บทที่40 ปะทุ
เมื่อตะวันตกดิน ความมืดย่างกรายเข้ามาสู่ผืนฟ้า ดวงดาวนับล้านส่องเจิดจรัสบนฟ้า ในค่ำคืนสุดท้าย
ในขณะที่สิ่งก่อสร้างทางกองทัพ ได้เสร็จสมบูรณ์ไปเรียบร้อยแล้ว
สมาชิกต่างพักผ่อนเอาแรง แต่มิได้ชะลาใจ จึงคอยจัดเวรเฝ้ายามอยู่ตลอดคืน
สมาชิกหลักๆและเหล่าหัวหน้าหน่วย ได้มาประชุมกันรอบกองไฟในค่ำคืนนี้
"ตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง?" อากาช่าเริ่มเปิดคำถามให้ทุกคนได้ตอบ
"กลัว"
"ตื่นเต้น"
"เศร้า"
"ไม่มั่นใจ"
และคำตอบอื่นๆอีกนานา ทว่ามีบางคนในที่นั้นมิได้ตอบอะไรนอกเสียจากน้ำใสที่คลออยู่ในเบ้าตา
"ทุกคนฟังชั้นนะ..." สิ้นเสียงของอากาช่าผู้เป็นหัวหน้าใหญ่ ทุกคนต่างเงียบกริบรอฟังคำพูด
"สงครามครั้งนี้ไม่ต่างอะไรจากหมากรุก" เธอเอ่ยขึ้นพลางหยิบกระดานหมากรุก และตัวหมากมาวางเรียงจนเรียบร้อย
"มีทั้งฝ่าขาว และ ดำ"
"มีตัวหมาก คือ เบี้ย ม้า เรือ โคน เม็ด ขุน"
"ตัวเบี้ย เปรียบเสมือนสมาชิกทั่วๆไปในกองกำลัง ถึงการต่อสู้จะมีช่องทางน้อย แต่ก็มีความสำคัญมากเลยทีเดียว"
"ม้า เปรียบเสมือนกับ เหล่าหัวหน้าหน่วย-รองหัวหน้าหน่วยของเรา มีตัวเลือกต่อสู้ในระยะที่ดี" เธอกล่าวพลางชี้ไปที่ไบรอัน
"เรือ เปรียบเสมือนกับ เหล่าผู้ครอบครองอาวุธในตนาน มีตัวเลือกต่อสู้ที่กว้างไกล ทว่าถูกอีกฝ่ายรู้ความสามารถ มาพอสมควรแล้วจึงพลิกแพลงได้ลำบาก" เธอกล่าวพลางชี้ไปที่เฟริน่า แกนหลักของกลุ่มนี้
"โคน คือ สมาชิกหลักๆ เช่น ไพเรส เอริน ที่มีความสามารถในการซัพพอร์ตสูง"
"เม็ด คือ เธอ เลโอน่า ตัวที่อยู่ใกล้เคียงขุนมากที่สุด"
"และ ขุน คือชั้น..."
"และคีมีเดียส" หลายคนที่ยังไม่ทราบต่างตกตะลึงในคำพูดของเธอ
"หมายความว่าไงคะ?" เจสสิก้าถามขึ้นตามความสงสัยของหลายๆคน
"พวกเธอยังไม่รู้สินะ"
"คีมีเดียสน่ะ เขาคือผู้เป็นตำนาน ตามที่นักพยากรณ์ผู้ยิง่ใหญ่ทำนายไว้" เธอชี้ไปที่คีมีเดยีส
และปานรูปใบโพที่ตรงต้นคอ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ตามที่กล่าวอ้างไว้
"ผู้ที่ถือพลังแห่งตำนาน น่าจะยิ่งใหญ่กว่าพลังใดๆในฝ่ายแสงสว่าง"
"เขาคือแกนหลักในการชี้ชะตากรรมของความเป็นไปในโลกนี้"
"ดังนั้น..." เธอค่อยๆหันหนามาทางคีมีเดยีสที่นั่งอยู่ข้างๆ
"พวกเราได้ตั้งความหวังไว้กับเธอนะ ขอให้นำสันติภาพมาสู่พวกเราด้วย" อากาช่ากล่าวดว้ยน้ำเสียงอ่อนโยน
คีมีเดียสมิได้กล่าวอะไรนอกจากพยักหน้าตอบรับ รับคำตั้งมั่นในคำสัญญา พลางเหลือบดูคันศรโลหิตในมือแน่น
หลังจากนั้น ผู้ที่ล้อมอยู่รอบๆกองไฟ ต่างพูดคุยกัน บางคนถึงกับกล่าวเชิงสั่งเสียง เพราะไม่แน่ใจในชะตากรรมตนเองสักเท่าไหร่
มีเพียงคำปลอบใจเท่านั้น ที่จะทำให้ทุกคนพอมีกำลังใจขึ้นมาได้....
