บทที่30 ป่าแห่งไอหนาว
“ฉันว่ามันชักจะหนาวขึ้นเรื่อยๆแล้วนะ....” เลิฟโลว์กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เพราะรอบๆข้างพวกเขา เป็นป่าทึบ ที่มีต้นไม้เสียขาวล้อมรอบอยู่เป็นจำนวนมาก
“นั่นสิ แล้วหยั่งงี้จะหาคนอื่นเจอมั้ยเนี่ย” คีมีเดียสบ่นอุบอิบบ้าง แล้วนั่งลงอย่างเหนื่อยหอบ
“ถ้าหยุดพักตรงนี้แข็งตายแน่ๆ เราเดินต่อกันเถอะ” หล่อนดึงมือคีมีเดียสแล้วลากเดินต่อไป
ยิ่งลึกเข้าไปในป่า ความหนาวเหน็บก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เลิฟโลว์จึงใช้ผ้าคลุมที่ติดอยู่ด้านหลัง คลุมเพื่อกันความหนาว
แต่มันก็ยังหนาวเย็นอยู่ดี มือของทั้ง2เย็นเฉียบราวกับคนตาย เลิฟโลว์และคีมีเดียสจึงเดินติดกันไว้ ร่างกายที่มีความอุ่นของพวกเขา อาจจะช่วยคลายความหนาวได้บ้างไม่มากก็น้อย
“ไม่ไหว...แล้ว...” เลิฟโลว์กุมหัวตัวเอง ตอนนี้หล่อนรู้สึกว่า ที่หัวของหล่อนเหมือนเส้นประสาทจะถูกยึดด้วยความหนาวเย็น หล่อนทรุดฮวบนั่งลง แล้วหายใจหอบ
“อดทนไว้หน่อย...ถึงเลี้ยวไปทางไหนก็หนาวเย็นอยู่ดี เราไม่ควรหยุดพัก ไม่งั้นเราจะแข็งตายอยู่กับที่”
เขาพูดพลางจับมือของหล่อนแล้วประคองบ่าเดินต่อไปเรื่อยๆ....
----------ด้านเจสสิก้า----------
ยิ่งเดินเหมือนยิ่งหนาว... นี่คือความคิดที่วนเวียนอยู่ในหัวของเจสสิก้า ตอนนี้หล่อนอยู่ในป่าทึบแล้ว ใบไม้ส่วนใหญ่ในนั้นจะเป็นสีขาว หล่อนหยุดพักก่อนที่จะลองติดต่อหาอากาช่าด้วยไอดีการ์ด
วี้............................... เสียงนี้บอกได้ทันทีว่า แถวนี้ไม่มีสัญญาณใดๆทั้งสิ้น เจสสิก้าหายใจไม่ทั่วปอดหล่อนลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในป่าต่อไป
ความหนาวเย็นทำให้เจสสิก้ารู้สึกได้ถึงความทรมานภายในร่างกาย หล่อนหายใจหอบๆ ลมหายใจที่ออกมาจากปากเป็นไอน้ำเย็นเฉียบ อยู่ตรงนี้ต่อไปคงจะไม่ดี.... หล่อนครุ่นคิดก่อนที่จะเดินทางหันหลังกลับ เพื่อเดินออกไปทางจุดเดิม
เวลาผ่านไปนานพอสมควร ทั้งๆที่เจสสิก้าเดินเป็นทางตรงตามที่หล่อนเดินเข้ามา แต่หล่อนก็ยังกลับมาที่เก่าที่เดิม
ป่าวงกต.... ความคิดของหล่อนเริ่มฟุ้งซ่าน เธอหยิบหนังสือคัมภีร์ขึ้นมาสวดเพื่อระงับอารมณ์หวาดผวาสุดขีด
หล่อนสวดอยู่10จบแล้วลุกขึ้นเดินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง เจสสิก้าเดินมาถึงจุดๆหนึ่งซึ่งเป็นคริสตัลสีแดงก่ำ
ตัดกับบรรบากาศอันมืดครึ้มในรอบๆ และมันเรืองแสงเป็นประกาย หล่อนไม่รู้ตัวแล้ว คริสตัลขนาดยักษ์นั่นเหมือนจะสะกดจิตใจหล่อนให้เข้าไปแตะต้องมัน หล่อนพยายามตั้งสติ พยายามฝืนใจไม่ให้เดินเข้าไปแตะต้องมัน
เพราะมีโอกาสสูงที่คริสตัลนี่จะเป็นกับดักอันน่าสะพรึงกลัว
แต่ความคิดของเจสสิก้าในตอนนี้ ในหัวของเธอคิดได้แต่ว่า “อยากเข้าไปสัมผัสมัน....” ฝีเท้าของหล่อนก้าวเข้าไปเรื่อยๆ สติของหล่อนกระเจิดกระเจิงหมดแล้ว ในที่สุด หล่อนก็ไปสัมผัสมัน
ซวบ..... คริสตัลขนาดใหญ่ดูดหล่อนเข้าไปกักขังข้างใน และเจสสิก้าก็สลบไปในทันที.....
