บทที่49 สละได้ยิ่งชีพ
"จะไม่มีใคร...! แย่งชิงอำนาจของข้าไปได้...! แม้แต่เจ้า...!" ถ้อยคำกระชากเสียงที่เค้นเสียงรอดไรฟัน บ่งบอกถึงความหลงระเริง
ในอำนาจที่ครอบคลุมจิตใจอันมืดมิดของนางไว้ได้อย่างดีแม้เพียงจะฟังด้วยลมปาก
เล็บสีเขียวเข้มจิกเข้าที่หนัตรงต้นคออย่างปวดแสบปวดร้อน คงมีเขาที่เริ่มรู้เพียงคนเดียวว่าไอออร่าพิษที่วนเวียนอยู่รอบเล็บสีเขียวนี้
จะส่งความเจ็บปวดทรมานดั่งถูกพิษกันในระยะเผาขนได้อย่างที่คิดไว้กันจริงๆ
ในวินาทีที่เขาแทบจะหมดลมหายใจนั้น แรงมุ่งมั่นที่จะต้องสู้ต่อก็เริ่มริบหรี่ลงเรื่อยๆ คันศรที่เขายิงออกไป บัดนี้แค่ให้โดนเป้าก็ยังยากเย็น
นับประสาอะไรที่จะบั่นทอนสร้างความเจ็บปวดแก่ฝ่ายตรงข้ามได้ในคราวก่อน
คำขอโทษขอโพยที่ดังกึกก้องอยู่ในใจ ถูกบีบแน่นเอาไว้ด้วยแรงบีบของมือนางมารที่อยู่ตรงหน้า ดวงตาไร้แววที่แฝงด้วยความอำมหิต
จ้องมาที่ใบหน้าของเขาอย่างเดือดดาล มืออีกครั้งค่อยๆรวบรวมเกรียวพลังความมืดด้วยความเดือดดาลสูงสุด ก่อนจะง้างขึ้นเตรียม
ยัดเข้าใส่แก่หน้าคนที่บีบเค้นไว้อย่างจังให้สาสมแก่ใจ...!
ชั่วเสี้ยววินาทีที่วัดความเป็นความตาย ร่างผอมของนางถูกมือหนึ่งหกระชากให้ออกห่.างก่อนจะถูกรวบราวกับโซ่จองจำนธนาการ
นางดื้นพรวดพราดสุดแรงแต่ด้วยพละกำลังพื้นฐานของนายที่ด้อยกว่าคนทั่วไปปกติหากไมได้ดูดพลังใครมาอีก ก็มิสามารถจะทำให้
ร่างของตนหลุดพ้นเป็นอิสระจากวงแขนแห่งการจองจำนั้นไว้ได้
คนที่เอลฟ์หนุ่มอยากจะเห็นด้วยสายตาจริงของตนมากที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้ก็ได้ปรากฏต่อหน้าเขา ในกิริยาที่กำลังพันธนาการอีกฝ่าย
ด้วยความมุ่งมั่นและแรงกำลังทั้งหมดที่เหลืออยู่ จึงสร้างความพิศวงให้แก่ใจของเขาได้ไม่น้อย
"อากาช่า!?"
ดวงหน้าที่เลอะเปรอะเปื้อนด้วยโลหิตสีแดงขุ่นที่ทะลักออกมาจากริมฝีปากของเธอ ยิ่งทำให้เห็นสภาพร่างกายยของนักเวทย์สาว
ที่เจ็บช้ำแทบปางตาย แต่ด้วยจิตใจ่มุ่งมั่นก็ยังที่จะดื้อรั้นล็อคคู่ต่อสู้ไว้สุดความสามารถและพลังที่ยังเหลืออยู่
"เร็วเข้าคีมีเดียส...!" เธอเร่งรั้นให้เขาทำอะไรบางสิ่ง ซึ่งเจ้าตัวที่ถูกเรียกยังผงะกับคำสั่งของเธออยู่
"ยิงมาเลย!! ชาร์จพลังให้สุดเต็มที่ ไม่ต้องสนใจชั้น!!!" นักเวทย์สาวเค้นเสียงตะโกนให้ได้ดังที่สุดเท่าที่สังขารเธอจะรับไหว
คำสั่งที่น่าหวาดระแวงหากใครตีความออก ถ้าเขายิงลูกศรเสียบทะลุร่างของศัตรู ยังไงพรรคพวกของเขาที่ล็อคตัวนางไว้อยู่
ก็จะต้องพลอยโดนไปด้วย ยิ่งกว่านั้นมันเท่ากับ การฆ่าพวกพ้องของตน
"ชั้นทำไม่ได้!" คำตอบที่เขาตอบไปได้มากที่สุดคงไม่พ้นที่จะเลือกปฏิเสธ ถ้าเขายิงลูกศรออกไป ก็เท่ากับฆ่าเพื่อนที่เหลืออยู่คนเดียวของเขา
