Chapter 17 น้ำพุสีรุ้งที่ศักดิ์สิทธิ์
ณ กลางป่าลึก
“พวกท่านมีความคิดยังไงกับเรื่องนี้บ้าง เชิญออกความเห็น..”
หญิงสาวที่สวมผ้าคลุมสีขาวซึ่งเป็นหัวหน้าในการประชุมกล่าวขึ้น
“ข้าคิดว่าเราไม่ควรจะประมาทคู่ต่อสู้ของเรา เพราะเราไม่รู้ว่าคู่ต่อสู้จะมาตอนไหนและในลักษณะใด เพราะฉะนั้นเราควรจะจัดกำลังไว้เพื่อปกป้องน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ของเราเอาไว้ เพื่อความปลอดภัยระดับหนึ่ง”
ชายหนุ่มที่สวมผ้าคลุมสีม่วงกล่าวขึ้น
“ข้าเห็นด้วยนะ เพราะเราไม่รู้จริงๆว่าพวกปีศาจนั้นจะมาถึงที่แห่งนี้เมื่อไหร่ และเนื่องจากเรามีหน้าที่ปกป้องน้ำพุแห่งนี้ซึ่งเป็นที่ที่สำคัญที่สุด เราจึงต้องจัดกำลังที่มีทั้งหมดเพื่อคอยสอดส่องดูแลน้ำพุแห่งนี้เอาไว้ และเนื่องจากเหตุผลอีกข้อ ที่น้ำพุศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ดแห่งถูกยึดครองไปแล้วร้อยแล้ว หากพวกมันได้น้ำพุบ่อสุดท้ายไป เราคงจะหมดหนทางที่จะช่วยโลกของเราไว้ได้เป็นแน่...”
ชายหนุ่มที่สวมผ้าคลุมสีแดงกล่าวขึ้น
“อืม~ฟังจากเหตุผลพวกเจ้าข้าคิดได้อีกข้อนึงนะ พวกเจ้าลืมแล้วรึไง ว่าโลกเรายังมีตำนานอีกมากมาย และตำนานที่เราควรจะยึดมั่นในคำของมันคือ สามตำนานที่จารึกไว้ในตำราเอลฟ์และตำราเทพ ตำนานแรกคือตำนานที่จะมีเหล่าผู้กล้าทั้งเจ็ดที่จะตามหามงกุฎทองคำและถ้ำผลึกน้ำแข็งที่หายสาบสูญไปเพื่อนำพลังดังกล่าวมาปกป้องโลกของเรา ตำนานที่สอง คือจะมีนักรบผู้พิชิตปีศาจหนึ่งคนพร้อมสหายคู่กายแต่เราไม่รู้ว่าสหายนั้นมีกี่คนที่จะร่วมรบไปกับผู้กล้าทั้งเจ็ดโดยจะมีพลังแฝงในตัวที่แข็งแกร่งอย่างไม่มีที่ติ และตำนานสุดท้าย คือโลกของเราจะไม่มีวันดับสูญและสลายไปเพราะพลังทั้งหมดบนโลกพูดง่ายๆคือพลังที่โลกเราได้ซ่อนไว้ในตัวจะตื่นจากนิทราโดยนักรบปริศนาซึ่งเราก็ไม่รู้จำนวนและที่อยู่เช่นกันเพราะฉะนั้นเราก็ควรจะรอคอยการปรากฏตัวของบุคคลในตำนานทั้งหมด เพราะข้าเชื่อว่า พวกเค้าเหล่านั้นจะสามารถปกป้องโลกและชิงน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ดแห่งกลับคืนมาได้อย่างแน่นอน...”
หญิงสาวผู้สวมผ้าคลุมสีขาวกล่าวขึ้นอีกครั้ง...
..............ถัดมาที่การเดินทางของเหล่านักรบ...............ทุกคนเดินทางจากจุดพักผ่อนที่ไกลจากหุบเขามรณะออกมาไม่ไกลมาเรื่อยๆจนกระทั่งเวลาผ่านไปนานถึง 5 ชั่วโมง ถ้านับเป็นวันในการเดินทางตอนนี้ก็เหลือเวลาแค่ 10 วันเท่านั้น...
