บทที่ 21.บทสรุปของการบุกยึดป้อมเดธวิลเล่ย์
หลังจากที่ราชามังกรเกเลี่ยนถูกทำลายปีกและตกลงมาที่พื้น และคลุ้มคลั่งร่ายสกิลเพลิงพิฆาตใส่เหล่านักรบอย่างบ้าคลั่ง เหล่านักรบที่ถอยหลังเพื่อมาตั้งหลักสู้ใหม่ ก็เตรียมพร้อมลุย เว้นแต่ทหาร แอสซาซิน ชาร์ปชูตเตอร์และเทรเชอร์ฮันเตอร์ ที่อยู่บนกำแพงประมาณ50-60 คนก้ยังคงยืนอยู่บนกำแพงและยิงปืนและธนูใส่มังกรที่อยู่ในป้อมเหมือนเดิม
อาริงสั่งแยกกลุ่มที่เหลือเป้น 5กลุ่ม ให้3กลุ่มไปลุยกับเหล่ามังกรบินเดรกและมังกรเดรโก้ตามเดิมที่แถวๆหน้าประตูทางเข้าออกป้อม อีก2กลุ่ม ก็ให้ทหารและชาร์ปที่เหลือคอยยิงมังกรบินเดรกที่ชอบโฉบลงมา และให้นักรบระยะประชิดก็ผลัดกันเข้ารุกเข้าไปสู้กับราชามังกรเกเลี่ยน ซึ่งตอนนี้ราชามังกรเกเลี่ยนตกอยู่ในวงล้อม และพยายามร่ายเวทย์เพลิงพิฆาตใส่เหล่านักรบ แต่ก็โดนเหล่าวิสาทร่ายเวทย์"พลังน้ำแข็ง"และ"สัมผัสแห่งอควา" เพื่อสะกัดเพลิงพิฆาตให้เป้นน้ำแข็งไว้ และ ราชามังกรเกเลี่ยนรู้ตัวว่าเวทย์ไฟของตนถูกหยุด ตอนนี้ก็เหลือแต่ใช้กรงเล็บจากมือที่ใหญ่ทั้ง 2ข้าง คอยฟาดฟันเหล่าพวกนักรบ และก็ได้ผลเช่นกัน เพราะมีนักรบหลายสิบคนที่ต้องตายภายใต้กรงเล็บทั้ง 2ข้างนั้น และเป้นที่รู้กันว่าเกล้ดของราชามังกรเกเลี่ยนทั้งใหญ่และหนา ทำให้กระสุนปืนและธนูไม่สามารถยิงเข้าได้ แถมดาบบางเล่นก้หักเพราะฟันโดนเกล็ดมังกรถึงแม้อาริงจะรุกไล่เพียงใด แม้จะใช้ดาบใหญ่ทั้ง 2เล่มกระหน่ำโจมตีด้วยกำลังที่มากกว่าคนอื่น ก็ทำได้แค่เกล็ดมังกรเป็นรอยเท่านั้น ทำให้พวกนักรบก็เริ่มหมดแรงกัน เพราะโจมตีเท่าไรก้ทำได้แค่รอยถลอกเท่านั้น เมื่อราชามังกรเกเลี่ยนเห้นดังนั้นก็กลับเป็นว่าราชามังกรเกเลี่ยนกลับมารุกไล่และไล่ใช้กรงเล็บฟาดฟันเหล่านักรบแทน อาริงเลยไม่อยากให้เหล่าทหารและนักรบเสียขวัญมากกว่านี้ เลยงัดไม้ตายเพิ่มพลังการโจมตีแบบเต็มที่สูงสุดมาสู้ แต่จะใช้แต่แค่30วิตามเวลาของสกิลเชียร์ และพอใช้แล้ว อาริงก็ต้องสูญเสียแรงไปมากมายเพราะเป้นการเพิ่มพลังและเป้นการทุ่มกำลังเต็มทีทำให้ร่างกายจะอ่อนล้าตาม
อาริง : "สกิลเร่งกำลังโจมตี" "สกิลคลุ้มคลั่ง" "และสกิลเชียร์" (และพออาริงร่ายสกิลเสร็จก็รีบพุ่งไปโจมตีทันทีเพระไม่อยากให้เสียเวลาแม้เพียงวินาทีเดียว เพราะตอนนี้แม้เพียงวินาทีเดียวก็มีค่ามากแล้ว)
