-30-
ฉันตื่นขึ้นมาในเช้าที่สดใส วันนี้ท้องฟ้าปลอดโป่งและอากาศดีกำลังเย็นสบาย แสงแดดอ่อน ๆ ไม่แรงมากนัก
วันนี้เป็นวันหยุดแท้ ๆ ฉันกะว่าจะนอนตื่นสายโด่งซะหน่อยแต่ก็ดั้นตื่นเช้าซะได้ .. ฉันลุกขึ้นไปอาบน้ำและแต่งตัวชุดอยู่บ้านธรรมดา ๆ
เสื้อยืดลายทางสีฟ้าอ่อนสลับกับสีขาว และกระโปรงสีน้ำเงินยาวเหนือเข่าเล็กน้อยและเลทกิ้งสั้นสีเทาข้างในกระโปรงอีกทีเพื่อป้องกันกระโปรงเปิด
เมื่อคืน .. ก็ไม่มาจริงด้วยสินะ .. ฉันนั่งลงบนเตียงและหยิบตุ๊กตาแมวตัวที่คินจิให้ฉัน .. ฉันจ้องมองมันพลางนึกถึงเช้าเมื่อวาน ..
ย้อนกลับไปเมื่อเช้าวันวาน
“ตอนนี้อาการเป็นยังไงบ้าง” ครูประจำห้องพยาบาลถามฉันหลังจากแอนโทเนียเดินออกจากห้องไป
“ม .. ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ! หนู .. หนูสบายมาก !” ฉันยืนยันและพยายามลุกขึ้นมาแต่ครูดั้นห้ามไว้ซะก่อน
“แต่ครูไม่เห็นหนูจะสบายตามที่ปากบอกเลย เมื่อคืนนอนดึกใช่มั้ยเนี้ย”
“นิดหน่อยเองค่ะ” ถ้าฉันเถียงครูว่าฉันเป็นพวกร่างกายไม่ตรงกับปาก ครูจะเชื่อฉันมั้ยนะ แต่ยังไงสุดท้ายฉันก็ต้องกลับมานอนจนได้
“ครูไปทานข้าวก่อนนะจ้ะ ระหว่างนี้พักผ่อนจนกว่าจะดีขึ้นนะจ๊ะ” ครูกล่าวพลางมองนาฬิกาที่ข้อมือซ้ายของตัวเอง
และจึงค่อยเดินออกห้องไป ทิ้งให้ฉันอยู่คนเดียวในห้องพยาบาล .. อย่างน้อยก็คุ้มละนะ ที่เมื่อคืนสอนไปหมดแล้วเพราะเกิดฮึดมีกำลังใจก็เลยสอนเพลินจนดึก
แต่ต้องแลกกับนอนดึก(มาก) ถึงอย่างนั้นคินจิก็ยังพูดไม่ค่อยชัดอยู่ดี แปลกนะทั้ง ๆ ที่ฉันกับคินจิพร้อมกันแต่ฉันกลับป่วยคนเดียว
แต่คินจิยังเป็นปกติดีไร้โรคภัยไข้หวัด สงสัยมันจะถึกละมั้ง แต่ตอนนี้ฉันรีบนอนให้เต็มอิ่มและรีบไปหาแอนโทเนียดีกว่า
เธอดูเป็นห่วงฉันมากเลย ฉันไม่อยากให้แอนโทเนียต้องกังวลเรื่องฉันด้วย ฉันนอนตะแคงหันหลังให้ประตูก่อนที่เปลือกตาจะค่อย ๆ ปิดลง
แอ๊ดด ..
แต่เปลือกตาของฉันยังไม่ทันได้ปิดสนิทก็ถูกขัดขวางซะแล้ว ด้วยความรู้อยากเห็นว่าใครเป็นคนเปิดประตู
ฉันจึงลุกขึ้นมานั่งและหันมองไปที่บุคคลหนึ่งที่ประตู และฉันพบต้นเหตุที่ทำให้ฉันนอนดึก คินจิหายใจหอบเล็กน้อย มันวิ่งมาชัวร์เลย
และใบหน้าของเขาดูตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นฉันในสภาพอย่างนี้ อะไรฟะ แค่ฉันขอบตาคล้ำเอง ทำหน้ายังกับมีหลินปิงมานอนบนเตียงในห้องพยาบาล
“นายมาที่นี่ทำไมเนี้ย” ฉันดูคินจิตั้งแต่หัวจรดเท้าเพื่อให้แน่ใจว่าดูไม่ผิดคน
“มา .. หา .. เธอ” คินจิพูดพลางหอบไปด้วย ห๊ะ มาหาฉันหรอ
“จะให้สอนอะไรอีกล่ะ เมื่อคืนฉันสอนไปเยอะมากเลยนะ น่าจะพูดได้แล้วนี่” ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ปล่าว .. แค่ะ .. เอ่อ ..”
