-19-
1วันผ่านไปอย่างรวดเร็ว และดูเหมือนว่าสาวน้อยนาริจะได้เพื่อนสนิทมาอีก3แม้จะเป็นรุ่นน้องก็ตามที ฃฃ
ถ้ากล่าวถึงเพื่อนที่สนิทที่สุดก็น่าจะเป็นเพื่อนวัยเดียวกันน่ะแหละ เพราะได้อยู่ด้วยกันมากกว่าแม้กระทั่งเวลาเรียน
คือ โลวาน่า เพื่อนสาวของเธอที่ภายนอกเหมือนดูจะเป็นคนเย็นชา แต่ถ้ารู้จักแล้วก็เป็นคนอารมณ์ดีจริงๆ
ยกเว้นเสียแต่ถ้าเกิดเรื่อง เธอจะแสดงความกล้าหาญที่ผิดกับรุปร่างลักษณะของเธอขึ้นมาได้ทันที
ไม่ใช่แค่นั้นทว่าศิลปะการต่อสู้ ที่น่าจะเป็นสายเตะของเธอก็ดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าใครๆด้วย
จนถึงขั้นที่เจ้าพวกอันธพาลเห็นหน้าแล้วต้องหนีจ๋อยไปตามๆกัน นึกแล้วก็อดขำไม่ได้ที่อันธพาลตัวตั้งใหญ่ยักษ์นับ10
แต่กลับแพ้ผู้หญิงร่างบางตัวเล็กๆ2คนอย่างน่าอนาถา
หลังจากที่เธอโบกมือลาให้โลวาน่าเสร็จก็แยกย้ายไปจัดการธุระส่วนตัวที่ห้อง (อาทิ การบ้าน) จากนั้นจึงเตรียมตัวไปทำงานที่ร้านดอกไม้
"ฮัลโหล ว่าไงคะ?" เสียงตอบรับเรียบๆของสาวน้อยผ่านโทรศัพท์มือถือเพื่อสื่อสารกับคนๆหนึ่ง
"ป้าเองจ้ะ อยู่ที่นั่นเป็นไงมั่ง ย่าเธอฝากถามมาพร้อมกับที่ชั้นจะถามแน่ะ" มิใช่ใครนอกจากป้าเจ้าของร้านดอกไม้นั่นเอง
"ก็สบายดีค่ะ ที่ร้านก็มีพนักงานหญิงอีก2-3คนผลัดเวรกันดูแล หนูก็จะมาช่วยหลังแถวๆ6โมงถึง2ทุ่มครึ่งค่ะ"
"หาสมาชิกใหม่ได้รึยัง หึๆ" น้ำเสียงของนางดูเหมือนจะแซวเล่น
"ได้ค่ะ กำลังจะพูดเรื่องนี้อยู่พอดี ชื่อชุง คีชิน... อะไรประมาณเนี้ยแหละค่ะ" นาริตอบไปอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อต้องพูดถึงชายหนุ่มคนนั้น
"หา...? ชุง คีชิน..."
"หนูคิดว่าหนูรายงานเรียบร้อยแล้วนะคะ ค่าโทรทางไกลัมนแพง ถ้ามีอะไรจะโทรมาบอกค่ะ บายค่ะ"
ไม่ทันที่ป้าเจ้าของร้านจะพูดต่อจบ สาวน้อยนาริก็ตัดสายไปเสียแล้ว
"เอ้อ มาไวไปเร็ว เด็กสมัยนี้" นางรำพึงอย่างอดไม่ได้
"ชุง...คีชิน... ใครวะ? ทำไมชื่อมันคุ้นๆ ช่างมันเหอะ ทำงานต่อดีกว่า" ว่าแล้วป้าเจ้าของร้านก็เดินเข้าไปจัดการงานในร้านต่อทันที
วันรุ่งขึ้นเวลา 6.30น. อากาศยามเช้าที่รอบๆโรงเรียนช่างแสนบริสุทธิ์ ต่างกับข้างนอกที่เป็นตัวเมืองยิ่งนัก
หลังจากที่สาวน้อยนาริเดินทางไปเปิดร้านตอนตี5ครึ่ง เมื่อจัดการเรียบร้อยแล้วจึงเดินทางกลับมาเข้าห้องเรียนเป็นกิจวัตร