“ทุกคนอดทนกันอีกนิดนะ เราเดินทางมา 5 ชั่วโมงแล้วก็จริงแต่เราเดินเท้าจึงใช้เวลานาน ขืนพวกนั้นตามมาโดยการบินหรือหายตัวก็คงถึงตัวเราโดยพริบตาเดียวได้”
อากามิบอกกับทุกคน
“ทำไมต้องอดทนด้วยล่ะท่านอากามิ ถึงมาไกลแต่ไม่เห็นเหนื่อยเลยนะ”
รีโอน่าพูดขึ้น
“= =* เจ้าไม่ได้เดินเจ้าก็ไม่เหนื่อยสิรีโอน่า!! เจ้ามีปีกนิ เห็นใจคนเดินบ้างนะ!!”
อากามิตะโกนอย่างโมโห
“เหอะๆ โทษทีลืมตัวไปหน่อย^^*”
รีโอน่าพูดพลางเอามือเกาหัวหยิกๆ
“แต่ข้าว่าเราออกมาไกลมากแล้วนะ ปีศาจคงไม่ตามมาหรอก เราพักที่นี่ก่อนเถอะข้าจะสร้างโดมให้ตอนนี้ก็เที่ยงแล้วนิ ทุกคนคงหิวมากแล้วอ่ะ”
รีโอน่าพูดเสนอแนะ
“ก็ได้แต่เจ้าต้องไม่ท่องคาถาบ้าๆนั่นเสียงดังนะ ข้าได้ยินแล้วปวดสมอง-*-”
อากามิพูดพลางยกมือขึ้นเป็นสัญญาณสั่งทุกคนให้หยุด
“OK!”
รีโอน่าพูดและท่องคาถาเทพของตัวเองเบาๆเพราะกลัวอากามิโมโห
แล้วโดมก็ถูกสร้างขึ้นล้อมรอบทุกคนไว้โดยมีขนาดใหญ่กว่าเดิม 2 เท่า เพื่ออำนวยความสะดวกมากขึ้น
“ท่านรีโอน่าตอนนี้เราเหลือเสบียงไม่มากเจ้าช่วยสร้างเกราะเล็กๆเหมือนโดมใส่พวกเราให้ได้มั้ย เราต้องการออกไปหาอาหารมาเพิ่ม เพราะเส้นทางยังอีกยาวไกลเลยล่ะ”
เพชรบอกกับรีโอน่าโดยที่ทั้งเก้าคนยืนอยู่ข้างๆ(นักรบในตำนานหกเอลฟ์สาม)
“ได้สิจ๊ะ เรื่องง่ายๆ แต่พวกเจ้าต้องทนฟังภาษาเทพน๊า...ยอมหรอ*-*”
รีโอน่าพูดพร้อมทำตาเป็นประกายใส่ทุกคน
“ = =* ดะ..ได้ค่ะ ท่านรีโอน่ารีบท่องมาดีกว่าเดี๋ยวจะหมดเวลาพักซะก่อน”
โซลพูดขึ้น
“OK! โอมมะลึกกึกกึ๋ย มะรุงมะรัง อุลุมตุมเม่ง! โอมเพี้ยง!”
(มาอุชิฮาร่า ชิมิโออุม่า คุสะอามิโกล่า)
แล้วเกราะเล็กๆที่คล้ายกับโดมสีฟ้าอ่อนสวยงามก็ปากฎขึ้นและหายไป
“อ่าว ท่านรีโอน่าเกราะหายไปไหนแล้วล่ะคะ”
แนทถามอย่างงุนงง
“ไม่ได้หายไปไหนหรอกจ๊ะ เกราะนี้น่ะจะล่องหนเพื่อไม่ได้สะดุดตาปีศาจไงล่ะ เพราะถ้าไม่ล่องหนลำแสงของเกราะอาจทำให้ปีศาจตื่นตัวได้ไงละจ๊ะ^^”
รีโอน่าพูดพลางยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“งั้นพวกเราออกไปหาเสบียงก่อนนะครับ”
เกิ้ลบอกกับรีโอน่า
“โชคดีจ๊ะ^^”
แล้วทุกคนก็เดินออกจากโดมเพื่อหาเสบียงเพิ่ม รอบๆโดมไม่มีมอนเตอร์แม้แต่ตัวเดียวเพราะความศัดดิ์สิทธิ์ของโดมทำให้มอนเตอร์ไม่กล้าเข้ามาไกล้
“สงสัยเราต้องเดินไปไกลจากโดมหน่อยแล้วล่ะนะ ป่าแถบนี้ท่าทางคงลึกน่าดูแต่ยังไงเราก็ต้องหาเสบียงมาหเยอะที่สุดเพราะฉะนั้นอย่าแยกกันถ้าไม่จำเป็นนะ”
วีเอาเทียสบอกกับทุกคน
“อืม!”