“คำว่า แค่ บอกให้พูดเสียงยานไปเลย !” ฉันเตือนคินจิ
“แล้วนายมาหาฉัน มีอะไร” ฉันกลับถามประเด็นต่อ
“ก็เพื่อน .. เพื่อนเธอบอกว่าเธอไม่สาบาย” คำว่าสบาย พูด สะ ยาวไปอีกแล้ว ! เมื่อคืนเน้นแทบตายว่าให้พูดติด ๆ สั้น ๆ ไปเลย
ประโยคนี้เกือบจะพูดไทยชัดทุกคำแล้วเชียว ! .. เรื่องนั้นไว้ทีหลัง ยังไม่ใช่เรื่องที่ควรคิดในตอนนี้
“แล้วมาหาทำไมล่ะ” ฉันถามย้ำอีกรอบ
“ก็ .. ก็มาเฝา” พูดเสียงต่ำไปหน่อยแหะ เอาเถอะ อย่างน้อยก็ฟังพอรู้เรื่องละกัน
หลังจากที่คินจิตอบคำถามฉัน เขาก็ลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งข้าง ๆ เตียงที่ฉันนอนอยู่
“แล้วมา เฝ้า ทำไมล่ะ” ฉันพูดเน้นคำว่า เฝ้า เพื่อให้คินจิรู้ทางอ้อมว่ามันออกเสียงอย่างนี้
“จิงสิ” จากนั้นคินจิก็ล้วงกระเป๋ากางเกงเหมือนว่ากำลังหาอะไรอยู่ จะว่าไปคินจิก็ยังมีปัญหาเรื่องออกเสียง ร ไม่ได้
แต่คงไม่เป็นอะไรหรอก ปกติคนไทยก็ไม่ค่อยออกเสียง ร เท่าไหร่ .. เอ .. ฉันมีแววเป็นครูสอนภาษาไทยนะเนี้ย โตขึ้นไปเป็นครูสอนภาษาไทยดีมั้ยนะ
ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นเขาก็หยิบสิ่งหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกงนักเรียนของเขา
“ฉันยิบมาให้” ดีที่มันไม่เพี้ยนพูดเป็นคำว่า ริบ เขายื่นตุ๊กตาแมวสีขาว ขนฟู่ฟ่องปกคลุมไปทั่วตัวดวงตากลมโตสีดำ
และปากรูปสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ มาเบื้องหน้าของฉัน แน่นอนมันคือตุ๊กตาที่คินจิให้ฉันมาเพื่อแลกกับการสอนมัน
“กรี๊ดด น่ารัก !” ฉันคว้ามันมากอดในอ้อมแขนพลางหมุนลำตัวส่วนบนไปมาเล็กน้อยเหมือนกล่อมให้มันหลับ
เอ๊ะ เดี๋ยวนะ ฉันว่าฉันซ่อนมันไว้ในกระเป๋าของฉันนะ หรือว่า ..
“เดี๋ยวนะ .. นี่นายรื้อกระเป๋าฉันหรอ !” ฉันตวาดใส่คินจิเล็กน้อย
“อ .. อื้อ .. ก็ .. นิหน่อย” คินจิยอมรับ ไม่ยอมสบตากับฉันราวราวกับว่ากลัวฉันจะบีบคอเขา เฮ้อ .. ช่างมันเถอะ
ฉันไม่ได้ซ่อนอะไรในกระเป๋านี่ .. เฮ้ย ! มันเข้าห้องฉันได้ไง ฉันล็อคห้องแล้วแถมกุญแจก็อยู่กับฉันนี่นา
“แล้วนี่นายเข้าห้องฉันได้ยังไง !! ฉันล็อคห้องไว้นี่ !”