ภาพที่เหล่านักรบเห้นตอนนี้คืออาริงที่ใช้ดาบใหญ่2เล่ม กระหน่ำฟันอย่างไวที่สุดกระหน่ำฟันลงไปที่ราชามังกรเกเลี่ยนครั้งแล้วครั้งเล่าแบบถี่ยิบ และหลายๆครั้งที่อาริงจะเน้นฟันจุดเดียวซ้ำๆกันที่อกซ้ายตรงหัวใจมังกร จนทำให้เริ่มมีเกล็ดมังกรแตกกระจายมาบ้างแล้ว ราชามังกรเกเลี่ยนก็โต้ตอบโดยใช้กรงเล็บสวนมาเป็นระยะๆ แต่อาริงก้อาศัยความไวและใช้ดาบใหย่เบี่ยงกรงเล็บหลบมาได้ตลอด และอาริงก็เกร็งกำลังทั้งแขน2ข้าง ใช้ดาบใหญ่2ข้างฟันกวาดไปที่ขาของราชามังกรเกเลี่ยน ทำให้ราชามังกรเกเลี่ยนเสียหลังและล้มลง และอาริงก็รีบกระโดดขึ้นไปลอยตัวอยู่เหนือร่างของราชามังกรเกเลี่ยน และเกร็งกำลังแขน 2ข้างอีกครั้งและทุ่มกำลังใช้ดาบใหญ่พุ่งเสียบลงมาที่อกด้านซ้ายที่ตอนนี้ตรงอกนั้นไม่มีเกล็ดมังกรแล้ว เพระอาริงฟันซ้ำๆหลายหลในตอนแรกแต่ดาบใหญ่ของอาริงกลับแทงทะลุเข้าไปแค่นิดเดียว เพราะเวลาในการใช้สกิลเชียร์เพื่อเพิ่มพลังโจมตีให้สูงสุดหมดเวลาแล้วก่อนที่ดาบจะถึงอกของราชามังกรเกเลี่ยนเพียงแค่นิดเดียวเอง และอาริงก็จับดาบใหญ่และนั่งทรุดลงตรงอกของราชามังกรเกเลี่ยน และเมื่อราชามังกรเกเลี่ยนรอดพ้นจากการโจมตีมาได้ ราชามังกรเกเลี่ยนเลยต่อยสวนไปที่อาริง อาริงทำได้แค่ยกดาบใหญ่ขึ้นมารับหมัดนั้น แต่ในตอนนี้ที่อาริงหมดแรงแล้วก็ต้องกระเด็นไปโดนก้อนหินขนาดใหญ่ ลูฟเฟ่นและเรย์รันก็รีบวิ่งมาดูอาการและเข้ามาฟื้นฟูพลังและฟื้นฟูพลังเวทย์ให้กับอาริง ราชามังกรเกเลี่ยนเจ็บแค้นที่ถุกทำขนาดนี้เลยวิ่งมาหมายจะจัดการอาริง
พวกนักรบเลยวิ่งและกระโจนเข้าไปฟันราชามังกรเกเลี่ยนเพื่อขัดขวางไว้ แต่ก็โดนราชามังกรเกเลี่ยนใช้กรงเล็บ2ข้างจัดการไปทั้งหมด วาเนสซ่าเห้นดังนั้นเลยเกร็งกำลังแขนทั้งหมดระดมยิงลูกธนูด้วยความไวสูงสุดเหมือนที่เคยยิงปีกราชามังกรเกเลี่ยนมาแล้วครั้งนึง แต่คราวนี้วาเนสซ่าเล็งยิงไปที่ใต้ฝ่าเท้าของราชามังกรเกเลี่ยนที่ไม่มีเกล็ดหุ้ม พริบตาเดียวลูกธนู เกือบ20ดอกก็ไปปักที่ใต้ฝ่าเท้าของราชามังกรเกเลี่ยน และทำให้ราชามังกรเกเลี่ยนล้มลงอีกครั้งและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ เพราะวาเนสซ่าใช้สกิล"เล็งสกัดการเคลื่อนไหว" ไว้ด้วยในลูกธนูทั้ง 