-15-
'ถ้าชั้นอยู่ร.ร.นี้มีหวังได้เป็นอัมพาตซักวันแน่' สิ่งที่ทำให้นาริอดรำพึงไม่ได้คือเหตุการณ์ปฐมนิเทศน์เมื่อเช้า
ที่ในชีวิตเพิ่งเคยพบเจออะไรที่มหัศจรรย์ขนาดนี้ คือ ผอ.ที่พูดรัวน้ำไหลไฟดับ ยาวเป็นขบวนรถไฟ โดยที่ไม่ทราบว่าเจ้าตัวเบื่อบ้างหรือไม่
ปัญหาไม่ใช่แค่ผอ.ที่พูดยาวจนนรยืนกันจนเมื่อย แต่มี(อี)พวกคณะนักเรียน ประธานยัน นร.รักษาการณ์ ที่ถือกล่องช็อกไว้เป็น10กล่อง
เตรียมจะปาระเบิดหัวนักเรียนที่บังอาจหลับ หรือไม่ตั้งใจฟังทุกเมื่อ ถ้าใครบังอาจจะรับก็ต้องชะงักเมื่อถึงท่อนที่ผอ.พูดถึงการทำโทษของเหล่า
คณะนักเรียน ที่โหดร้ายกว่าไม้เรียวของครูหลาย10เท่า เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายย่อมจ๋อยไปตามๆกัน
เธอคิดไปคิดมาพลางเหลือบดูเวลา '1ทุ่มครึ่ง?'
"โอเค ร้านปิด2ทุ่ม เราอยู่จัดการอีกสักช.ม.ค่อยกลับละกัน ดีที่หอมันปิด4ทุ่ม" เธอเริ่มจัดตารางตัวเอง แล้วถือกระถางดอกไม้
เพื่อจะนำไปจัด ระหว่างที่เธอก้าวลงจากพื้นร้านที่ต่างระดับกัน ด้วยความที่ไม่ระวัง เธอจึงลื่นล้มทันที!
หมับ!
ชั่วพริบตาที่เอนึกว่าก้นจะลงไปจูบกับพื้น และกระถางดอกไม้จะแตกเป็นเสี่ยงๆกับพื้น ทว่า เหตุการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น
ระหว่างที่เธอหลับตาปี๋ด้วยความตกใจ แต่ก็รู้สึกได้ว่ามีร่างของใครที่ค่อนข้างสูงใหญ่มาโอบไว้ในท่าที่เธอเกือบจะล้มไว้
ลมหายใจอุ่นๆรวยรินรดหน้าเธอในระยะประชิด เกือบจะทำให้เธอตกอยู่ในภวังค์แห่งความคิดสมัยเด็กอีกครั้ง
นัยน์ตาสีน้ำตาลไม้ ค่อยๆเปิดขึ้นคนที่อยู่ตรงหน้าเธอทำให้ตบะแตกทันที
ร่างบางรีบผละออกจากตัวชายหนุ่ม "คุณที่ชนชั้นล้ม!" พลางตะโกนชี้หน้าทันทีในสีหน้าเหวอๆ
"นี่ตั้งศัพท์ชื่อให้เลยรึไงฮึ? ถ้าผมไม่ช่วยคุณไว้เมื่อกี้ คุณกับไอกระถางพร้อมดอกไม้นี้ได้ลงไปจูบพื้นแล้ว"
ชายหนุ่มว่าพลางยักไหล่ โดยในมืออีกข้างของเขาอุ้มกระถางดอกไม้ไว้อยู่
"เอ่อ..." นาริที่ดูจะไม่เป็นศัพท์อะไรตอนนี้ เพราะเหตุการณ์แย่ๆคราวก่อนกะรอบนี้ที่มันดีตีกันจนเธอจะใส่อารมณ์กับเขายังไงดีก็ยังนึกไม่ถูก
"เอ่อ อะไรคุณ" เมื่อน้ำเสียงหนุ่มดังขึ้น ทำให้นาริสะดุ้งตัวหันมาสบตาอีกรอบ
"ก็...ขอบุณละกันที่ช่วยชั้น แล้วก็กระถางดอกไม้นี้ไว้" นาริกล่าวเลิ่กลั่กก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น
แต่แขนเรียวของร่างบางถูกเหนี่ยวรั้งไว้ด้วยมืออุ่นๆของชายหนุ่ม
"ผมจะซื้อไอนี่" ชายหนุ่มกล่าวเชิงสั่งงานในฐานะลูกค้า พลางชูกระถางดอกไม้ในมืออีกข้าง
"เท่าไหร่?"
