บทที่29 ดอกไม้ปีศาจ
"หยุดได้แล้ว~~~!!!!" เอรินโวยวายหนักแล้วค่อยๆลุกขึ้นมา ตอนนี้แผลของหล่อนหยุดไหลแล้ว แต่เหมือนมีมีแมลงประมาณ5ตัว เกาะอยู่ตามแผล
"ชุดนักวิจัยฉัน T^T" หล่อนเชิดเสื้อสีขาว ซึ่งเป็นชุดคลุมคล้ายๆชุดนักวิทยาศาสตร์ ตอนนี้เปื้อนดินโคลนหมดแล้ว
"แล้วที่ขา~ Y^Y" หล่อนชี้ไปที่ขา เพราะมันมีแมลงที่ว่าไปเกาะอยู่ "ใจเย็นสิ หา
ยัยพยาบาลเบ๊อะให้เจอเดี๋ยวก็ให้รักษาก็ได้ อ้อ อย่าไปปัดมันล่ะเดี๋ยวเลือดพุ่ง"
แฟลชพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆแล้วนั่งพัก
"ฮัดเช้ย!!!" เจสสิก้าจามอย่างดัง(อาจเป็นเพราะคำที่แฟลชพูดเมื่อกี้= =") "ใครนินทาฉันยะ ฟื้ด ว่าแต่เราอยู่ที่ไหนเนี่ย?" เจสสิก้าเช็ดจมูกแล้วหันไปรอบๆ
"อย่าบอกนะว่านี่มันบนพื้นดินอาณาจักรสวรรค์...แล้วฉัน...ก็...อยู่...คน..เดียว!!!!" สติหล่อนแทบแตกแล้ว หล่อนเอาไม้กางเขนออกมาสวดคาถา1จบ
สติของหล่อนถึงกลับมา "โอเค....ตอนนี้เราควรปฐมพยาบาลตัวเองตรงแขนก่อน สงสัยโดนหินแถวน้ำวนบาด...อูย..." หล่อนถกแขนเสื้อยาวของชุดเครลิคออกมา
ที่แขนของหล่อนมีแต่เลือดซิบ หล่อนใช้แปลาสเตอร์แปะ "แค่หยุดเลือดก็พอแล้ว แผลไม่ใหญ่มาก..." หล่อนเก็บกระเป๋าแล้วสะพายเดินตามหาคนอื่นต่อไป...
"ร้อน....ร้อน..." เลิฟโลว์นอนบ่นพึมพำ "อ...อ้าว" คีมีเดียสลุกขึ้นมา รู้ตัวว่านอนข้างๆเลิฟโลว์อยู่ "เลิฟโลว์ เลิฟโลว์" คีมีเดียสเขย่าตัวเรียกเลิฟโลว์ให้ลุกขึ้นมา
"อืม...อืม...อ้าว คีมีเดียส" เลิฟโลว์หันไปทัก "ว่าแต่ตอนนี้เราอยู่ที่ไหนอ่ะ" หล่อนพูดอย่างรัว พลางเอามือพัดตัวเอง "ไม่รู้สิ แต่ตอนีน้เราน่าจะอยู่แถวใกล้ๆทะเลทราย
ร้อนแบบนี้ไม่มีที่อื่นแน่ๆ ดูโน่นสิทรายเต็มไปหมดเลย" คีมีเดียสชี้ไปด้านหน้า อย่างที่เขาว่าด้านหน้าเป็นทะเลทรายจริงๆ "จำได้ว่าตอนนี้เราอยู่อาณาจักรสวรรค์ใช่มั้ย"
เลิฟโลว์ถามเขา คีมีเดียสพยักหน้า "เท่าที่ฉันคิดนะ ทางป่าน่าจะมีพวกมอนเตอร์อย่างที่คุณอากาช่าว่า เราควรเดินทางทะเลทราย ที่ดูจะไม่มีมอนเตอร์เลย ถึงร้อนแต่ปลอดภัยกว่า" ที่เลิฟโลว์กล่าวอย่างนี้เพราะ ด้านหน้าของพวกเขาคือทะเลทรายโล่งๆ ส่วนด้านหลีงคือป่าอันแสนมืดสลัว อาจมีมอนเตอร์อะไรก็ไม่รู้ซุ่มอยู่ก็ได้
"เดี๋ยวนะ..." คีมีเดียสหยิบหินก้อนหนึ่ง ปาสุดแรง ก้อนหินพุ่งไปไกลมากและตกอยู่ตรงทะเลทราย ไม่มีอะไรเกิดขึ้น "แสดงว่าปลอดภัย งั้นเราไป..."
