บทที่42 ชะตาฟ้าลิขิต
อากาช่าที่หมดพลังไปกับการต่อสู้กับโยฮาน ค่อยๆทรุดตัวลงพักอย่างเหนื่อยหอบ ในขณะที่มีน้ำใสๆไหลออกมาจากนัยน์ตาของเธอ
อาจเป็นทั้งน้ำตาแห่งความดีใจ ทีได้แกห้แค้นตามที่สมอยาก หรือว่าส่วนหนึ่งก็เสียใจ ที่เสียอดีตเพื่อนรักไปแล้ว ก็ไม่มีใครจะทราบ
เธอค่อยๆใช้มือเรียวปาดน้ำตาเธอออกจากเบ้า ก่อนที่จะใช้ไม้ค้ำพื้นเพื่อพยุงตัวลุกขึ้น
ก่อนที่จะลากตัวเดินออกจากจุดนั้น เพื่อไปหาเลโอน่า ผู้ติดตามคนสนิทของเธอ
"เลโอน่า..." อากาช่าค่อยๆนั่งลงข้างๆร่างขอเลโอน่า ก่อนที่จะใช้มือช้อนร่างของคนที่อยู่ตรงหน้าขึ้น
"ฉันกำจัดเจ้าโยฮานได้แล้วนะ" เธอกล่าวสิง่ที่อยากบอกให้ผู้ติดตามของเธอได้ทราบ
"จริงเหรอ...คะ?" เลโอน่าในสภาพที่บาดเจ็บพอสมควร และอยู่ในท่าเอนหลังโดยมีมือของอากาช่าค้ำไว้ค่อยๆกล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆ
"อืม" อากาช่าพยักหน้า
"ยินดี..ด้วยนะ...คะ"
"เลโอน่า? ทำไมเสียงเธอถึงอ่อยลงขนาดนั้นล่ะ?" น้ำเสียงของอากาช่าดูร้อนรนขึ้น
"ชั้นไม่เป็นร... แค่ก!!!" ไม่ทันที่เลโอน่าจะกล่าวจบ เธอก็ไอสำรอกออกมาเป็น โลหิตสีดำ
"เลโอน่า!" อากาช่าเขย่าตัวเลดอน่า พลางสายตาที่จับจ้องไปที่โลหิตสีดำ
"โลหิตสีดำ?..."
"ชั้นคงไม่รอดแล้วล่ะค่ะ..." เลโอน่าค่อยๆกล่าวอีกครั้งโดยเหมือนว่าเธอจะฝืนยิ้ม
"หมายความว่าไง!? เธอจะตายไมได้นะ!" อากาช่าเริ่มตระหนกตกใจมากขึ้น พลางเขย่าตัวเลโอน่าไม่ให้หลับลงไป
"ถึงร่างกายของชั้น จะไม่เป็นอะไร แต่ว่าวิญญาณของชั้น..."
"ถูกโยฮานช่วงชิงไปแล้วเกือบทั้งหมด ในอตนที่ชั้นถูกมันโจมตีด้วยฝุ่นดูดวิญญาณของมัน..."
ทันทีที่ทราบความจริง น้ำตาของอากาช่าเริ่มไหลพรากออกมาจากนัยน์ตาอีกครั้ง เธอพยายามสงบสติอารมณ์ไว้เท่าที่จะทำได้
"มีอะไรจะสั่งเสียกับชั้นมั้ย...?" อากาช่าพยายามกล่าวเสียงขรึม เพื่อให้ดูว่าเธอสามารถเข้มแข็งได้ แต่ถึงกระนั้น
น้ำใสๆที่ไหลพรากออกมากลับเป็นตัวชี้ว่าตอนนี้เธอเจ็บปวดมากเกือบถึงที่สุด
"ตอนนี้พลังวิญญาณทั้งหมดของชั้นกำลังจะหมดแล้ว ขอใช้ในการสั่งเสียกับท่านก็แล้วกันค่ะ..." เธอกล่าวเชิงรับคำ
"ถ้าในเรื่องแก้แค้น ชั้นไม่ขอพูดหรอกค่ะ... เพราะท่านอากาช่าก็กำจัดมันไปแล้ว ก็ถือว่าแก้แค้นให้ชั้นแล้ว..."