"ดอกลิลลี่เริ่มเพาะ กระถางละ50บาทค่ะ" เธอตอบอิดออดเกร็งเชิงสุภาพในฐานะพนักงานบริการลูกค้าเท่านั้น
ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วคว้านเงินในกระเป๋าสตางค์เป็นธนบัตรใบละ100บาทให้เธอ
"ไม่ต้องทอน" เขากล่าวตัดจบเสียงเรียบ แล้วหันไปมองทิวทัศน์ในร้านรอบๆ
เท่าที่สาวน้อยนาริพิจารณาเขาอาจจะชอบอะไรที่มันเกี่ยวกับดอกไม้นี่ก็เป็นแน่
"ดอกไม้ที่นี่สวยดี ถ้าผมจะมาซื้อบ่อยๆ..."
ไม่ทันที่เขาจะพุดจบ สาวน้อยรีบพูดแนะนำลูกค้าตามหน้าที่ฉับพลัน
"ทางร้านเรามีการสมัครสมาชิก ถ้าสมัครแล้วจะได้รับสิทธิโปรโมชั่นของร้านค่ะ ไม่ทราบว่า..."
ไม่ทันทีสาวน้อยจะกล่าวจบเช่นกัน นามบัตรในมือชายหนุ่มก็อยู่ตรงหน้าเธอแล้ว
"หา?"
"สมัครสมาชิกไง แค่นามบัตรก็คงจะระบุได้หมดใช่มะ" ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ
"ใช่ แต่จะปัดภาระมาทั้งหมดเลยเรอะไง" เธอเผลอบ่นอิดออดออกไป เมื่อรู้ตัวก็รีบเอามือปิดปากหันไปทางอื่น
ชายหนุ่มเกาหัวด้วยใบหน้าที่ออกจะยิ้มๆ แล้วเอ่ยปากขึ้น
"ผมชื่อ ชุง คีชินยุน "
"อ่า ค่ะ" เธอผงกหัวรับเรื่อง
"ไหนๆก็น่าจะมาบ่อยอยู่แล้ว รู้ชื่อเล่นไว้ไม่เสียหาย ชื่อเล่นผมคือ ชิน"
ชายหนุ่มกล่าวรายละเอียดเชิงแนะนำตัวเรียบร้อย
"แล้วคุณล่ะ จะให้เรียกคุณๆตลอดที่เจอหน้ากันตลอดไมได้หรอกนะ"
"อึม ฮโยจอง หรือ นาริ" เธอตอบเสียงสั้น แล้วเก็บนามบัตรลงกระเป๋ากางเกงตัวเอง
"อ่าว ไม่อยากเชื่อเลยคุณจะเป็นคนเกาหลีเหมือนกัน" คำพูดของชายหนุ่มปักฉึกที่ใจของสาวน้อยทันที
'หน้าของชั้นมันออกจะลาวขนาดนั้นเชียวรึไง!' เอสบถในใจ แล้วหันไปตีหน้ายิ้ม "ก้น่าจะรู้นี่คะ" แต่ประโยคเมื่อกี้ไม่น่าจะเข้ากับสีหน้า
"โอเคๆ..." ชายหนุ่มชินว่า นัยน์ตาคมทั้ง2คู่เหลือบไปเห็นเหล่าสาวๆที่วิ่งตามหาตัวเองอยู่ก็ผงะ ตกใจไปหลบอยู่หลังร่างบางทันที
โดยมือทั้ง2ข้างของเขา ประกบอยู่ที่แขนของสาวน้อยอีกแล้ว "อะไรกันเนี่ย!!"
นาริตะดกนออกมาพลางสะบัดแขนชายหนุ่มออก
"ผมขอคัวก่อนล่ะ คุณนาริ" ชินเอ่ยโดยสีหน้ายิ้มแย้ม พลางล่อกแล่กไปมาแล้วใส่เกียร์วิ่งหนีไปอีกทางทันที
"อะไรของเค้าเนี่ย?" เธอเกาหัวแกรกๆ แล้วหยิบนามบัตรขึ้นมา
"อาชีพนักร้อง โหมิน่าล่ะแฟนคลับวิ่งตามกันระวิง" เธอรำพึงพร้อมส่ายหน้าไปมาด้วยสีหน้าขำขัน
ก่อนจะหันร่างตนไปจัดการร้านให้เรียบร้อย แล้วหิ้วกระเป๋าเดินกลับไปพักผ่อนที่หอ...