ทุกคนตอบรับ
แล้วทุกคนก็เข้าสู่เขตของมอนเตอร์
“ชนชน”“เอ๊ะ นั่นมันมอนเตอร์ชนิดอะไรน่ะทำไมชั้นไม่เคยเห็นในพจนานุกรมมอนเตอร์เลยล่ะ”
เกิ้ลพูดขึ้นอย่างตกใจ
“นี่ๆดูนี่สิ”
แนทพูดพลางชี้ให้ทุกคนดูที่นาฬิกาของตน
นาฬิกาของแนทได้ปรากฎจออิเล็คทรอนิคขนาดปานกลางและใหญ่พอที่ทุกคนจะเห็นและปรากฎภาพมอนเตอร์ที่มีลักษณะตัวเป็นวงกลมมีแขนยาวเท่าตัวแต่ไม่มีนิ้วแขนเรียบเหมือนไม้พายของเรือที่หัวมีอะไรซักอย่างงอกออกมาสองเส้นเหมือนกับดอกไม้ติดที่ต้นหญ้า ตามตัวมีลวดลายสวยงามที่ปากมีเขี้ยวที่ยาวและแหลมคมมีตัวเป็นสีเขียวและน้ำตาลตามประเภทของมัน ไม่มีขาเคลื่อนไหวโดนการบินแต่บินห่างจากพื้นได้ไม่ถึง 2 เมตร
“มอนเตอร์ประเภทสัตว์ มีชื่อว่าชนชน เลเวล 1 กินพืชเป็นอาหาร ไม่มีพิษภัย บุคลิกนิสัยหวงแหนอาณาเขต ชอบทำร้ายผู้คนที่เข้าไปในอาณาเขตของตน มีจุดอ่อนที่ใบหน้า”เสียงเล่าประวัติคล่าวๆดังจากนาฬิกาของแนททำให้ทุกคนถึงกับอึ้ง
“แนทเธอไปเอาของแบบนี้มาจากไหนกันน่ะ ของไฮเทคแบบนี้น่ะ”
โซลถามอย่างสงสัย
“เอ่อ พอดีท่านเรอาให้มาน่ะ ท่านเรอาบอกชั้นว่าให้พกมันไว้กับตัวตลอดแล้วจะมีผลดีกับตัวเองและทุกคน”
แนทบอกคลายปริศนาให้กับทุกคน
“แต่มันแปลกนะ สิ่งของที่สามารถจำแนกประเภทมอนเตอร์และฉายจออิเลคทรอนิคออกมาได้แบบนี้น่ะ มันไม่น่าจะมีในยุคนี้นี้น๊า และอีกอย่างสมัยนี้น้ะถึงจะมีความก้าวหน้าแค่ไหนก็ไม่สามารถที่จะผลิดของแบบนี้ออกมาได้หรอก”
เกิ้ลพูดพลางเอามือจับที่คางของตนเองบ่งบอกให้รู้ว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
“จริงด้วยสิ ท่านเรอาไม่น่าจะมีของประเภทนี้ได้นี่น๊า”
เพชรพูดขึ้นอีกคน
“แต่เอ๊ะแนท เธอใช้มันเป็นได้ยังไงอ่ะ”
คิดถามอย่างสงสัย
“ชั้นปล่าวใช้นะ แค่ชั้นคิดสงสัยว่ามอนเตอร์นี่คืออะไรแล้วนาฬิกาก็ปรากฏจอขึ้นมาเองอ่ะ”
แนทตอบกับคิด
“ยังไงก็ช่างเถอะนะ ตอนนี้เราควรจะหาเสบียงให้มากที่สุดไว้ค่อยคุยเรื่องของพวกนี้ทีหลัง”
คริสบอกกับทุกคน
“งั้นเราเริ่มล่าชนชนกันเลย!”
