GAMEINDY: Asura Online
หน้า: 1 ... 50 51 [52] 53 54
ผู้เขียน หัวข้อ: Fic.asura "ตำนานบทราตรีเเห่งวิญญาณ" บทที่ 44 (อัพเดท 18/03/54)  (อ่าน 16689 ครั้ง)
GøøGle-KunG
Hero Member
*****
กระทู้: 10,361


ถึงเวลา ก็ขอให้โชคดีกะที่ใหม่


Re: Fic.asura "ตำนานบทราตรีเเห่งวิญญาณ" บทที่ 44 (อัพเดท 18/03/54)
« ตอบ #765 เมื่อ: 06-04-2011, 23:43:21 »

มาเน่าๆ ใกล้จบแล้วๆ อีกนิสเดียววว= =



บุย บอร์ดเก่า ไปให้พ้น บอร์ดใหม่
เอิร์ธคุงขอรับกระผม
Hero Member
*****
กระทู้: 8,586

กุเบื่อ...


Re: Fic.asura "ตำนานบทราตรีเเห่งวิญญาณ" บทที่ 44 (อัพเดท 18/03/54)
« ตอบ #766 เมื่อ: 06-04-2011, 23:55:52 »

แต่งได้ขั้นเทพ Sad

GøøGle-KunG
Hero Member
*****
กระทู้: 10,361


ถึงเวลา ก็ขอให้โชคดีกะที่ใหม่


Re: Fic.asura "ตำนานบทราตรีเเห่งวิญญาณ" บทที่ 44 (อัพเดท 18/03/54)
« ตอบ #767 เมื่อ: 06-04-2011, 23:57:52 »

อ้างจาก: เอิร์ธคุงขอรับกระผม ที่ 06-04-2011, 23:55:52
แต่งได้ขั้นเทพ Sad
ชมให้มันเข้าเรื่องหน่อยสิวะ เหนพูดงี้มากี่รอบแล้ว=_=



บุย บอร์ดเก่า ไปให้พ้น บอร์ดใหม่
เอิร์ธคุงขอรับกระผม
Hero Member
*****
กระทู้: 8,586

กุเบื่อ...


Re: Fic.asura "ตำนานบทราตรีเเห่งวิญญาณ" บทที่ 44 (อัพเดท 18/03/54)
« ตอบ #768 เมื่อ: 07-04-2011, 00:01:39 »

อ้างจาก: GøøGle-KunG ที่ 06-04-2011, 23:57:52
อ้างจาก: เอิร์ธคุงขอรับกระผม ที่ 06-04-2011, 23:55:52
แต่งได้ขั้นเทพ Sad
ชมให้มันเข้าเรื่องหน่อยสิวะ เหนพูดงี้มากี่รอบแล้ว=_=
จะให้ชมยังไงละ= =ผมไม่ใช่คนชอบพูดยาวๆสักหน่อย=_= ก็มันแต่งได้สุดยอดแล้วจะให้พูดยังไง=_=

-ChiVas-
Hero Member
*****
กระทู้: 3,503

/人◕ ‿‿ ◕人\


Re: Fic.asura "ตำนานบทราตรีเเห่งวิญญาณ" บทที่ 44 (อัพเดท 18/03/54)
« ตอบ #769 เมื่อ: 07-04-2011, 00:25:44 »

อ๊าาาาาา วาเนซซี่น่าสงสารจังเลย  Wink

เพื่อพวกพ้อง อร๊ายยยยยยย  Wink

บรรยายได้ดีมากเลย ไม่มีที่ติ  จะมีบางส่วนที่พิมพ์ผิดเพราะความรีบนี่แหละ  Smiley

ทำเอาจินตนาการบรรเจิดเห็นภาพเลย เก่งมากจ้า

ไว้อาลัยหมาน้อย ไปตายสักทีเหอะ
ระวังกระทู้กลายพันธุ์!! Shocked
一番の宝物
Hero Member
*****
กระทู้: 6,540

.......


Re: Fic.asura "ตำนานบทราตรีเเห่งวิญญาณ" บทที่ 44 (อัพเดท 18/03/54)
« ตอบ #770 เมื่อ: 07-04-2011, 12:23:34 »

อร๊ายยยยยยยยยยย ไม่จริ๊งงงงงงงงงงงง !!

วาเนซซี่ตายHaแย้ววววววววววว TOT

บรรยายได้ดีมากเลยจ้ะคุณเธอ บรรยายจนชั้นเห็นภาพตามเลยอ่ะ

อีกนิดก็จะจบแยะ =w=



GøøGle-KunG
Hero Member
*****
กระทู้: 10,361


ถึงเวลา ก็ขอให้โชคดีกะที่ใหม่


Re: Fic.asura "ตำนานบทราตรีเเห่งวิญญาณ" บทที่ 44 (อัพเดท 18/03/54)
« ตอบ #771 เมื่อ: 07-04-2011, 18:35:24 »

บทที่46 กลไกแห่งความมืด

 เสียงพังทลายของเส้นทางหินในทิศเบื้องหลังดังขึ้นเป็นระยะๆ ตามอานุภาพแรงของทุ่นระเบิดความมืดที่ทำลายทุกสรรพสิ่งได้

เหล่าเพื่อนร่วมทีมที่หันไปมองเป็นครั้งสุดท้ายบ้างที่เป็นนักรบสาวถึงกับร่ำไห้ออกมา เมื่อรู้ว่าร่างของเพื่อนร่วมทีมอีกคน

ได้แหลกสลายไปเสียแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนตกลงไปสู่เหวความมืดมิด มีเพียงเถ้าถ่านอังคารของร่างวาเนซซี่ที่ถูกโอบอุ้มไว้

ด้วยแสงสีนวลประหลาด ก่อนที่มันจะค่อยๆลอยขึ้นลับฟ้าไปอย่างสง่างาม อันเป็นเกียรติที่ควรได้รับแห่งนักรบฝ่ายแสงยามชีพดับลง

แม้จะไม่รู้เหตุผลก่อนหน้านี้ว่าทำไมเธอถึงออกน้ำเสียงไล่พวกตนให้ออกห่.างจากจุดนั้น

แต่ก็คงพอเดาได้อย่างน้อยว่าเธอทำด้วยความเสียสละอย่างยิ่ง

 อากาช่าที่เห็นท่าทีของหลายๆคนที่เริ่มสับสนกับการกระทำของวาเนซซี่ จึงยอมปริปากพูดแจงเหตุผลขึ้นมา

 "ที่วาเนซซี่เธอทำอย่างนั้น สาเหตุพวกเราคงรู้ๆกันอยู่..."