20ดอกที่ยิงไปที่ใต้ฝ่าเท้าราชามังกรเกเลี่ยนราชามังกรเกเลี่ยนพยายามจะยืนขึ้น และอาริงก็พยายามลุกเพื่อจะสู้ต่อเหมือนกัน และทันใดนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากข้างหลังอาริง เสียงนั้นคือ เคออสติคเจ้าแห่งหายนะ นั่นเอง เคออสติคสั่งให้อาริงสั่งเหล่าวิสาท5-10คนให้ใช้สกิล "
พฤกษาพันธนาการ" มัดราชามังกรเกเลี่ยนไว้ในขณะที่มันก็เคลื่อนไหวไม่ได้แล้ว และเคออสติคก็บอกให้อาริงใช้กำลังเฮือกสุดท้าย ปาดาบใหญ่โดยเล็งไปที่อกซ้ายข้างที่มีแผลเล็กๆที่อาริงแทงไปเมื่อกี้ อาริงก้เกร็งแขนและพลังเฮือกสุดท้ายที่เริ่มมีแรงเพราะได้สกิลฟื้นฟูและปาดาบใหญ่ไปที่อกซ้ายของราชามังกรเกเลี่ยนที่มีแผลจากดาบของอาริงเมื่อกี้ และเมื่อดาบใหญ่เล่มพุ่งถึงอกที่มีแผล เคออสติดก็วิ่งไปถึงหน้าราชามังกรเกเลี่ยนพอดีและ เคออสติคก็เกร็งกำลังสุดตัวและรวมพลังไปไว้ที่แขนขวาและต่อยเข้าไปที่ด้ามดาบใหญ่นั้น และด้วยแรงที่อาริงปาดาบใหญ่บวกกับแรงต่อยสุดพลังของเคออสติค ดาบใหญ่เล่มนั้นก็ทิ่มแทงเข้าไปในอกแทงทะลุหัวใจจนปลายดาบใหญ่ทะลุออกมาข้างหลัง และราชามังกรเกเลี่ยนก็คำรามร้องด้วยความเจ็บปวด และล้มลงสิ้นใจตายตรงนั้น
เมื่อเหล่านักรบเห้นราชามังกรเกเลี่ยนสิ้นใจตายไปแล้ว ทุกคนก็โห่ร้องดีใจกัน ผิดกับพวกเหล่ามังกรที่เห็นนายมันสิ้นใจ ต่างก้พยายามหนีกลับไปยังหุบเขามังกรของมัน ซึ่งอาริงก็สั่งไปว่า ถ้าตัวไหนมันจะหนีกลับหุบเขามังกรก็ปล่อยมันไป แต่ถ้าตัวไหนคิดสู้ก็จัดการซะ ซึ่งก็มีหลายร้อยตัวที่หนีกลับหุบเขามังกรของพวกมัน แต่ก็มีหลายตัวที่สู้ก็เลยต้องจำใจจัดการซะอาริง : " ขอบคุณนะ ถ้าไม่ได้ท่านช่วยก็ไม่รู้จะจัดการราชามังกรเกเลี่ยนยังไงแล้วเลย ว่าแต่..แล้วนี่มาได้ยังไงละเนี่ย"(อาริงนั่งหมดแรงอยู่ข้างๆเนินหินที่ตัวเองโดนราชามังกรเกเลี่ยนต่อยกระเด็นมากระแทก)
เคออสติค : " อะนี่ดาบของเจ้า เรื่องขอบคุณไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก ต้องไปขอบคุณคนแคระเคนนู่น เค้าอุตสาห์วิ่งเข้าไปบอกข้าถึงข้างในว่าให้ไปช่วยอาริงรบหน่อย "(เคออสติดดึกดาบใหญ่จากอกราชามังกรเกเลี่ยนมาคืนอาริง)
อาริง : " ลุงคนแคระเคนนี่เองหรือที่ไปบอก"(อาริงหลับตาและยิ้มเล็กๆที่มุมปาก)
