บทที่ 32. เปิดฉากสงครามเซาเทรินไซร์
เวลาผ่านไป2วัน ตอนนี้เวลา 6.00 กองทัพของแต่ละเมืองที่จะบุกก็ ค่อยๆทะยอยตั้งแถวและแยกย้ายไปตามจุดที่แต่ละกลุ่มต้องทำหน้าที่ แต่เป้นเมืองเซาเทรินไซร์ที่เริ่มโจมตีก่อนเวลาที่กำหนด โดยมีเสียงปืนใหญ่จากเรือรบโจรสลัดระดมยิงไปที่ตลาดน้ำและในเมืองเซาเทรินไซร์
อาริง : "เกิดอะไรขึ้น ทำไมเรือโจรสลัดถึงลงมือก่อนเวลา หรือว่าเรือโจรสลัดโดนโจมตีแล้ว งั้นพวกเราเตรียมตัวบุกเลยและทำตามแผนของแต่ละกลุ่มให้ดี"(อาริงเดินออกมาจากเต้นท์ และเห้นหมู่บ้านเซาเทรินไซร์โดนปืนใหญ่จากเรือโจรสลัดยิงอยู่และอาริงสั่งบุก)
10 นาทีต่อมา กองทัพของพวกอาริงก็ลุกคืบหน้าอย่างไวอีก200เมตรจะถึงกำแพงเมืองเซาเทรินไซร์ และอาริงก็เห้นราชินีป่าไม้บินมาหาอาริง
ราชินีป่าไม้ : "กองเรือโจรสลัดและกองเรือของอณาจักรเมทัลลิกาน่า ถูกมอนสเตอร์กุลโจมตีอยู่ พวกกุลมันแอบดำน้ำมาและแอบปีนขึ้นไปบนเรือ ดีที่พวกโจรสลัดรู้ตัวทัน เลยจัดการพวกกุลที่แอบขึ้นเรือมาและลูกเรือโจรสลัดก็จัดการฟันกุลตายบนเรือไปก็เยอะ และเรือโจรสลัดก็ระดมยิงพวกกุลที่กำลังดำน้ำจะขึ้นเรือมาอีกหลายระลอก"(ราชินีป่าไม้รายงานที่ตนเองได้เห้นมา)
อาริง : "แล้วมอนสเตอร์ในเมืองละมีอะไรบ้าง"(อาริงถามเพื่อจะได้รู้แนวทางการรบ)
ราชินีป่าไม้ : " ไม่มีมอนสเตอร์สักตัว จะมีก็แค่พวกกุลที่อยู่ตรงตลาดน้ำไม่กี่ร้อยตัวและกำลังโจมตีเรือโจรสลัดอยู่"
อาริง : "ทำไมเป้นแบบนั้นละ ทำไมไม่มีมอนสเตอร์เฝ้ารักษาแท่นเสาหินเลยละ"(อาริงก็งง)
ราชินีป่าไม้ : "แท่นเสาหินสีดำก็ไม่มีแล้ว "(ราชินีป่าไม้บอกแบบนี้ยิ่งทำให้อาริงงงเข้าไปใหญ่ ว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น)
อาริง : " งั้นให้บุกเข้าเมืองเลย แต่แบ่งกำลังของแต่ละกลุ่มไว้อย่างละครึ่ง ให้บุกเข้าเมืองครึ่งนึงและอีกครึ่งให้เตรียมพร้อมรบอยู่นอกเมือง เพราะนี่อาจจะเป็นกับดักก็ได้"(อาริงบอกราชินีป่าไม้แบบนี้ และต่างคนก็ต่างแยกกันไปจัดคนที่จะเข้าไปในเมืองและอยู่นอกเมืองอย่างละครึ่ง)
ราชินีป่าไม้พาพวกเอลฟ์ประมาณ 200คน เข้าไปในเมืองทางด้านตลาดน้ำ และสั่งให้เหล่าเอลฟ์ยิงธนูใส่พวกกุล แต่พวกกุลก็มีความไวพอสมควรจึงมีกุลหลายสิบตัวที่หลบลูกธนูของพวกเอลฟ์มาได้ และพุ่งเข้าใส่พวกเอลฟ์ แต่พวกกุลที่พุ่งเข้าใส่เอลฟ์ก็ถูกภูติพฤกษา 30ตน ใช้เถาวัลย์มัดจับไว้ เลยเป้นเป้านิ่งให้กับเหล่าเอลฟ์ยิง แต่ก็มีประมาณ10-20 ตัวที่เล็ดรอดมาจึงถึงตัวเอลฟ์ได้และพวกกุลก็เน้นพุ่งกัดคอของพวกเอลฟ์ตายไปเกือบ 10คน พวกนักรบประชิตตัวที่ตามหลังพวกเอลฟ์มา เลยรีบออกไปเป็นกองหน้าโจมตีพวกกุลให้ และให้พวกเอลฟ์ยิงธนูสนับสนุนช่วยนักรบอีกแรง ส่วนพลปืนใหญ่กอบบลิน 2กระบอก ก็เน้นยิงพวกกุลที่อยู่เป้นกลุ่มใหญ่ๆ และยิงโดนไปหลายทีเหมือนกัน