 สายตาทุกคู่เลื่อนไปจับจ้องแค่หัวหน้าทีมของตน ก่อนจะนิ่งฟังเหตุผลที่ควรจะรู้โดยทั่วถึง

 "ถ้าเธอไม่ทำแบบนี้ ป่านนี้เราอาจตายหมู่แล้ว" อากาช่าแจงเสียงเรียบ พลางชี้ไปที่ใต้เท้า ซึ่งสิ่งที่หลายคนเห็นเมหือนกันคงจะเป็น

ทุ่นระเบิดความมืดที่บัดนี้มันกลับไม่ทำงานอย่างที่ทางเดินเบื้องหลัง ความคิดของทั้งหมดเห็นเป็นจุดเดียวกัน แล้วเริ่มเข้าใจกับการกระทำของวาเนซซี่

อย่างถ่องแท้ มันคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว แต่ต่อจากนี้ล่ะ...

 ความเงียบที่เริ่มครอบคลุมถูกทำลายลงด้วยการออกความเห็นของเอลฟ์หนุ่ม "พวกเราอาจต้องเดินทางเท้า ฝ่าอุปสรรคพวกนี้ต่อ"

เขาว่าพลางชี้ทางไปข้างหน้า ด้วยแววตามุ่งมั่นไม่ลดละ แทนคำให้กำลังใจให้ทุกคนฮึดสู้ต่อ

 "แน่นอนอยู่แล้ว จากนี้ระวังตัวให้ดีล่ะ" เฟริน่าสรุปความ ก่อนจะชักอาวุธตนเดินนำหน้าไปก่อนใคร อากาช่ากับคีมีเดียสมองหน้ากันหยั่งรู้เชิง

แล้วหมุนร่างเดินตามไปติดๆพร้อมกับแฟลชที่มีท่าทีหมดอารมณ์เดินตามเอื่อยๆอย่างเห็นได้ชัด เหลือเพียงมาช่ากับเลิฟโลว์

ที่ปรายตามองไว้อาลัยเพื่อนร่วมทีมที่อยู่ด้วยกันมานมนานเป็นครั้งสุดท้าย แล้วจึงเดินทางต่อด้วยความมุ่งมั่นที่หลงเหลืออยู่

 
 ร่างของทั้งหมดค่อยๆเดินไปตามทางหินแคบๆ ซึ่งรายล้อมด้วยความมืด มีเพียงแสงเทียนตามทางที่พอเป็นแสงสว่างให้พอมองเห็นทางเดินต่อ

การเดินหลบหลีกกับดักคงจะพึ่งพาอะไรไม่ได้นอกจากสัญชาตญาณแห่งเอลฟ์ ที่ชำนาญในเรื่องนี้อยู่มาช้านานแล้ว

หากแต่จะเจออุปสรรคต่างๆเป็นระยะๆ แต่ทีมนักรบที่มีฝีมือมาดีเป็นฐานเดิมก็หลบหลีกมันได้โดยไม่ยากเย็น

 นางมารจ้าวแห่งความมืดรัติกาลทั้งปวง เอลซ่า.. ที่ส่งร่างเงาของตนไปแอบเฝ้ามองอยู่ค่อยๆแสยะยิ้มขึ้นหลังจากเห็นท่าทีของศัตรูอีกฝ่าย

 "นึกว่ามันจะโง่ไม่รู้ทันซะแล้ว..." นางกรีดกรายน้ำเสียงอันน่าสะพรึงกลัวขึ้น ก่อนจะหมุนร่างมาจ้องกำไลราตรีของตน

 "ก็ดี...มันจะได้ทันเล่นของเล่นชิ้นต่อไป จากนั้นก็จะได้มาอยู่ในนี้ กำไลราตรีของข้า... ฮึฮึ...!" รอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความชั่วร้าย

ไร้ซึ่งสัจธรรมใดๆ ฉีกขึ้นตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของนาง เสียงหัวเราะที่ดั่งเสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นเนืองๆ บ่งบอกถึงความสะใจของนาง

ที่มันกำลังจะท่วมท้นในไม่ช้า หากมันเป็นไปตามโครงเรื่องที่นางวางไว้แต่แรก..!

 
 "หยุด..!" ทันทีที่เสียงเชิงสั่งการของอากาช่าแผดขึ้น ทุกคนที่เดินตามหลังอยู่ถึงกับต้องชะงักฝีเท้าที่จะย่างต่อไป

หญิงสาวผู้เป็นผู้นำหันซ้ายขวาเล็กน้อย ก่อนจะคว้าไม้เท้าของตนฟาดลงพื้นข้างหน้า

 ทันทีที่เสียงสะท้อนจากอาวุธที่กระทบพื้นดิน เหล่าโกเลมแห่งอาทรัมมอนสเตอร์สมัยโบราณต่างผุดขึ้นมาจากความมืดตามทางข้างหน้า

สายตาที่เรืองแสงสีแดงก่ำปลุกโชนสัญชาตญาณกระหายเหยื่อที่มันต้องการทำลายล้างทุกสิ่งรอบด้าน

ร่างที่ก่อขึ้นด้วยหินผาขนาดยักษ์ถูกเชื่อมไว้ด้วยพลังความมืดลึกลับ ดั่งพันธนาการที่ถูกสาปไว้ให้มันทำอะไรไม่ได้นอกจากทำลายล้างทุกสิ่ง

 พวกมันนับ10คำรามไม่เป็นภาษาอย่างเกรี้ยวกราด ทางเดินที่กว้างใหญ่ทางหน้าคับแคบลงภายในพริบตา