เหล่านักเรียนที่ตื่นเช้าและจัดการธุระเสร็จแล้ว บางส่วนก็มาทานอาหารเช้าที่โรงอาหาร บ้างก็หาของตุนในห้องกินไปแล้วตอนตื่นนอน
"หวัดดีจ้ะ" สาวรน้อยนารินั่งลงพลางวางกระเป๋าที่โต๊ะข้างๆเพื่อนสาวของเธอพร้อมกล่าวทักทาย
" 'ดีจ้ะ กินข้าวยัง?" เพื่อนสาวโลวาน่าของเธอถามตามเหตุปกติ
"กินแล้ว พอดีชั้นซื้อแซนด์วิชมาตุนไว้ในห้องตอนเช้าก็กินได้เลย แกอ่ะ?" เมื่อนาริตอบคำถามเสร็จเธอก็โยนคำถามกลับไปที่คนถามคนก่อน
(ดูเหมือนว่าทั้ง2จะสนิทกันถึงขั้นเรียก ชั้น - แก แล้ว=w=)
"กินแล้วเหมือนกัน ก็พี่ชายชั้นเล่นลากชั้นไปกินอาหารเช้าที่ร้านอาหารข้างโรงเรียนนั่นแต่เช้าเชียวแหละ" หล่อนตอบด้วยเสียงอิดออด
นาริฟังดังนั้นก็อดขำไม่ได้ "เห้ย? จริงเหรอ? ว่ากันว่าไอร้านอาหารข้างๆนั่นคิวมันยาวจนคนกลับบ้านไม่กินแล้วมามากเลยไม่ใช่เหรอ"
"นั่นแหละ พี่ชั้นเลยลากออกไปกินตั้งแต่ร้านมันเปิด ตี4กว่านู่น"
"จริงอ่ะ? โห เทคแคร์น่าดูเลยนะเนี่ย ถ้ามีใครเป็นแฟนพี่แกคงโชคดีสุดๆเลยนะ"
ประโยคนี้เหมือนนาริจะพูดเล่นๆให้ขำๆ ทว่าอีกฝ่ายกลับชะงักแล้วเงียบลงไปอย่างทันตาเห็น
"เป็นอะไรอีก นอนไปเต็มอิ่มรึไง?" เธอว่าพลางเขย่าตัวเพื่อนสาว
โลวาน่าหันหน้ามามองสะดุ้งอีกทีเมื่อรู้ตัว พลางตอบแก้ขัดถุไถไปก่อน
"เอ่อ ชั้นแค่ยิ่งคิดว่าคราวหน้าจะทำแบบแกบ้าง จะได้ไม่ต้องถอสังขารไปแต่เช้าแบบ เหอะๆ" หล่อนกล่าวปัดๆพลางยิ้มเจื่อนๆ
"... เออนี่! การบ้านของอาจารย์คาบภาษาอังกฤษที่เป็นครูม.6มาสอน เขาบอกให้ไปส่งตรงห้องพักครูม.6ใช่มะ"
โลวาน่ารีบเปลี่ยนเรื่องทันที ซึ่งนาริก็มิได้สังเกตอะไร
"เออจริง งั้นไปส่งกันไวๆ จะมารอทั้งห้องชั้นกลัวพวกขอลอกๆอะไรแล้วพาลจะไมได้ส่งอีก"
นาริว่าตามจริงก่อนจะคุ้ยกระเป๋าตัวเองหยิบสมุดวิชาภาษาอังกฤษที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้วขึ้นมา
ในขณะที่เพื่อนสาวของเธอหยิบออกมาจากใต้โต๊ะ เมื่อทั้ง2พร้อมแล้วจึงเดินออกจากห้องขึ้นไปอีกชั้นที่เป็นชั้นของม.6
ทางเดินตอนนี้ยังเงียบเชียบ กระทั่งได้ยินเสียงนกร้องยามเช้าเลยทีเดียว ดูเหมือนว่าจะยังแทบไม่มีใครมานอกจากครู
หลังจากที่ทั้ง2ส่งงานเสร็จเรียบร้อยจึงตัดสินใจจะเดินลงกลับห้องไปคุยเล่นกันต่อ ขณะนั้นเสียงริงโทนโทรศัพท์ของโลวาน่าก็ดังขึ้น
"แป๊บนะ พ่อโทรมา" โลวาน่ายิ้มแหยๆให้เพื่อนแล้ววิ่งออกไปคุยที่อื่น ปล่อยให้เพื่อนสาวของหล่อนรออยู่ตรงนั้น
