อะอะลงให้
บทนี้อาจน่าเบื่อตอนแนะนำตัวนะ
ทนๆอ่านหน่อยละกัน
Chapter 11 การประชุมของเอลจิงเซล
สองวันต่อมาหลังจากที่ทุกคนได้สมาชิกเพิ่มมาสามคน ค่ายก็ดูครึกครื้นขึ้นมาก จากที่ทุกคนมุ่งมั่นกับการทำงานไม่มีเวลาที่จะคุยกับใครก็กลายเป็นทุกคนมีเวลาให้กันมากขึ้นเพราะทุกอย่างก็เตรียมไว้เรียบร้อยจนหมดเพราะได้รับความช่วยเหลือจากเอลฟ์ทั้งสาม ทุกคนคุยกันอย่างสนุกสนานเป็นกันเอง มีความสนุกสนานไปในตัว ส่วนเหล่าผู้กล้าจากที่ได้แต่นั่งคุยเรื่องไร้สาระไปวันๆ กลับกลายมาเป็นกลุ่มที่ฮึกเหิม ลุกขึ้นฝึกซ้อมฝีมือเพื่อพัฒนาตนเองทันที เนื่องจากเอลฟ์ทั้งสามพอมาถึงค่ายก็ไม่ทำอะไรนอกจากช่วยทุกคนเตรียมอุปกรณ์การรบและฝึกฝนตัวเองทั้งวัน แต่หารู้ไม่...ว่าหายนะไกล้เข้ามาทุกที
“ฮ่าๆ/!/ เรื่องราวของพวกเราแต่ละคนนิไม่ใช่ย่อยเลยแฮะ...เนาะไอซิส”
คิดพูดอย่างร่าเริงพลางหันหน้าไปหาไอซิสและฉีกยิ้มเล็กน้อย
“อะ..อืม...”
ไอซิสตอบได้แค่คำเดียวตะกุตะกักนิดๆเพราะไม่รู้จะพูดอะไร
“พวกเจ้านี่ก็อารมณ์ขันดีนะ พวกข้าอยู่เผ่ามานานหลายปียังไม่เคยสนุกขนาดนี้เลย”
นิวทิร่าพูดพลางฉีกยิ้มให้กับทุกคน
“นี่! เวอาเทียส วีอาเทียส นิวทิร่า พวกคุณพูดสำเนียงแบบนั้นดูไม่เป็นมิตรเลยอ่ะ ลองพูดแบบพวกเราจิ เช่น พูดว่าชั้นแทนข้า พูดคุณ หรือนาย เธอแทนเจ้า อะไรอย่างนี้อ่ะ”
โซลพูดแนะนำภาษาพูดให้กับเอลฟ์ทั้งสาม
“อืม! แล้วข้าเอ้ยชั้นและสหายจะลองดูนะ”
นิวทิร่าพูดขึ้นอย่างร่าเริง
“นิๆ ไม่ใช่อย่างนั้นนะนิวทิร่า สหายใช้แทนว่าเพื่อนนะจ๊ะจะได้ฟังดูดีขึ้น”
โซลแนะนำนิวทิร่าพลางยกนิ้วชี้ขึ้นส่ายไปมาซ้ายขวาเป็นสัญลักษณ์บอกว่าไม่ถูกต้อง
“น่าสนุกดีแฮะ เดี๋ยวข้าเอ้ยชั้นจะลองพูดด้วยละกันนะ”
เวอาเทียสพูดอย่างร่าเริงมากเพราะอาการของเค้าคือการยิ้มอย่างสดใสและส่งสายตาที่ร่าเริงขณะพูด
“.../! อะแฮ่ม ชั้นคงไม่ขัดจังหวะความสนุกสนานของทุกคนนะ ชั้น ซึคุเบะ ได้รับมอบหมายจากท่านเรอาให้มาประกาศข่าวให้กับทุกคนได้รับทราบ ขณะนี้ท่านเรอาต้องการประชุมกับเหล่านักรบอย่างเร่งด่วน เพราะฉะนั้นขอให้หัวหน้าและรองหัวหน้านักรบทุกคนและหน่วยต่างๆเข้าร่วมประชุมที่เต็นท์ท่านเรอา ณ เวลานี้ด้วย ย้ำนะเดี่ยวนี้! ออ ลืมไป เหล่าผู้กล้าและเอลฟ์ทั้งสามก็ขอเชิญที่เต็นท์ด้วยนะ จบข่าว!”หลังจากประกาศจากสำนักพระราชวัง(หัวหน้าค่าย)จบลงกลุ่มของเหล่านักรบก็ทำหน้างุนงงกันซักพัก
“ = =* ทำไมคนประกาศพูดกวนงี้เนี่ย นิสัยเหมือนใครบางคนไม่มีผิด”
คิดพูดขึ้นเสียงดัง พลางใช้ทั้งสองมือกอดอกไว้อย่างเซ็งๆ
“พูดแบบนี้ตั้งใจจะว่ากันนี้น๊า ถามหน่อยเหอะ ชั้นกวนตรงไหนมิทราบ”
โซลพูดอย่างโมโห(ที่พูดไปเพราะไม่อยากเสียภาพพจน์ต่อหน้าเอลฟ์)
“ทุกตรงแหละ!”
