ตอนที่ 7 ฉันอยากให้เรื่องทุกอย่างเป็นแค่ความฝัน
“ไม่!!!!” เนสุมิตะโกนเสียงดังลั่นท่ามกลางท้องถนนที่มีเพียง วาตารุและเธอ
“เนสุมิ เป็นอะไรไปน่ะ??!!!” วาตารุเขย่าตัวเนสุมิด้วยความตกใจ
“เนสุมิ ได้ยินมั้ย!!!” เขายังคงเรียกเนสุมิขณะที่เธอเอาแต่นั่งปิดหน้าของตัวเองไว้
“วาตารุ!!! วาตารุ!! เธอไม่เป็นไรใช่มั้ย” เธอรีบร้องถามชายหนุ่มเมื่อรู้ว่า เขายังไม่เป็นอะไรไป
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย เธอต่างหากที่จู่ๆก็ร้องตะโกนยังกับคนบ้า” วาตารุตอบคำถามของเธอด้วยสีหน้าแปลกใจ
‘ความฝันงั้นเหรอ’ เนสุมิคิดในใจ
‘ถ้าหากทั้งหมดเป็นแค่ความฝันก็ดีสิ’ ที่ผ่านมา เหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นติดๆกัน ไม่ว่าจะเป็นฆาตกรรม หรือการได้ยิน ได้เห็นสิ่งแปลกๆ
อีกทั้งความรู้สึกเย็นเยียบที่บอกไม่ถูก ตั้งแต่เธอเก็บกำไลวงนี้มา
‘ทำไมนะ ทั้งๆที่รู้ว่าไม่ใช่ของเรา ไม่ควรหยิบมาแท้ๆ ’ เธอคิดทบทวนไปในวันที่ได้กำไลวงนี้มา
‘ทำไมเราถึงอยากได้มากขนาดนี้นะ’ เธอเริ่มสงสัยมากขึ้น เพราะปกติเธอไม่ได้สะสมสิ่งของโบราณ
แล้วก็ไม่ชอบใส่เครื่องประดับเท่าไร แต่ในวันนั้น เธออยากได้มันเหลือเกิน เหมือนกับเป็นของที่อยากได้มานานแล้ว
“ไปกันเถอะ เนสุมิ ไฟแดงแล้ว” วาตารุเอ่ยปากเรียกให้ข้ามถนน เมื่อเห็นสัญญาณไฟเป็นสีแดง
วาตารุเดินก้าวข้ามไปก่อนเธอเล็กน้อย เธอจึงเดินตามวาตารุไป แต่ทว่า ขาของเธอก้าวไม่ออก
ความรู้สึกเยือกเย็นได้เข้าจู่โจมเธออีกครั้ง เธอพยายามร้องเรียกวาตารุ แต่เสียงของเธอไม่ดังออกไปจากลำคอแม้แต่น้อย
สิ่งเดียวที่เธอทำได้ในตอนนี้คือยืนมอง ในขณะเดียวกันที่รถคันหนึ่งวิ่งมาอย่างรวดเร็ว และดูเหมือนว่า จะมองไม่เห็นว่ามีคนข้ามถนนอยู่
“โครม!!!” เสียงของรถยนต์ที่พุ่งเข้าชนสิ่งของบางอย่าง
รถที่เสียหลักจากการหักหลบคนบนท้องถนนพุ่งเข้าชนกับเสาไฟฟ้าข้างทาง
แต่ทว่า กลางท้องถนนกลับไม่มีแม้เงาของวาตารุเลย เนสุมิหน้าซีดเผือดและตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เพราะในตอนนี้สิ่งที่เธอเห็น ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการจะเห็น
ภาพของร่างที่กำลังน่าเปื่อยกำลังเดินตรงมาหาเธอ เนื้อที่หลุดจากท่อนขาลากมากับพื้นถนนส่งกลิ่นเหม็นเน่าน่าสะอิดสะเอียน