อากาช่าพยักหน้าช้าๆ...
"ชั้นแค่ขอให้ท่านอากาช่าเข้มแข็งขึ้นนับจากนี้ ท่านอาจจะเจออะไรอีกมากมาย..."
เลโอน่าค่อยๆยื่นมือของตัวเองมาจับประสานไว้กับมืออากาช่า อากาช่าค่อยๆเลื่อนมือคู่นั้นชิดกับแก้มของตน
"มหาสงครามครั้งนี้... เป็นสงครามที่ชี้ชะตาโลกใบนี้... ชั้นเชื่อว่า ธรรมะย่อมชนะอธรรม..."
"ตำนาน ที่ท่านหมายไว้ ชั้นก็ขอเชื่อว่า เขาจะเป็นส่วนหลักที่จะทำให้โลกนี้มีแต่ควสามสันติสุขพร้อมๆกับท่านที่ชี้แนะเขามาแล้ว..."
"สิ่งที่ชั้นหวังที่สุด ก็อย่างที่ท่านหวัง คือ ขอให้โลกนี้มีแต่ความสันติสุข ไม่มีสงครามอีก..." เลโอน่ากล่าวด้วยลมหายใจที่รวยรินเต็มที่
"ชั้นจะทำให้มัน...เป็นจริง...ฮึก..." น้ำใสๆเริ่มไหลพรากมากขึ้นจนอาบไปทั้งหน้าของอากาช่า
"ขอให้ท่าน...ทำ..ได้..เช่นนั้น..." สิ้นเสียงครั้งสุดท้ายของเลโอน่า ลมหายใจของเธอได้ดับลง ฝ่ามือทั้ง2ที่ประสานกับอากาช่า
ค่อยๆคลายออกอย่างไร้กำลัง ก่อนที่จะค่อยๆเลื่อนตกลงมาประสานไว้ที่กลางอกของตนอย่างช้าๆ
พร้อมๆกับดวงชีวิตที่ไม่มีวันหวนกลับของเลโอน่า...
อากาช่าที่เห็นดังนั้นก็โผเข้ากอดร่างไร้วิญญาณของผู้ติดตามตน พลางน้ำตาที่ไหลพรากหนักขึ้นจนแทบจะเป็นสายเลือดให้ได้
มีเพียงเสียงสะอื้นไห้ของอากาช่าเท่านั้นที่หลุดออกมาให้ได้ยินอย่างเบาๆ
"ขอให้เธอหลับสบายนะ..." อากาช่ากล่าวอวยพรแก่ร่างไร้วิญญษณที่ตนสวมกอดอยู่ด้วยความอาลัย
ร่างของเลโอน่าค่อยๆเรืองแสงสีทองขึ้น พร้อมค่อยๆสลายกลายเป็นแสงขนนกกระจัดกระจายออกไปอย่างสวยงาม
อากาช่าในท่าที่กอดสิ่งบางสิ่ง ค่อยๆลดมือลงปาดน้ำตาออก พลางพยุงตัวขึ้นยืนอย่างเข้มแข็ง
พร้อมคว้าไม้เท้าคู่ใจเดินก้าวเท้าไปยังสนามรบด้านหน้า...