คิดพูดอย่างไม่ยอมแพ้
“อ๊ะ อะ หยุดก่อนหยุดก่อน พวกเราต้องรีบไปร่วมประชุมนะ ไม่ได้ยินรึไง เค้าบอกให้ไปเดี๋ยวนี้น่ะ”
เกิ้ลพูดพลางใช้พัดบังหน้าทั้งสองคนไว้เพราะไม่อยากจะเทศนาเดี๋ยวไม่ทัน= =
“อืม~ จริงด้วยนะ โซล คิดชั้นว่าอย่าเพิ่งทะเลาะกันเลยดีว่า เราควรจะไปที่เต็นท์ท่านเรอาโดยด่วนนะ”
วีอาเทียสพูดอย่างใจเย็น(เริ่มพูดสำเนียงแบบผู้กล้าได้แล้ว)
“งั้นพวกเราไปกันเถอะนะ เดี๋ยวจะไปสายนะ”
เพชรพูดและลุกขึ้นทันทีที่พูดจบ
แล้วทั้งเก้าคนก็มุ่งหน้าไปที่เต็นท์ของเรอาทันที ไม่นานทุกคนก็มาถึงเต็นท์ของเรอา ทุกคนไม่รอช้า รีบเดินเข้าไปข้างในเต็นท์ทันที
หลังจากทั้งเก้าคนเข้ามาในเต็นท์ก็ได้พบกับโต๊ะประชุมที่อลังการเป็นโต๊ะที่ยาวและกว้างมากและมีจำนวนพอดีกับผู้เข้าร่วมประชุม บรรยากาศภายในห้องไม่เหมือนกันเต็นท์เลยด้วยซ้ำ แต่เป็นบรรยายกาศที่ดูรื่นรมเหมือนอยู่กลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ภายในถูกตกแต่งด้วยสีขาวอมชพูที่เพิ่มความเพลิดเพลินเข้าไปอีก ที่กลางโต๊ะประชุมมีดวงแก้วดวงใหญ่รูปร่างเป็นวงกลมมีความสว่างสดใสในตัวเองท่าทางว่าจะเป็นจอมอนิเตอร์ที่ทุกคนสามารถมองเห็นภาพได้ทุกมุม สรุปได้เลยว่าภายในห้องนี้ถูกสร้างขึ้นให้บรรยากาศแบบนี้เพื่อทุกคนจะได้ไม่เคร่งเครียดกับการประชุมในแต่ละครั้ง
“เอาล่ะ เมื่อทุกคนมาพร้อมแล้วข้าขอเริ่มการประชุมละกันนะ”
เรอากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นไม่แพ้ไบรอัน
“อันดับแรกข้าคิดว่าทุกคนคงยังไม่รู้จักกันดีพอโดยเฉพาะนักรบเผ่าเอลฟ์ของเรา ข้าจึงขอให้ทุกคนแนะนำตัวกันตามลำดับที่นั่งเลยนะ...ข้าคือ
เรอา หัวหน้าค่ายเอลจิงเซลแห่งนี้จ๊ะ”
เรอากล่าวกับทุกคน พร้อมแนะนำตัวอย่างเยือกเย็น
“ข้า
ไบรอันเนอร์ หน่วยฝึกฝนการต่อสู่ระยะประชิด ยินดีที่ได้รู้จัก”
ไบรอันแนะนำตัวง่ายๆเพราะรู้จักกันอยู่แล้ว
“ข้าชื่อ
ชิร่า หัวหน้าหน่วยโจมตีระยะไกล และผู้ฝึกฝนการโจมตีระยะไกล ยินดีที่ได้รู้จักจ๊ะ^^”
หญิงสาวน่าตาสละสวย ผมสั้นเข้าทรง แต่งกายด้วยชุดนักธนูที่ทำจากหนังและเกราะแนะนำตัว
“ข้า
รินะ คาซึกิ หรือ
ริน หัวหน้าหน่วยซัพพอร์ต ยินดีที่ได้รู้จักพวกท่านทุกคน”