ดูท่าว่าตอนนี้คีมีเดียสและเลิฟโลว์ทั้งคู่จะเริ่มไม่ไหวแล้ว เลิฟโลว์หายใจหอบยิ่งขึ้น ความร้อนในตัวทั้ง2คนใกล้จะหมดลงแล้ว เลิฟโลว์ได้ทรุดฮวบลงไปนั่งกับพื้น คีมีเดียสพยายามฝืนใจ อุ้มเลิฟโลว์ขึ้นมาพาดบ่า หล่อนพยายามดิ้น
“ป....ปล่อย..ฉัน..ไว้...ตรง..น...” ไม่ทันที่หล่อนจะพูดจบคีมีเดียสตัดบทพูดขึ้นมาก่อน
“จะตายตรงนี้ในภารกิจรึไง? ท่านอากาช่าอุตส่าห์มอบหมายพวกเราให้มาผจญภัยลืมความเศร้า ถ้ามาตายตรงนี้มันก็เสียเปล่า” คำพูดที่ออกมาจากปากเขาทำให้เลิฟโลว์อึ้งไปสักพักก่อนจะยอมพาดบ่าคีมีเดียสอย่างโดยดี
แผ่นหลังของเขา อบอุ่นกว่าที่หล่อนคิด ใจหล่อนเต้นระทึก แต่ก็พยายามระงับสติที่ฟุ้งซ่าน
ระหว่างที่หล่อนคิดเหม่อลอย คีมีเดียสสะดุ้งพรวดจนหล่อนตกลงไปนอนกับพื้นทันที
“อ...อะไร!?” หล่อนพยายามถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คีมีเดียสได้แต่ยืนเกร็งเงียบอยู่ จนหล่อนต้องเดินเข้าไปสะกิด
“ฉันรู้สึกถึงบางอย่าง...มันน่ากลัว....พลังรุนแรงเกินคาด” ด้วยความที่ว่าเอลฟ์ มีสัญชาตญาณในการสื่อถึงมอนเตอร์เป็นอย่างดีเยี่ยม แม้ไม่ได้เป็นอาชีพสายโจรขั้นมือฉมัง แต่ก็สามารถจับพลังของมอนเตอร์ได้อย่างแม่นยำ
โดยเฉพาะสายเรนเจอร์คลาสอย่างคีมีเดียสแล้ว พลังที่รุนแรง มีโอกาสสูงมากที่เขาจะรู้สึกถึงมัน
เลิฟโลว์ยังเกาหัวแกรกๆด้วยความงุนงง “อะไรน่ากลัวเหรอ ฉันก็เห็นแต่ว่าแถวนี้เป็นป่าทึบนี่ มันมีอะไรกันแน่รึ?” หล่อนถามอย่างสงสัย “เงียบเสียงลงก่อน...” มือของเขาป้องปากที่เลิฟโลว์ พลางลากเธอเข้าไปในพุ่มไม้แห่งหนึ่งเพื่อซุ่มตัว
เป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ เบื้องหน้าของพวกเขามีมอนเตอร์รูปร่างขนาดยักษ์มหึมา ร่างกายทุกส่วนของมันเป็นคริสตัลที่รูปร่างเหมือนโกเลม แต่ขนาดใหญ่กว่าเป็น2เท่า ลำตัวมีกำปั้นคริสตัลขนาดใหญ่ผุดออกมา ถ้าถูกกำปั้นขนาดนั้นทุบทีเดียว 100%ที่ผู้ถูกทุบจะตายโดยทันที และมันไม่มีขา คริสตัลสีแดงก่ำ บัดนี้ มันกลายเป็นสีเลือดสด ตรงกลางตัวของโกเลมคริสตัลมีเจสสิก้าที่ลอยอยู่ในน้ำใสแปลกประหลาดข้างในตัวของโกเลมคริสตัล โดยหน้าต่างคริสตัลที่ขังเจสสิก้าอยู่นั้นได้หุบขยายอยู่ตลอดเวลา