"อ่าว ไหงงั้น ช่างมันรอก็ได้ไม่เป็นไร" เธอยืนคิดนิ่งอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นคนอื่นมีครอบครัวที่สมบูรณ์โทรมาถามไถ่
ต่างกับเธอที่เมื่อผู้เป็นมารดาเสียชีวิตด้วยโรคร้าย บิดาของเธอก็ทิ้งไปอย่างไม่แยแส เหลือแต่ป้าใจร้ายกับย่าของเธอ ที่ต้องแบกรับ
ภาระอะไรหลายๆอย่างมาตั้งแต่เด็ก เทียบกับชีวิตคนอื่นชีวิตเธอเหมือนจะไม่ค่อยเต็มนักเท่าไหร่
"เฮ้" เสียงรียกของใครบางคนดังขึ้น พลางมืออุ่นที่จับไหล่ของเธอ ทำให้สาวน้อยนาริสะดุ้งตื่นจากภวังค์ทันที
"คุณ เอ่อ ชิน!!!?" เธอกล่าวอย่างตกใจเมื่อคนที่อยู่ตรงหน้าคือชายหนุ่มที่เคยมาซื้อดอกไม้ที่ร้านเธอ
บัดนี้ เขาอยู่ในเครื่องแบบยูนิฟอร์มชายของโรงเรียนที่ดูเรียบร้อย ประกอบกับคนใส่ทำให้ดูสมาร์ทมีเสน่ห์ยิ่งนัก แต่นาริกลับไม่รู้สึกอะไร
"มาทำไมที่นี่?" เธอตอบแกขัดไปก่อน
"อ่าว ถามได้ มาเรียนสิ จะให้มาเปิดคอนเสิร์ทที่นี่รึไง" ชายหนุ่มย้อนคำตอบกลับแสกหน้าผู้ถาม
"ก็ชั้นคิดอย่างนั้น" สาวน้อยนาริไม่ยอมแพ้ยังตอกกลับคำพูดอย่างไม่ลดละ
"โอเคๆ เลิกตอกหน้ากันได้ละ ผมเรียนที่นี่ เพิ่งย้ายมาเหมือนกัน ไม่อยากเชื่อเลยนะว่าคุณจะอยู่โรงเรียนนี้แล้วก็อยู่ม.6เหมือนกัน"
"ม.5ย่ะ ชั้นยังไม่แก้ขนาดนั้น" นาริสวนกลับอย่างอารมณ์เสีย
"อ่ะๆ ขอโทษก็ได้ ที่หาว่าเธอ
แก่" ชายหนุ่มชินเล่นลิ้นใส่สาวน้อยที่อยู่ตรงนั้น คำพูดที่เน้นเทื่อกี้ทำเอาเธอปรอทแตกทันใด
"ว่าไงนะ นาย...! อุ๊บ!!!" ไม่ทันที่เธอจะโวยวายก็ถูกมืออุ่นๆของชายหนุ่มปิดไว้ พร้อมหน้าของที่ยื่นมาประชิดเธอที่ยืนพิงกำแพงอยู่
"ชู่ว อย่าเอ็ดไป ผมไม่อยากมาหนีแฟนคลับอะไรตรงนี้ อย่าเรียกชื่อจริง คุณคงรู้อาชีพผมนะ เข้าใจ๋?" เขากำชับเธอในท่าเดิม
เธอค่อยๆพยักหน้าตอบ ก่อนที่เขาจะค่อยๆลดมือลง
"ดีมาก อย่างน้อยคนเกาหลีก็น่าจะรู้ด้วยกัน ว่าแฟนคลับที่ไทยบ้าคลั่งกว่าที่เกาหลีขนาดไหน"
ชายหนุ่มค่อยๆเหลือบมองนาฬิกาบนข้อมือตัวเอง ดูเหมือนจะเป็นเวลาที่เขาต้องไปทำเวรตอนเช้าพร้อมกับคนในห้องพอดี
"งั้นผมไปละ
ยัยทอม" เขาโบกมือต่ำๆพร้อมยิ้มให้ก่อนวิ่งออกไป แต่คำสุดท้ายที่ตอกหน้าเธอมันเจ็บแสบยิ่งนัก
"ใครทอมยะ! อีตาบ้า!" เธอสบถเบาๆอย่างไมท่สบอารมณ์ พลางจิกเส้นผมที่ซอยสั้นอยู่ตรงนั้น
"อ่าว? นั่นใครเหรอ ที่โบกมือให้เมื่อกี้น่ะ" โลวาน่าที่เดินกลับมาเห็นพอดีจึงถามขึ้น
"คนรู้จักน่ะ..." สาวน้อยนาริตอบเสียงเรียบ...