รินแนะนำตัวอย่างสบายๆ
“ชั้น
โมโน่ อิหร่าน หรือ
โมโน่ รองหัวหน้าหน่วยซัพพอร์ต ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”
โมโน่ ชายหนุ่มผมบลอนแนะนำตัวขึ้น
“ชั้น
ยัตสึมิ พลลาดตระเวน ยินดีที่ได้รู้จักนะจ๊ะ^^”
ยัตสึมิหญิงสาวชาวจีนแนะนำตัวอย่างร่าเริง
“ข้า
อากามิ หัวหน้าหน่วยบุกโจมตี ยินดีที่ได้รู้จัก”
อากามิ หญิงสาวหน้าตาโห
ชิฮาร่า หน่วยเฝ้าระวังของที่นี่ยินดีที่ได้รู้จักนะเหล่าผู้กล้า”
ชิฮาร่าหญิงสาวที่ชอบสีม่วงแนะนำตัวอย่างเป็นกันเอง
“หวัดดีทุกคน ข้า
เพรนิส หน่วยควบคุมการฝึกสกิล มีอะไรก็ไปหาข้าได้นะ^^”
ชายหนุ่มผมสีน้ำเงินอ่อนหน้าตาหล่อเหลาแต่งกายด้วยชุดสบายๆแนะนำตัวอย่างเป็นกันเอง
“ข้าชื่อ
ไพรลิน หัวหน้าหน่วยสอดแนม ยินดีที่ได้รู้จักพวกท่าน”
หญิงสาวผมสีบลอนแต่งกายด้วยชุดกระโปรงยาว สีขาว แนะนำตัวอย่างเยือกเย็น
“ข้า
ลีโอน่า นักวิเคราะห์สกิลของค่ายนี้ยินดีที่ได้รู้จักจ๊ะ”
หญิงสาวชาวเอลฟ์ ที่เป็นคนบอกเรื่องราวของการประลองให้กับผู้กล้าได้รู้แนะนำตัวอย่างร่าเริง
“ชั้น
ยายูมิ หมอของค่ายนี้ ยินดีที่ได้รู้จักจ๊ะ^^”
หญิงสาวที่ท่าทางเหมือนยังเป็นเด็กสาวเหมือนมิยากิ ที่มีดวงตาสีเขียวสดใส ผมสีน้ำตาลอ่อน แต่งกายด้วยชุดพยาบาลแนะนำตัวอย่างเป็นกันเองและร่าเริง
“ชั้น นาคาชิมะ คุมิโกะ หรือ เพชร หนึ่งในนักรบในตำนาน เป็นสายธนู ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
เพชรแนะนำตัวอย่างเป็นมิตร
“ชั้นชื่อแนททิน่า เอเวริต้า หรือ แนท หนึ่งในนักรบในตำนาน เป็นสายทวน ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
แนทแนะนำตัวตามอารมณ์เอาจริงเอาจังในตอนนี้
“ชั้น...ไอซิส ...หนึ่งในนักรบในตำนาน...เป็นนักเวทย์ ยินดีที่รู้จักค่ะ”
ไอซิสแนะนำตัวอย่างที่พยามพูดให้ละเอียดที่สุด
“สวัสดี ชั้นโซลไวท์ เดตี้นะ หรือโซล ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน เป็นหนึ่งในนักรบในตำนาน ใช้มีดเป็นอาวุธจ๊ะ ”
โซลแนะนำตัวอย่างร่าเริง
“ชั้น เดธ เดอะคิด หรือคิด หนึ่งในนักรบในตำนาน สายปืนคู่ ยินดีที่ได้รู้จัก”
คิดแนะนำตัวอย่างเย็นชา