เลิฟโลว์ตกใจสุดขีด หล่อนอยากกรีดร้องสุดชีวิต แต่คีมีเดียสเอามืออุดปาก หล่อนจึงได้แต่พูดอู้อี้ในลำคอเท่านั้น
“นั่นเจสสิก้านี่นา....” เขารำพึงออกมาเบาๆ ก่อนที่จะชักธนูออกมาและเล็งลูกศรไปที่ใจกลางของโกเลมคริสตัลที่ยังเคลื่อนที่อยู่ เขาพยายามเล็งให้ถูกที่ใจกลางของโกเลมคริสตัลเต็มที่ แต่ด้วยหน้าต่างคริสตัลที่หุบขยายตลอดเวลา ทำให้ยากต่อการเล็งให้ลูกธนูให้พุ่งไปถูกใจกลางคริสตัลยากยิ่งขึ้น ประกอบกับความหนาวยะเยือก
ทำให้มือของเขาสั่นไปหมด ยากต่อการเล็งมากขึ้นไปอีก ร่างของมันค่อยเคลื่อนที่ไกลออกไปเรื่อยๆแล้ว
คีมีเดียสไม่มีเวลาจะมาเล็งนานต่อไปอีก แลมพิชแอโร่วว์ สกิลโจมตีหลักของเขาพร้อมแล้ว
เขาปล่อยเอ็นธนูเพ่อให้ลูกธนูของเขาพุ่งไปด้วยความเร็วและแม่นยำที่สุด
แต่โชคไม่เข้าข้าง ลูกธนูที่ใส่สกิลเข้าไปกลับไปปักที่แขนขนาดมหึมาข้างซ้ายของมัน มันค่อยๆหันมาเบิ่งตา
ขนาดยักษ์ที่หน้าต่างคริสตัลของมัน และปล่อยลูกธนูเลือดกลับมาโจมตีทั้ง2
พวกเขาไม่รอช้า รีบวิ่งหลบลูกธนูเลือด ที่พุ่งย้อนกลับมาหาพวกเขา
เลิฟโลว์ชะลอความเร็วในการวิ่งแล้วคว้าโล่ออกมาป้องกัน ลูกธนูเลือดที่พุ่งเข้ามาหาเธอด้วยความเร็วมหาศาล
ปักเข้าที่โล่ของหล่อนเข้าเต็มๆ
ไม่มีอะไร.... นี่คิดในใจ แต่เมื่อหล่อนกลับด้านโล่มาดูพบว่า โล่ของเธอตอนนี้ค่อยๆถูกกัดกร่อนไปเรื่อยๆ
สนิมสีแดงๆค่อยๆกัดกร่อนโล่ไปเรื่อยๆ เหมือนมันจะมาเกาะที่มือของเธอด้วย หล่อนทิ้งโล่ในทันใดและซอยเท้าวิ่งตามคีมีเดียสด้วยความหวาดผวาสุดขีด
ก๊าซซซซซซซ!!!!!! มันคำรามอย่างดัง แม้มันจะไม่มีปาก แต่เสียงของมันเห็นได้ชัดว่าออกมาทางลูกตาตรงหน้าต่างคริสตัลของมัน มันไล่ตามพวกเขาเร็วขึ้น โดยการเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว โดยอาศัยความเรียบของคริสตัล
“มันไล่ตามเข้ามาแล้วเอาไงดี...!” หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพร้อมวิ่งหนีต่อไป แต่มือของเธอก็ยังกำทวนในตำนานไว้แน่น “มอนเตอร์ทุกตัวยังไงก็ต้องมีจุดอ่อน เท่าที่ฉันคิด ตาของมันคือจุดอ่อน” คีมีเดียสกล่าวขึ้น
เลิฟโลว์พยักหน้า หล่อนหันหน้าเข้าหามันแล้วตั้งทวนไปข้าวงหน้า....
