอยู่อีกฝากสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะค่อยๆหันหน้ามาช้าๆ
"เอ่อ... พอดีชั้นทำเหรียญตก เลยจะมานั่งหาแถวนี้" นี่คือกล่าวอ้างที่ดีที่สุดและที่เธอคิดได้ในตอนนี้ พลางทำทีก้มหาเหรียญ
จนชายหนุ่มชินแอบยืนขำน้อยๆอยู่ข้างหลังกับท่าทางของสาวน้อยตรงหน้า
"มองอะไรยะ? ไม่เคยเห็นคนหาเหรียญเหรอ" นาริหันมากล่าวให้เชิงว่า 'หยุดขำซะทีได้มะ'
"ปล๊าว แค่ขำคนที่มัธยัสถ์จะเป้นจะตายอย่างเธอ เหรียญบาทเหรียญเดียวยังต้องก้มหาแทบแย่"
ชินพูดตอกลอยๆขึ้น ก่อนที่สาวน้อยนาริจะเริ่มค้อนกลับ
"ค่าของเงินนายก็ควรรู้ไว้ 1บาทถ้าทำหล่นแล้วหายมาๆบางทีมันก็สะสมกลายมูลค่าเป็นแบ๊งค์ร้อยได้เหมือนแหละ"
สิง่ที่สาวน้อยพูดมา ทำให้ชายหนุ่มที่ฟังอยู่แอบประทับใจขึ้นมาบ้าง
"โอเคๆ ผมยอมแพ้คุณ ว่าแต่เมื่อไหร่มันจะเจอล่ะ งั้นเดี๋ยวผมช่วยห..."
"ไม่ต้อง! ชั้นหาเอง! หาหลายคนมันวุ่นวาย เข้าใจ๋?" นาริรีบปรามไว้ทันที เพราะเธอกำลังหาข้ออ้างอยู่ แต่ก็ไม่นึกว่ามันจะไปไกลได้ขนาดนี้
"งั้นเหรอ? ไม่ใช่ว่ามะกี้อ้างแล้วเหรียญมันไม่มีจริงๆ แต่มีจุดประสงค์อย่างอืน่ที่มานั่งหลังรถนี่ใช่มั้ยล่ะ?"
คำพูดที่เป็นควาจริงสอดทะลุหัวของนาริ ทำเอาเธอหน้าถอดสีไปในทันทีที่โดนจับไต๋ได้
"จุด...จุดประสงค์อื่น?...อะไรของนายห๊ะ?" เธอค่อยๆถามในสภาพต้องจำลื่นไหลไปตามสถานการณ์
"อย่างเช่น มาถ้ำมองสาวเท่หลายคนที่มาเล่นบาสที่นี่ใช่มั้ยล่ะ?"
ประโยคคำพูดของชายหนุ่มที่ขวานผ่าซากและแรงมากสำหรับเธอสอดทะลุแทงใจดำทันที เพราะมันเป็นคำหลอกด่าว่าสภาพเพศของเธอเป็นอะไร
ในความคิดของเขา "ห..หา!? เห้ย! ไอบ้า! ชั้นไม่ใช่เลสเบี้ยนหรือทอมอะไรทั้งนั้นนะยะ!!"