อาริงพาเอลฟ์ 150 คนกับเหล่านักรบ 150คน และพลปืนใหญ่กอบบลิน20คนพร้อมปืนใหญ่ 3กระบอก บุกเข้ามาทางประตูหน้าเมืองเซาเทรินไซร์และพาเข้ามาในเมือง อาริงก็สั่งให้ทุกคนกระจายกำลังรอบเมือง เพื่อตรวจสอบดูว่าเกิดอะไรขึ้น และอาริงก็เดินไปยังลานกว้างในหมู่บ้าน ที่อาริงคาดว่าเมื่อไม่กี่วันมานี้ตรงจุดนี้น่าจะเป้นที่ตั้งของแท่นเสาสีดำ แต่ตอนนี้ไม่มีแท่นเสาสีดำแล้วแต่มีร่องรอยเหลืออยู่ และพวกเอลฟ์และนักรบหลายคนวิ่งกลับมาบอกอาริงว่าไม่พบสิ่งมีชีวิตอื่นเลยนอกจากพวกตน อาริงก็ยิ่งคิดหนักไปใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น อาริงเลยสั่งให้คนที่เข้าเมืองมาแล้วบางส่วนไปช่วยกันโจมตีกุลที่ตลาดน้ำ และอาริงก็กำลังจะเดินไปนอกเมืองเพื่อจะสั่งการให้พวกที่อยู่นอกเมืองเข้ามาในเมืองได้ แต่อยู่ๆในเมืองก็เกิดแผ่นดินไหวขึ้น และอยู่ๆแผ่นดินก็ยุบตัวลงไปหลายสิบจุด และสิ่งที่โผล่มาจากใต้ดินคือเหล่า "ผู้พิทักษ์แห่งอาทรัมหรือเรียกว่าโกเลมแห่งความมึด" และมีกุลอีกหลายร้อยตัวคลานออกมาจากหลุมด้วย พวกนี้ทั้งหมดเป็นลูกน้องของ "เจ้าแห่งการล่มสลายคอรัปเซอร์"
อาริง : "เสียท่าแล้ว พวกมันวางกับดักไว้จริงๆ"(อาริงตกใจที่ตัวเองตกหลุมพรางกับดักแบบนี้ เพราะไม่คิดว่ามอนสเตอร์พวกนี้จะคิดแผนแบบนี้ได้ แสดงว่าต้องมีคนชักใยอยู่เบื้องหลังอีกที)
อาริง : " พวกเราจับกลุ่มกันไว้ อย่าพยายามอยู่คนเดียว" (อาริงตะโกนบอกเหล่าเอลฟ์และนักรบ)
และเมื่ออาริงสั่งการเสร็จก็ได้ยินเสียงคนร้องหลายสิบคนมาจากทางนอกเมือง อาริงหันไปดุพวกนักรบที่อยู่นอกเมืองกำลังโดนกองทัพกุลที่โผล่มาจากแม่น้ำด้านข้างของเมือง อาริงกำลังจะวิ่งออกไปสั่งการ แต่ตอนนี้หน้าประตูเมืองมีโกเลมแห่งความมึดหลายสิบตัวกำลังมายืนปิดทางเข้าออกเมืองอยู่ อาริงกับนักรบในเมือง จึงถูกตัดขาดกับพวกนักรบนอกเมืองอย่างสิ้นเชิง และตอนนี้ในเมืองพวกโกเลมแห่งความมึดและกุลก็โจมตีพวกเอลฟ์และนักรบประชิดอยู่ ส่วนพลปืนใหญ่กอบบลินก็รีบช่วยกันยิงใส่โกเลมแห่งความมึด โดยมีอาริงและนักรบประชิด 3กลุ่ม กลุ่มละ 15คนช่วยกันป้องกันไม่ให้พวกโกเลมแห่งความมึดมาถึงปืนใหญ่ได้ เพราะโกเลมแห่งความมึดเป้นมอนสเตอร์ที่แข็งมากเพราะเป้นหินหนาทั้งตัว จึงมีแค่เบรดดาบใหญ่ เบอร์เซอร์เกอร์ขวานใหญ่ ซึ่งมีไม่กี่สิบคน และปืนใหญ่ของพวกกอบบลินเท่านั้นที่พอจะจัดการอยู่ และพวกเอลฟ์ก็พยายามยิงพวกกุลให้ได้มากที่สุด แต่ด้วยพวกกุลเป้นพวกที่ไวมาก เอลฟ์และนักรบหลายคนก็โดนมันกัดหน้าและคอตายไปหลายคนเหมือนกัน
ตอนนี้พวกของอาริงที่อยู่ในลานกว้างในเมืองเซาเทรินไซร์กำลังตกที่นั่งลำบาก เพราะโดนโจมตีอย่างหนักทั้งโกเลมแห่งความมึดและพวกกุล เอลฟ์และนักรบก็ค่อยๆทะยอยล้มตายไปทีละคนสองคนเพราะจำนวนคนน้อยกว่าศัตรูมากนัก แต่ยังดีที่พวกเอลฟ์ นักรบและกอบบลินที่ทางด้านตลาดทะยอยกันมาช่วยโจมตีทางกลางเมือง เลยยังพอเฉลี่ยๆไปสู้กันได้บ้างไม่ถึงกับเสียทีซะทีเดียว
อาริง : "ทางด้านตลาดน้ำติดกับทะเล จัดการพวกกุลหมดแล้วหรือ "
ทหารเอลฟ์ : "หมดแล้ว ตอนนี้ราชินีป่าไม้ก็บินออกไปบัญชาการรบให้กับกลุ่มนักรบอีกครึ่งที่อยู่นอกเมืองนะ"
อาริง : "โชคดีจังที่ราชินีป่าไม้ไหวตัวทันออกไปช่วยกองกำลังข้างนอก"(อาริงรู้สึกหมดห่วงไปเปาะนึง)
ตอนนี้อาริงเริ่มที่จะคุมสถานการณ์ในเมืองเซาเทรินไซร์ได้แล้ว เพราะได้กองกำลังจากทางด้านตลาดน้ำ และเรือโจรสลัดก็มาจอดเทียบท่าแล้วประมาณ 5ลำ และกัปตันแจ็ค ดี สปอยเรอร์ก็สั่งให้ลูกน้องประมาณ150คน ที่เป็นโจรสลัดชาวนัลและโจรสลัดมีดบินชาวนัลจากเรือทั้ง 5ลำที่มาจอดแล้วลงไปช่วยพวกอาริงในตัวเมือง ฝีมือการปามีดของโจรสลัดมีดบินชาวนัลถือว่าแม่นมาก พวกกุลที่โดนมีดบินก็ตายกันไปหลายสิบตัว แต่พวกโกเลมแห่งความมึด ยังเหลืออีกเกือบร้อยตัว ต้องอาศัยปืนใหญ่จากพวกกอบบลิน และปืนใหญ่จากบนเรือโจรสลัดช่วยยิงอีกแรง ถึงจะเอาพวกโกเลมแห่งความมืดอยู่
30 นาทีต่อมาพวกอาริงและนักรบที่อยู่ในเมืองก็สามารถจัดการมอนสเตอร์โกเลมแห่งความมึดและกุลได้หมด แต่อาริงก็เสียเอลฟ์และนักรบไปเกือบ 200คน จากเอลฟ์และนักรบที่บุกมามากกว่า500คน ถึงว่าเสียหายพอสมควรจากการติดกับดักนี้ ยังดีที่พวกโจรสลัดมาช่วยอีกแรงทำให้ไม่ต้องสูญเสียมากกว่านี้ และอาริงกับพวกนักรบที่เหลือกำลังจะวิ่งออกไปนอกเมืองเพื่อจะไปร่วมรบกับพวกนักรบนอกเมืองที่โดนกุลโจมตีอีกทาง อยู่ๆก็มีเสียงหัวเราะที่เย็นยะเยือกดังมาจากข้างหลังพวกอาริง ทำให้อาริงหยุดและหันไปทางต้นเสียงนั้น จึงเห็นชายในชุดคลุมสีน้ำเงินยืนอยู่บนหลังคาสำนักงานบ้านไก่จ๊วบ อาริงจึงสั่งให้พวกนักรบส่วนมากออกไปช่วยพวกนักรบข้างนอกก่อนเพราะสำคัญกว่า