เคออสติค : " ก็ใช่นะสิ แล้วทำไมถึงไม่เรียกข้าออกมาช่วยสู้รบละ เจ้าก้รู้ว่าข้าอยากออกแรงช่วยแค่ไหน"
อาริง : " ขอโทษที พอดีว่าฉันกะจะไปรบกวนท่านเวลาที่มันร้ายแรงจริงๆ "
เคออสติค : " ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องเกรงใจ เพื่อนช่วยเพื่อนจะมัวเกรงใจทำไม"
อาริง : " ตอนนีก็ยึดป้อมเดธวิลเล่ย์คืนได้แล้ว แต่ยังเหลือปัญหาใหญ่คือ จะทำลายแท่นเสาหินสินดำนี่ยังไงดี คราวที่เมืองวิลโดเนี่ย ราชินีน้ำแข็งไอซซ์ซี่ก็มาช่วยทำลายไป แต่ครั้งนี้คงยาก"(อาริงพูดแล้วชี้ไปยังแท่นเสาหินที่อยู่ในป้อมเดธวิลเล่ย)
เนลล่า : " ฮิๆๆ ใช่แล้ว งวดนี้พวกเจ้าจะกำจัดเสาหินนี้ยังไงเอย ฮิๆๆ" (สิ้นเสียงเนลล่า ทุกคนก็หันไปที่ตำแหน่งของเจ้าของเสียงนั้น เนลล่ากำลังนั่งอยู่บนศพของ ราชามังกรเกเลี่ยน)
อาริง : " เป้นฝีมือแกอีกแล้วหรือ ที่ให้มอนสเตอร์ยึดป้อมเดธวิลเล่ย์และเซาเทิร์นฟอร์ท"
เนลล่า : " เปล่า..ไม่ใช่มือของฉัน ฝีมือของฉันเหรอก็ที่เมืองวิลเดอวู้ด เซาเทรินไซร์และเรดคลิฟไงละ ทั้ง 3เมืองนั้นละฝีมือฉันส่วนที่นี่และเซาเทรินฟอร์ทเป้นฝีมือคนอื่น ฉันก็แค่แวะมาดูเท่านั้นเอง ฮ่าๆๆ"ทุกคนที่ได้ยินก้ตกตะลึงในคำพูดของเนลล่า เพราะยังมีเมืองอื่นๆที่โดนมอนสเตอร์ดทำลายด้วยอำนาจของแท่นเสาหินขนาดใหญ่นี้
ลูฟเฟ่น : " แกต้องการอะไรถึงได้ทำแบบนี้ แกเห็นชีวิตของผู้คนเป็นอะไร"
เนลล่า : " ต้องการอะไรหรือ ฮือ...ต้องการเห็นอณาจักรนี้ย่อยยับไปยังไงละ และผู้คนตามเมืองและเหล่ามอนสเตอร์ที่ต้องตายไป มันก็แค่มดปลวกที่ฉันเดินเหยียบย่ำเล่น ฮ่าๆๆ"(เนลล่าหัวเราะและทำท่าเอาเท้าเหยียบไปที่ยอดอกของราชามังกรเกเลี่ยน)
วาเนสซ่า : " แก..."(วาเนสซ่าก็ยิงธนูใส่เนลล่า แต่เนลล่าก็เสกอัญเชิญโกแรมมา1 ตัวเพื่อมากันลูกธนูไว้)
เนลล่า : " ฮ่าๆๆ งั้นฉันต้องขอตัวไปทำภารกิจสุดท้ายในป้อมเดธวิเล่ย์ก่อนนะ อะแล้วนี่ก้ของฝากด้วยความคิดถึง ฮ่าๆๆ" (พูดจบเนลล่าก็เสกอัญเชิญ มังกรบินดำ โกแรมดำ และหมาป่าดำ ออกมาอย่างละ 10ตัว เพื่อมารบกวนพวกอาริงและเหล่านักรบที่เหลือรอด และตัวเนลล่าเองก็กระโดดอย่าไงไวไปในป้อมเดธวิลเล่ย์)
