บทที่32 ปกป้อง
“เอาล่ะ...” เจสสิก้าลุกขึ้นเดินเข้าไปใกล้กองเศษซากคริสตัลของมัน จากนั้นหยิบเศษคริสตัลที่มีปลายแหลมขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้วกรีดที่นิ้วตัวเอง... เลือดของเธอค่อยๆหยดลงไปบนเศษคริสตัล
ทันใดนั้น เศษคริสตัลค่อยๆรวมตัวกันเป็นประตูวาร์ป ทั้ง3แน่ใจทันทีว่านี่เป็นทางออก จึงรีบเข้าประตูวาร์ปไป...
---------กลับมาทางเดิม---------
“ปุด...” มันคือเสียงที่ทำให้ทุกคนอึ้งตาเหลือก… มันคือลำแสงที่ออกมาจากปากของมัน แต่ระเบิดคาปากฃ
ทั้งหมดหันมาทำสีหน้าตายสุดๆ อาจคิดอย่างเดียวกันก็ได้ว่า ไอนี่ห่วย(โคตรๆ)แน่(ว่ะ)
“นี่!จ้องอะไรอย่างนั้น เค้าก็แค่... ฟอร์มตกเอง นะ นะ....” มันเอานิ้วชี้สองข้างมันชนกัน เป็นท่าสุดโนเนะแอนด์โมเอะ แต่นั่นมึ่ค่อยกับร่างตึก7ชั้น น้ำหนองไหลทะลัก กรามฉีก อัปลักษณ์ น่าเกลียด นิสัยเสีย บลาๆๆๆ ของมันเล้ย=[]=”
“ไอ...ไอ...ไอซังกะบวย~~~~!!!!!” แฟลชตะโกนลั่นแล้วตั้งทอนฟ่า ยิงกระหน่ำ กระหน่ำจนมันหงาย น่าหันหลังคอบิดเยี่ยงนกฮูก(- -*) โดยที่มันก็ยังตั้งท่าโมเอะอยู่ มันค่อยๆเคลื่อนคอมา และบิด360องศาโชว์1รอบ
ก่อนที่จะเปลี่ยนสีหน้าเป็นแบบซึนเดเระทันที
*นอกเรื่อง*
คนอ่าน : ไอเกิ้ลนี่มันมอนเตอร์นะ จะให้มันโอตาคุไปถึงไหน!?-*-
เกิ้ล : หนูไม่รู้ ดี๊ดา~
//me โดนถีบเต็มๆ
*เข้าเรื่องต่อดีกว่า=[]=”*
“แกๆซึนเดเระ! ตูรู้น่าว่ามืงอยากkillตูอย่ามาทำตัวซึนเดเระ” มันชี้มาข้างหน้า พลางบิดขา45องศาเข้าหากัน ท่าโมเอะอีกแล้ว ทุกคนทำหน้าตายอีกรอบ และคิดอย่างเดียวกันอีกว่า... ไอนี่มัน(โคตร)บ้าไปแล้วแน่ๆเลย(ว่ะ)=[]=
“แป้กโว้ย~~~~!!!! ไปตายซ้า~ไอมอนโอตาคุ!” แฟลชเริ่มกระหน่ำยิงต่อ คอมันบิดไปข้างหลังอีกครั้ง แต่ท่าโมเอะก็ยังคาอยู่ มันหันมาและ โชว์บิดคอ 720องศา แล้วเปลี่ยนสภาพหน้าเป็นกุโระทันที(แทนที่จะเป็นน้ำหนองกลายเป็นน้ำเลือดผสมหนอง)
“เลือด~!!! ปาดคอหอย! ตับไตใส้พุงสดๆ! หนูอยากเห็น~!หนูอยากได้~!” มันเอามือขึ้นขึ้นมาตั้งการ์ดแบ๊วใต้คอ พร้อมบิดขา45องศาเข้าหากันแล้วส่ายหน้าไปมา ทุกคนทำหน้าตายรอบที่3 แต่ก็ขี้เกียจคิดแล้ว....