ในเมืองตอนนี้เลยมีอาริงกับนักรบประมาณ50คน กับโจรสลัดชาวนัลและโจรสลัดมีดบินชาวนัล อย่างละ30คนที่ลงงจากเรือมาช่วยตอนแรก และตอนนี้มีเรือโจรสลัดและเรือของอณาจันเมทันลิกาน่ามาจอดอีกอย่างละ 5ลำและพวกโจรสลัดชาวนัลและโจรสลัดมีดบินชาวนัล150คนและนักรบพาราดินของอณาจักรเมทัลลิกาน่า 200คน ก็ลงจากเรือและวิ่งเข้ามาในเมืองเพื่อสมทบกับกองกำลังของอาริงที่เหลืออยู่ในเมือง
ชายในชุดคลุมสีน้ำเงิน : "สวัสดียัยหนูอาริง ไม่น่าเชื่อนะว่าขนาดเป็นเจ้ายังติดกับดักของข้าได้ง่ายดายแบบนี้ ฮ่าๆๆ"
อาริง : "ว่าแล้ว ว่าพวกมอนสเตอร์พวกนีต้องมีคนชักใยอยู่เบื้องหลัง ไม่งั้นพวกมันคงไม่คิดแผนแบบนี้ได้หรอก"
ชายในชุดคลุมสีน้ำเงิน : "อย่าว่าแต่กับดักนี้เลย ที่เมืองอื่นๆที่พวกเจ้ากำลังจะบุก ข้าก็สอนวิธีการรบและสอนวิธีวางกับดักให้กับพวกมอนสเตอร์ไว้หมดแล้ว "
อาริง : "ชิ..เจ้ารู้แผนพวกเราทุกอย่างเลยนะ แสดงว่าเจ้าก็คงแอบมีไส้ศึกปนอยู่ในพวกเราสินะ"
ชายในชุดคลุมสีน้ำเงิน : "ถูกต้องสมกับเป้นเธอจริงๆ ฮ่าๆๆ งั้นฉันจะตั้งคำถามให้ละกันนะ ถ้าเป้นเธอจะตอบถูกไหม ถ้าตอบถูกจะมีรางวัลให้ และตอบผิดก็มีรางวัลให้เหมือนกัน"
อาริง : " รู้สึกว่าเจ้าจะสนุกกับสงครามเหล่านี้เหลือเกินนะ เจ้าคงมีเป้าหมายต่างจากคนอื่นๆละสิ"
ชายในชุดคลุมสีน้ำเงิน : " เจ้านี่ช่างรู้ใจข้าจริงๆ สมกับเป้นลูกของ2คนนั้นจริงๆ หึๆๆ"
อาริง : " แกรู้จักพ่อกับแม่ของฉันด้วยหรือ "(อาริงตกใจและร้อนรนมากกับคำพูดของชายในชุดคลุมน้ำเงิน)
ชายในชุดคลุมสีน้ำเงิน : "ไว้เจ้าตอบของข้าถูกสักข้อแล้วข้าจะบอกละกันนะ ข้อแรก ทำไมอณาจักรนี้จึงเกิดสงครามครั้งนี้ขึ้น"
อาริง : "เพราะพวกแกอยากได้อำนาจมาครอบครองอณาจักรนี้ยังไงละ"(อาริงตอบโดยใช้อารมโมโหตอบ)
ชายในชุดคลุมสีน้ำเงิน : "ยังไม่ถูกซะทั้งหมดทีเดียว ข้าก็แค่คิดว่าสังคมของอณาจักรตอนนี้มันเน่าเฟะ พวกข้าก็แค่อยากจะลบล้างและสร้างใหม่ให้เป็นอณาจักรในความคิดของพวกข้า"
อาริง : "แค่นี้ พวกเจ้าถึงกับทำขนาดนี้เลยหรือ"
ชายในชุดคลุมสีน้ำเงิน : "ใช่แล้วละ ประกี้ถือว่าเจ้าตอบไม่ถูกนะ เพราะตอบไม่ถูก100% งั้น ข้อ 2 เจ้ารู้ไหมทำไมแท่นหินสีดำในเมืองนี้ถึงหายไป"
อาริง : " ตอนนี้ฉันคิดได้อย่างเดียว คงเป็นเพราะพวกข้าทำลายไปแล้วถึง 2เสา พวกแกเลยคิดจะเอาเสาที่เหลือไปรวมกันไว้ที่เดียวละสิ จะได้มีพลังมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ตอนนี้"