วันต่อมา
ห้องเรียน ม.5/2 ขณะที่อาจารย์กำลังเช็คชื่อคนในห้องตามที่ลิสต์ไว้ "อึม ฮโย...."
"มาค่ะ! ขออณุญาตเข้าห้องค่ะ!" ร่างบางของนาริเบียดตัวเข้าห้องอยางรวดเร็ว แล้วเล็งที่นั่งอย่างรวดเร็ว เพราะตอนนี้เลทมา5นาทีแล้ว
คนที่เธอนั่งข้างๆโต๊ะติดกันเป็นสาวน้อยเช่นเดียวกับเธอ ผมสีน้ำเงินเข้มดั่งพื้นฟ้ายามกลางคืน หน้าเรียวรูปไข่ ผิวขาวอมชมพู
นัยน์ตากลมสีน้ำเงินประกาย มิได้ล่อกแลกอะไรไปจากหนังสือที่ตนนั่งอ่านอยู่ตรงนั้น
ท่าทีที่แข็งเย็นชาในสายตาคนอื่นตอนนี้ ทำให้นาริเองก็ไม่กล้าจะทักอะไรเช่นกัน
ตกเย็น
"อย่าลืมไปทบทวนเนื้อหาของหน้า138ด้วยล่ะ" สิ้นเสียงของอาจารย์ที่สอนในคาบสุดท้าย นักเรียนทั้งหมดรับคำพลางก้มหัวทำความเคารพ
ก่อนจะเก็บข้าวของสัมภาระแยกย้ายเดินออกจากห้องไป เหลือบเวลาตอนนี้ก็นับ5โมงได้แล้ว เพราะวันนี้ครูเพิ่มคาบพิเศษ
พูดเกี่ยวกับกฏโรงเรียนไปอีก1ช.ม.
ในตอนตกเย็น ท้องฟ้าสีส้มตบกับสีน้ำเงินเข้มด้านบนบอกเวลาได้ว่าเกือบจะโพล้เพล้แล้ว
ทางเดินไปทางหอฝั่งแรก บรรยากาศรอบๆต่างอยู่ในความเงียบวังเวงเล็กน้อย มีเพียงแค่เสียงฝีเท้าของร่างบางทั้ง2ที่เดินตามกันมา
เพราะดูเหมือนเส้นทางไปห้องจะไปทางเดียวกัน
ซักพักหนึ่ง เหมือนเสียงฝีเท้าจะดูมากขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ นาริเหลือบหันไปมองด้านหลังไม่พบอะไรนอกจากร่างสาวน้อยที่นั่งข้างเธอ
เมื่อหันกลับมาทางเดิมกลับได้ยินเสียงหวีดร้องของคนข้างหลัง เธอรีบหันขวับกลับไป
ภาพที่ตรงหน้าเป็นสาวน้อยผมสีน้ำเงินเข้มกำลังถูกกลุ่มนักเรียนผู้ชาย6-7คน ที่ลักษณะท่าทางน่าจะเป็นอันธพาล ที่ปากของบางคนมีบุหรี่สูบไว้อยู่ด้วย
ไม่ทันที่นารอจะวิ่งเข้าไปช่วย แขนของเธอก้ถูกล็อกไว้ข้างหลังในสภาพเดียวกัน
"ปล่อยชั้นนะ!!!" ทั้งคู่ตะโกนขึ้นพร้อมกัน แต่ถูกคนที่น่าจะเป้นหัวโจก พูดห้ามไว้
"ร้องดังไปก็ไม่มีประโยชน์ ทางเดินเส้นเนี้ยตอนเวลาแถวนี้อาจารย์จะไปหาหมอ คนก็จะไม่มี อย่าหวังจะมีใครช่วยพวกเอได้..."