"เหรอครับ? แล้วไอผมซอยสั้นติดกระดานบ่าเยี่ยงทหารชายนี่มันหมายความว่าไง หืม?" เขายักคิ้วยียวนใส่กลับ
"มันก้สิทธิ์ของชั้นย่ะ รสนิยมมันแบบนี้ ไว้ผมยาวขี้เกียจต้องมานั่งถักเปียตอนเช้า!!!" นาริที่ไม่ยอมแพ้เถียงกลับอย่างไม่ลดละ
"ครับ เข้าใจ ถ้าหากว่าไม่ใช่ทอมหรือเลส ก็คงเป้นพวกบ้ากามผู้ชา...!" ไม่ทันที่ชายหนุ่มชินจะพูดหยอกต่อ
ฝ่ามือเรียวนุ่มของสาวน้อยทีอยู่ตรงหน้าก็อุดปากเขาซะแล้ว
"ชั้นไม่ใช่ทอมเลสดี้ และก็ไม่ใช่พวกแรดบ้าผู้ชายอะไรทั้งนั้น หยุดล้อชั้นได้แล้ว!!!" นาริตวาดใส่หน้าน้ำเสียงเหมือนใกล้จุดโมโหแล้ว
ชายหนุ่มชินที่รู้สึกได้ จึงพยักหน้าตกลงเพราะกลัวจะถูกผู้หญิงระเบิดใส่ตรงหน้า และมันก็ไม่น่าจะคุ้มมีแต่จะเจ็บตัวฟรี
เขาค่อยๆเอื้อมมือมาแกะมือเรียวของสาวน้อยออกอย่างนุ่มนวล ทำนาริรู้สึกได้ถึงไออุ่นจากมือเขา
"ก็ได้ๆ ผมยอมแพ้ คุณจะมาทำอะไรก็แล้วแต่ละกันนะ แต่ผมต้องไปล่ะ"
นาริที่ยังตกอยู่ในภวังค์อยู่ ได้แต่หยักหน้าช้าๆ ก่อนที่เขาจะโบกมือให้แล้ววิ่งออกไป ก่อนที่สาวน้อยจะปลุกตัวเองให้ตื่นจากภวังค์อีกครั้ง
"อ...เอ่อ...? มะกี้เราเป็นอะไรไปเนี่ย?"
หลังจากที่หมดเรื่องจะเถียงต่อ สาวน้อยค่อยๆหันไปเดินทางออกจากร.ร.ไปที่ร้านดอกไม้ตามที่วางตารางไว้แต่แรก
ระหว่างทางเดินบนถนนฟุตบาทที่เต้มไปด้วยของขายมากมาย สาวน้อยนาริค่อยๆเดินไปที่ร้านดอกไม้เพื่อจะทำงานต่อ
แต่ระหว่างที่เธอกำลังเดินผ่านหน้าโรงยิมแห่งหนึ่ง สายตาคู่ใสของเธอเหลือบไปเห็นคนที่รู้จักอีกรอบ
"ชิน? มาทำอะไรแถวนี้วะ?" เธอรำพึงเบาๆ ก่อนจะวิ่งไปแอบดูแถวซอกระยะใกล้ๆที่พอจะได้ยิน
ชายหนุ่มชินกับบุคคลอีก2-3คน ชายที่อยู่ตรงแถบหน้า ดูจากอายุแล้วพอจะสูงวัย ใส่ชุดสูทภูมิฐานอย่างดี
และอีก2คนข้างหลังน่าจะเป็นบอร์ดี้การ์ดของชายสูงวัย ดูเหมือนว่าจะมีฐานะ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับชายหนุ่มชินล่ะ?
"ชั้นได้ยินมาว่าแกไปเข้าชมรมกีฬา...?" ชายสูงวัยเริ่มพูดก่อน
"ครับ..." ชินตอบเสียงเรียบ ดูเหมือนว่าเขาจะกล้าๆกลัวๆในการตอบคำถาม เพราะมันดูไม่กระปี้กระเป่าเหมือนตอนหยอกล้อกับเธอ
ทันใดนั้น ไม้เท้าที่อยู่ในมือขวาของชายสูงวัยก็กระแทกเข้าที่ท้องของชายหนุ่มชินที่อยู่ตรงหน้าทันทีพร้อมเสียงดอดโอยของชายหนุ่ม
'ทำแบบนั้นทำไมล่ะเนี่ย!?' สาวน้อยที่แอบดูอยู่สบถในใจ เหมือนเจ็บปวดแทน
"แกทำให้ชั้นต้องอับอายขายขี้หน้า!!! ชมรมอื่นเยอะแยะทำไมไม่เข้า ทั้งชมรมภาษา ดนตรี แต่แกกลับไปเลือกไอชมรม
กีฬาที่มีแต่พวกเถื่อนถอยและเรียนไม่ดีอย่างนี้!!!?" น้ำเสียงของชายสูงวัยขึ้นเสียงสูงขึ้นด้วยความเกรี้ยวกราด
พลางชายหนุ่มที่กุมท้องตอบเบาๆ "มันก็สิทธิ์ของผมไม่ใช่หรือครับ..? ที่จะเลือก...!"