ตามันเริ่มเรืองแสงเป็นสีเลือด มือข้างหนึ่งค่อยๆกลายเป็นดาบใหญ่อันแหบมคมสูงขนาดตึก3ชั้น แต่บางเฉียบกว่าลอริเอะ-.-*
และมันก็กัดนิ้วตัวเอง กลายเป็นบาเรียขนาดยักษ์ “สกิลเลิฟโลว์นี่นา~!” เฟริน่าแหกปากขึ้นมาก่อนคนแรก
มันไม่ได้สนใจอะไร มือข้างที่เลือดไหลค่อยๆกลายเป็นโล่ขนาดตึก5ชั้น แต่หนาเท่าต่อตอม่อ
แฟลชเริ่มหยุดยิง แล้วเอามือล้วงกระเป๋าทำให้ทุกคนงงอยู่ แฟลชค่อยๆหันหน้ามาแล้วเริ่มขยับปากพูดเบาๆ
“ช้าอยู่ไย เดี๋ยวก็โดนฆ่าหรอก” แล้วแฟลชก็วิ่งแจ้นไปไกลลิบทันที ทุกคนที่เพิง่นึกได้ก็วิ่งตามทันที
วานเซซี่ที่เริ่มวิ่งหนีพอหฮ่างแล้ว(เดี๋ยวมันแบนอีก) ก็เหลือบไป แล้วคิด “(เหมือนลืมอะไรบางอย่าง)” ปิ๊ง!
ไม่ต้องเอาอะไมเลสมาทาหัว ไม่ต้องนั่งสมาธิจนขาชา หล่อนก็คิดออกแล้วตะโกนขึ้น
“เอริน!!!!” แต่ไม่ได้ผล ทุกคนวิ่งไปนู่นแล้วคงไม่ได้ยิน วาเนซซี่ตกที่นั่งลำบากแล้ว ถ้าขาดเอริน ตอนไปถึงที่ถ้ำเพื่อเอาแร่ที่อากาช่าบอกคงลำบากแน่ๆเพราะมีนักวิจัยแค่คนเดียวแทนที่จะเป็น2คน
หล่อนตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ของชีวิต “เพื่อนร่วมทีมมาก่อน!” นี่คือสิ่งที่หล่อนตรัสรู้ วาเนซซี่หันกลับไป ตอนนี้เจ้ามอนเตอร์ค่อยๆเคลื่อนตัวแล้ว หล่อนต้องรีบช่วยเอรินออกมาก่อนที่มันจะหันมาฆ่าเอรินที่สลบอยู่
วาเนซซี่รีบร่ายคาถา เรียกวิญญาณออกมาประมาน10ตน แล้วควบคุมให้ไปรวมกันเป็นเกราะหุ้มร่างเอริน
แล้วจึงเรียกวิญญาณออกมา21ตน โดยให้1ตนกลายเป็นจรวดวิญญาณให้หล่อนขี่ขึ้นไปสู้ไปบนฟ้าได้
มอนเตอร์ค่อยๆเหลือบดูใต้เท้าของตนแล้วเห็นร่างของเอรินนอนอยู่ “อ้าวยังเหลืออีกเรอะ งั้นตาย~!” มันค่อยง้างดาบขนาดยักษ์ขึ้นเตรียมจะสับและซอยเอรินเป็นชิ้นๆดั่งกุ้งแห้งป่น แต่ทันใดนั้น วิญญาณนับ10ตนได้มารุมเกาะที่ดาบของมัน จนมันควบคุมไม่ได้ ดาบใหญ่ที่โดนวิญญาณสิงอยู่ เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วแทงเข้าที่หน้ามัน
“แทงไปอีก!” วาเนซซี่ตะโกนสั่งวิญญาณของตน ดาบใหญ่ยังเฉาะเข้าที่หน้ามันไปเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของมัน “หน็อยยัยนี่! แล้วทำไมสกิลของอีนั่นป้องกันไม่ได้ฟระ!”