“หวัดดี ชั้น ฮาเนงาวะ เนซึมิ หรือเกิ้ล หนึ่งในนักรบในตำนาน สายพัดหรือนักสังหาร ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะ”
เกิ้ลแนะนำตัวอย่างเอาจิงเอาจัง
“ชั้นคริสโตเฟอร์ เวสการ์ด หรือคิด หนึ่งในนักรบในตำนาน สายดาบคู่ครับ”
คริสแนะนำตัวอย่างไม่เหมือนใคร
“ข้า วีอาเทียส นักรบเผ่าเอลฟ์ เป็นเกียติอย่างยิ่งที่ได้รู้ตักกับพวกท่านทุกคน”
วีอาเทียสแนะนำตัวอย่างมีมารยาทตามแบบฉบับของเอลฟ์
“ข้าเวอาเทียส นักรบเผ่าเอลฟ์ ยินดีที่ได้รู้จักกับพวกท่านทุกคน”
เวอาเทียสแนะนำตัวอย่างไม่เหมือนเอลฟ์
“ข้าชื่อนิวทิร่า นักรบเผ่าเอลฟ์ เป็นเกียติอย่างยิ่งที่ได้พอพวกท่านทุกคน”
นิวทิร่าแนะนำตัวตามแบบฉบับเอลฟ์
“ชั้น ซึคุเบะ หน่วยดีเฟนท์ของที่นี่ ยินดีที่ได้รู้จัก”
ซึคุเบะแนะนำตัวอย่างง่ายๆแต่สำหรับบางคนอาจฟังดูกวนๆ
“หมอนี่นี่เองที่ประกาศกวนๆเมื่อกี้ ชิ!”
คิดพึมพำในใจอย่างเซ้งๆ
“เอาล่ะ เมื่อทุกคนรู้จักกันดีแล้วข้าก็จะเข้าเรื่องละกันนะ”
“สืบเนื่องมาจากเมื่อวาน ที่เอลฟ์ทั้งสามถูกพวกนั้นไล่ล่ามา ข้าได้สังเกตเห็นตรงที่ว่า เมื่อหน่วยป้องกันของเรายิงธนูไปที่พวกมันและพวกมันก็กลายเป็นควันและหายไป ในเวลานั้นข้าได้กลิ่นไอของพวกปีศาจอย่างรุนแรง ข้าจึงอยากจะสอบถามพวกท่านว่าพวกนั้นเป็นใครและเหตุใดจึงตามล่าพวกท่าน”
“พวกนั้นเป็นใครพวกเราเองก็ไม่ทราบครับ รู้แต่ว่า ตั้งแต่ที่พวกมันเข้ามาในหมู่บ้านของเราพวกมันก็ใช้พลังของพวกมันทำลายหมู่บ้านของเราจนเกือบจะพังทลายไปโดยมีข้อแลกเปลี่ยนที่พวกมันจะไม่ทำลายหมู่บ้านของเราคือพวกเราทุกคนจะต้งอไปเป็นลูกน้องของมันครับ และที่พวกมันไล่ล่าเราก็เพราะว่าพวกเราไม่ยอมที่จะเป็นพวกของมันพวกมันจึงตามล่าเพื่อจะกำจัดเราทิ้งครับ”
วีอาเทียสตอบอย่างเอาจิงเอาจังแทนสหายทั้งสองของตน
“อืม~ข้าพอจะเข้าใจแล้วล่ะ สรุปแล้วว่าพวกมันคือพวกที่มีพลังอำนาจเหมือนปีศาจใช่รึเปล่าล่ะ งั้นก็แสดงว่ามันไกล้เวลานั้นแล้วละนะ เวลาที่ดราโกเนียสปีศาจแห่งการทำลายจะกลับมา เพราะข้ารู้ดีว่าที่พวกมันทำแบบนั่นก็เพราะเตรียมการหาสมุนได้เตรียมต้อนรับหัวหน้าใหญ่ของมัน เพื่อจะได้จัดกองทัพไว้ทำสงครามทันที”