ชายในชุดคลุมสีน้ำเงิน : " ถูกต้องนะครับ พวกข้าย้ายเสาของเมืองเซาเทรินไซร์และเมืองวิลเดอวู้ดไปรวมไว้ที่เมืองเซาเทรินฟอร์ทหมดแล้วละ แต่เจ้านี่เก่งจริงๆ เก่งๆแบบนี้มาอยู่ฝ่ายข้าไหมละ จะได้ช่วยงานพวกข้าได้มากทีเดียว ฮ่าๆๆ"(ชายในชุดคลุมสีน้ำเงินปรมมือให้กับอาริงที่ตอบถูกอย่างง่ายดาย)
อาริง : " งั้นตอนนี้ที่เมืองเซาเทรินฟอร์ท คงลำบากที่สุดละสิเนี่ย"
ชายในชุดคลุมสีน้ำเงิน : "ก็คงอย่างนั้น ในเมื่อเจ้าตอบถูกข้าก็คงให้รางวัลที่เจ้าตอบถูกสักหน่อยแล้วละ ข้าเป้นเพื่อนของ"อาลิเซียกับริงรอนแม่ชาวมนุษย์กับพ่อชาวอสุราของเจ้านั้นละ"(อาริงตกใจอย่างมากเพราะชื่อที่ชายในชุดคลุมสีน้ำเงินพูดนั้น เป้นชื่อของพ่อแม่ของอาริงจริงๆ)
ชายในชุดคลุมสีน้ำเงิน : "งั้นฉันจะบอกให้ละกันว่าฉันเป็นใคร และใครเป็นไส้ศึกคอยส่งข่าวในครั้งนี้ให้กับข้าเพราะตอนนี้แผนข้าสำเร็จแล้วคงไม่ต้องใช้ประโยชน์กับนังนี่อีก"(ชายในชุดคลุมสีน้ำเงิน โยนร่างของผู้หญิงคนหนึ่งลงมาที่พื้นตรงหน้าอาริง ผู้หญิงคนนั้นคือเลขาไก่จ๊วบนั้นเอง)
อาริง : "หรือว่าเจ้าเป้นท่านไก่จ๊วบ ชายผู้ไม่มีใครเคยเห้นตัวตน"
ชายในชุดคลุมสีน้ำเงิน : "ถูกต้องแล้ว ข้าเบื่อหน่ายกับอณาจักรนี้ ข้าเลยอยากจะเปลี่ยนแปลง..... "(ยังไม่ทันที่ชายในชุดคลุมสีน้ำเงินจะพูดจบ อาริงก็กระโดดจะมาฟันชายในชุดคลุมน้ำเงิน แต่อยู่ๆก็มีคลื่นพลังบางอย่างมาจากด้านหลังของชายในชุดคลุมสีน้ำเงินพุ่งมากระแทกอาริงอย่างแรงจนอาริงกระเด็นตกลงจนกระแทกกับกำแพงเมืองอย่างแรง อาริงถึงกับกระอักเลือดทางปาก เครลิค2คนเลยเข้าไปช่วยรักษาอาริงอย่างไว)
ชายในชุดคลุมสีน้ำเงิน : " ลืมบอกไปว่า นี่เป้นของรางวัลสำหรับที่ตอบผิด "(ชายในชุดคลุมสีน้ำเงินพูดและสั่งให้มอนสเตอร์ตัวนี้ลงไปข้างล่าง มอนสเตอร์ตัวนี้ใหญ่พอๆกับเคออสติค มันคือ "คอรัปเซอร์ เจ้าแห่งการล่มสลาย"ที่เป้นหัวหน้าของพวกโกเลมแห่งความมึดและพวกกุลนั่นเอง และพอคอรัปเซอร์ลงมาถึงพื้นก็อ้าปากกว้างและคำรามปล่อยเป้นคลื่นกระแทกออกมาจากทางปาก และพวกนักรบหลายสิบคนที่โดนคลื่นกระแทกนี้ก็กระเด็นไปโดนกำแพงกันหมดบ้างก็ตายบ้างก็บาดเจ็บสาหัส)
ชายในชุดคลุมสีน้ำเงิน : "ข้าไปก่อนนะ พอดีข้าต้องไปทำธุระที่เมืองเซาเทรินฟอร์ทต่อ แต่อาจจะแวะเยี่ยมเยียนทำลายกองทัพของพวกเจ้าที่วิลเดอวู้ดด้วยก็ได้ แล้วแต่อารมณ์ เล่นกับเจ้าคอรัปเซอร์ให้สนุกนะ บ๊ายบาย ฮ่าๆๆๆ"(ชายในชุดคลุมสีน้ำเงินพูดเสร็จก็หายตัวไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ)