ทีมพยาบาลต่างเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บจากในสนามรบเข้าสู่ที่พักรักษา พลางทำการพยาบาลผู้บาดเจ็บอย่างยุ่งเหยิง
โดยมีหัวห้นาทีมพยาบาลคือหมอไรอัน และผู้ช่วยหลักคือเจสสิก้า
"สถานการณ์หน่วยสู้รบตอนนี้เป็นไงมั่ง" ไพเรสหันมาถามผู้สังเกตการณ์บนหอคอย พลางสั่งโกเลมและสัตว์อัญเชิญที่อยู่ด้านล่างกวาดพวกศัตรู
"หน่วยกำลังรบด้าหน้าของฝั่งเราเหลือประมาน30%ในสนาม อีกฝ่ายมันมีไม่จำกัดครับ" ผู้สังเกตการณ์รายงาน
"ดูเหมือนว่าฝายนี้เราจะต้านไม่ไหวแล้วล่ะ" ไพเรสเริ่มออกความเห็น
"หน่วยกำลังเสริม ซัพพอร์ตการโจมตีระยะไกล เหลือประมาณ40%ของสนามรบ คาดว่าอาจจะต้านไม่อยู่ภายในเร็วๆนี้"
"ส่วนฝ่ายพยาบาล กำลังยุ่งวุน่วายกับการปฐมพยาบาลคนเจ็บมากครับ"
"อืม... ดูเหมือนว่า ต้องขอความช่วยเหลือซะแล้ว..."
หลังจากที่อากาช่าได้รับการแจ้งสถานการณ์จากไพเรส ทำให้เธอฉุกคิดได้ขึ้น และเปิดไอดีการ์ดขึ้นมาทันที
"ฮัลโหล? ว่าไง เรียบร้อยดีใช่มั้ย?"
น้ำเสียงเรียบๆแต่แฝงด้วยเลศนัย กำลังสนทนาผ่านไอดีการ์ดกับพันธมิตรคู่ขาของเธออยู่
"สิ่งที่คุณสร้างไว้ นับว่าเป็นประโยชน์ต่อแผนการเรามาก" น้ำเสียงคู่สนทนาปลายสายตอบกลับก็ดูถ้าจะมีเลศนัยเช่นกัน
"งั้นก็เอาเลย ก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายไปมากกว่านี้..." เธอกำชับ ก่อนที่จะปิดไอดีการ์ดลงไป
"ในเมื่อบุกแบบพวกโง่ๆเดิมๆเอามันไม่ไหว ก็ต้องใช้วิธีนี้แหละ" อากาช่าแสยะยิ้มขึ้น
ระหว่างที่กองกำลังโจมตีทั้งหมดของฝ่ายอากาช่าได้เคลื่อนทัพหนีจากข้าศึกอยู่ซักพักหนึ่ง
เหล่าผู้ครอบครองอาวุธในตำนานได้หยุดอยู่ที่หน้าผาที่สูงกว่ากองกำลังทั้งหมด
"ทุกคนฟังพวกชั้นให้ดี!!" เลิฟโลว์ตะโกนขึ้นอย่างกึกก้องกับกองกำลังฝ่ายบุกกายภาพประชิดตัวที่หลงเหลือ
กองกำลังบางส่วนที่ยังล่อกแลก บางคนฟัง บางคนไม่ฟัง หรือบางคนที่โห่ร้องจะบุกต่อให้ตายไปข้าง ยังปรากฏอยู่ให้เห็นเป็นระยะๆ
กระทั่งกลุ่มที่ไม่ยอมจะรับฟังคำสั่งของเหล่าผู้ครอบครองอาวุธในตำนาน ได้รุดขึ้นมาชี้หน้า
"พวกเราไม่ฟังึคำสั่งของผู้ใดนอกจากหัวหน้าของเรา!" ดูเหมือนว่าความแตกคอจะเริ่มเกิดในหมู่กองกำลังที่เหลือ
เหตุผลที่คนพวกนี้ไม่ฟัง อาจเป็นเพราะความจงรักภักดีที่อคติเกินประกอบกับสถานการณ์ที่บีบคั้น ทำให้เกิดปากเสียงขึ้น
พล่อก!!!