ยังไม่ทันที่จะเผชิญหน้ากับพวกมันจังๆ หินผาสีดำทมิฬผุดขึ้นเป็นทางประตูที่เปิดอ้าอยู่ แต่แท่นหินอีกอันก็ค่อยๆเลื่อนลงมาปิดทาง

อาจเป็นความคิดที่ไม่ฉลาดเลย ถ้าจะทำลายมันหากไม่สามารถออกจากด่านประตูได้ทันเวลา เนื่องจากประตูหินผานี้หลอมด้วยพลังแห่งความมืด

หากอยู่ในมิติวังวนที่เต็มไปด้วยความมืดมิดแล้วล่ะก็ ความแข็งแกร่งของมันแม้พลังแห่งแสงที่แข็งแกร่งก็ยากที่จะโค่นมันลง

 กลไกอุปสรรคมากมายโผล่ขึ้นตามทาง แค่นี้ก็ดุยุ่งยากมากแล้วกับการที่ผ่านร่างไปสู่ประตูต่างๆ หากยังไม่รวมกับศัตรูที่อยู่ตรงหน้า

ก้อนแข็งๆในคอของหลายๆคนถูกกลืนลงอย่างยากลำบากเมื่อเห็นอุปสรรคตรงหน้า เมื่อเหลือบเห็นปฏิกิริยาของเหล่าโกเลมถูกปลุกขึ้นอย่างเต็มที่

สัญชาตญาณแห่งนักรของพวกเขาถูกเตือนขึ้น ร่างุทกร่างกระจายออกไปอยู่คนละจุด ก่อนจะเริ่มปะทะกับเหล่าโกเลมที่อยู่ตรงหน้า

 โดยมีเป้าหมายอย่างเดียวคือผ่านด่านประตูนี้ไปให้ได้!

 "จุดอ่อนมันคือหน้ากากที่อยู่ตรงที่เหนือหัวสุด!!!" เอลฟ์หนุม่ที่พอมีประสบการณ์เกี่ยวกับมอนสเตอร์มากกว่าคนอื่นตะโกนจุดอ่อน

ที่ทุกคนควรรู้ขึเน ทั้งหมดรับคำแล้วเล็งโจมตีส่วนที่เรียกโดยทั่วไปว่า ศีรษะ อย่างเต็มที่

 ทว่าร่างกายที่ถูกปลุกสัญชาตญาณโดยพลังความมืด กลับเสริมพลังและทักษะของอีกฝ่ายได้อย่างเต็มที่ในระยะเวลาสั้นๆ

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะกระโดดหยั่งตัวขึ้นไปโจมตีศีรษะมัน หรือจะเล็งจากระยะไกลโจมตีก็ถูกมันประชิดตัวจนต้องย้ายร่างหลบแทนการโจมตีเสียก่อน

 "มาช่า ระวัง!!!" เสียงเตือนตะโกนของเลิฟโลว์ดังขึ้นพร้อมกับเสียงอาวุธกระทบกับมือผาหินของโกเลมยักษ์

มาช่าที่เอี้ยวหลังใช้ดาบใหญ่ในตำนานของตนกันการโจมตีของคู่ต่อสู้ที่รุดออกมาด้านหลังไว้ได้ทันท่วงที 

 เลิฟโลว์ที่ผละศัตรูของตนให้เสียหลักได้แล้ว ด้วยเรี่ยวแรงพละกำลังมหาศาลของเธอ จึงสามารถโค่นร่างยักษ์ตรงหน้าได้ภายในชั่วอึดใจ

ก่อนจะส่งสัญญาณให้เฟริน่าชักปืนคู่ใจยิงทลายหน้ากากส่วนศีรษะทันที

 เฟริน่าที่จำเป็นต้องดำรงหน้าที่ทั้งโจมตีและซัพพอร์ตโดยการผสมยาเพิ่มพลังวิญญาณให้เจ้าธุระแฟลชที่อยู่ข้างตัว ในสถานการณ์เช่นนี้

มองภายนอกเห็นได้ชัดว่าน่าจะเหนื่อยก็ใครเพื่อน หากทักษะที่ช่ำชองของเธอจึงสามารถแบ่งวิถีการต่อสู้ได้ตามสถานการณ์โดย

ปราศจากการพลาดพลั้งเสียทีใดๆ แฟลชที่กระหน่ำยิงด้วยอาวุธคู่ใจของตนพยายามเบนความสนใจให้เหล่าสายโจมตีระยะไกลให้

สามารถเล็งที่จุดอ่อนของมันได้ง่ายขึ้น ซึ่งตกเป็นของคีมีเดยีสและอากาช่าที่ยืนอยู่ในจุดที่สูงกว่าเตรียมโจมตีจุดอ่อนมันทันที

 พลังเวทย์หลากธาตุของอากาช่าได้ถูกใช้ขึ้นดว้ยอนาภาพฤทธิ์มนตราของหญิงสาว ก่อนพลังเวทเหล่านั้นจะเบนโจมตีไปที่จุดอ่อน

ของศัตรูตรงหน้า ตามการควบคุมของผู้ใช้เวทอย่างช่ำชอง เอลฟ์หนุ่มที่รัวมือง้างยิงลูกธนูธาตุแสงโดยคันศรโลหิตก็สามารถ

ยิงทำลายส่วนศีรษะของมันด้วยความรวดเร็ว ซึ่งมันจะทำได้เร็วกว่าน้หากไม่ต้องวิ่งหนีเหล่าโกเลมยักษ์ที่อยู่นอกวงเบนความสนใจของเพื่อนร่วมทีม

 แม้ว่าจะสามารถทลายจุดอ่อนของมันได้ แต่ก็ต้องโจมตีซ้ำหลายครั้งหลายครากว่าหินผาอันแข็งแกร่งจะพังทลายลงทั้งร่าง

เมื่อเทียบกับจำนวนของมันที่มีอยู่ก็แทบจะท้อแท้ได้ในไม่ช้าตามเรี่ยวแรงที่ค่อยๆลดลงไป