อาริง : "จัดกลุ่มไว้ เตรียมจัดการศัตรูที่อยู่ข้างหน้า พลปืนใหญ่กอบบลินยิงปืนใหญ่ได้เลย"
ก่อนที่พวกพลปืนใหญ่กอบบลินจะยิง คอรัปเซอร์ก็เสกอัญเชิญโกเลมแห่งความมึดมา 200ตัว และเสกกุลมาอีก200ตัว เพื่อเข้าปะทะกับพวกกองทัพของอาริงที่มีแค่ไม่กี่ร้อยคน ลานกว้างในเมืองตอนนี้เต็มไปด้วยศพของโจรสลัด เอลฟ์ หรือแม้แต่พวกกุลและโกเลมดำ หลายสิบชีวิต ราชินีป่าไม้ก็พากำลังคนเข้ามาช่วยอาริงในเมืองอีก เพราะข้างนอกจัดการพวกกุลหมดแล้ว พวกนักรบที่มากับราชินีป่าไม้จึงหลอกล่อพวกโกเลมแห่งความมึดและพวกกุลออกไปรบนอกเมืองได้เกือบร้อยตัว ทำให้ในเมืองไม่แออัดมากกว่าเดิมแล้ว ส่วนคอรัปเซอร์ก็ไล่โจมตีพวกนักรบและเอลฟ์ตายไปหลายสิบคนแล้วเหมือนกัน อาริงวิ่งไปหาเจ้าคอรัปเซอร์ด้วยความเร็วถึงแม้ข้างหน้าจะมีกุลหลายสิบตัวแต่อาริงก็ใช้วิชาดาบความเร็วสูงจัดการหมด เมื่อถึงระยะอาริงก็เกร็งแขนขวาเต็มกำลังและทุ่มพลังใช้ดาบความเร็วสูงฟันคอรัปเซอร์ แต่คอรัปเซอร์ก็เกร็งพลังและปล่อยคลื่นกระแทกขนาดใหญ่ออกจากปากเช่นกัน พลังของทั้ง2ปะทะหักล้างกันจึงเกิดเป้นคลื่นพลังกระจายตัวไปรอบๆ
อาริงก็ใช้จังหวะนั้นกำลังจะพุ่งเข้าไปใช้วิชาดาบความเร็วสูงอีกรอบ แต่อาริงก็ต้องเสียหลักล้มลง เพราะขาทั้ง 2ข้างของอาริงถูกกุล 2ตัวแอบเข้ามากัดเข้าที่ขาทำให้อาริงเกิดการบาดเจ็บที่ขาและทำให้เสียการทรงตัวและล้มลง คอรัปเซอร์เห้นดังนั้นจึงจะปล่อยคลื่นกระแทกออกจากปากใส่อาริงอีก แต่ปรากฎว่าก่อนที่จะได้ปล่อยคลื่นกระแทก หลังของคอรัปเซอร์ถูกกระหน่ำยิงด้วยปืนใหญ่อย่างแรงหลายนัด ทำให้เจ้าคอรัปเซอร์ถึงหน้ำคว่ำและถึงกับเลือดไหลออกมา และเมื่ออาริงมองข้ามไปทางด้านหลังของคอรัปเซอร์ก็เห้นพลปืนใหญ่กอบบลินและปืนใหญ่10กระบอกยิงใส่คอรัปเซอร์อยู่และมีเอลฟ์ตามมาด้วยอีกจำนวนหนึ่ง และทั้งหมดก็คือกลุ่มที่อาริงให้มาทางลับเพื่อไว้บุกเข้ามาในเมืองอีกทาง ซึ่งทางลับที่ว่าคือ เส้นทางรถไฟใต้ดินเถื่อนที่เคยโดนทำลายไปแล้วนั้นเอง พวกกอบบลินและเอลฟ์ช่วยกันซ่อมแซมตั้งแต่จบสงครามที่เมืองเรดคลิฟแล้วนั้นเอง จึงใช้เส้นทางรถไฟนี้บุกเข้าเมืองมาอีกทางตามแผนที่กำหนดไว้แต่ต้น
คอรัปเซอร์ : "ไอ้พวดหมาลอบกัด แอบยิงมาทางข้างหลังหรือ"(คอรัปเซอร์โมโหและหันไปด่าพวกพลปืนใหญ่กอบบลินที่ยิงใส่หลังตนจนเป็นแผล)