“สไปรัลไปค์!” เลิฟโลง์ควงทวน เร็วขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่จะตั้งทวนกับพื้น ตอนนี้ทวนของเลิฟโลว์เหมือนมีออร่าสีเหลืองวนเวียนอยู่รอบๆ หล่อนไม่รอช้า เอาสันทวนปักลงพื้นทันที
คลื่นหินขนาดยักษ์พุ่งออกมาจากพื้นดินเข้าไปโจมตีเจ้าโกเลมคริสตัล และที่สำคัญโดนที่ลูกตามันพอดี
กี๊สสสสสสสสส!!!!! มันร้องด้วยความเจ็บปวด พร้อมวิ่งสะเปะสะปะเหมือนควบคุมทิศทางไม่ได้
“อย่างที่นายบอกจุดอ่อนมันอยูที่ตา! เอาเลย!” เลิฟโลว์ตะโกนเรียก คีมีเดียสกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้
พร้อมตั้งคันธนู ใส่ลูกธนูไป10ดอก “ริสซิ่งแอร์โร่ว!” ลูกธนูทั้งหมด พุ่งเข้าไปปักที่ท่อนล่างของมัน
โกเลมคริสตัลถูกดีดขึ้นไปลอยกลางอากาศ “เสร็จฉันล่ะ! คอมโบแอร์ช็อต!” ลูกธนูนับ20ดอกได้พุ่งเข้าไปปักที่ตามันอย่างรวดเร็ว ภายในพริบตา ดวงตาของมันก็เต็มไปแด้วยลูกธนู มันตกลงไปกระแทกกับพื้นแล้วแน่นิ่งไป
“เรียบร้อย เข้าไปช่วยเจสสิก้าเร็ว” คีมีเดียสตะโกนบอกเลิฟโลว์จากบนต้นรไม้ หล่อนพยักหน้าแล้ววิ่งเข้าไป
เอาทวนกระแทกที่หน้าต่างคริสตัลของมัน แต่เหมือนจะไม่มีผล หน้าต่างคริสตัลไม่เกิดรอยร้าวใดๆทั้งสิ้น
“เอาไงดีล่ะ มันหนามากเลย” หล่อนยังคงพยายามเอาทวนกระฉอกหน้าต่างคริสตัลต่อไป
“ฉันว่าถอ...” ไม่ทันที่คีมีเดียสจะพูดจบ โกเลมคริสตัลที่นอนแน่นิ่งอยู่มะกี้ นัยน์ตาของมันเบิ่งขึ้นอีกครั้ง
มันลุกขึ้นพร้อมคำรามอย่างดัง เลิฟโลว์ไม่ทำอะไรแล้ว หล่อนคว้าทวนแล้ววิ่งอย่างไม่คิดชีวิต
“บอมราวนด์ช็อต!” คีมีเดียสยิงธนูขึ้นฟ้า10ดอก ลูกธนูทั้งหมดตกลงมาปักล้อมรอบตัวโกเลมคริสตัล พร้อมระเบิดทันที แต่ทำให้มันแค่เซเท่านั้น
“ก๊าซซซซซซซซซซซซ!!!!” มันคำรามพร้อมปล่อยลูกธนูสีเลือดออกมา10ดอกเท่ากับเมือ่กี้ที่เขายิงมาโจมตีมัน
ลูกธนูเลือดพุ่งกลับเข้าหาคีมีเดียส เขากระโดดลงจากต้นไม้อย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตา ลูกธนูเลือด10ดอกที่พุ่งเข้ามาก็ระเบิดทันที
สะท้อนกลับ!? ความคิดนี้แวบขึ้นมาในหัวของเขา คีมีเดียสรีบกระโดดขึ้นต้นไม้ต้นถัดไปพร้อมซ่อนอยู่ที่นั่น
ส่วนเลิฟโลว์ ตอนนี้เธอวิ่งอย่างเหนื่อยหอบล้มลงที่พื้นข้างทาง โกเลมคริสตัลก็เคลื่อนที่เข้ามาใกล้หล่อนเข้าเรื่อยๆ เลิฟโลว์ได้แต่ลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีต่อเท่านั้น