ไม่ทันที่คีมีเดียสจะพูดจบ จุดที่ก้อนหินไปตกกลางทะเลทรายอยู่ดีๆมีมอนเตอร์ประหลาดนับร้อยตัวผุดขึ้นมาจากพื้นทราย บางตัวผุดขึ้นมาแค่หัวแล้วปล่อยเลเซอร์อย่างมั่วซั่ว ส่วนพวกที่ขึ้นมาเต็มตัวก็รุมกระทืบหินก้อนนั้นอย่างเมามันส์ แล้วมุดลงทรายอีกครั้ง
"เราควรเปลี่ยนใจ..." คีมีเดียสทำหน้าแหยเลยทีเดียว "นั่นสิ น่ากลัวมาก..." เลิฟโลว์พูดด้วยร้ำเสียงสั่นเครือก่อนที่จะหยิบใบไม้ข้างๆ มาพันแผลที่นิ้วจากการใช้สกิลก่อนหน้านี้ "(ถ้าไม่ใช้สกิลนี้คงโดนน้ำวนปั่นตายไปทุกคนแล้ว แต่เปลืองhpสุดๆ วันหลังอัพเกรดให้เสียเลือดน้อยกว่านี้ดีกว่า...)" หล่อนครุ่นคิดก่อนทื่จะหยิบทวนและโล่เดินนำไป
คีมีเดียสก็รีบวิ่งตาม ทั้ง2จึงเดินเข้าไปในป่าและหายไปในความมืด....
--------- ด้านวาเนซซี่และมาช่า ------------
"ฉันว่ายิ่งเดินมัน...ยิ่งร้อน....." วาเนซซี่บ่นพึมพำ "นั่นสิ เสื้อแต่ละคนก็แขนยาวซะดว้ย ลำบากเลยงานนี้..." มาช่ากล่าวด้วยน้ำเสียงเหมือนคนใกล้จะหมดแรง
"ไว้ผมยาวยิ่งร้อนเข้าไปใหญ๋ อิจฉาเธอจัง ไว้ผมไม่ยาวมากได้" วาเนซซี่บ่นต่อ พลางปาดเหงื่อ "แบบไหนก็ร้อนเหมือนกันน่ะแหละ..." มาช่าเร่งฝีเท้าเดินต่อไป
"อืม...แต่ไม่มีวิธีอื่นเลยเหรอ นอกจากถกแขนเสื้อขึ้นน่ะ..." วาเนซซี่ทรุดตัวนั่งลงข้างทาง "อืม... เอ้อ วาเนซซี่เธอพอมีพวกสกิลธาตุลมหรือน้ำมั้ย?"
มาช่าหันหน้ามาถาม แล้วเดินมานั่งพักข้างๆวาเนซซี่ "ฉันเป็นโซลล์เลเดอร์นะ ไม่ใช่พวกวิสาร์ด หรือเอลเมนทัลพวกนั้น" หล่อนกุมเข่าบ่นอุบอิบ
"แต่เท่าที่ฉันจำได้ ยังไงพวกนักเวทย์ก็ต้องผ่านแคสเตอร์มาก่อน แล้วค่อยมาแตกแขนงอาชีพไม่ใช่รึ?" มาช่าทำมือขวับๆพยายามอธิบาย วาเนซซี่ได้แต่นั่งนิ่งกุมเข้าต่อ
"งั้นฉันจะแสดงให้ดู..." มาช่าลุกขึ้น หยิบดาบใหญ่ในตำนานขึ้นมา แล้วเล็งไปที่ต้นไม้หนึ่ง
"ฟาดดาบ!" ปลายดาบอันแหลมคมได้ตวัดลงที่ต้นไม้ ต้นไม้ต้นนั้นค่อยๆโค่นลง "เห็นมั้ย ฉันยังมีสกิลของไฟท์เตอร์เลย แต่มันห่วยแตกอ่ะนะ..." มาช่าเดินมานั่งข้างๆ
วาเนซซี่อีกครั้ง "อืม...งั้นลองดูก็ได้..." วาเนซซี่หยิบวงแหวนเวทย์คู่ในตำนานขึ้นมาเล็งที่ต้นไม้อีกต้น "พลัง...เยือกแข็ง!!!" ประกายน้ำแข็งค่อยๆผุดขึ้น
มาแช่แข็งต้นไม้นั้น แต่แช่แข็งได้แค่ครึ่งต้นเท่านั้นจากนั้นเสาพวงน้ำแข็งขนาดย่อมค่อยๆละลายหายไป "โอเค ประสิทธิน้อยหยั่งงี้แหละดี จะได้เอามาใช้ได้ ไม่ใช่โจมตี"
มาช่าพูดพร้อมปรบมือเบาๆ "งั้นเลาลองหาใบไม้มาสักใบดีกว่า" วาเนซซี่พูดจบก็เดินดูรอบๆ เจอต้นไม้ประหลาดต้นหนึ่ง มีใบขนาดใหญ่เท่าหัวคนเลยทีเดียว