เวอาเทียสพูดขึ้นเสียงดัง
“โอ่!”
ทุกคนตอบรับ
แล้วทุกคนก็ลงมือล่าชนชนกันทันที..
เวลาผ่านไปไม่นานทุกคนได้ชนชนมาคนละห้าหกตัวเพราะคนเดียวอาจถือชนชนขนาดใหญ่ได้ไม่มาก
“โอโห ได้มากเยอะเลย เรารีบกลับโดมเราดีกว่าเนาะจะได้เอาเสบียงไปให้ท่านอากามิและให้หน่วยเก็บสัมภาระจัดการต่อ”
คิดพูดบอกกับทุกคน
“เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนสิ รู้สึกมั้ยว่าพวกเราหายไปคนนึงนะ”
เพชรเอ่ยขึ้นทำให้ทุกคนีบสังเกตคนข้างๆตนทันทีว่าใครหายไป
“แนท! แนทหายไป”
นิวทิร่าพูดขึ้นอย่างตกใจ
“เอ๋!”
ทุกคนอุทานขึ้นพร้อมกัน
“อย่างเพิ่งมางงตอนนี้เลยดีกว่า ข้าว่าเรารีบตามหาแนทกันก่อนเถอะ เพราะเราไม่รู้เลยว่าเกราะนี่จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน”
วีอาเทียสบอกกับทุกคน
“จริงด้วยสินะ เรารีบตามหาแนทกันดีกว่า”
โซลพูดขึ้น
“เอาล่ะเราแยกกันเป็นคู่นะ เกิ้ลนายไปกับคิด คริสนายไปกับโซล เพชร ไปกับไอซิส ส่วนชั้นสามคนไปด้วยกันหากใครเจอแนทแล้วให้รีบส่งสัญญาณทันทีไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ตามเมื่อมีสัญญาณเราทุกคนต้องไปพบกันที่เจอแนททันที”
วีอาเทียสพูดขึ้นอย่างเอาจริงเอาจัง
แล้วทุกคนก็แยกกันตามหาแนทตามที่ตกลงกันไว้
“แนท ! แนท! อยู่ที่ไหน แนทได้ยินแล้วตอบด้วย”
เสียงนี้กึกก้องไปทั่วป่า
ทางด้านแนท“ที่นี่ที่ไหนกัน และที่ไหนคือที่นี่ล่ะ ทำไมมองไปทางไหนก็มีแต่ป่า แล้วทุกคนหายไปไหนอันล่ะ”
แนทพูดน้ำเสียงดูหวาดกลัวนิดๆ
แนทเดินไปเรื่อยๆโดยไร้จุดหมายแต่ยังเดินไปทางทิศตะวันออกต่อไปเพราะคิดว่าอาจจะเจอพวกพ้องของตนเป็นได้
“เอ๊ะ นั้นอะไรน่ะ ...น้ำ นั่นน้ำพุนี่น๊า!”
แนทพูดอย่างตกใจและรีบวิ่งไปที่น้ำพุทันที
น้ำพุที่แนทเห็นเป็นน้ำพุที่สวยงามน้ำมีสีรุ้งแสนสวยส่องแสงสว่างเจิดจ้าแต่ดูสบายตา ฐานของน้ำพุมีสีขาวนวลดูเหมาะสมกับน้ำสีรุ้งมาก
“ว๊าวววว น้ำพุนี่สวยจังเลย เฮ้อหิวน้ำพอดี ขอดื่มหน่อยนิดนึงนะคะ”
แล้วแนทก็เด็ดใบไม้ใบใหญ่จากด้านช้างมาทำเป็นกรวยแล้วตักน้ำขึ้นมาดื่มทันที
ซูด~~~~~อ่า~~~
“สดชื่นจัง^^”
แนทพูดอย่างร่าเริง
“เอ๊ะ กะ..เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมตัวชั้นถึงเรืองแสงล่ะ”
แนทพูดขึ้นอย่างตกใจ
“แนท แนททำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะตามหาแทบแย่ เอ๊ะ ทะทำไมตัวเธอถึงเรืองแสงล่ะ!”