“( ถ้าโจมตีมันตรงส่วนที่เป็นคริสตัล การโจมตีเมื่อครู่ก็จะถูกสะท้อนกลับเหมือนเดิมทุกอย่าง เพียงแต่เปลี่ยนเป็นเลือดเท่านั้น โดยเฉพาะการโจมตีระยะไกลยิ่งเสียเปรียบ ถ้าจะให้ดีต้องเป็นการโจมตีระยะประชิด มันจะสะท้อนไม่ได้ โอกาสที่จะทำลายจุดอ่อนที่ตาของมันก็มีสูง แต่ติดอยู่ที่ว่า มันอันตรายเกินไปในการต่อสู้คนเดียว)”
คีมีเดียสครุ่นคิดออกมาเป็นขั้นๆ โดยในที่สุดเขาก็ตัดสินใจ
“(งั้นเราก็ซัพพอร์ตสิ...! ใช่แล้ว! ถ้าซัพพอร์ตให้มันไขว้เขวแบบเมื่อกี้อาจทำให้เลิฟโลว์เข้าไปบู๊คนเดียวได้ปลอดภัยขึ้น)” เขาไม่รอช้ารีบกระโดดออกจากต้นไม้รีบวิ่งตามโกเลมคริสตัลด้วยความรวดเร็วพร้อมยิงธนูเข้าไปเฉี่ยวๆมันเพื่อเบนความสนใจ “ทางนี้~~!!!” เขาตะโกนลั่น มันค่อยๆหันมาเปลี่ยนเป้าหมายโจมตีเป็นคีมีเดียส
“เลิฟโลว์! เธอรีบโจมตีเข้าที่ตาของมัน ให้รัวที่สุด แล้วฉันจะซัพพอร์ตเอง!” คีมีเดียสอธิบายพลางวิ่งไปด้วย
เลิฟโลว์รับคำ และกระโดดเข้าไปเกาะบนตัวของมัน ก่อนที่จะเอาทวนง้างขึ้นแล้วเฉาะเข้าที่ดวงตาของมันจังๆ
กี๊~~~~!!!!!!! มันกรีดร้องขึ้นอย่างเจ็บปวด พร้อมสะบัดตัวไปมา แต่เลิฟโลว์ก็ยังคงเกาะตัวมันไว้แน่น
“สโลว์ช็อต!” คีมีเดียสยิงธนูปักเข้าที่ตาของมันอย่างแม่นยำ ตอนนี้แรงสะบัดมันเริ่มลดลง และเอื่อยเฉื่อยมากยิ่งขึ้น “โจมตีมันเลย!” คีมีเดียสตะโกนบอก เลิฟโลวเร่งเฉาะทวนเข้าที่ตามันไปอีกหลายที คีมีเดียสก็ยิงลูกธนูที่ใส่สกิลสโลว์ช็อตสลับแลมพิชแอร์โรวว์ เพื่อสลับทำดาเมจกับทำให้มันติดสถานะเชื่องช้า
*สโลว์ช็อต มีระยะเวลาอยู่ครั้งละ10วิ จึงจำเป็นต้องยิงบ่อยคัร้ง เพื่อให้เป้าหมายติดสถานะเชื่องช้าต่อไปเรือ่ยๆ ยังนับว่าดีที่สกิลนี้กิน mp แค่10ต่อ1ครั้งที่ใช้
แต่ยิ่งนานเข้าเรื่อยๆทั้ง2เริ่มจะหมดแรงในการโจมตีมันแล้ว เพราะยังไม่มีท่าทีว่ามันจะล้มอีกง่ายๆ
มันเบิ่งตาขึ้นและยิงลำแสงออกมาคริสตัลรอบตัวในจังหวะที่ทั้ง2เผลอ
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!” เลิฟโลว์ถูกลำแสงยิงเข้าที่ตัวจังๆ หล่อนกระเด็นออกมาจากตัวมันและไปล้มนอนอยู่ข้างทาง
ส่วนคีมีเดียสโดนลำแสงแค่เฉี่ยวขา แต่ก็ทำให้การเคลื่อนที่อย่างคล่องแคล่วของเขายากขึ้นเป็นเท่าตัว
มันยังปล่อยลำแสงไปเรื่อยๆ คีมีเดียสได้แต่กระเตงขาวิ่งเข้าหลบที่พุ่มไม้ข้างทางเท่านั้น