อาริง : " เคออสติด ฝากจัดการทางนี้ด้วยนะ " (อาริงพูดเสร็จก็วิ่งตามเนลล่าไปที่ป้อมเดธวิลเล่ย์ โดยที่มีวาเนสซ่า เรย์รัน ลูฟเฟ่น และนักรบอีก 20 คน ตามไปด้วย)
เคออสติค : " มามะๆเจ้าพวกหนูน้อยมาให้ป๋าอัดซะดีๆ ฮ่าๆๆ นานๆจะได้ออกมานอกถ้ำผลึกที ก็ขอเรียกเหงือหน่อยละกัน ฮ่าๆๆ"(เคออสติคต่อยพวกสัตว์อัญเชิญไปหัวเราะไป เพราะความสะใจ และยังมีเหล่านักรบที่เหลือรอดก็ร่วมจัดการพวกสัตว์อัญเชิญด้วย)
พวกอาริงวิ่งเข้ามาในป้อมเดธวิลเล่ย์ ก็เห็นเนลล่ากำลังเอาก้อนผลึกสีดำ 3ก้อน ใส่เข้าไปในแท่นหินสีดำใหญ่ และพอผลึกสีดำทั้ง3ใส่เข้าไปในแท่นหินสีดำใหญ่นั่นแล้ว แท่นหินสีดำก็เกิดปฎิกิริยาขึ้น เหมือนแท่นหินสีดำกำลังรวบรวมพลังและกำลังบีบอัดรวมพลังอยู่ในแท่นหินสีดำนั้น ทำให้อาริงสังหรณ์ใจบางอย่างเลยกระซิบข้างหูแอสซาซินคนหนึ่ง และแอสซาซินก็นั้นก็รับคำสั่งทำตามที่อาริงสั่งเนลล่า : " จุ๊ๆๆๆ ไม่ทันแล้วละจ้าพวกหนูๆ อีกไม่ถึง 3นาทีแท่นหินนี้ก็ระเบิดแล้ว เอ้อ...คราวนี้ฉันไม่ได้โกหกเหมือนที่เมืองวิลโดเนียนะ เพราะถ้าภาระกิจล้มเหลวเมื่อใด ก็ให้ทำลายเมืองๆนั้นซะ ซึ่งระเบิดนี้มีพลังทำลายมหาศาลเลยละแบบที่ว่าเมืองใหญ่ๆจะหายไปในพริบตา ฮ่าๆๆ"
เมื่อได้ฟังดังนั้น และอาริงได้ดูปฎิกิริยาที่เริ่มผิดปกติของแท่นเสาหินนั้นแล้ว อาริก็เชื่อทันทีว่ามันต้องระเบิดแน่ๆ เลยสั่งให้พวกนักรบรีบวิ่งออกไปบอกทุกคนที่เหลือให้วิ่งหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้
อาริง : " ลุฟเฟ่นพาพวกเรย์รันกลับไปด้วยเร็วๆ "
ลูฟเฟ่น : " แล้วพี่อาริงละจะทำอะไร "
อาริง : " ไปเถอะน่าเดี่ยวไม่ทัน"
เนลล่า : " เจ้ายังจะทำอะไรได้อีกหรือ "
อาริง : " ก็แบบนี้ไงละ " (อาริงก็สั่งให้วาเนสซ่า ระดมยิงลูกธนูด้วยความไวสูงสุดใส่เนลล่า)
เนลล่า : " เจ้าโง่ ลืมไปแล้วหรือว่าครั้งที่วิลโดเนียก็ทำอะไรข้าไมได้ แล้วครั้งนี้จะทำอะไรข้าได้ ฮ่าๆๆ"
เนลล่าพูดจบและกำลังร่ายเวทย์อาภรณ์แห่งความมืดเพื่อป้องกันการโจมตี แต่ร่างกายของเนลล่ากลับไม่ตอบสนอง และตอนนี้เนลล่าก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น พร้อมๆกับอาการชาไปทั้งตัว และเนลล่าก็สังเกตเห้นว่าอยู่ๆก็มีแอสซาซินปรากฎตัวอยู่ข้างๆตัวเนลล่า และวิ่งกลับไปหาอาริงในทันที