ชิลด์เฮลท์ สกิลนี้ของเลิฟโลว์จะป้องกันแค่พลังป้องกันกายภาพเท่านั้น พลังโจมตีเวทย์จึงยังโจมตีเข้าตามปกติ วาเนซซี่เร่งเรียกวิญญาณให้มากขั้นและควบคุมให้ไปรุมสิงโจมตีมัน แต่การที่เรียกวิญญาณจำนวนมากขนาดนี้ทำให้หล่อนต้องเสีย MP จำนวนมาก และควบคุมไม่ถนัดด้วย ถึงเป็นแม้จะเป็นเช่นนั้นหล่อนก็ยังกัดฟันสู้ต่อไป
ตอนนี้วิญญาณของหล่อนก็มี50กว่าตนแล้ว แต่ก็ได้แค่ให้มันเซไปเซมาเฉยๆ พลังของวาเนซซี่ค่อยๆลดลงเรื่อยๆ
ไม่รู้ว่าเธอจะต้านได้อีกนานแค่ไหน “(งั้นเริ่มเลยละกัน ถ่วงเวลามันนานพอแล้ว)” หล่อนตัดสินใจและเริ่มเรียกวิญญาณกลับมารวมรอบๆตัวหล่อน “แฮ่กๆ อ้าว เลิกยุ่งแล้วเหรอ สรุปสุดท้ายแกก็คงทิ้งยัยนี่สินะ เอาเถอะ ข้าสมเพชเจ้า ข้าจะให้เจ้าหนีไปคนเดียว แต่ยัยนี่ต้องไปเป็นอาหารเย็นของข้า หึๆๆ!” มันยิ้มกริ่มพร้อมหัวเราะอย่างอำมหิต วาเนซซี่นิ่งอยู่สักพักแล้วตั้งท่าสู้ควบคุมวิญญาณ “มีแต่พวกเถื่อนถอยเท่านั้นแหละที่คิดเยีย่งนั้น....”เสียงเธอดูดุดันกว่าคราวไหนๆ หล่อนขบฟันแน่น ก่อนที่จะเริ่มร่ายรำอัญเชิญวิญญาณมามากขึ้นเรื่อยเพื่อเตรียมต่อสู้ แต่ชั่ววินาทีนั้นเธอรู้สึกเจ็บแปลบที่ขึ้นที่หัว แล้วทรุดหอบลงบนจรวดวิญญาณทันที “เฮอะ เรียกออกมาเองไม่ไหวเองซะงั้น ไม่เอาไหนเล้ย” มันส่ายหน้าไปมา แล้วค่อยๆใกล้เข้ามาเรื่อยๆ “ฉันไม่ยอมหรอก...” วาเนซซี่ขบฟันแน่นยิ่งกว่าเดิม จากนั้นค่อยๆลุกขึ้นมาจึงเริ่มร่ายรำควบคุมวิญญาณไปโจมตีออย่างกระหน่ำ
“ฉันจะแสดงให้เห็นถึงพลังโซลด์เลเดอร์ให้แกดู! โซลด์เดสทรอยด์!”
*ข้าพเจ้าขอใส่สกิลไปนะ เพราะว่าถ้าโจมตีไปเรื่อยๆโดยไม่มีสกิลเลยจะเหมือนนิยายเงียบไป + ที่ว่าถ้าบรรยายอย่างเดียวอาจะจไม่ได้อรรถรส(ข้าพเจ้าไปต่อไม่เป็นด้วย)- -*
วิญญาณนับสิบเปลี่ยนสภาพเป็นก้อนหินขนาดยักษ์และแหลมคมพุ่งเข้าไปรุมโจมตีเจ้ามอนเตอร์แต่ไม่เป็นผล มันแค่รู้สึกแสบๆคันๆนิดๆเท่านั้นเอง “พอยซั่นชิลด์!” วิญญาณ5ตนต่อยๆรายร้อมรอบตัววาเนซซี่แล้วกลายเป็นเกราะห่อหุ้มตัวเธอเอาไว้ โดยที่รอบๆมีออร่าสีเขียวล้อมอยู่ “โอ้ นักเวทย์เปราะบางอย่างเจ้ามีสกิลพวกนี้ด้วยรึ?”
มันพูดถากถาง วาเนซซี่ไม่ได้โต้ตอบใดๆพลางกำวงแหวนเวทย์คู่แน่นมือแล้วชี้ไปข้างหน้า “เอาไว้จัดการแกไง!