 กระนั้นความลำบากในการต่อสู้ยิ่งทวีความยากเย็นขึ้นไปอีกเมื่อกลไกอุปสรรคทำงาน ทั้งคมมีดที่จะผุดขึ้นมาตามพื้นซึ่งสามารถทิ่มแทง

ร่างกายมนุษย์ทั่วไปให้บาดเต็บหนักได้ง่ายๆ เชือกลูกตุ้มขนาดยักษ์แกว่งที่ผุกกับคานประตูด้านบนแกว่งทำลายล้างทุกอย่างเป็นช่วง

และอีกมากมายที่เกินกว่าจะสามารถต่อสู้ได้เต็มที่ สถานการณ์การต่อสู้ของทุกคนจึงผลัดรุกผลัดรับ และหลบหลีกกลไกอุปสรรค

ที่มันก็สามารถจะดับชีวิตของเหล่านักรบได้ลงง่ายๆ เห็นทีจะปล่อยให้เป็นอย่างีน้ต่อไปจะแย่ต่อทุกคนเสีย...

 ชั่ววินาทีการตัดสินใจของผู้ที่เป็นผู้นำมากที่สุด ความคิดหนึ่งแล่นเข้าสมอง ริมฝีปากเรียวที่องอาจสามารถสั่งการให้ทุกคนทำตามได้ก็ขยับขึ้น

 "ทุกคน!!! กระโดดเรียงตามหัวมัน...!" ไม่ทันที่อากาช่าจะอธิบายอะไรมากกว่านี้ จึงหันหน้าไปสั่งการให้คีมีเดียส

ยิงต้อนพวกมันให้อยู่ในวงเดียวกันทอดยาวถึงประตู เธอตัดสินใจใช้เวทย์สายธรณีที่แม้จะแลกด้วยการเพิ่มพลังให้อีกฝ่าย

แต่ก็สามารถกันพวกมันไม่ให้ขยับเขยื้อนกระจายกลุ่มไปได้ในระยะเวลาหนึ่ง ด้วยการเสกหินผาให้ผุดขึ้นมาจากพื้นต้อนรัดพวกมัน

 เมื่อทุกคนเห็นดังนั้นแล้ว จึงเอี้ยวร่างกระโดดขึ้นเหยียบที่ศีรษะมันอย่างคล่องแคล่ว แต่สิ่งที่ลืมฉุกคิดไปสนิทคือเหล่าสาวสายนักรบเต็มตัวทั้งสอง

มันเป็นเรื่องยากที่คลาสนักรบที่ถูกฝึกมา ให้เคลื่อนไหวแต่ภาคพื้นดิน ไม่สามารถจะกระโดดคล่องแคล่วด้วยการฝึกมาอย่างดีของ

คลาสเรนเจอร์ หรือการใช้เวทย์ช่วยในการเคลื่อนไหว พวกเอต่างติดอยู่ในวงล้อมของเหล่าโกเลมยักษ์ที่ถูกพันธนาการไว้

 "แท่นประตูจะปิดลงแล้ว..!!! เร็วๆ!!" อากาช่าตะโกนเตือน สมองอันฉับไววิเคราะห์ประมวลผลให้เธอตัดสินใจใช้เวทย์ธาตุลมพุ่ง

เข้าใส่นักรบสาวทั้งสอง แม้มันจะทำให้บาดเจ็บบ้าง แต่เกระที่หนาของทั้งสองก็พอจะป้องกันการโจมตีของเวืทย์ลม

สิ่งที่หวังคือผลข้างเคียงให้ร่างของพวกเธอลอยขึ้นเหนือโกเลม เมื่อได้โอกาสแล้วก็พุ่งตัวทิ้งน้ำหนักลอดผ่านประตูบานนี้ไปพร้อมๆกับทุกคน

อย่างเฉียดฉิวเมื่อแท่นหินประตูเลื่อนปิดอย่างพอดิบพอดี 

 "แฮ่ก..." ทั้งหมดหอบหายใจเป็นเสียงเดียวกันหลังจากที่ผ่านเหตุการณ์เมื่อกี้ได้อย่างหวุดหวิด

 ก่อนจะพบสิ่งที่อยู่ด้านหน้า ที่ทำให้ทุกคนฉงนใจมิใช่น้อย..!

 "...ลานบูชายัญ..."



บุย บอร์ดเก่า ไปให้พ้น บอร์ดใหม่
一番の宝物
Hero Member
*****
กระทู้: 6,540

.......


Re: Fic.asura "ตำนานบทราตรีเเห่งวิญญาณ" บทที่ 44 (อัพเดท 18/03/54)
« ตอบ #772 เมื่อ: 07-04-2011, 22:51:20 »

อัพถี่ได้น่าชื่นชมมากเลยเธอวื

ยังบรรยายได้ดีเหมือนเคย เนื้อเรื่องเข้มข้นมาก *-*

ลานบูชายัญเรอะ..เอาศพคิวเบย์ไปแทนได้ไหมอ่ะ..

//me โดนรุมกระทืบ



GøøGle-KunG
Hero Member
*****
กระทู้: 10,361


ถึงเวลา ก็ขอให้โชคดีกะที่ใหม่


Re: Fic.asura "ตำนานบทราตรีเเห่งวิญญาณ" บทที่ 44 (อัพเดท 18/03/54)
« ตอบ #773 เมื่อ: 07-04-2011, 22:55:14 »

อ้างจาก: 一番の宝物 ที่ 07-04-2011, 22:51:20
อัพถี่ได้น่าชื่นชมมากเลยเธอวื

ยังบรรยายได้ดีเหมือนเคย เนื้อเรื่องเข้มข้นมาก *-*

ลานบูชายัญเรอะ..เอาศพคิวเบย์ไปแทนได้ไหมอ่ะ..

//me โดนรุมกระทืบ
เรียกร้องกันจริง ถ้าไม่ใช่นิยายฮาทำไปนานแล้ว Evil

ป.ล.ออนเอ็มสิ=_=



บุย บอร์ดเก่า ไปให้พ้น บอร์ดใหม่
●♫•Kαnαмe Äi•♫●
Hero Member
*****
กระทู้: 2,201

คำคมที่เจ็บปวดที่สุด คือเธอมันแย่ที่สุด!