เจสสิก้าที่ยังคงถูกขังในม่านคริสตัล ใจกลางตัวของโกเลมคริสตัล ตอนนี้หล่อนได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว
ที่นี่ที่ไหน? นี่คือความคิดแรกที่แวบขึ้นมาในหัวของหล่อน เจสสิก้ามองสำรวจรอบๆ หล่อนอยู่ในห้องคริสตัลขนาดเล็กรูปสี่เหลี่ยม หล่อนลองนึกย้อนไปก่อนหมดสติ....
“ถูกกับดัก” หล่อนรำพึงก่อนที่จะหันมองไปรอบๆ หล่อนตัดสินใจ ชูหนังสือคัมภีร์ของเธอขึ้นมาพลางสวดภาวนา “โฮลี่สไตรค์!” ลำแสงค่อยๆรวมตัวกันเป็นลูกบอลเวทย์เรืองแสง3ลูก รอบๆตัวเธอแล้วพุ่งออกไปโจมตีหน้าต่างคริสตัลรอบๆด้านซึ่งลูกพลังเวทย์แสงลูกหนึ่งพุ่งไปโดนด้านหลังตาของมันด้วย
โกเลมคริสสตัลที่กำลังไล่ตอดคีมีเดียสอยู่ ในตอนนี้มันเซพร้อมกับล้มลง และเอามือขนาดยักษ์ทั้ง2ข้าง กุมที่ดวงตาของมันด้วยความเจ็บปวด
มันเริ่มอะลาวาดยิ่งขึ้น เมื่อมันลุกขึ้นมาได้ มันยิงลำแสงไปรอบๆตัวรัวกว่าเดิม เจสสิก้าไม่รีรอแล้วรีบร่ายเวทย์ทำลายดวงตาของมันทันที “ดีไวน์ซอร์ด!” ลำแสงศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆรวมตัวกันเป็นดาบเวทย์แล้วพุง่เข้าไปปักที่หลังตาของโกเลมคริสตัลเข้าจังๆ กี๊สสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส!!!! มันร้องด้วยความเจ็บปวด ด้านในของมันทะลักน้ำสีแดงก่ำเข้ามาและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เจสสิก้ายิ่งตื่นตระหนก เพราะถ้ายังออกไปไม่ได้ เธออาจจะจมน้ำตายอยู่ในนี้ เจสสิก้ารีบลงสกิลต่อไปเพื่อทื่จะทำลายหน้าต่างคริสตัล แต่ก่อนอื่นหล่อนต้องเพิ่มความสามารถของตัวเองก่อน “อินเทลิเจนท์ วิสดอม ฮีลมานา!” สกิลแรกอินเทลิเจนท์ ทำให้พลังโจมตีเวทย์ของหล่อนสูงขึ้น
สกิลต่อมา วิสดอม ช่วยเพิ่มmp max ทำให้ร่ายเวทย์ได้ต่อเนื่องยิ่งขึ้น สกิลสุดท้าย ฮีลมานา ฟื้นฟูพลังเวทย์(mp) ทุกๆ3วิ โดเพิ่มmp 30 ต่อ1ครั้ง เมื่อลงเวทย์สนับสนุนวคามสามารถตัวเองพร้อมแล้ว เจสสิก้าจึงเริ่มร่ายเวทย์แห่งแสงต่อไป “แองเจลิคทัช!” เจสสิdhาเอาหนังสือที่เป็นเอาอาวุธของหล่อนซึง่ตอนนี้มันมีออร่าอยู่รอบๆ ฟาดเข้าที่หลังดวงตาของมันจังๆ เพื่อลดพลังป้องกันเวทย์ของมัน “ดีไวน์เคิร์ส” เจสสิก้าเริ่มร่ายเวทย์อีกที พลังแห่งแสงค่อยๆรวมตัวกันเป็นกระจุกจนกลายเป็นค้อนแสงศักดิ์สิทธิ์แล้วฟาดเข้าที่หลังดวงตาโกลเมคริสตัลก่อนที่จะสลายไป ตอนนี้หลังดวงตาของมันมีออร่าสีขาวอยู่รอบๆ ซึ่งกลายเป็นมีดแสง10กว่าเล่ม ค่อยๆไปแทงมันทีละเล่มๆ โกเลมคริสตัลถึงกับเสียการทรงตัวล้มลงไปนอนกับพื้นทันที