ปลายทอนฟ่าที่ทำด้วยเหล็กกระทบกับปากของบุคคลที่กล่าวชี้หน้าด่าเมื่อกี้ จนเขาล้มลงกับพื้น ซึ่งเขาเหมือนจะไม่พอใจจะลุกขึ้นมา
มีเรื่องให้แล้วรู้รอด แต่กลับเจอคมปลายทวนของเลิฟโลว์จี้คอเอาไว้ในระยะแค่ปลายนิ้ว
หลายฝ่ายความเห็นที่เห็นภาพข้างหน้าจึงสงบลง
"โปรดฟังพวกเราด้วย เพราะแผนการที่วางมาดูเหมือนจะได้ผลในระยะสั้น แต่ตอนนี้กลับไม่สามารถต้านศัตรูได้ไหวแล้ว
เฟริน่าที่ดูจะมีวุฒิภาวะสุดในกลุ่มเริ่มกล่าวเชิงเจรจาขึ้น
"ชั้นเข้าใจ ว่าทุกคนต่างจงรักภักดีและเชื่อมั่นต่อหัวหน้าของตนมาก..."
"ทว่าตอนนี้สถานการณ์ทั้งหมดกลับเลวร้ายกว่าที่คิด หัวหน้าของพวกเธอน่ะ..." วาเนซซี่เสริมขึ้น พลางเปรยตาไปมองที่เต๊นท์พยาบาล
ที่ตั้งอยู่ในที่ซ่อนภายในของหุบเขาอีกลูก ซึ่งระยะนี้ทุกคนสามารถเห็นได้และก็คงจะทราบถ้าหากว่ารู้มาก่อนว่ามันคืออะไร
"หัวหน้าทุกหน่วยโจมตีทั้ง กีเซอร์ จูเลีย อัลเบิร์ต ตอนนี้ก็ถูกรุมโจมตีจนบาดเจ็บสาหัสจนต้องพักรักษาตัวอยู่ที่เต๊นท์พยาบาลแล้ว"
เหล่าพลกำลังทั้งหลายต่างนิ่งคิด และตัดสินใจเงียบๆคล้ายๆกัน คือ
เมื่อสิ้นคำสั่งหัวหน้าเดิม ทุกคนจึงต้องรับฟังคำบัญชาของเหล่าผู้ที่น่าจะเป็นผู้นำได้ดีที่สุดในสถานการณ์อันเลวร้ายเช่นนี้แทน
"ถึงจะมีฝีมือสักเท่าไร แต่ถ้าถุกรุมในสภาพถี่ๆเช่นนี้ อย่างไรก็ไม่มีทางที่จะเอาชัยได้!"
มาช่าตะโกนประกาศแก่ทุกคนให้ทราบไว้
"แม้กระทั่งหัวหน้าของพวกแก หรือพวกเราเองก็เหอะ..." แฟลชกล่าวขึ้นเสียงเรียบ เชิงๆว่าอารมณ์ยังขุ่นมัวอยู่
"ขอให้ทุกคนใช้สมองไตร่ตรองก่อน แม้ทำอะไรตอนนี้คงจะทำอะไรไม่ได้ ดังนั้น ชั้นรู้มาว่าจะมีกำลังเสริมมาในไม่ช้า"
วาเนซซี่หันมายักคิ้วให้เฟริน่าที่เป็นคนปล่อยข่าวมาให้ (เนื่องจากได้ข่าวมาจ่ากใครก็ไม่รู้(?)ก่อน)
'น่าๆ ก็...ก็แค่บอกกันเฉยๆเอง~' เฟริน่าส่งซิกกลับในท่าทีล่อกแล่กและใบหน้าที่แดงขึ้นอย่างลูกตำลึงสุก
"ก..ก็ขอให้ทุกคนพักฟื้นรอไปก่อน ฝ่ายอาชีพนักฆ่าทั้งหมดได้ใช้หมอกพรางตาแล้ว คงจะอยู่ได้ประมาณ5นาทีนับจากนี้แหละ
ถ้าหากว่าหมดเวลาหมอก ทุกคนก็... บุกต่อได้เลย" เฟริน่าสรุปความ ก่อนที่จะทิ้งตัวนั่งลง
ทุกคนในกองกำลังที่พิจารณาคำพูดของบุคคลเหล่านี้แล้วก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาเนืองๆ
"ดูซิเจอยังงี้หล่อนจะทำยังไง แม่เล็บเขียวเน่า" อากาช่าแสยะยิ้ม ก่อนส่งซิกให้กับหัวหน้ากองกำลัง
ฝ่ายเงือก...