เป็นใครก็ไม่สามารถจะทำได้ลงคอกับการฆ่าเพื่อนที่ดีที่สุดของตนด้วยมือตัวเอง
"เร็วๆสิ!!! มันไม่มีทางเลือกแล้ว...!!! ไม่ต้องสนชั้น...!!!" กระนั้นอากาช่าก็รู้ดี หนทางสุดท้ายที่จะหยุดยั้งศัตรูเยี่ยงนางมารได้
คงจะไม่ใช่พลังเวทย์ที่แข็งแกร่ง แต่เป็นจิตใจที่แข็งแกร่งและสว่างไสวยิ่งกว่าสิ่งใด น่าแปลกที่พลังของนางมารเอลซ่าที่มีพลังแห่งความมืดมากมาย
กลับไม่สามารถทลายพันธนาการมือมนุษย์ที่ใกล้หมดแรงเต็ทนได้อย่างเหลือเชื่อ การที่เธอจะเสียสละไม่ใช่สิ่งที่ต้องเสียใจแต่ใดๆ
หากมัน้ตองแลกด้วยชีวิตเธอก็พร้อมที่จะทำมานานแล้ว ยิ่งเป็นเช่นนี้จิตใจที่ยิ่งเด็ดเดี่ยวของเธอก็ส่งผ่านออกมาด้วยแรงเฮือกสุดท้าย
ที่จะล็อคพันธนาการตัวคู่ต่อสุ้ไว้อย่างเอาเป็นเอาตาย
กลับกันที่คีมีเดียสที่สมาธิในใจเริ่มหลุดโผ เมือ่เขารู้ตัวว่าสิ่งที่เธอบอกคือการให้ฆ่าเธอไปพร้อมๆกับศัตรู เป็นใครจะทำได้ล่ะ...!
"แต่..! จะให้ชั้นฆ่าเธอ...!"
"บอกแล้วไง...! จะให้บอกอีกกี่รอบว่าไม่ต้องสนชั้น!!!" บทสนทนาที่ต่อล้อต่อเถียงเริ่มใกล้หมดทุกทีไปพร้อมๆกับแรงที่เริ่มจะมากขึ้น
ตามความบันดาลโทสะของผู้ถูกพันธนาการ
คีมีเดียสที่ยังทำใจไม่ได้จึงเลือกที่จะปฏิเสธรั้งให้เธอออกจากการเกาะกุมศัตรูเพื่อความปลอดภัยของชีวิต "แต่...!"
"ถือว่าชั้นขอละนะ!!! รวมถึงเทพีลูซิสด้วย! ถ้านายมัวแต่ลังเล สุดท้ายชะตากรรมของทุกคนบนโลกก็จะกลายไปอยู่ในกำไลราตรีของมัน!!!"
คำกล่าวสั่งการเชิงขอร้องครั้งแรกที่เขาได้ยินจากปากอากาช่า จริงอยู่ที่พวกเขาให้คำมั่นสัญญากับเทพีลูซิสไว้แล้ว ว่าต่อให้ต้องสละชีพ
ก็จะขอถือชัยชนะครั้งนี้มาให้ได้ แต่มันต้องแลกกับสูญเสียเพื่อนอีกคนไปงั้นหรือ...?
ความคิดชั่งน้ำหนักทั้งสองตีปนเปกันในหัว ไม่ว่าอย่างไรเขาก้จำเป็นที่จะต้องเลือก ความสุขส่วนตนที่รั้งไว้ได้ สุดท้ายมันก็อาจจะหายไป
ถ้าความสุขส่วนรวมถูกทำลายไปหมดเพราะเขา การตัดสินใจที่แน่วแน่เริ่มกระจ่างขึ้นออกมา จิตใจที่สงบลงทำให้มือไม้สามารถหยิบจับ
อาวุธตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง สายธูที่ถูกง้างขึ้นพร้อมลูกศรเวทย์ขนาดยักษ์ที่เปล่งแสงขึ้นเจิดจ้ากว่าเดิมอยู่ในชั่วอึดใจ
การตัดสินใจของเขา... จะแสดงออกมาจากการยิงลูกศรเวทย์นี้ออกไป...!
"..ขอโทษนะ.."
ชั่วเสี้ยววินาทีที่แสนจะยาวนานในสายตาของพวกเขา ลูกศรเวทย์แสงที่กำลังค่อยๆเคลื่อนไปอย่างเชื่องช้า หากความจริงมันกำลังพุ่งด้วยความเร็ว
สูงสุดพุ่งเข้าสู่เป้าหมายด้วยประกายแสงเจิดจ้า ตามที่ความคิดของผู้ยิงมันออกไป...!