“ทุกคนคิดว่าเราควรจะรับมือกับพวกมันยังไงดี เพราะตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าดราโกเนียสจะบุกมาเมื่อไหร่”
เรอาถามกับทุกคนอย่างเอาจริงเอาจัง
“ข้าคิดว่า หากไกล้เวลานั้นจริงๆเราควรจะขอคำปรึกษาจากองเทพธิดานะ เพราะเพียงมันสมองของพวกเราคงจะไม่มีวันคิดแผนดีๆได้แน่”
ชิร่าเสนอความคิดเห็นเป็นคนแรก
“ข้าก็เห็นด้วยกับชิร่านะ เพราะองเทพธิดาเท่านั้นที่จะวางแผนและกำหนดชะตากรรมของเราได้มากที่สุด”
โมโน่เสริมให้กับคราวคิดของชิร่า
“อืม~งั้นข้าจะอัญเชิญเทพธิดาออกมาเดี๋ยวนี้ล่ะ”
“ Akamisala Kinowamisala (อาคาวามิเซร่า คิโนวามิเซร่า) องเทพธิดาทั้งสอง บัดนี้พวกเราต้องการความช่วยเหลือจากท่าน โปรดท่านจงเมตตา ลงมาปรากฏกายให้พวกข้าได้เข้าเฝ้าด้วยเถิดดด!”
วิ้ง~~~~~~~~~~~ หลังจากที่เรอาท่องคาถาอันเชิญเสร็จก็มีแสงสว่างเจิดจ้าเกิดขึ้นมา หลังไม่นานแสงนั่นก็หายไปและสิ่งที่สายตาของทุกคนจับจ้องไปหาคือหญิงสาวสองคนที่มีปีกสีขาวนวลติดอยู่ที่หลังหน้าตาของทั้งสองน่ารักสวยสดใสคนแรกบินอยู่สูงกว่าอีกคนคนนั้นมีดวงตาสีชมพูสดใสเส้นผมสีบลอนเทาปีกใหญ่เท่าๆกับร่างกายแต่งกายด้วยชุดสีขาวเทาสวยงามส่วนอีกคนคือหญิงสาวที่บินอยู่ต่ำกว่า มีปีกไม่ใหญ่เท่าไหร่แต่ใหญ่พอที่จะทำให้บินได้เธอมีดวงตาสีฟ้าสดใสผมสีน้ำตาลอ่อนยาวสลวยแต่งกายด้วยชุดสีฟ้าครามทั้งตัว ทั้งสองค่อยๆบินร่อนลงมาอย่างช้าๆแล้วมายืนที่ด้านหลังของเรอา
“ธิดาซันเบิร์ดเทพธิดาแห่งลูซิส และองจูลี่เทพธิดาประจำกายข้า ณ เวลานี้ดราโกเนียสกำลังจะกลับมาพวกเราทุกคนในที่นี้ต้องการคำชี้แนะจากท่านโปรดท่านจงอธิบายแก่เราให้กระจ่างด้วยเถิด..”
เรอานั่งลงที่พื้นและหันหน้าไปหาเทพธิดาทั้งสองและพูดอ้อนวอนอย่างเกรงใจเป็นที่สุด
“เรอา...บัดนี้เจ้าคือผู้นำ มีหน้าที่ตัดสินใจทุกอย่างเกี่ยวกับชะตาชีวิตของทุกคน ข้า...ในนามธิดาแห่งลูซิส ข้ามิอาจจะกำหนดอะไรให้กับพวกเจ้าได้พระข้ามีหน้าที่เพียงแค่คอยช่วยเหลือพวกเจ้าและโลกยามมีภัยเท่านั้น แต่หากพวกเจ้าต้องการคำปรึกษาคำแนะนำที่ต้องการให้ข้าไขให้กระจ่าง...ข้าก็ได้แค่บอกใบ้ให้กับพวกเจ้าเท่านั้น...”