"จุดประสงค์พวกแกคืออะไร!" เสียงที่ดังขึ้นจากร่างสาวน้อยผมสีน้ำเงินเข้ม ดูหนักแน่นและเข้มแข็งยิ่ง
"ไม่ใช่แค่รีดไถหรอกนะ มากกว่านั้นแน่นอนจ้ะ... ฮิๆๆๆ..." คนที่ตอบเป็นอันธพาลที่ล็อคแขนนาริไว้
นาริหันซ้ายหันขวา แล้วง้างเท้าขึ้นกระทืบลงที่ฝ่าเท้าของมันทันท ตามมาด้วยเสียงร้องที่ดังขึ้นด้วยความเจ็บปวดจากปากของมัน
อันธพาลคนอื่นที่อยู่ข้างง้างมือจะต่อยนาริ เธอหันมาใช้สอกฟาดปาก แล้วอ้อมหลังไปใช้สันมือตอกลงที่ท้ายทอของคนที่ล็อคตัวสาวน้อย
ผมสีน้ำเงินเข้ม ทำให้หล่อนหลุดพ้นจากพันธนาการได้แล้วเช่นกัน
"ขอบใจ...!" หล่อนกล่าว พลางหันหน้าไปอีกทางเตรียมตั้งท่าต่อสู้
กลุ่มอันธพาลที่เดินเข้ามาล้อมพวกเธอไว้ มีสายตาที่เป็นยี่ยงสัตว์เดรัจฉานจะจัดการเหยื่อตรงหน้าด้วยความหิวกระหาย
หลังของร่างบางทั้ง2ค่อยๆเขยิบเข้ามาชนกัน "เอาไงล่ะ?"
"ตามสบาย" นาริตอบกลับ
สิ้นเสียงของนาริ ฝ่าเท้าของเธอถีบเข้าที่ท้องของอันธพาลตัวที่ดักไว้ข้างหน้า ก่อนจะหันมาคว้าฝ่าเท้าที่จะพุ่งเข้ามาถีบเธอจนเจ้าของเท้า
เขย่งตัวอยู่แล้วล้มลงไป จังหวะนั้นสาวน้อยหมุนร่างไปพร้อมกับมือที่คว้าเท้าบิดกระดูกของอันธพาลคนนั้น
เสียงกระดูกเคลื่อนดัง เป๊าะ ตามมาด้วยเสียงโอดโอยของอันธพาลคนนั้นดังขึ้น
อันธพาลอีก2คนที่จ้องจะเล่นงานสาวน้อยผมสีน้ำเงินเข้ม พุ่งเข้ามาจะล็อคตัวหล่อนอีกรอบจากทั้ง2ทาง
เธอจึงเหยียบเท้าลงบนร่างของอันธพาลตัวหนึ่ง ยันต่อขึ้นสูงทิ้งส้นเท้าตอกหัวมันเต็มๆจนอันธพาลคนที่โดนตอกหัวล้มลงสลบตรงนั้น
ส่วนอีกคนที่เธอยันร่าง หล่อนใช้เท้า2ข้างยันหน้ามัน แล้วพุ่งตัวลงฟุบเข้าที่พื้น ในขณะที่มันเซลงไปนอนพร้อมกัน
"ข้างในใส่กางเกงซับในสีดำ พวกแกไม่มีทางได้เห็นอะไรหรอก" เธอสบถใส่หน้าตัวที่เธอจัดการไปแล้ว
ด้านนาริ ตอนนี้เธอกำลังจัดการอันธพาลอีกตัว ในขณะที่มันไม่ยอมแพ้จะพุ่งปล่อยหมัดเข้ามาอีกครั้ง เธอว้าแขนไว้ แล้วบิดกลับ
ทำให้มันร้องโอดโอยทันที จังหวะที่เปิดช่องว่าง อันธพาลอีกตัวจึงเข้ามาล็อคข้างหลังไว้อีกรอบ
ร่างของนาริดิ้นไปมา ทว่าอันธพาลตัวที่มาล็อคเธอกลับไม่สะทกอะไร
"เหะๆ ฤทธิ์เยอะนักนะ!!!" ระหว่างที่อันธพาลหัวโจกกำลังจะง้างมือตบให้ร่างที่อยู่ตรงหน้า แขนของมันถูกคว้าไว้
"ผู้ชาย เขาไม่ตบผู้หญิงหรอกนะ ไอหน้าตัวเมีย!" เธอตะโกนด่าใส่หน้า พลางผลักร่างยักษ์ของอันธพาลหัวโจกไปทางนาริ