เพชรพูดอย่างตกใจ
“ชะชั้นไม่รู้แค่ดื่มน้ำนี่ไปนิดเดียวเองนะ”
“น้ำหรอ น้ำพุนี่ใช่มั้ย”
ไอซิสถามแนทพลางชี้ไปที่น้ำพุ
“เดี๋ยวค่อยตรวจสอบไอซิสรีบส่งสัญญาณก่อนดีกว่านะ”
เพชรบอกกับไอซิส แล้วไอซิสก็ใช้เวทย์ธาตุลมทำให้เกิดพายุเล็กที่ทุกคนจะมองเห็นได้เพื่อสงสัญญาณทันที
“เจ้าดื่มน้ำในน้ำพุเข้าไปอย่างนั้นรึ”
เสียงปริศนาดังขึ้นและอยู่ๆก็ปารกฎร่างหญิงสาวสวมชุดคลุมสีขาวขึ้นต่อหน้าทั้งสามคน
“ชะ..ใช่ค่ะ”
แนทตอบแบบกลัวนิดๆ
“แปลกจัง ปกติถ้าใครกินน้ำพุนี้เข้าไปน้ำจะไม่เกิดประกิริยาอะไรนี่น่า เพราะถ้าคนธรรมดากินก็จะกลายเป็นน้ำเปล่าเวลาดื่มเข้าไปหากปีศาจดื่มน้ำก็จะส่งผลร้ายทำให้ตายไปทันที แล้วนี้เจ้าดื่มเข้าไปทำไมน้ำถึงก่อเกิดประกิริยาแบบนี้กันนะ”
หญิงสาวผู้สวมชุดคลุมสีขาวเอ่ยขึ้น
แล้วทั้งเจ็ดคนก็มาถึงจุดที่แนทอยู่ทันที
“เป็นไงบ้างแนทหายมาแบบนี้น่ะแล้วทำไมเข้าถึงเรืองแสงล่ะ”
นิวทิร่าถามแนทอย่างเป็นห่วง
“ชั้นไม่เป็นไร ขอบคุณมากที่เป็นห่วงนะ”
แนทขอบคุณนิวทิร่าด้วยรอยยิ้ม
“ที่ตัวเด็กคนนั้นส่องแสงเพราะคือคนสำคัญไงล่ะ”
เสียงของชายผู้สวมชุดคลุมสีแดงกล่าวขึ้น
“ใช่แล้ว ไม่เชื่อเจ้าลองให้ทุกคนดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์นี่เข้าไปดูสิ”
ชายในชุดคลุมสีม่วงกล่าวขึ้น
“งั้นข้าขออนุญาตให้พวกเจ้าลองดื่มน้ำจากน้ำพุนี่ทุกคนได้หรือไม่”
ทุกคนไม่ลังเลรีบดื่มน้ำในน้ำพุทันที หลังจากที่ทุกคนดื่มน้ำในน้ำพุร่างของทุกคนก็เรืองแสงเหมือนแนททันที
“...”
ชายทั้งสองยังคงเงียบไม่พูดอะไรเหมือนรออะไรบางอย่าง
“อืม~ข้าเข้าใจแล้วล่ะสิ่งที่พวกเจ้าจะสื่อให้ข้ารู้น่ะ
อเล็กเตอร์ จูปีเตอร์”
สิ่งที่หญิงในชุดคลุมสีขาวเข้าใจคืออะไร หญิงสาวชุกคลุมสีขาวอเล็กเตอร์และจูปีเตอร์คือใคร โปรดติดตามอ่านต่อตอนหน้า...The end of the chapter 17