"เครื่องทะลุมิติอัพเกรด อืม... ถือว่าท่านก็มีทักษะประดิษบ์เทียบเท่ากับพวกเราเลยทีเดียว" ราชาเงือกกล่าวชทมเชยขึ้นแก่อากาช่า
"ไม่เท่าไหร่หรอก ก็ต้องอขบุคณพวกท่านด้วยที่เป็นแนวทางให้พวกเรา"
อากาช่าเปรยขึ้นมาแล้วหันมาหัวเราะหึๆกับราชาเงือก
"น่าเสียดายที่เวลาในการสร้างและปรับเปลี่ยนน้อยเกินไป จึงไม่สามารถใช้กับมนุษย์น่ะ" ราชาเงือกรำพึงเชิงเสียดาย
"เอาเถอะ แค่นี้ก็น่าจะจัดการมันได้หมดสนามแล้ว..."
"ข้าจะรอดู ว่าเครื่องทะลุมิติของเจ้า คงจะไม่ใช่แค่ใช้วาร์ปไปฟันข้างหลังเฉยๆนะ..."
"ทางสนามรบเป็นไงบ้าง?" ปิศาจสาวที่ห่อหุ้มร่างด้วยผ้าคลุมขาดๆสีดำทมิฬ ทรงผมเหมือนหนามแหลมเป็นแฉกๆแยกออกมาสีแดงเลือดสด
ริมฝีปากสีม่วงดูขลึงขลัง เล็บสีเขียวประดุจอาบพิษไว้ ผิวกายสีน้ำเงินซีดเหมือนซากศพ ผู้บังคับบัญชาทุกๆอย่างแห่งความมืด เอลซ่า
"เรียบร้อยดีระดับหนึ่ง พลกำลังเราในสนามรบตอนนี้มีมากกว่า แต่ระดับหัวหน้าทั้งหมด" คล็อกโคเดี่ยนตนหนึ่งรายงานสถานการณ์ ก่อนที่จะชะงักไป
มันมองซ้ายมองขวาล่อกแล่กก่อนที่จะเอ่ยคำที่ไม่อยากจะกล่าวมากที่สุดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "ต...ตายหมดแล้วเจ้าข้า..."
"สวะ!!!"
สิ้นเสียงที่เหมือนกรีดร้องของเธอ ร่างคล็อกโค้เดี้ยนก็สลายกลายเป็นฝุ่น พร้อมวิญญาณที่พุ่งออกมาแล้วถูดูดกลับไปเข้าไปในกำไลของเธอ
"เป็นหัวหน้าตั้ง4 แต่ไม่ได้เรื่องซักตัว! " เธออตวาดขึ้นอย่างฉุนเฉียว
"แต่ไม่เป็นไร แค่กำลังพลน้อยๆของชั้น ก็สยบพวกซากสวะนั่นได้ง่ายๆแล้ว...ฮึๆๆๆ"
เสียงหัวเราะชวนขนลุกขวัญผวาของเอลซ่าดังไปรอบๆทั่วปราสาทแห่งรัติกาล ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสนามรบ
"นี่คือบทตอบแทนสำหรับพวก สวะ...!" เธอเม้มปาก แหวกเขี้ยวเล็บชูมือดูกำไลราตรีของเธอ ที่มีเหล่าวิญญาณถูกกักขังอยู่จำนวนมาก
และต่างกรีดร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดทรมาน เสียงๆนี้ไม่มีวันจะหยุดนิ่งลงไป อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้คนอื่นหวาดผวา
แต่สำหรับเธอ... เอลซ่าจ้าวแห่งความมืดรัติกาลทั้งปวง ย่อมเป็นดนตรีบรรเลงอันแสนไพเราะเสนาะหูอยู่ร่ำไป...