ร่างยักษ์ขนาดนั้น ถ้าไปล้มทับอะไรได้มีไส้แตกแน่นอน อันธพาลที่ล็อคตัวนาริไว้ จึงผงะร่างเธออกไปอีกทางเพื่อหลบร่างที่จะล้มทับ
"หน็อยยยย" มันขบฟันอย่างเกรี้ยวกราดก่อนพยุตงตัวลุกขึ้น จะพุ่งเข้ามาใช้มือง้างต่อย
ร่างบางทั้งคู่หลบทัน แล้วสวนโดยฝ่าเท้าเข้าที่จุดยุทธศาสตร์ของมันจนมันจุกยืนครวญครงอยู่ตรงนั้น
จังหวะนั้นนาริใช้ศอกตีเข้าใส่ก้านคอ แล้วเบี่ยงตัวไปล็อคไว้ด้านหลังอีกรอบ
"เอาเลย!" เธอตะโกนให้สัญญาณสาวน้อยอีกคน หล่อนพยักหน้ารับ แล้ววิ่งไปยันร่างอันธพาลที่ยืนเหวออยู่ข้างๆอีกรอบ เพื่อดีดตัวขึ้นสูง
ก่อนที่จะปั่นตัว เตะเข้าอย่างสุดแรงที่ก้านคออันธพาลหัวโจกที่ถูกพันธนาการไว้ โดยการบิดเท้าเป็นทิศวงกลมไปกลางอากาศในจังหวะนั้น
เลือดสีแดงเข้มกระอักออกจากปากมัน จังหวะที่หน้าของมันบิดลง นาริใช้จังหวะนั้นบิดตัวมันลงทุ่มกับพื้น
ฝ่าเท้าของร่างบางทั้ง2ได้เหยียบกระทืบลงบนหัวหน้าอันธพาลมันอย่างถี่ จนเสียงโออโอยของมันเงียบไปจึงจะหยุด
ภาพที่เห็นข้างหน้าทำให้ลูกน้องอันธพาลต่างกลัวหัวหดวิ่งหนีไปคนละทางด้วยความหวาดผวาเสียขวัญหลังจากหัวหน้าตนถูกจัดการ
"เล่นเอาเหนื่อยแย่เลยเนอะ" นาริรำพึงขึ้นพลางปาดเหงื่อออกพลางทรุดตัวนั่งลง
"ว่าแต่เธอชื่อ..." นาริชี้ไปที่ร่างบางอีกร่างที่นั่งลงอยู่ข้างๆเธอ
"ชั้น โลวาน่า จ้ะยินดีที่ได้รู้จัก" เธอกล่าวพลางยันตัวลุกขึ้น ยื่นมือไปข้างหน้านาริ
"ชั้น อึมฮโยจอง หรือ นาริ จ้ะยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน" นาริกล่าวตอบพลางจับมือกับเพื่อนสาวข้างหน้า
"เท่าที่จำได้เรานั่งข้างกันใช่ม้า ดีเลย เธออยู่ห้องแถวีน้เหมือนกันเหรอ?" โลวาน่าเอ่ยขึ้นถามเพื่อนสาวที่เพิ่งรู้จัก
"ประมาณนั้นแหละ" นาริพยักหน้ารับ
"เมื่อกี้ชั้นทึ่งในแรงของเธอมากเลย ที่เหวี่ยงไปหัวหน้าอันธพาลตัวยักษ์ใหญ่ขนาดนี้ลงกับพื้นได้น่ะ"
"ที่บ้านชั้นใช้แรงงานเยอะ ยกของหนักๆมามากกะอันนี้ก็น่าจะไหว แต่ก็กินแรงมากเหมือนกัน"
ทั้ง2สาวคุยอย่างถูกคอกัน "เธอก็สุดยอดเหมือนกันแหละ ไต่ตัวกระโดดถีบยังงั้นชั้นยังทำไมได้เลย"
"ไม่เท่าไหร่หรอก เล่นยังงี้บ่อยกับพี่ช..." โลวาน่าชะงักไปเมื่อกล่าวถึงประโยคนี้
"มีอะไร?"
"เปล่าๆไม่มีอะไรหรอก" สาวน้อยโลวาน่ายิ้มกลบเกลื่อน แล้วเดินไปคุยกันต่อซักพัก ก่อนที่ทั้ง2จะแยกย้ายเข้าห้องตัวเองไป...