เว็บไซต์
Re: Fic.asura "ตำนานบทราตรีเเห่งวิญญาณ" บทที่ 44 (อัพเดท 18/03/54)
« ตอบ #774 เมื่อ: 07-04-2011, 23:11:12 »

OoO สนุกจังค่ะ ดูเหมือนว่าจะบรรยายได้ลื่นขึ้น(เหมือนสไป- -)

ตกใจตอนวาเนซซี่สละชีวิต ช่างน่าเศร้า TT คนเก่งๆไปซะแล้ว T[]T

หวังว่าตรงแท่นบูยายัฯคงไม่มีใครต้องตายอีกนะ กระซิกกระซิก TT

GøøGle-KunG
Hero Member
*****
กระทู้: 10,361


ถึงเวลา ก็ขอให้โชคดีกะที่ใหม่


Re: Fic.asura "ตำนานบทราตรีเเห่งวิญญาณ" บทที่ 44 (อัพเดท 18/03/54)
« ตอบ #775 เมื่อ: 08-04-2011, 13:49:38 »

บทที่47 สิ่งที่มิอาจรั้งไว้

 "ลานบูชายัญ..?"

 คำพูดเชิงฉงนใจของใครบางคนในกลุ่มดังขึ้น สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังลานที่อยู่ตรงหน้า ที่เขียนสัญลักาณ์ฝ่ายความืดไว้เป็นจุด

พร้อมจุดตรงกลางที่โดดเด่นกว่าจุดอื่น ซึ่งดูเหมือนพวกเขาจะเคยเห็นมาแล้วตรงที่เพื่อนร่วมทีมของพวกตนนอนลงตลอดนิรันดร์

 "แล้วจะทำยังไงต่อ?" เสียงกล่าวห้วนๆของแฟลชทำให้ทุกคนชะงักนิ่งคิด แม้จะมองไปด้าหน้าก็เห็นเพียงแต่ความมืดในทางที่จะลุยเดินต่อไป

 ไม่ทันที่ทั้งหมดจะใช้ความคิดต่อ รอยร้าวตามพื้นหินที่ทั้งหมดยืนอยู่ ณ จุดนั้นเริ่มปริแตกขึ้นเรื่อยๆ เป็นสัญญาณว่าจะเกิดพังทลายในไม่ช้า

หากมันกลับกลายเป็นแท่นหินผาสีดำทมิฬที่ผุดขึ้นมารัดตัวอากาช่าและคีมีเดียสไว้ในชั่วเสี้ยววินาที ความตกใจที่บังเกิดขึ้นบัดนั้น

แม้จะกระหน่ำโจมตีใส่มันก็ไปอาจปลดคลายพันธนาการเสียได้ เจ้าแพะสัตว์เลี้ยงของเอลฟ์หนุ่มเวนทีส กลับกระเด็นออกมาทรุดนอนกลางพื้น

 "เจ้าคงเห็นแล้วสินะว่านี่คืออะไร...?" น้ำเสียงดั่งกรีดร้องที่ทุกคนรู้จักดี ดังขึ้นก้องไปทั่วโสตประสาท ต่อให้หันหาไปทางไหนก็ไม่มีแวว

ว่าจะเจอต้นเสียงเลยแม้แต่น้อย ทั้งหมดจึงนิ่งงันรอฟังคำต่อรองที่คาดว่านางจะกล่าวขึ้นในไม่ช้า

 เฟริน่าที่เป็นผู้อาวุโสแลดูมีวุฒิภาวะสุดเริ่มเปิดประเด็ยื่นข้อต่อรองด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นไม่รู้ร้อนหนาว

 "แกต้องการอะไร..."

 "โอ๊ะ.. ถ้าจะบอกฆ่า ข้าคงไม่อยากทำตอนนี้หรอก เสียของเล่นฟรี" เป็นคำตอบจากนางมารที่พุ่งกลับมายียวนในโสตประสาทยิ่งนัก 

 "แล้วนี่แกจะทำอะไร ในเมื่อไม่ปล่อยพวกเราไป แล้วพวกเราจะไปไหนได้" เฟริน่าค่อยๆยื่นข้อเจรจาไม่ลดละ พลางเหลือบดูสถานการณ์รอบด้าน

เพื่อเป็นตัวช่วยในการเลือกคำตัดสินใจต่างๆ

 "สูบพลังงานเล็กน้อย เพราะอีกฝ่ายมีตั้งหลายคน สู้กับข้าคนเดียว แบบนี้จะได้แฟร์กัน เนอะ?"

 หากให้เดาจากน้ำเสียงให้ฉายใบหน้าของนาง หลายคนอาจคาดการณ์ในรูปแบบเดียวกัน ว่านางกำลังแสยะยิ้มด้วยความสะใจเป็นที่สุด..!

 "แต่ถ้าพวกแกมีปัญญาปลดพันธนาการสองคนนี้ก็เชิญ แต่อย่าหาว่าข้าไม่เตือนนะ ทิ้งพวกมันไว้ที่นี่จะดีที่สุด..."

นางเว้นคำไปชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงอันอำมหิตที่กรีดถึงขั้วหัวใจ "ข้าก็อยากเช็คบิลกับพวกที่ทำให้กำไลราตรีของข้าเคยร้าว..!!!"

 ก่อนเสียงกึ่งกรีดร้องในโสตประสาททุกคนจะดับลง ปล่อยให้นิ่งใช้ความคิดไตร่ตรองอย่างหนักว่าควรทำอย่างไรต่อ

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนที่กำไลราตรีของนางเกิดรอยร้าวเป็นใคร คงไม่พ้นบุคคลกลุ่มใดนอกจากพวกเขาเองในตอนนั้น..