23.59น. ค่ำคืนแห่งสงคราม
"พร้อมนะ..." อากาช่าที่อยู่ในเต๊นท์ตนเอง กล่าวให้สัญญาณกับทุกคนในกองทัพ
เหล่าสมาชิกกำลังพลที่หลบอยู่ตามจุดต่างเห็นดังนั้น จึงรีบตั้งท่าเตรียมต่อสู้ทุกคน
"10...9...8...7" เสียงปริศนา ที่ฟังแล้วดูหวยหวน ชวนทรมานใจ ได้ดังก้องไปทั่วหัวของหลายๆคน
"6...5...4...3...2" เสีรยงนี้ยังดำเนินต่อไป ทำเอาหลายๆคนถึงกับมือขาสั่นเกร็งไปหมด
"1...."
"เวลาเที่ยงคืน วันเดือนเพ็ญ วันที่พวกมันจะมีความแข็งแกร่งที่สุด..." อากาช่ารำพึงพลางตั้งไม้เท้าเตรียมต่อสู้
"0..."
สิ้นเสียงปริศนาแล้ว
เหล่าซอเรี่ยนนับล้าน ค่อยๆคืบคลานออกมาจากความมืด ปรากฏกายให้ทุกคนได้ประจักษ์
คมเขี้ยวเล็บ ที่ดูแหลมคม
ร่างกายกำยำ และเกล็ดสัตว์สีเขียวมันวาว ดูเกรงขาม
ดวงตาสีเลือด ปลุกสัญชาตญาณการเข่นฆ่าของมันให้ร้อนรุ่มเต็มที่
ทั้งกลุ่มนักล่าค่าหัวฝ่ายความมืดนับพัน ที่แต่งกายใส่ชุดผ้าคลุมต่างๆมิดชิด ได้ลอยอยู่เหนือหัวพวกซอเรี่ยน แสดงอิทธิฤทธิ์ที่ดูฉกาจกว่า
และ หัวหน้าทัพเดินดิน
โยฮาน ร่างกายกำยำ เส้นผมสีเขียวทะเล นัยน์ตาสีฟ้าคอ่ยๆกลายเป็นสีเลือด ผิวกายสีเทา พร้อมดาบแห่งความมืดที่จะช่วงชิงวิญญาณทุกตนที่โดนคมมัน
"แค้นข้าใช่มั้ยอากาช่า....หึๆๆ..." เขาหัวเราะเบาๆพลางแสยะยิ่มอย่างบ้าคลั่ง
และ ข้างหลังสุดของกองทัพ...
ผู้ที่น่าจะเป็นเจ้าของเสียงปริศนา ค่อยๆผุดออกมาจากความมืด
ร่างกายอันดูแสนบอบบาง เส้นผมสีขาว และรอยอักขระแห่งความมืดขีดประไว้เต็มร่างกาย พร้อมทั้งผ้าคลุมสีดำสนิทปกคลุมร่างกาย
ผิวกายสีเทาซีด เล็บมือสีแดงสดชุ่มด้วยโลหิต พร้อมทั้งกำไลสีดำมันวาว ลวดลายงูพิษ หรือ
กำไลราตรี ที่กักขังวิญญาณผู้บริสุทธิ์มากมายไว้ในนั้น นำมาซึ่งพลังของเธอ
นามของเธอ คือ
เอลซ่าท้องฟ้าสีดำค่อยๆกลายเป็นท้องฟ้าสีเทาปกคลุมด้วยหมอกความมืด
ดวงจันทร์สีขาวนวลที่ส่องสว่าง ค่อยๆกลายเป็นดวงจันทร์สีเลือดชวนสยดสยอง
อีกทั้งน้ำฝนสีดำทมิฬค่อยๆตกลงมาจากหยาดฟ้าชวนไม่น่าพิศมัยใจ กระทบพื้นดินกลายเป็นที่แห้งแล้งมีแต่ฝุ่นทรายสีดำ
"เข้ามาเลย..." อากาช่าแสยะยิ้มกว้าง
ประจัญบาน!!เสียงของอากาช่าและเจ้าของเสียงปริศนา ดังก้องขึ้น เลือนลั่นไปทั่วปฐพี
อันเป็นคำประกาศว่า สงครามอันยิ่งใหญ่ครั้งสุดท้ายได้อุบติขึ้นแล้ว....