ไม่ทันที่ชินจะกล่าวจบ ไม้เท้าอันเดิมก็ฟาดเข้าที่หัวของเขาเข้าจังๆ พลันเสียงดอดโอยก็แผดขึ้นเบาๆ
"แกอย่ามาทำตัวสะเออะทวงสิทธิ์อะไรจากชั้น! แค่ชั้นให้แกมาเปิดหูเปิดตาที่ประเทศไทยนี่ก็บุญแค่ไหนแล้ว! ไอลูกทรพี!!!"
จากประดยคเมื่อกี้ทำให้สาวน้อยรู้ทันที ว่าทั้ง2คนนี้น่าจะเป็นพ่อลุกกัน แต่ทำไมผู้เป็นพ่อจึงได้ใจร้ายกับลูกเช่นนี้
เท้าที่สวมด้วยรองเท้าหนังคอมแบ๊ทที่ส้นหนาสำหรับคนมีฐานะใส่กระทืบไปมา ก่อนจะง้างเหมือนจะเตะชายหนุม่ที่อยู่ตรงหน้าซ้ำ
"พอเถอะครับบอส! สงสารคุณชายเถอะครับ!" บอร์ดี้การ์ดทั้ง2กล่าวหามไว้พลางฉุดลากตัวชายสูงวัยออกมา
"ถ้าแกยังไม่ไปออกจากชมรมเน่าๆนี่! แกโดนหนักกว่านี้แน่!" ชายสูงวัยกล่าวทิ้งท้ายดว้ยน้ำเสียงโมโหสุดขีด
ก่อนจะสะบัดตัวเดินขึ้นรถไปสีดำหรูของตนไปอย่างไม่ใยดี ในขณะที่บอร์ดี้การ์ดทั้ง2หันหน้ามามองคุรชายของตน
ด้วยความสงสารแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ก่อนจะตัดใจขึ้นรถติดตามเจ้านายใหญ่ของตนไป
โดยปล่อยให้ชายหนุ่มคุกเข่ากุมบาดแผลอยู่ตรงนั้นคนเดียว
สาวน้อยนาริที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด จึงค่อยๆเดินออกมาก่อนจะจับชายหนุ่มประคองตัวขึ้น
"เป็นอะไรมากมั้ย?" น้ำเสียงอันอ่อนโยนดังเข้าหูของชายหนุ่ม ทำให้เขาหันหน้ามาช้าๆในสภาพที่เลือดไหลซิบๆจากแผลที่หัว
เขาไม่ตอบอะไร พลางหันหน้าหนี สาวน้อยหยิบผ้าเช็ดหน้าลายตัวกุญแจซอลออกมาจากกระเป๋าเสื้อตัวเอง
ก่อนจะซับลงบนแผลของชายหนุ่มช้าๆ
'ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้? ทำไมเรารุ้สึกคุ้นเคยจัง?' คำถามนี้ผุดขึ้นมาในหัวของชายหนุ่มชิน เพราะเขารู้สึกเหมือนเขาเคยเห็นมันที่ไหนมาก่อน
แต่ยิ่งนึกก็ยิ่งเจ็บแผล ก่อนที่เขาจะคว้ามือของสาวน้อยตรงหน้าลงมา
"พอเถอะ..." นี่คือคำพุดประโยคเดียวออกมาจากปากเขา ถ้าให้ฟังจากน้ำเสียงเหมือนอตนนี้เขากำลังเศร้าอยู่แต่ไม่แสดงออกมาหใครเห็น
ถ้าเป็นคนทั่วไปอาจมีน้ำตาซึมออกมาแล้ว "ไม่ ปล่อยแผลไว้อย่างีน้เดี๋ยวจะติดเชื้อเอา"
นาริตอบด้วยเสียงขึงขังจริงจัง ก่อนจะประคองตัวชายหนุ่มนั่งลงข้างๆทาง แล้วเดินเข้าไปในร้านยาข้างๆ
ชั่วครู่หนึ่ง เธอก็ออกมาพร้อมถุงอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเล็กๆน้อยๆทั้งสำลี ยาทาแผลและพลาสเตอร์