“ไปคาโมยกุญแจมาจากคูตอนลับ” ง่าย ๆ แอบหยิบกุญแจอีกดอกของห้องฉันมาตอนครูหลับสินะ
“แล้ว .. สรุป .. ทำไมนายถึงมาเฝ้าฉัน แถมยังอุตส่าห์ขโมยกุญแจเพื่อเอาตุ๊กตามาให้” ฉันถามประเด็นอีกรอบ
เพราะดูเหมือนที่ผ่านมา คินจิจะหลีกเลี่ยงการตอบคำถามข้อนี้ หรือเป็นเพราะฉันพูดขัดเขาแล้วก็พาเปลี่ยนเรื่องตลอดนะ
คินจิเงียบไปประมาณ 10 วินาทีเหมือนว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“ก็แค่ะ .. ตอบแทนเท่เธอสองฉันให้พูดไทยได้ท่าวนั้นและ” แต่หลังจาก 10 วินาทีนั้น คินจิก็ยอมตอบคำถามของฉัน
“งั้นหรอ .. แต่นายยังพูดผิดอยู่ 3-4 คำนะ” ฉันเตือนคินจิอีกรอบ เราทั้งคู่ตกอยู่ภายใต้ความเงียบ .. ไม่มีใครพูดอะไร
“ฉันไปเลียนก่อนนะ” คินจิลุกขึ้นและเอาเก้าอี้ไปเก็บที่เดิม
“อื้ม ..” ฉันตอบกลับไปแต่ไม่ได้มองหน้าเขา
“แล้ว .. เจอกัน” ฉันยังไม่ทันได้ตอบกลับเขาก็หันหลังให้ฉันและเดินเพื่อออกจากห้องพยาบาล
ฉันได้แต่มองตามหลังของเขาจนลับสายตา .. ฉันเลิกกอดตุ๊กตาแมวในมือและวางมันหงายท้องบนตักของฉันแต่มือยังจับอยู่ทั้ง 2 ข้าง
นิ้วชี้จนถึงนิ้วก้อยทั้ง 2 ข้างจับหลังของตุ๊กตาเอาไว้ นิ้วโป้งวางบนท้องของตุ๊กตา และค่อย ๆ กดนิ้วโป้งลงท่ท้องสีชมพูอ่อน ๆ ของมันอย่างนุ่มนวล
เพื่อให้มันส่งเสียงร้อง
“เมี้ยว เมี้ยว ~” ฉันจ้องมองตุ๊กตาอยู่อย่างนั้นโดยไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น .. ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าทำไมในหัวของฉันมีแต่คินจิ
เขาก็แค่มาเฝ้าฉันและลงทุนขโมยกุญแจเพื่อเอาตุ๊กตาในกระเป๋ามาให้ฉันเพื่อตอบแทนที่ฉันสอนเท่านั้นแหละน่า จะเอาอะไรมาก .. แต่ทำไมนะ ..
ทำไมตอนที่คินจิบอกว่า 'ก็แค่ตอบแทนที่เธอสอนฉันให้พูดไทนได้เท่านั้นแหละ' ฉันกลับรู้สึกผิดหวัง เหมือนว่าฉันหวังอะไรจากเขาที่มากกว่า .. ตอบแทน
ตอนนี้ฉันรู้สึกไม่อยากจะทำอะไรทั้งสิ้น .. ไม่มีอารมณ์จะทำอะไร .. ทำไมฉันถึงเป็นแบบนี้ ..
“เอาน่า อาเรีย ! แค่ผิดหวังเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตเท่านั้นเอง !” ฉันพูดกระซิบปลอบใจตัวเองเบา ๆ แต่ดูเหมือนไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่
“อ้าว ตื่นแล้วหรอจ้ะ นอนหลับเต็มอิ่มหรือยัง” ฉันสะดุ้งเล็กน้อยจนเผลอกดที่ท้องของตุ๊กตาแมว
“เมี้ยว เมี้ยว ~” เสียงร้องของตุ๊กตาดังขึ้นตามกลไกที่อยู่ในตุ๊กตา
“ใครเอามาให้หรอจ๊ะ” ครูประจำห้องพยาบาลที่เพิ่งกลับมาหลังจากทานข้าวถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน พลางยิ้มมาให้ฉัน
“อ๋อ .. เอ่อ .. เพื่อนเอามาให้ค่ะ ..” ทำไม .. ทำไมฉันต้องเจ็บที่พูดว่า เพื่อน .. ไม่สิ คินจิกับฉันอาจจะเป็นแค่คนรู้จักด้วยซ้ำ
คงยังไม่ถึงขั้นเพื่อนหรอก ..