ฉึก...!
เสียงลูกดอกที่พุ่งแทงทะลุร่างกาย พร้อมๆกับเสียงกรีดร้องของผู้ที่ถูกโจมตีกรีดร้องขึ้นด้วยความเจ็ปบวด หากร่างของนางมารเอลซ่าที่
กำลังเจ็บแสบทรมานด้วยประกายแสงที่ยังพุ่งออกมาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด มือที่พันธนาการร่างซูบของนางค่อยๆลดลงไป
พร้อมๆกับสายโลหิตสีแดงเข้ที่ค่อยๆไหลรินออกมาจากอกของเธอที่ลูกศรพุ่งทะลุแทงร่างของเธอเช่นกัน
ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของอากาช่าเธอใช้มันโดยการเอื้อมมือที่สั่นระทวยใกล้หมดแรงลงทุกขณะ กระชากกำไลตรีออกจากมือทั้งสองข้าง
จากนางมารเอลซ่าที่กำลังเปิดช่องว่างกรีดร้องเจ็บปวดกับแผลขนาดยักษ์กลางลำตัว ก่อนที่ร่างบางจะค่อยๆลดมือออกจากการเกาะกุม
แล้วค่อยๆถูกแรงโน้มถ่วงโลกทิ้งร่างลงไปกลางเหวแห่งความมืดมิดโดยในมือทั้งสองยังถือกำไลราตรีที่ชิงออกมาได้แน่น
รอยยิ้มที่ไม่ควรจะผุดออกมาในการที่จะหมดลมหายใจด้วยฝีมือของเพื่อนเธอเอง หากมันกลับกลายเป็นความอิ่มเอมใจสำเร็จในสิ่งที่เธอกำลังทำ
มันดีแล้ว... แค่ชีวิตของเธอเท่านี้ก็จะสามารถปลดปล่อยดวงวิญญาณนับแสนล้านดวงได้
มือที่โชกด้วยเลือดจากแผลของตนค่อยๆฝืนลมหายใจท่องคาถาเรียกเวทย์ทุกสรรพธาตุขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะปล่อยมันให้ทำลายสิ่งที่ถืออยู่ในมือเสีย
เปลวไฟที่ค่อยๆแผดเผา สายน้ำที่เกรียวคลื่นกระทบรุนแรง ภูผาที่แข็งแกร่ง และ สายลมที่พัดพาทำลายล้างทุกสิ่ง
กำลังสถิตขึ้นภายใต้กำมือของเธอ แม้มันจะทำให้เจ้าของร่างต้องเจ็บปวดดั่งใช้มีดกรีดข้อมือตน ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับกำไลราตรี
ในมือก็เป็นไปตามที่เธอคาดหวัง...!
ในที่สุดกำไลราตรีที่เป็นคุกจองจำพันธนาการดวงวิญญาณทั้งหลายได้ปริแตกออกเป็นเสี่ยงๆไม่เหลือชิ้นดี
รอยยิ้มที่ผุดกว้างขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายในขณะที่สติพร่าเลือนยังสั่งการให้อากาช่าขยับริมฝีปากกล่าวบางสิ่งที่ควรจะพูดมากที่สุดในตอนนี้
ก่อนที่ร่างของเธอกำลังจะสลายไปด้วยพลังโจมตีเวทย์เฮือกสุดท้ายของตนเอง
"ขอบ..คุณ..นะ..."
เสียงที่แหบพร่ากลับสามารถสื่อสารส่งต่อไปยังผู้ที่เธอเอ่ยถึงได้ชัดเจน หยาดน้ำตาที่เริ่มไหลออกมาจากนัยน์ตาคมของเอลฟ์หนุ่ม
เป็นสัญญาณให้รู้ว่า อากาช่า เพื่อนที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของเขา บัดนี้ได้หลับใหลไปชั่วนิรันดร์แล้ว...
"ไม่...ไม่...!!! ม่าย...!!!"
เสียงกรีดร้องที่แผดดังขึ้นจากอดีตเจ้าของวัตถุที่เพิ่งแตกสลายไป ยิ่งบาดแก้วหูของใครหลายๆคน สิ่งที่นางอุตส่าห์สะสมมาตลอดชีวิต
มันแตกสลายถูกทำลายไปอย่างไม่เหลือชิ้นดี! ดั่งดวงใจของนางที่ถูกบดขยี้ทิ้ง มันไม่เหลืออะไรอีกต่อไปแล้ว...!