เพราะแอสซาซินหายตัวมาเพื่อค่อยๆลอบวางยาชาโดยที่เนลล่าไม่รู้สึกตัว และกว่าจะรู้สึกตัวก็สายไปแล้วยาชาได้ออกฤทธิ์แล้ว และลูกธนูของวานสซ่าจำนวนเกือบ10ดอกก็พุ่งเข้าใส่ร่างของเนลล่าทุกดอกและมีหนึ่งดอกที่ปักกลางหน้าผากของเนลล่าพอดี ทำให้เนลล่าหงายหลังในท่านั่งและล้มลงนอนตายที่ข้างๆแท่นหินสีดำที่ป้อมเดธวิเล่ย์นี้และสิ่งที่ยืนยันว่าลูกธนูโดนทุกดอกคือ เลือดที่กระเด็นและไหลออกมาตามร่างของเนลล่าเต็มพื้นที่เนลล่านอนตายอยู่ และเนลล่าก็พลาดท่าเพราะเพียงแค่ประมาทศัตรูเกินไป เมื่อจัดการเนลล่าได้แล้ว อาริงรีบจับมือวาเนสซ่าเพื่อจะวิ่งออกจากป้อมเดธวิลเล่ย์ เพราะตอนนี้บริเวณนั้นเหลือแค่อาริงกับวาเนสซ่าแล้ว พวกทหารและนักรบก็ออกไปไกลแล้ว และพวกลูฟเฟ่นก็วิ่งไปไกลพอสมควรและลูฟเฟ่นก็หยุดดู ว่าทำไมอาริงกับวาเนสซ่าถึงยังไม่ออกมากันอีก และลูฟเฟ่นก็เห้นอาริงและวาเนสซ่ากำลังวิ่งออกมานอกป้อมเดธวิลเล่ย์แล้ว ลูฟเฟ่นก้ตัดสินใจวิ่งกลับไปดู และในขณะนั้นเอง แท่นเสาหินสูง ก็กำลังบีบรัดและดูดอากาศเข้าไปในตัวแท่นเสาอย่างแรง ทำให้อาริงและวาเนสซ่าวิ่งไม่ถนัดถึงแม้จะวิ่งออกมานอกป้อมเดธวิลเล่ย์ได้แล้ว แต่ก็เหมือนโดนอากาศบีบอัดและถูกดูดเข้าไปในป้อมเดธวิลเล่ย์อีก อาริงเลยตัดสินใจใช้ดาบใหญ่ 2เล่มซ้อนกันไว้และปักดาบไว้ที่พื้นอย่างแรงและอาริงก็เอามือกดดาบใหญ่เอาไว้ให้มันแน่นและลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ และอาริงกับวาเนสซ่าก้หลบอยู่หลังดาบใหญ่นั้น และอาริงใช้มือซ้ายกอดบ่าของวาเนสซ่าไว้ และไม่ทันที่ลูฟเฟ่นจะวิ่งกลับมา แท่นเสาหินนั้นก็บีบอัดอากาศจะเต็มที่และค่อยๆเปล่งแสงสีดำออกตามรอยแยกและรอยแตก และพริบตามเดียวก็เกิดการระเบิดรุนแรงมาก เพราะแรงบีบอัดของอากาศที่แท่นเสาดูดไปมากเท่าไร มันก็ระเบิดแรงมากไปกว่านั้นหลายเท่า
อาริงและวาเนสซ่าตอนนี้ก็ได้แค่ก้มต้วลงและหลบอยู่หลังดาบใหญ่ของอาริงที่ปักไว้ที่พื้นแน่นหนา อาริงกอดและเอาตัวบังวาเนสซ่าอีกชั้นหนึ่ง แรงระเบิดรุนแรงมาก ดาบของอาริง2เล่มที่ซ้อนกันอยู่เพื่อบังคนทั้ง2ก็เริ่มหักไปที่ละเล็กละน้อยจนดาบใหญ่อันแรกหักครึ่งและปลิวไปแล้ว ดาบใหญ่ที่เหลืออีกเล่มก็ทำท่าจะหักแล้ว อาริงเลยเอามือขวาเกร็งมือและยันดาบใหญ่ที่เหลือไว้และใช้มือซ้ายกดหัวให้วาเนสซ่าก้มต่ำลงอีก