หัวหน้าพลปืนใหญ่กอบบลิน : " เค้าเรียกว่าเทคนิคและแผนการรบต่างหากละ เอ้า..ยิงต่อเรื่อยๆ"(หัวหน้าพลปืนใหญ่กอบบลินพูดเสร็จก็สั่งระดมยิงปืนใหญ่ 10กระบอกต่อเป็นชุดๆแบบต่อเนื่องทำให้คอรัปเซอร์ไม่สามารถเคลื่อนไหวไปไหนได้ )
เพราะอาการบาดเจ็บเริ่มสงผลกระทบแล้ว แต่คอรัปเซอร์ก็เสกอัญเชิญให้พวกโกเลมแห่งความมืด30ตัวและพวกกูล50ตัว มาจัดการพวกนักรบและปืนใหญ่กอบบลินที่มาทางอุโมงค์รถไฟใต้ดิน ในขณะที่คอรัปเซอร์มัวยุ่งที่จะจัดการพวกพลปืนใหญ่กอบบลิน อาริงก็ใช้ยารักษาแผลฉุกเฉินรักษาที่ขา ถึงไม่หายสนิทแต่ก็ทำให้อาริงสามารถที่จะเดินและวิ่งได้เกือบเหมือนเก่า อาริงเลยกระโดดขึ้นไปบนหลังของคอรัปเซอร์และเอาดาบแทงปักไปที่แผลของคอรัปเซอร์อย่างแรง ทำให้คอรัปเซอร์ถึงกับส่งเสียงร้องออกมาอย่างดัง คอรัปเซอร์พยายามจะเอื้อมมือไปจับอาริงที่หลัง แต่เนื่องด้วยคอรัปเซอร์ตัวใหญ่ มือของคอรัปเซอร์ที่เอื้อมไปเลยไม่ถึงอาริง กลายเป้นจุดอ่อนให้อาริงโจมตีอยู่ในตอนนี้
คอรัปเซอร์ตอนนี้โดนอาริงโจมตีที่แผลกลางหลังของคอรัปเซอร์ ยิ่งอาริงใช้ดาบแทงลงไปในแผลมากเท่าไร คอรัปเซอร์ก็ยิ่งทรมานและถึงขนาดคลุ้มคลั่งพยายามเอาหลังไปชนกำแพงเมืองเพื่อที่จะจัดการอาริง แต่อาริงก็เกาะดาบที่ปักไว้แน่นและพยายามเบี่ยงตัวหลบจากกำแพง และกลายเป้นว่าด้ามดาบของอาริงกับไปโดนกำแพงซะเอง ทำให้ดาบยิ่งปักลึกลงไปยิ่งกว่าเดิม ตอนนี้คอรัปเซอร์เริ่มตาพร่ามัวเพราะอาการบาดเจ็บรุนแรงและเสียเลือดมาก ทำให้คอรัปเซอร์เริ่มที่จะเสียสติเลยใช้พลังคลื่นกระแทกออกจากปากอย่างบ้าคลั่งจำนวนมาก โดยไม่สนใจว่าจะโดนพวกเดียวกันเองหรือโดนศัตรู ทำให้เกิดความเสียหายทั้ง2ฝ่าย อาริงเลยสั่งให้ชาร์ปยิงสกัดการเคลือ่นไหวไปที่ขาทั้ง4ของคอรัปเซอร์และสั่งให้พลปืนใหญ่กอบบลินให้เล็งยิงไปทำลายที่ขาทั้ง4ของคอรัปเซอร์ เหล่าชาร์ปก็ยิงสกัดการเคลื่อนไหวที่ขาทั้ง4และหัวหน้าพลปืนใหญ่กอบบลินก็ทำตามโดยระดมยิงปืนใหญ่ทั้งหมดไปที่ขาทั้ง4ข้างของคอรัปเซอร์ และไม่นานคอรัปเซอร์ก็ล้มลงเพราะขาทั้4โดนโจมตีอย่างมาก เสร็จแล้วอาริงเลยสั่งให้เบรดดาบใหญ่ที่อยู่แถวนั้นโยนดาบขึ้นมาให้อาริง เมื่ออาริงได้ดาบใหญ่แล้ว อาริงเกร็งพลังที่แขนขวาอย่างเต็มที่และใช้ดาบใหญ่เสียบลงไปที่ปากด้านบนและทะลุจนถึงปากด้านล่างและดาบใหญ่ก็ปักทะลุลงไปในดิน ทำให้ปากของคอรัปเซอร์ถูกปิดสนิทไม่สามารถใช้พลังคลื่นกระแทกได้แล้ว อาริงก็ถอนดาบเขี้ยวทมิฬของตนออกจากหลังคอรัปเซอร์ และกระโดดลงจากหลังของคอรัปเซอร์ และเดินออกห่างคอรัปเซอร์และพวกพลปืนใหญ่กอบบลิน และพวกเอลฟ์และทหาร ก็ระดมยิงใส่ไปที่คอรัปเซอร์ที่ตอนนี้นอนหมดสภาพแล้ว แต่อาริงก็จำใจต้องสั่งให้ยิงต่อไปเพื่อจะได้เป้นความแน่นอนว่าจัดการคอรัปเซอร์ได้