หล่อนเด็ดใบมันออกมา2ใบ พร้อมใช้สกิลเยือกแข็ง หลังจากน้ำแข็งละลายหายไป เป็นใบไม้ที่มีความเย็นอยู่มาก "ได้ลแวล่ะ นี่จ้ะ" วาเนซซี่ยื่นใบไม้เย็นให้มาช่า
ทั้ง2คนเอาใบไม้เย็นมาประคบหน้า ช่วยคลายความร้อนไปได้มาก "เราควรจะไป...ต..." ไม่ทันที่มาช่าจะพูดจบหล่อนหันไปเห็นบางอย่างแล้วปากค้าง
"ค้างทำไม มีอะ..." วาเนซซี่หันไปดูที่ต้นไม้ประหลาดที่เด็ดใบออกมาเมื่อกี้ มันค่อยๆกลายร่างกลายเป็นมอนเตอร์ ขนาดสูงกว่าคนนิดนหึ่ง หัวของมันเป็นดอกไม้ที่มีเขี้ยวแหลมคม พร้อมมีลิ้นออกมา แขนของมันหายไปหนึ่งข้าง อาจเป็นเพราะจากการเด็ดใบเมื่อกี้ แขนอีกข้างเป็นเถาวัลย์หนามสีเหลือง ส่วนขาของมันเป็นรากขนาดยักษ์ และมีความแหลมคมมาก มัยคำรามอย่างหนัก ยางไม้ไหลรินออมาจากแขนข้างที่ขาด
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!" ทั้ง2ประสานเสียงกรีดร้องพร้อมกัน แล้วคว้าของ ก่อนที่จะวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต "ก็ว่าทำไมต้นมันประหลาดอยู่ต้นเดียว~!"
วาเนซซี่ตะโกนโวยวายอย่างหนักด้วยความตกใจสุดขีดพลางเร่งฝีเท้าไปด้วย "เราควรจะวิ่งหนีให้ ก.. อุ๊บ!!!" มาช่าสะดุดล้มลง "เป็นอะไรมั้ย!" วาเนซซี่หยุดวิ่งแล้วหันมา
ดูอาการมาช่า มาช่าลูบแผลช้ำที่ขาตัวเอง"ขาฉันอีกแล้ว มันไม่แข็งแรงเอาซะเลย ฮือ~ วาเนซซี่เธอรีบหนีไป ปล่อยฉันไว้ที่นี่" วาเนซซี่ส่าหย้นา "เพื่อนกัน ทิ้งกันไม่ลง!"
วาเนซซี่หยิบวงแหวนเวทย์คู่ในตำนานขึ้นมา พร้อมตั้งท่าต่อสู้กับมัน
"กี้~~~!!!!!" มันคำรามอย่างดัง แต่วาเนซซี่ยังคงอยู่ในท่าเดิม แล้วเริ่มร่ายรำท่องคาถาอุบอิบ มีวิญญาณ2ตนออกมาอยู่ข้างๆหล่อน มอนเตอร์ตัวนั้นยังจ้ำเท้าวิ่งเข้ามา พลางแลบลิ้นออกจากหัวของมัน แล้วปล่อยน้ำกรดออกมาใส่วาเนซซี่ วานเซซี่ท่องคาถาอุบอิบ วิญญาณทั้ง2ตน รวมร่างกันแล้วกลายร่างเป็นบาเรียคุ้มกันรอบๆตัวหล่อน และมาช่า
น้ำกรดที่สา ดเข้ามาจึงไม่สามารถทะลุเข้ามาโจมตีพวกหล่อนได้ หล่อนเริ่มร่ายรำอีกรอบ วิญญาณทั้ง2ตนกลายร่างเป็นดาบ แล้วดาบวิญญาณทั้ง2เล่มก็พุ่งเข้าไปฟันลิ้นมอนเตอร์ตัวนั้นขาดวิ่น "ให้มนรู้ซะบ้าง ว่าแกไม่ได้แอ้ม!" วาเนซซี่ตะโกนออกมา พลางเรียกวิญญาณออกมาอีก4ตน 2ตนแรกให้เป็นบะเรียป้องกันรอบๆตัวหล่อน ส่วนอีก2ตัว