เลือดที่รวมไปกับน้ำหนองหยดลงบนพื้นถนน เป็นทางยาว ดวงตาที่จ้องมาที่เนสุมิแดก่ำราวกับสีเลือด
มันเป็นแววตาของคนที่เคียดแค้นอย่างมาก และตอนนี้มันได้อยู่ห่างจากเนสุมิไม่ถึงฝ่ามือ ร่ายกายนั้นค่อยๆเน่าเปื่อยมากขึ้น
ผิวหนังและเนื้อที่ลอกหลุดลงทีละชิ้น ทีละชิ้น จนกระทั่งมองเห็นกระดูกที่ถูกหุ้มค่อยๆอ้าปากออก
ทำให้เนสุมิยิ่งตัวสั่นด้วยความกลัว มือที่มีเพียงเศษเนื้อติดกระดูกยื่นมาจับไหล่ของเธอ และสติของเธอก็ดับวูบลงไป
พร้อมๆกับเสียงที่ดังก้องในหัว เป็นเสียงที่แหบแห้ง แต่เปี่ยมด้วยความเคียดแค้น
“พวกแกต้องชดใช้ อย่างสาสม...”เสียงเพลงในงานเทศกาล ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้เนสุมิรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งด้วยความงุนงง ผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมาเต็มไปหมด
และสถานที่ที่เธอยืนอยู่นั้น เป็นที่ที่คุ้นเคย
“ศาลเจ้าคาคุ”‘เรา...มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง??’ เนสุมิยันตัวขึ้นอีกครั้ง และเธอจึงเดินไปตามทางที่มีผู้คนเดินขวักไขว่
และเธอก็เดินมาถึงโรงละครเล็กๆที่มีคนนั่งดูอยู่เต็มไปหมด นางรำที่ร่ายรำอย่างงดงามและอ่อนช้อย
ทำให้ผู้คนต่างจ้องมองด้วยความชื่นชม จนกระทั่งจบลง ผู้คนจึงพากันเดินกลับไป เนสุมิก็คิดว่าเธอน่าจะเดินตามผู้คนไป แต่ก็มีเสียงหนึ่งทำให้เธอต้องเดินอ้อมไปด้านหลังของเวที
“ริโกะ เธอมาทำอะไรที่นี่” เสียงของหญิงสาวกำลังพูดคุยกัน ถึงแม้จะเป็นเสียงเบาๆ แต่ก็พอที่จะได้ยินในระยะที่เนสุมิยืนอยู่
“ชั้นบอกเธอแล้วใช่ไหม ว่าอย่ามายุ่งกับเคโตะซัง เขากำลังจะเป็นสามีของชั้น” อีกฝ่ายที่พูดมาพูดด้วยความโมโห
“เราไม่ได้พบกับเขามานานแล้ว ทำไมเธอถึงต้องมายุ่งกับฉันอีก” “เธอก็เป็นลูกคุณหนู เคโตะซังเขาก็รักเธอไม่ใช่เหรอ” นางรำผู้นั้นตอบกลับด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น
“แล้วกำไลนั่น เธอได้มาจากไหน เคโตะซังให้ใช่ไหม” ริโกะตวาดเสียงดังลั่น
“เลิกพูดได้แล้ว พวกเจ้าจับตัวนังคาโอริไปที่บนภูเขา แล้วเอากำไลนั่นมาให้ฉันด้วย” ริโกะสั่งบริวารของเธอพร้อมกับเดินออกจากที่ตรงนั้นไป
ทั้งหมดค่อยๆมืดลง จนเหลือแต่ความมืดอีกครั้งหนึ่ง และเนสุมิก็รู้สึกว่าสติเริ่มเลือนรางอีกครั้งหนึ่ง
"ฉันผิดอะไร??...." เสียงแหบพร่า ดังขึ้นในความมืดนั้นอีกครั้ง