กี๊~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!!!! มันกรีดร้องสุดเสียง ตอนนี้มันได้แต่ดิ้นครวญครางไปมา
คีมีเดียสที่ซุ่มอยู่ข้างๆได้ที เล็งที่ลูกตาของมันพร้อมยิงลูกธนูปักเข้าที่ดวงตาของมันไปเรื่อยๆ
มันไม่ยอมอีกต่อไป ก่อนที่จะพยายามทรงตัวลุกขึ้นแล้วปล่อยลำแสงอย่างบ้าระห่ำ เจสสิก้าที่ถูกขังอยู่ข้างใน ตอนนี้น้ำสีแดงท่วมถึงเอวหล่อนแล้ว เธอต้องรีบทำอะไรสักอย่างก่อนที่น้ำจะท่วมมิด โกเลมคริสตัลหดมือแนบเข้าที่ลำตัวก่อนที่จะหดตัวแล้วกลิ้งกระหน่ำพุ่งเข้าโจมตีคีมีเดียส คีมีเดียสได้แต่วิ่งหนีมันอย่างเดียว เพราะตอนนี้ไม่สามารถทำอะไรมันได้เลยนอกจากวิ่งหนีมันอย่างเดียว
เจสสิก้าที่อยู่ข้างในถึงกับทรงตัวไม่อยู่ล้มหัวทิ่มไปมาพร้อมจมน้ำสีแดงไปด้วย “(ไม่ได้การแล้วเราต้องรีบหยุดมัน)” หล่อนคิดในใจและพยายาม วิ่งไปตามมันเพื่อทรงตัว และชูหนังสือขึ้นพร้อมร่ายเวทย์ “ดีไวน์โฮลด์!”
ลำแสงศักดิ์สิทธิ์จากฟากฟ้าสา ดแสงลงมาที่ตัวของโกเลมคริสตัลที่กลิ้งอยู่ค่อยๆชะลอลง
“พันธนาการ!” ทันทีที่เจสิก้าสั่งการ ข้างๆตัวโกเลมคริสตัลที่ขดตัวเป็นทรงกลมอยู่ได้มีรากเลื้อยออกมาจกาพื้นดินพร้อมรัดมันทั้งหมด ดวงตาของมันเบิกโพลงออกมาและหันไปส่องรอบๆ ตอนนี้มันขยับตัวไม่ได้เลย
คีมีเดียสได้โอกาสอีกครั้ง กระหน่ำยิงลูกธนูเข้าปักที่ตาของมันไปเรื่อยๆ มันกรีดร้องอย่างเจ็บปวดพลางดิ้นไปมาจนรากที่พันธนาการมันอยู่ขาดผึงทันที น้ำข้างในตัวมันทะลักไหลแรงขึ้น เจสสิก้าที่อยู่ข้างในถูกน้ำสีแดงถ้วมถึงคอแล้ว คีมีเดียสพยายามกระหน่ำโจมตีมันไปเรื่อยๆเพื่อช่วยเจสสิก้าออกมา แต่การโจมตีเมื่อกี้กลับทำให้มันบ้าระห่ำขึ้นและปล่อยน้ำสีแดงเร็วขึ้น โอกาสที่เจสสิก้าจะรอดตายตอนนี้มีริบหรี่เต็มที ในหน้าต่างคริสตัลที่เจสสิก้าถูกขังอยู่เริ่มมีแท่งคริสตัลอันแหลมคมค่อยๆผุดออกมาและกำลังจะเลื่อนเข้ามาปลิดชีพเจสสิก้าเต็มที่
“กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!!!!” เจสสิก้ากรีดร้องด้วยความหวาดผวา แท่งคริสตัลอันแหลมคมเคลื่อนเข้ามาใกล้หล่อนเต็มที่.... “ขอแด่องค์แห่งลูซิส โปรดช่วยดลบันดาลให้....” หล่อนสวดภาวนาด้วยความเร็วสูงสุดแต่....