เมื่อคอรัปเซอร์ตาย พวกโกเลมแห่งความมึดและพวกกุลที่ถูกเสกอัญเชิญมาที่เหลืออยู่แค่ไม่ถึงร้อยตัวแทนที่จะหายไป กลับกลายเป้นจุดชนวนความแค้น ทำให้พวกโกเลมแห่งความมึดและพวกกุลพวกนั้นโมโหและแค้น โดยโจมตีพวกนักรบอย่างบ้าคลั่งโดยไม่กลัวตาย ถึงแม้จะเหลือแค่ไม่ถึงร้อยตัว แต่ด้วยความบ้าคลั่งของพวกมันกว่าจะจัดการหมดก็ใช้เวลาพอสมควร ที่มันบ้าคลั่งยอมสู้ตายพวกมันเพียงแค่ที่จะยอมตายตามเจ้านายของพวกมันไปเท่านั้นเอง อาริงและพวกนักรบในเมืองก็ตรวจตราในเมืองว่ายังมีศัตรูหลงเหลือไหม และเวลาผ่านไป 20 นาที นักรบทุกคนก็ไชโยโห่ร้องเพราะเมืองเซาเทรินไซร์ได้กลับมาเป้นของพวกมนุษย์อีกครั้งแล้ว พวกนักรบ เอลฟ์ กอบบลินที่เหลือรอดตอนนี้ก็ได้นั่งพักเหนื่อย และรักษาตัวเพราะมีทั้งบาดเจ็บเล็กน้อยและบาดเจ็บสาหัส และเมื่อสำรวจความเสียหายแล้ว พวกของอาริงก็เลือคนแค่ประมาณ 500กว่าคนที่พอสู้ต่อได้ โดยอาริงสั่งให้พักเหนื่อยกันก่อน เพราะอาริงบอกว่าพวกเราอาจจะต้องไปวิลเดอวู้ดและเซาเทรินฟอร์ทต่อ โดยที่นักรบก็ตะโกนสู้พร้อมกันเพราะใจกำลังฮึกเหิมและทำท่าจะไปกันเลย แต่อาริงก็สั่งให้พักให้พร้อมก่อนจริงๆค่อยไป อาริงเลยใช้เวลที่พักคุยกับราชินีป่าไม้และกัปตันโจรสลัดแจ็ค ดี สปอย์เรอร์
เวลาผ่านไปถึง 8โมงกว่าๆ อาริงก็จัดขบวนเพื่อที่จะมุ่งหน้าไปวิลเดอร์วู้ดต่อ เพราะคิดว่าทางลูฟเฟ่นก็น่าจะโดนกับดักและเสียหายพอๆกัน อาริงขอให้นักรบบางส่วนที่บาดเจ็บเล็กน้อยและบาดเจ็บสาหัสให้พักอยู่ที่เมืองนี้ไปก่อน โดยให้กัปตันโจรสลัดแจ็ค ดี สปอย์เรอร์และลูกน้องโจรสลัดอยู่เฝ้าเมือง และอาริงก็ของพวกนักรบโจรสลัดติดตัวไปด้วย 300คน เพราะตอนนี้เรือโจรสลัดก็มาจอดที่ท่ากันหมดแล้ว เลยได้พวกโจรสลัดมาเพื่มอีกจำนวนหนึ่ง และกัปตันโจรสลัดแจ็ค ดี สปอย์เรอร์ก็สั่งให้เรือโจรสลัดและพวกลูกน้อง 10ลำให้กับไปประจำเมืองเรดคลิฟไว้ส่วนอีก20ลำให้จอดที่เมืองเซาเทรินไซร์ก่อน และอาริงก็ขอให้ราชินีป่าช่วยไปเฝ้าที่เมืองเรดคลิฟด้วยเพราะอาริงยังไม่ไว้วางใจพวกศัตรูว่าจะโจมตีอีกไหมเลยต้องการให้ราชินีป่าไม้เป้นผู้พิทักษ์เมืองเรดคลิฟ และเมื่อถึงเวลา 9.00 อาริงและกองกำลังผสมจำนวนประมาณ800คน รีบมุ่งหน้าไปเมืองวิลเดอวู้ด...............................