 แม้การรวมพลังทีมเวิร์กที่ดีที่สุดของผู้ครอบครองอาวุธในตำนาน ก็ทำได้แค่ให้เกิดรอยร้าวแก่ดวงใจอันน่าสะพรึงของนางมารเอลซ่าทเน้น

ในที่สุดก็ถึงแก่การพลั้งพลาดที่จะถูกพวกมันจับตัวไปคุมขังในค่ายแห่งความมืดของนางอย่างสาสมกับสิ่งที่ทำไว้กับอีกฝ่าย

 แฟลชที่หมดความอดทนต่อทุกสิ่งรอบตัว จะรุดหน้าเดินต่อไปสะสางเรื่องให้มันจบๆไปตามแบบฉบับของเขา หากถุกมือเรียวของผู้อาวุโส

ประจำกลุ่มคว้าไหล่ไว้ คำตอบที่ผ่านสายตาดุแกร่งของอีกฝ่าย ทำให้เขานิ่งสงบลงได้ชั่วครู่ในท่าทีเกรงปนรำคาญของเขา

 "ทุกคนโปรดฟังฉัน..." ความเงียบในบรรยากาศกลับมีเสียงหนึ่งแทรกขึ้น หากแต่ไม่ใช่เสียงที่ทุกคนคุ้นเคย และก็คงจะไม่เคยได้ยินมาก่อน

ทำให้ทุกร่างที่ยืนอยู่ ณ จุดนั้นต่างเกิดความฉงนใจหาต้นตอของเสียงกันพัลวัน

 "ใครพูดน่ะ!?" มาช่าเริ่มโหวกเหวกระแวงถามก่อนเป็นคนแรก ก่อนที่ทั้งหมดจะเลื่อนสายตาไปที่ร่างของแพะน้อยที่นอนนิ่งอยู่กับพื้น

ยิ่งเข้าไปใกล้มัน เสียงที่ส่งผ่านมาเมื่อกี้ก็ยิ่งดังขึ้น ถ้าให้เดาก็คงคิดว่าเจ้าแพะนี่พูด

 หลายคนที่อยู่ตรงนั้นคงจะจิตหลุดลอยเลื่อนจนหลอนได้ยินสิง่ที่คาดหวังไว้เป็นเสียงเดียวกันกระมัง ทว่าเสียงปริศนายังดังก้องขึ้นไม่หยุดหย่อน

จากร่างของแพะน้อยที่นอนสลบไสลอยู่กับพื้นตรงนั้น

 คราวนี้ทั้งหมดเริ่มตั้งข้อสังเกตว่ามันอาจจะไม่ใช่อาการหูแว่วแต่อย่างใด เสียงนี่มันผ่านมาจากร่างของเจ้าแพะพิกม่านี่จริงๆ..

แล้วถ้านั่นเป็นเสียงจริงๆของแพะพิกม่ามอนสเตอร์หน้าตาน่ารักน่ากอด คงจะอดปล่อยหัวเราะออกมาไมได้ เพราะน้ำเสียงที่ส่งผ่านออกมา

ช่างดูยิ่งใหญ่ เกรงขาม และอบอุ่นในความรู้สึกที่ยากจะอธิบายให้รับรู้หากไม่สถิตด้วยหูตนเอง

 'จิตส่งผ่าน..?' อากาช่าที่ฉุกคิดได้จึงตัดสินใจโพล่งขึ้นมาในระดับที่ทุกคนได้ยิน แต่ในสภาพที่เธอถูกหินผาพันธนาการไว้ทั่วริมฝีปากเช่นนี้

คงยากหน่อยถ้าจะส่งเสียงผ่าน แต่ถึงอย่างไรก็ต้องให้ทุกคนได้รับรู้

 "อู..อิ๊ส..!!!" เสียงเล็กลีบที่พยายามเค้นรอดไรฟันและสิ่งที่พันธนาการอยู่ เมหือนเป็นคำตอบของข้อสงสัยที่ตั้งไว้ตรงหน้า

 หากคนที่เหลือต่างก้๙ไม่ค่อยจะเข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังจะเค้นออกมาเป็นคำตอบ เลิฟโลว์จึงเริ่มย้ำคำกับเธอ

 "อะไรนะคุณอากาช่า?"

 หญิงสาวผู้ถูกพันธนาการยิ่งเห็นเช่นนี้ยิ่งพยายามบอกคำตอบให้ดังขึ้นอย่างสุดความสามารถ "อู..อิ๊ส!!!"

 โชคที่ไม่ค่อยเข้าข้างเท่าไหร่ เพราะคนที่พอเข้าใจกับคำพูดของอากาช่ากลับเป็นเอลฟ์หนุ่มคีมีเดียสที่ถูกพันธนาการไว้ด้วยกัน

เขาจึงพยายามเค้นเสียงช่วยพูด "อู..อิ๊ส ไอ้อ้ายอิน..อ๋อ!!!"

 คำพูดที่ไม่เป็นศัพท์ของเหล่าคนที่ถูกพันธนาการ ยิ่งทำให้คนที่จะแกะคำตอบยิ่งมีอันงุนงงฉงนใจมากขึ้น

 ในที่สุด เสียงห้วนๆที่จุดประกายเป็นคำตอบก็ดังขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์เท่าไรห่นัก

 "ลูซิสไง ยัยพวกโง่ ปากโดนมัดอยู่ก็ต้องพูดไม่ชัดเป็นธรรมดา"

แม้จะเป็นคำตอบที่ปนคำด่า แต่ก็ช่วยให้ทั้งหมดเข้าใจต่อสถานกาณ์ตรงหน้าได้ดียิ่งขึ้น

 "จ้า..เวลาจะเฉลยคำตอบน่ะ พูดแค่คำตอบ...ก็พอแล้ว..!" เฟริน่าว่าพลางดันหัวของแฟลชไถลไปอีกทางในเชิงเอาคืน

 เมื่อทุกคนเข้าใจทุกสิ่งแล้ว จึงไปสังเกตที่ร่างอ้วนท้วนของแพะที่นอนอยุ่อีกครั้ง

 "ใช่ ข้าลูซิสเอง..." น้ำเสียงอันทรงพลังเช่นนี้ ไม่แปลกเลยที่ผู้ทีได้ฟังแล้วต้องคุกเข่าลงอัตโนมัติเพื่อเป็นการเคารพต่อผู้อยู่เบื้องสูง

 "ใช่เสียงท่านจริงๆด้วย!" เลิฟโลว์โพล่งออกมาในขณะที่ยังอึ้งกับเหตุการณ์ตรงหน้าไม่หาย

 "ถูกต้อง.. สถานการณ์ที่มีคนจิตหลุดอย่างเจ้าแพะพิกม่าตัวนี้ ทำให้ข้าสามารถส่งเสียงผ่านร่างของมันได้..."