กลายร่างเป็นขวานวิญญาณ ลอยเข้าไปสับตัวมัน "กี้ กี้~~~!!!!" มันคำรามด้วยความเจ็บปวดด้วยความดังสุดขีด มันยังกุลีกุจอวิ่งเข้ามาโจมตีวาเนซซี่โดยการเอารากส่วนขากระแทกเต็มๆ บาเรียวิญญาณป้องกันไว้ได้ แต่มันมีรอยร้าวขนาดยักษ์เลยทีเดียว "(ให้ตายสิ ขนาดบาเรียวิญญาณที่พลังป้องกัน 12500 และมี HP 100,000 ยังร้าวได้ในการกระแทกครั้งเดียว ขืนโดนไปตายในพริบตาแน่ๆ...)" หล่อนครุ่นคิด พลางเรียกวิญญาณออกมาสมทบต่อ วิญญาณหลายตนรุมพันธนาการมัน แต่แขนอีกข้าง ยังยิดเข้า
มารัดบาเรียวิญญาณรอบๆจนแตกกระจาย "อั่ก!" วาเนซซี่กระเด็นออกไป โดยแรงอัดของบาเรียที่แตก หล่อนลงไปนอนอยู่ข้างๆมาช่า มาช่าหยิบดาบใหญ่ขึ้นมามอนเอตร์ตัวนั้น
ขยายปากที่ดอกไม้ เรียกดอกไม้เดินได้ตัวเล็กๆนับ10ตัวเดินเข้าไปรุมโจมตีพวกหล่อน
แม้ขามาช่าจะขยับไม่ได้ แต่หล่อนก็ยังกวัดแกว่งดาบใหญ่ป้องกันวาเนซซี่สุดแรง วิญญาณที่เหลืออีก5ตน รุมโจมตีมอนเตอร์ตัวนั้น แต่มันไม่มีท่าทีจะบาดเจ็บเพิ่มขึ้นมาวิ่งเข้ามาง้างรากขนาดยักษ์พร้อมจะบดขยี้มาช่าและวาเนซซี่ มาช่ากวัดแกว่งดาบเพื่อป้องกันไม่ทันแล้ว รากขาดยักษ์ได้ทิ้งตัวลงมา เกือบจะทบพวกหล่อนแล้ว แต่ทันใดนั้น
กระสุนปืนน้ำกรดได้ฝังเข้าไปในรากขนาดยักษ์ และละลายหายไป มอนเตอร์ตัวนั้นร้องครวญครางก่อนที่จะกระโดดถอยไปตั้งหลัก มาช่ากับวาเนซซี่ค่อยๆหันไปด้านข้าง
คนที่ช่วยพวกเขาคือ เฟริน่า ที่มากับไพเรส ตอนนี้หล่อนอยู่บนตัวไซครอปเหล็ก "มันกลัวกรดแน่ๆ!" เฟริน่าหยิบแคปซูลเม็ดนหึ่งขึ้นมา ใส่เป็นระสุนเข้าไปในปืนและชูปืนขึ้นฟ้าและยิงมันออกมา น้ำกรดที่พุ่งออกมาลอยอยู่ด้านบนชั่วครู่ก่อนที่จะสา ดลงมาดังสายฝนเข้าโจมตีที่มอนเตอร์ มันร้องครวญครางอย่างหนักก่อนที่จะโดนกรดละลายหายไป
"ฟ...เฟริน่า!!!" มาช่าอุทานออกมา น้ำเสียงของหล่อนบอกได้ทันทีว่าดีใจสุดขีด "แล้วมาแบบนั้นทำไมเนี่ย?" วาเนซซี่ชี้ไปที่ไซครอปเหล็ก
"คุณไพเรสเขาคึกล่ะมั้ง หึๆ" หล่อนยิ้มที่มุมปากแล้วหัวเราะเบาๆ "ก็ไม่เชิงหรอกครับ ฮ่ะๆ" เขาเกาหัวแกรกๆ "แล้วเจออีก3คนที่เหลือมั้ย?" มาช่าถามเฟริน่ากับไพเรสที่นั่งอยู่บนไหล่ของไซครอปเหล็ก "ยังไม่เจอเลย โชคดีที่เจอพวกเธอ" เฟริน่ากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ "เอาเถอะครับ ไซครอปเหล็ก" ไพเรสดีดนิ้ว มันค่อยๆลดตัวลงมาแล้วชูแขนขนาดยักษ์ไปด้านหน้า ราวกับว่าจะให้มาช่ากับวาเนซซี่ไต่ขึ้นมานั่งบนตัวมัน "ขึ้นมาสิครับ" ไพเรสโบกมือเรียก ทั้ง2คนรีบไต่ขึ้นมาบนมือของไซครอปเหล็กแล้วนั่งพักเหนื่อย
"เอาล่ะไปต่อ" ไพเรสดีดนิ้ว ไซครอปเหล็กค่อยๆเคลื่อนตัวแล้วเดินทางต่อ... ทั้งหมดจึงนั่งพักอยู่บนตัวมัน โดยที่ยังไม่รู้ว่าจะเจอคนในทีมอีกครั้งเมื่อไหร่......