“มีเพื่อนมาเยี่ยมหรอจ๊ะ .. ว่าแต่ตอนนี้รู้สึกดีมั้ย”
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ” จากนั้นฉันก็ลงมาจากเตียงและถือตุ๊กตามาด้วย
“จ้ะ คืนนี้อย่านอนดึกนะจ๊ะ” ครูกำชับฉันก่อนที่จะปล่อยให้ฉันออกมาจากห้องพยาบาล .. ตอนนี้ฉันอาจจะไม่ได้คุยกับเขาแล้วก็ได้
ฉันสอนเขาหมดแล้วนี่ เขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาหาฉันที่ห้องเหมือนแต่ก่อนแล้ว .. บ้าจริงฉัน ทำไมฉันต้องเศร้าด้วยล่ะแค่เขาไม่มาหาเอง
ไม่จริง ดีจะตาย ! ฉันจะได้ไม่ต้องนอนดึกอีกด้วย อีกอย่าง ฉันไม่มีทางชอบมันหรอก !! มันไม่ใช่สเป๊คฉันเลย
ฉันไม่ชอบผู้ชายที่อ่อนแอเหมือนผู้หญิง ตอนที่รูมเมทมันมาบุกห้องฉัน มันยังต้องให้ฉันปกป้องมันเลย ! ฉันไม่ชอบผู้ชายที่ให้ผู้หญิงปกป้อง !!
เพราะฉะนั้น ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด ฉันคงจะหลงใหลเฉย ๆ เพราะแค่เขาเอาตุ๊กตาแมวมาให้ฉัน !
เอาน่า มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ฉันพยายามคิดไว้ว่า 'ฉันเกลียดผู้ชายที่อ่อนแอ' ในหัวเพียงอย่างเดียว
พอคิดอย่างนี้ได้แล้ว ฉันไม่น่าไปนั่งโง่รอคินจิมาเลย !
“เอาละ ! ไปหาอะไรทำคลายเครียดดีกว่า !!” ฉันพูดกับตัวเองอย่างมุ่งมั่น ก่อนที่จะเดินออกห้องและปิดประตูล็อคห้องเรียบร้อย
“หวัดดี” เสียงชายหนุ่มคนนึงดังมาจากข้างหลัง ฉันหันหลังไปเพื่อดูโฉมหน้าเจ้าของเสียงที่ทักฉัน
“อ .. อื้ม หวัดดี !” โอ้ย ตกใจหมด หันหลังไปเจอคินจิยืนอยู่ตรงหน้า ตั้งรับแทบไม่ทัน
“จาไปไนรอ” คงจะถามว่า 'จะไปไหนหรอ' ยังออกเสียงจัตวาไม่ค่อยได้อยู่สินะ
“ไปหาอะไรทำน่ะ” ฉันพูดปัด ๆ
“ไปด้วยได้มั้ย” ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเพราะฉันไม่เคยคิดว่าคำนี้จะออกมาจากปากของเขา
“อื้อ” ฉันอนุญาตให้ไปด้วยแต่มีปัญหาที่ว่าฉันยังไม่รู้เลยว่าจะไปไหน
“แล้วจะไปที่ไนหรอ” นั้นไง ดั้นมาถามคำถามที่ฉันไม่รู้อีก
“ก็ .. ไปหาอะไรทำไง”
“สาถานที่น่ะ” ฉันเงียบไปซักพัก ตอบไม่ได้ฟะ ไม่รู้จะไปไหนดี รู้แค่อยากหาอะไรทำ
“ไปกินข้าวกัน” สุดท้ายคินจิก็เป็นฝ่ายชวนฉัน .. จะว่าไปฉันก็ยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยแหะ
“อื้ม” ฉันยอมรับคำชวน .. เดี๋ยวสิ ! ฉันลืมชวนแอนโทเนีย ปกติฉันจะไปกินข้าวเช้ากับแอนโทเนียนี่นา
ถ้าฉันไม่ชวน เดี๋ยวแอนโทเนียน้อยใจแย่เลย
“คินจิ ! เดี๋ยวฉันชวนเพื่อนฉันกินข้าวก่อนนะ นายไปก่อนเลย !”
“อื้อ” แล้วคินจิก็เดินลงบันไดหายไป ถ้าจำไม่ผิด แอนโทเนียน่าจะอยู่ห้อง 376 ที่อยู่ริมสุดทางเดินชั้นนี้
ฉันจึงวิ่งไปที่สุดริมทางเดินจนเจอห้อง 376
ก๊อก ก๊อก !
“แอน ~ ไปกินข้าวกัน !!” ฉันตะโกนแหกปากทันทีโดยไม่สนใจห้องข้าง ๆ
“เดี๋ยวฉันตามไปนะ ไปก่อนเลย !” แอนโทเนียตะโกนตอบกลับมาจากข้างในห้องโดยยังที่ไม่เปิดประตู
“งั้นฉันไปก่อนนะ” ฉันตะโกนอีกรอบและจึงรีบวิ่งไปที่โรงอาหารทันที
โอ๊ก ~ รู้สึกเน่า =^=
อันนี้รีบแต่งนิดหน่อย แหะ ๆ การบรรรยายเลยยังดูลวก ๆ