 เทพีลูซิส ผู้เป็นทวยเทพแห่งแสงและความถูกต้องทุกสิ่งบนโลกใบนี้ กำลังพูดคุยอยู่ต่อหน้าพวกเขา.. ช่างเป็นสิง่ที่มหัศจรรย์ที่สุดในชีวิต

หลังจากที่นางเห็นว่ากล่าวเรื่องที่มาที่ไปแล้ว จึงเริ่มเข้าแก่นประเด็นสำคัญ

 "นังน้องสาวฝาแฝดของข้า มันเล่นลูกไม้แบบนี้อีกล่ะสิ..."

 ไม่มีเสียงตอบรับจากปากของบุคคลใดๆ นอกจากการพยักหน้าให้คำตอบ

 "ข้าเข้าใจ... เหล่าผู้ครอบครองอาวุธในตำนานทั้งหลายเอ๋ย..."

 เหล่าผู้ที่ถูกกล่าวถึงรีบแอ่นหลังตรงรีบรับตามคำบัญชาสูงสุด "อะไรคะ?" ซึ่งมีเฟริน่าเป็นคนขานรับนำเป็นนัย

 "ข้าว่าถึงเวลาแล้ว ที่พวกเจ้าควรจะปลดปล่อยทุกสิ่งที่กำลังเหนี่ยวรั้งไว้"

คำกล่าวที่เป็นนัยของผู้เบื้องสูง เริ่มตีความหมายในหัวสมองของเหล่าผู้ครอบครองอาวุธในตนานตรงหน้าทุกคน

 เฟริน่าที่เริ่มเข้าใจดีแล้ว เริ่มขานรับกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ "เหล่านักรบเยี่ยงข้าทั้งหลายเข้าใจดี..."

 สิ่งที่เฟริน่าเข้าใจก็ไม่ต่างจากวคามคิดทุกคน มันถึงเวลาแล้ว... ทุกคนต้องปลดปล่อยละมันไว้ที่นี่...

 แฟลชพยายามเค้นเสียงรอดไรฟันให้เบาที่สุด "แต่เราก็ไปสุ้กับพวกบ้านี่ได้ ไม่ใช่เหตุเลยที่จะต้องสละ...!"

ก่อนคำพูดของเขาจะชะงักลงด้วยสายตาดุแกร่งของเฟริน่าอีกรอบ เธอเบนสายตาไปมองที่ร่างแพะเชิงขออณุญาตบางอย่าง

 'เฟริน่า เจ้าคงเป็นผู้ที่เข้าใจดีที่สุด ข้าขอให้เจ้าอธิบายเจตนารมณ์แทนข้า เพื่อไม่ให้มันดูเป็นคำบังคับบัญชาจากเบื้องบน

แต่มาจากความยินยอมจากใจของพวกเจ้าที่แท้จริง' เสียงกระซิบแห่งเทพีที่ดังขึ้นในหัวของเฟริน่าแต่เพียงผู้เดียว

 เธอพยักหน้าให้กับความิคดที่แล่นผ่านเข้าสมอง ก่อนจะเริ่มชี้แจงให้เพื่อนร่วมทีมที่มียศถาเป็นผู้ครอบครองอาวุธในตำนานให้ทุกคนทราบ

 "แน่นอนว่าทุกคนคงจะเข้าใจ มันไม่ใช่เวลาของพวกเราแล้วที่จะแห่ทัพไปตีนังเอลซ่านั่น..." เฟริน่าเว้นจังหวะหายใจชั่วครู่ ก่อนจะแจงเหตุต่อ

 "จริงอยู่ที่หลายหัวดีกว่าหัวเดียว แต่สถานการณ์แบบนี้ การรุมแบบหมาหมู่เยอะๆ มันไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด..!!"

 "พวกเรามีหน้าที่เป็นตัวดำเนินเรื่องตามคำทำนายชะตากรรม ทุกอย่างขึ้นอยุ่กับเขา..."

 เฟริน่าเว้นช่วงอีกครั้ง ก่อนปรายสายต่าเธอไปทางเอลฟ์หนุม่ที่นิ่งฟังดว้ยแววตามุ่งมั่น

 "เขาผู้เป็นตำนาน และเขาจะสะสางเรื่องทุกอย่าง โดยมีพวกเราเป็นบันไดอีกขั้นให้ก้าวถึง..."

 "สิ่งที่ทุกคนต้องทำ อาจจะเจ็บปวดหรือระลึกถึง ทว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนต้องเหนี่ยวรั้งมันอีกต่อไป..."

 สิ้นคำของเฟริน่า ลานบูชายัญตรงหน้า ถูกแสงปริศนาที่พุ่งออกมาจากตัวแพะพิกม่า เสกแปรสภาพค่อยๆกลายเป็นลานบูชาเทพเจ้าแห่งแสง

ซึ่งประดับด้วยบุปผาประทินโฉมอยู่หลากนานาพรรณ ให้ดูร่มรื่นแก่สายตาเป็นอย่างดี

 ก่อนแท่นตรงกลางซึ่งเป็นกล่องเก็บอาวุธขนาดใหญ่ ซึ่งมีรอยยวบลงไปตามรูปร่างศาสตรานั้นๆ เป็นคำตอบที่ดีที่สุด

 "คงเข้าใจแล้วนะ" เฟริน่ากล่าวทิ้งท้าย คู่ดวงตาเหมือนมีหยาดน้ำใสๆเกาะอยู่เป็นหยดๆ เหมือนมันกำลังยอมรับในชะตากรรมที่กำลังจะเป็นไป

 "ชีวิตของพวกเจ้า ดำเนินตามชะตากรรมมาหนักหนาสากัลป์แล้ว ต่อจากนี้ชะตาของเจ้า จะเป็นไปตามสิ่งที่เจ้ากำลังจะทำ..."