“เอ๋อ..”
“เจ้าไม่ต้องพูดอะไรเรอา...ข้ารู้ความคิดของพวกเจ้าทุกคนรวมทั้งบุตรธิดาแห่งอาททรัมในที่นี้ด้วย ข้ารู้ดีว่าเจ้าอยากรู้เรื่องอะไร จงจำคำข้าไว้ให้ดี
“เมื่อใดที่ดวงจันทราเต็มดวง เมื่อนั้น วันหายนะของโลกก็ใกล้เข้ามาถึง จงมุ่งหน้าไปทางทิศบูรพาเพื่อตามหาอาวุธในตำนาน สิ่งนั้นมิอาจมองเห็นด้วยตาเปล่า ขอเจ้าจงมองมันด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ แล้วเจ้าจะได้พบสิ่งที่แข็งแกร่ง” คำใบ้พวกนี้ถือว่าง่ายมากๆใช่มั้ยเพราะแทบจะไม่เรียกว่าใบ้ด้วยซ้ำ จงจำเอาไว้เมื่อถึงเวลาข้าจะมาส่งคำใบ้ต่อไปให้กับเจ้าเอง…..”
ว่าแล้วซันเบิร์ดก็หายไปกับแสงสว่าง และจูลี่ก็ยังยืนมองทุกคนที่นั่งงงกับคำใบ้ของซันเบิร์ดอยู่
“เหล่าผู้กล้า...เจ้าจงจำเอาไว้ว่า ทุกสิ่งที่เจ้าทำคือสิ่งที่ตัดสินชะตาชีวิตของโลก เพราะฉะนั้นไม่ว่าเจ้าจะทำอะไรก็ตามจงคิดไตร่ตรองให้ดี มิฉะนั้นโลกอาจถึงวันดับสูญ... เอลฟ์ทั้งสามเอ๋ย พวกเจ้าไม่ได้ไร้ค่า จงต่อสู้กับความมืดต่อไปเพื่อวันที่สันติภาพของโลกจะกลับมาและคงอยู่ชั่วนิรันต์ และนี่คือคำใบ้อีกหนึ่งข้อจากข้า
“เมื่อใดที่เปลวไฟแห่งความหวังนิรันต์ปรากฏจงตั้งจิตอธิฐานทุกครั้งที่พบ แล้วสักวันเจ้าจะได้พบกับอิสรภาพของเจ้า...” ข้าใบ้ให้พวกเจ้าแล้วนะ^^ข้าลาก่อนทุกคน และอย่าลืม รอคำใบ้ต่อไป...”
แล้วจูลี่ก็บินหายไปกับแสงสว่าง
““เมื่อใดที่ดวงจันทราเต็มดวง เมื่อนั้น วันหายนะของโลกก็ใกล้เข้ามาถึง จงมุ่งหน้าไปทางทิศบูรพาเพื่อตามหาอาวุธในตำนาน สิ่งนั้นมิอาจมองเห็นด้วยตาเปล่า ขอเจ้าจงมองมันด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ แล้วเจ้าจะได้พบสิ่งที่แข็งแกร่ง” หมายความว่ายังไงกันนะ.... เอาล่ะพวกเจ้าทุกคนคงได้รู้ถึงคำบอกใบ้ขององค์เทพธิดากันทุกคนแล้วนะ ข้าขอให้ทุกท่านนำคำใบ้ทั้งสองกับไปคิดพิจรณาไตร่ตรองด้วยสติปัญญาของพวกท่านเพราะคำใบ้คือสิ่งชี้ชะตาของโลก เอาล่ะแยกย้ายได้...”
คำใบ้ของธิดาแห่งลูซิส และเทพธิดาจูลี่จะมีใครเข้าใจความหมายหรือไม่ และธิดาแห่งอาททรัมคือใคร โปรดติดตามอ่านต่อตอนหน้า....The end of the chapter 11