รีเควี่ยมออฟโซลด์!” คลื่นพลังวิญญาณได้อัดเข้าใส่มอนเตอร์ไปเรื่อยๆ ทำให้มันรู้สึกปวดหูมากขึ้นจนมันเริ่มทนไม่ไหว “หนอย ยัยนี่!” มันคำรามขึ้นและเริ่มเอาดาบรอริเอะซุปเปอร์สลิม(ยังฮาได้อีก= =”) ไล่ฟันวาเนซซี่ที่ขี่จรวดวิญญาณอยู่บนอากาศ แต่วาเนซซี่พยายามควบคุมหลบไปมาพร้อมโจมตีไปเรื่อยๆ
“ไอมอนเตอร์งี่เง่า ไร้สมอง ก๊อปปี้แต่คนอื่นไอกระจกหน้าแหก!” วาเนซซี่ตะโกนด่าทออย่างหงุดหงิด มันชะงักลงแล้วหันคอ360องศา “...งั้นข้าจะแสดงให้ดู.... พลังดั้งเดิมเองของข้า~!” มันยกนิ้วขึ้น แล้วเอามือข้างหนึ่งท้าวสะเอว “ฮิลลิ่งสไลม์!” หลังจากที่มันตะโกนร่ายสกิลจบ ก็ได้มีวุ้นตัวเขียวๆ น่ารักน่าฟัดน่ากอดน่าทอดน่ากิน(เฮ้ย) ผิดกับผู้ใช้อย่างแรง ค่อยๆผุดขึ้นมาจากน้ำหนองที่ขา(เริ่มไม่น่ารักแล้วสิ) แล้วเกาะอยู่ตรงนั้นอย่างสบายอารมณ์ “อ...อะไรของแก!” วาเนซซี่ละล่ำละลักจนแว่นแทบหล่น มันหัวเราะคิกคักในลำคอก่อนที่จะชี้มาที่วาเนซซี่แล้วก็ร่ายสกิลต่อไป
“เอเนอร์จีโซโล่” แสงสีฟ้าปริศนาค่อยๆปรากฏออกมารอบๆตัวของวาเนซซี่ พร้อมสลายไป “หึๆๆๆๆ!”
มันหัวเราะดังกึกก้อง “แกทำอะไร!?” น้ำเสียงของหล่อนดูลนลานกว่าเดิม “หึๆๆๆ ตอนนี้ข้าก็มีความสามารถดูดซับพลังดาเมจ98% ไปเป็นHPให้กับตัวเอง ส่วนที่แกโดนเข้าไปคือสกิลที่ทำให้ MP ของแกทั้งหมดจากเดิม 2/3ไง หุๆๆๆ” มันหัวเราะร่า แต่วาเนซซี่ไม่ได้คิดอะไร “ยังไงซะ MP ฉันก็ฟื้นด้วยความรวดเร็วอยู่แล้วนี่” น้ำเสียงของหล่อนดูผ่อนคลายลงกว่าเดิม แต่มันยังหัวเราะร่าต่อไป “อ้อ ฉันลืมบอก.... ตอนีน้MP ที่เหลืออยู่แค่1/3ของแกน่ะ มันก็จะเหลืออยู่แค่นั้นได้แต่ลด ไม่มีฟื้นขึ้นมาอีกหรอกจนกว่าจะคราบ2ชม. ฮ่าๆๆๆ!” สิ่งที่วาเนซซี่ได้ยินทำให้หล่อนหน้าซีดลงไปกว่าเดิม จากปกติที่หล่อนมี MP คือ 12000(เต็มคือ 20000) ตอนนี้เหลือเพียง
4000 และมันจะไม่ขยับเพิ่มอีก หล่อนเริ่มครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ “(ธรรมดาสกิลของเราก็ใช้ MP มากอยู่แล้ว ยิ่งเหลือMP แค่นี้ยิ่งลำบากเข้าไปเป็นโข จะหนีถ่วงเวลาดีไหมนะ? ไม่สิ ถ้าอย่างนั้นได้ตายทั้งคู่แน่ๆ...)”
ระหว่างที่หล่อนครุ่นคิดอยู่นั้น เหมือนมีลูกดอกหนึ่งพุ่งเข้ามาปักที่หัว จนเธอเซทรุดฮวบลงไป
“อะไรที่อยู่ที่หัวช้านนนนนน~!?” เธอเริ่มกรีดร้อง เมื่อเห็นลูกดอกสีแดงก่ำปักอยู่ที่หัว แม้จะออกแรงดึงเท่าไหร่ก็ดึงไม่ออก
“ข้าจะอธิบายสั้นๆเลยนะ ลูกดอกที่ปักอยู่บนหัวแกมันจะปักนานไป5นาทีเชียวล่ะ....” มันยิ้มกริ่ม แฝงด้วยความชั่วร้ายเต็มเปี่ยม “แล้วมันจะทำอะไร!” วาเนซซี่ยังแหกปากต่อไป “อืม..... อัลติเมทท์พายน์ น่ะมันจะทำงานตามชื่อนั่นแหละ...” มันยิ้มฉีกอีกครั้ง วาเนซซี่ยังไม่เข้าใจว่ามันพูดถึงอะไร ไม่ทันขาดคำเธอก็หมดสติไป….
“ยินดีต้อนรับสู่นรกแห่งการคำณวน ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!!!!” มันหัวเราะดังกึกก้องพร้อมรอดูชะตากรรมของวาเนซซี่ต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร.....