 คำกล่าวที่เป็นโดยนัยของผู้เป้นเทพี ดังขึ้นในโสตประสาทของทุกคนอีกครั้ง อากาช่าผู้ที่สามารถจะแปลความหมายออกพอๆกับเฟริน่า

จึงเริ่มที่จะมีหยาดน้ำใสๆในเชิงล่ำรากับทุกคน

 "พวกข้าแน่ใจแล้ว" เลิฟโลว์ตอบอย่างฉะฉาน แม้ตามใบหน้าของเธอจะเปื้อนด้วยรอยน้ำตาที่ไหลชโลมออกมาเป็นสาย

 "พวกเราจะไม่ลืมวันเวลาทุกอย่างที่เราเคยร่วมฟันฝ่ามาด้วยกัน..." เฟริน่ากล่าวทิ้งท้าย

ก่อนจะเดินเรียงนำหน้าวางอาวุธปืนในตำนานของตน ตามด้วยอาวุธในตำนานของแต่ละคน

และกำไลวิญญาณในตำนานของวาเนซซี่ที่ฝากฝังไว้แต่ก่อนหน้า ลงในรอยเก็บอาวุธ

 หฤรีบใหญ่สลักสลายสีทองอร่ามค่อยๆหุบปิดลง ร่างของพวกเขาค่อยๆสลายไปกลายเป็นริ้วแสง

 "พวกเจ้าจะได้ไปเกิดใหม่ หากสงครามทั้งหมดสิ้นสุดลง..." เทพีลูซิสแจงเหตุด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นลงไป

 "ความหวังพวกเราทั้งหมดอยู่ที่นายแล้วนะ คีมีเดียส..." เฟริน่าฉีกยิ้มเป็นครั้งสุดท้าย เป็นคำตอบและผลลัพธ์ที่ให้สำหรับเขา

คันศรโลหิตในมือของเอลฟ์หนุ่มค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นจนแทบเท่าขนาดตัว ออร่าแสงที่แผ่ซ่านมากขึ้นตามอนุภาพความรุนแรงของมัน

ที่ถูกเสริมพลังมาด้วยอย่างดีจากการเสียสละของพวกเพื่อนร่วมทีมทุกคน

 "ถ้าแกทำไม่สำเร็จ ชั้นเป็นผีมาหลอกแกแน่" แฟลชกล่าวโดยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ทั้งๆที่ใบหน้าของเขานิ่งลงกว่าทุกครั้งที่ควรเป็น

 "พวกเราจะไม่มีวันลืม" ตามด้วยเลิฟโลว์ที่เอ่ยเชิงสั่งเสีย

 "โชคดีนะ..." ปิดท้ายด้วยมาช่าที่อวยพรเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับเธอ ในขณะที่ร่างของเหล่าผู้ครอบครองอาวุธในตำนาน

จะสลายไปตามหฤรีบเก็บศาสตราของพวกเขาเป็นริ้วแสงสลายไปทีละคน...

 หินผาพันธนาการบุคคลทั้งสองคลายลง ทำให้อากาช่าและคีมีเดียสได้เปิดปากพูดคำกล่าวร่ำลาอย่างที่ควรจะเป็นที่สุด

พลางหยาดน้ำตาที่ไหลพรากให้แก่เพื่อนร่วมทีมที่ดีที่สุดของพวกเขาเป็นครั้งสุดท้าย

 "ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง... ลาก่อนนะ..."




บุย บอร์ดเก่า ไปให้พ้น บอร์ดใหม่
เลสตัวแม่
Hero Member
*****
กระทู้: 6,747


Re: Fic.asura "ตำนานบทราตรีเเห่งวิญญาณ" บทที่ 44 (อัพเดท 18/03/54)
« ตอบ #776 เมื่อ: 08-04-2011, 14:02:09 »

เชสเป็ด ซึ้งสด = A =
GøøGle-KunG
Hero Member
*****
กระทู้: 10,361


ถึงเวลา ก็ขอให้โชคดีกะที่ใหม่


Re: Fic.asura "ตำนานบทราตรีเเห่งวิญญาณ" บทที่ 44 (อัพเดท 18/03/54)
« ตอบ #777 เมื่อ: 08-04-2011, 14:03:05 »

0ขอบคุรความคิดตรงอีพิกม่าจากเนยด้วย เอามาปรับใช้ได้ Evil



บุย บอร์ดเก่า ไปให้พ้น บอร์ดใหม่
-ChiVas-
Hero Member
*****
กระทู้: 3,503

/人◕ ‿‿ ◕人\


Re: Fic.asura "ตำนานบทราตรีเเห่งวิญญาณ" บทที่ 44 (อัพเดท 18/03/54)
« ตอบ #778 เมื่อ: 08-04-2011, 14:07:17 »

ซึ้งซะ ในที่สุดก็จะจบแล้วสินะ เหลือแค่นี้แล้วนี่นา  Wink

ไว้อาลัยหมาน้อย ไปตายสักทีเหอะ
ระวังกระทู้กลายพันธุ์!! Shocked
เอิร์ธคุงขอรับกระผม
Hero Member
*****
กระทู้: 8,586

กุเบื่อ...


Re: Fic.asura "ตำนานบทราตรีเเห่งวิญญาณ" บทที่ 44 (อัพเดท 18/03/54)
« ตอบ #779 เมื่อ: 08-04-2011, 14:23:37 »

โว้ย Angryทะไมลูซิสไม่มาสู้เองฟะ Angryแบบนี้มันโกงชัดๆ Angryให้คนอื่นมาตายห่าแทนที่ตัวเองจะลงมาปล่อยพลังซุปเปอร์ไซย่าสู้กับอาทรัม Angryแบบนี้มันซะปาละเห้ย Angry

ป้าย:
หน้า: 1 ... 50 51 [52] 53 54