ฉึก!!! แท่งคริสตัล5แท่งแทงทะลุร่างของเจสสิก้า คีมีเดียสที่เห็นอยู่ข้างนอกถึงกับเบิกตาโพลงด้วยความตกใจสุดขีด ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ถูกนอกจากนิ่งอึ้งเนื่องจากภาพที่เขาเห็นคือ ร่างของเจสสิก้าที่ถูกแท่งคริสตัลที่แหลมคมแทงทะลุร่างเข้าจังๆ โกเลมคริสตัลค่อยๆคลายตัวออก เบิกตาโพลงแล้วปล่อย ดาบแสง ค้อนแสง มีดแสง10เล่ม ที่เป็นเลือด ค่อยๆผุดออกมา พร้อมจะปลิดชีพเขาได้ในทันที
ฉึก! เสียงนี้ไม่ใช่เสียงที่คีมีเดียสโดนเหล่าอาวุธเลือดนั้นแทงเข้าที่ร่าง แต่เป็นเสียงจากการถูกเฉาะดวงตาของโกเลมคริสตัล ซึ่งคนที่เข้าไปโจมตีมันคือ เลิฟโลว์ นั่นเอง ในตอนนี้หล่อนอยู่ด้านหน้าดวงตาของมัน
“บลัดดิ้งโบลว!” เลิฟโลว์ง้างทวนก่อนที่จะแทงเข้าไปที่ลูกตาขนาดยักษ์ของมันเต็มแรงด้วยคลื่นพลังทำลาย
คมทวนจากสกิลได้ปั่นเข้าที่ลูกตาของมันกระจุยกระจาย ณ บัดนี้ลูกตาของมันได้หลุดออกไปเป็นเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้ว เลิฟโลว์ไม่รอช้ารีบง้างทวนฟาดที่หน้าต่างคริสตัล เพล้ง! ช่างง่ายดายเหลือเกินหลังจากที่โกเลมคริสตัลปราศจากดวงตาซึ่งเป็นส่วนสำคัญของมันที่ทำให้ร่างกายแข็งแกร่ง ในการโจมีตเบาๆครั้งเดียว คริสตัลที่เคยคงทนก็แตกสลายลงได้ง่าย เธอรีบเข้าไปเอาทวนฟาดเข้าที่แท่งคริสตัลซึ่งกำลังแทงทะลุร่างเจสสิก้าอยู่จนหมด
ร่างของเจสสิก้าได้ถูกยกออกมา ตอนนี้ลำตัวของหล่อนมีแต่รูกว้างทะลุจนเห็นเครื่องในได้ แต่ที่น่าแปลกคือไม่มีเลือดไหลทะลักออกมาจากแผลแม้แต่แผลเดียว ยังไงเลิฟโลว์กับคีมีเดียสก็ได้แต่นิ่งอึ้งอยู่จากการที่เห็นเรือนร่างของเจสสิก้ามีแต่รูแผลกว้างทะลุ.... ทั้ง2คนตัดใจ และคิดอย่างเดียวกันว่า เจสสิก้า หมดชีวิตลงแล้ว......