และใช้มือซ้ายนั้นกอดไหล่ของวาเนสซ่าไว้และบอกให้วาเนสซ่าก็จับมือซ้ายไว้ให้แน่นๆ ขนาดลูฟเฟ่นที่อยู่ไกลก็ยังต้องหมอบและหลบตามก้อนหินขนาดใหญ่เลย เพราะมันระเบิดแรงมาก การระเบิดนี้ยาวนาน 30วินาที ตอนนี้ป้อมเดธวิลเล่ย์ได้ถูกทำลายลงแล้ว เศษหินเศษฝุ่นและเศษอาวุธที่อยู่ตามพื้นก็ปลิวว่อนไปทั่ว เมื่อระเบิดสิ้นสุดลงป้อมเดธวิลเล่ย์ก็เหลือแต่เถ้าถ่าน และฝุ่นหินฝุ่นทรายคลุ้งไปหมด พวกทหารและพวกลูฟเฟ่นก็รีบวิ่งเข้าไปเพื่อจะหาตัวอาริงและวาเนสซ่า และลูฟเฟ่นก็เห้นดาบใหญ่ของอาริงปักพื้นอยู่เพื่อป้องกันการระเบิด แต่ดาบได้หักเหลือเพียงครึ่งแล้วทั้ง 2เล่ม
ลูฟเฟ่น : "เป็นไรมากไหมวาเนสซ่า แล้วพี่อาริงอยู่ไหน" (ลุฟเฟ่นเขย่าตัววาเนสซ่าเพื่อให้วาเนสซ่ารู้สึกตัว)
วาเนสซ่า: "อ้าวก็พี่อาริงกอดฉันอยู่นี่ไง แขนซ้ายเค้ายังกอดฉันอยู่เลย"(วาเนสซ่าพูดและหันกับไปดูที่ไหล่ซ้ายของตัวเองที่อาริงใช้แขนซ้ายที่โอบไหล่และจับมือของวาเนสซ่าไว้ เป้นแขนซ้ายของอาริงจริงๆ แต่ตัวอาริงไม่อยู่แล้ว เหลือแค่แขนซ้ายที่คอยโอบไหล่และจับมือวาเนสซ่าไว้)
วาเนสซ่า : "
ไม่จริง"(วาเนสซ่าตะโกนอย่างสุดเสียงพร้อมด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาทั้ง2ข้าง เพราะวาเนสซ่าเห้นแค่แขนซ้ายของอาริงที่ขาดจากช่วงประมาณหัวไหล่ที่คอยจับประคองวาเนสว่าไว้เท่านั้น แต่ตัวของอาริงไม่ได้อยู่ข้างๆเค้าแล้ว)
ลูฟเฟ่นเลยรีบบอกให้กับเหล่านักรบและทหารทุกคน ช่วยกันค้นหาร่างของอาริงในบริเวณนี้ให้ทั่ว ทุกคนเลยแยกย้ายไปหา มีเพียงแค่วาเนสซ่าที่กำลังสะเทือนใจอย่างมากนั่งร้องไห้และกอดแขนซ้ายของอาริงเอาไว้ 30 นาทีต่อมา เหล่าทหารและนักรบทุกคนก็เดินมาบอกกับลูฟเฟ่นว่า หาทั่วแล้วแต่ไม่เจอร่างของอาริงเลยสักคน ลูฟเฟ่น อาเวีย วาเนสซ่า เรย์รันและนาฟตี้ ได้ยินดังนั้น ทุกคนก็น้ำตาไหลออกมาทันที และร้องไห้แบบไม่อายใครหน้าไหนทุกคนร้องไห้และกอดกันโดยที่มีวาเนสซ่านั่งอยู่ตรงกลางกลุ่ม และวาเนสซ่าก้ยังคอยกอดแขนซ้ายของอาริงไว้ไม่ยอมปล่อย สงครามที่ป้อมเดธวิลเล่ย์จบลงแล้ว โดยที่บทสรุปของการสู้รบครั้งนี้ พวกของลูฟเฟ่นทุกคนได้แค่แค่เห็นอาริงแค่แขนซ้ายของอาริงเท่านั้น.............