"อยู่นิ่งๆนะ" นาริกล่าวเตือนไว้ก่อนจะใช้สำลีชุบยาทาแผลทาลงบนแผลของชายหนุ่ม
"โอะ...โอ๊ย!!!" เขาร้องออกมาเบาๆ แต่มือเรียวของนาริก็ยังจับหัวเขาไว้
"แค่นี้ใจเสาะรึไง บอกให้นิ่งก็นิ่งสื" คำพูดของสาวน้อยตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มนิ่งสงบลง
และเขาก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากคนที่ทำแผลให้ครั้งแรก ไม่เหมือนที่พวกคนรับใช้หรือหมอที่ไหนทำที่รีบๆให้เสร้จไปเสียอย่างนั้น
ทว่า แค่แผลหัวแตกสาวน้อยคนนี้ก็ยังค่อยๆทำแผลอย่างละเอยีด ถึงจะมือหนักแต่ก็แฝงด้วยความนุ่มนวล
เมื่อพลาสเตอร์ปิดลงบนแผลเสร็จสาวน้อยก็โพล่งออกมาด้วยความโล่งใจ "เสร็จแล้ว"
ชายหนุ่มที่เริ่มยิ้มออกจึงค่อยๆลุกขึ้น "ขอบใจนะ" น้ำเสียงของเขาดูอบอุ่นมากหากผู้ใดได้ฟัง สาวน้อยหันล่อกแล่กยื่นถุงยาให้
"เอ้า เอากลับไป ไม่รุ้ว่าบ้านนายรวยแล้วมีเยอะแยะรึเปล่า แต่รับไว้ละกัน บางทียายี่ห้อถูกๆมันก็ดีกว่ายายี่ห้อแพงๆซะอีก"
นาริร่ายยาวแล้วยื่นมือที่มีถุงยาให้ ชายหนุ่มชินอมยิ้มก่อนจะควักแบ๊งค์ร้อยให้นาริ
"ค่าอะไรมิทราบ?" สาวน้อยถามขึ้นอย่างุนงง
"ค่าอุปกรณ์และก็ทำแผล" ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบในขณะที่รอยยิ้มผุดขึ้นบนมุมปาก
มือเรียวของสาวน้อยผลักมือข้างที่เขายืนเงินให้ลงช้าๆ
"นายคงจะเข้าใจถึงคำว่า "น้ำใจ" ที่คนมีให้กัน ไม่จำเป็นต้องให้ได้รับการตอบแทนเป็นไงเสมอกัน แต่มันก็เป็นสิง่ที่ควรจะให้กัน
แค่คำว่า ขอบคุณ แค่นี้ชั้นก็พอใจแล้ว" คำพูดที่ฉะฉานของสาวน้อยนาริ ทำให้ชายหนุ่มประทับใจอีกครั้ง เขาเก็บเงินลง
"โอเค เข้าใจละยัยมากเหตุมากผล ยังไงก็...ขอบใจละกัน" เขากล่าวพลางยิ้มให้ ในขณะที่สาวน้อยล่อกแล่กสายตาไปทางอื่น
"งั้นลาอีกทีละกันนะ ชั้นกลับหอล่ะ ห้อง042 อยากมาเยือนตอนดึกๆก็มาได้นะ"
น้ำเสียงของเขาดูสดใสขึ้นมากกว่าตะกี้ ก่อนที่ขาจะโบกมือให้ ในขณะที่สาวน้อยโบกมือตอบอย่างลืมตัว
พลันเพิ่งจะเข้าใจความหมาย "เฮ้ย! ไอบ้า! บอกแล้วไงชั้นไม่ใช่พวกผู้หญิงแรดๆไล่จับผู้ชายน่ะ!!! โอ๊ย!"
ดูเหมือนว่า คำตะโกนด่าของเธอจะช้าเกินไป เพราะร่างของชายหนุ่มหายไปในทามกลางฝูงชนก่อนหน้านี้แล้ว
"อารมณ์แปรปรวนชะมัด เฮ้อ..."