บทที่ 13. หญิงในชุดคลุมดำและการไถ่บาป
หลังจากเหตการณ์นี้ เรนาร์ดก็จูงมือนางพญาน้ำแข็งไอซ์ซี่มาทางกลุ่มนักรบ ที่ตอนนี้นั่งพักผ่อนกันในเมืองและนอกเมือง ส่วนคนที่บาดเจ๊บก็ไปรักษาบาดแผลกันที่สำนักงานอคาเดมี่และโรงแรมในเมือง นางพญาน้ำแข็งไอซ์ซี่เลยเล่าเรื่องทุกอย่างให้กับกลุ่มนักรบฟัง ซึ่งอาจจะเป้นเรื่องยากที่ทุกคนจะทำใจเชื่อและยอมรับได้ แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ เพราะหลักฐานชิ้นหนึ่งที่เกิดขึ้นจริงก็คือแท่นเสาสีดำที่มีไม้กางเขนกลับหัวที่อยู่กลางเมืองนั่นก็คือหลักฐานชิ้นสำคัญว่า ได้มีกลุ่มคนที่คิดจะทำลายอณาจักรนี้แน่นอน ตอนนี้ที่ต้องทำโดยเร็วก็คือ นำร่างของผู้เสียชีวิตทั้งหมดนำไปฝั่งที่หลังเมืองที่เป้นสุสานของชาวเมือง ส่วนศพของเหล่ามอนสเตอร์นั้นได้หายไปหมดสิ้นเพราะมอนสเตอร์พวกนั้นมาได้เพราะการเสกอัญเชิญของนางพญาน้ำแข็งไอซ์ซี่ พอนางพญาน้ำแข็งไอซ์ซี่ถอนคาถาอัญเชิญร่างมอนสเตอร์พวกนั้นก็เป้นดวงวิญญาณและลอยกลับเข้าไปในถ้ำหิมะตามเดิม
ไซเฟอร์ : " และแท่นเสาเจ้าปัญหานี้จะโค่นมันลงยังไงดีละเนี่ย เพราะข้าลองให้เหล่าวิสาทร่ายเวทย์ และให้ทหารระเบิดทิ้งแล้ว แต่เหมือนแท่นเสาต้นนี้มันกลับดูกลืนพลังไปหมดเลย"
เรน่า : " ข้าคุ้นๆว่าเคยอ่านเจอนะ มันเป้นแท่นเสาอัญเชิญของเผ่ามารร้าย ที่ใช้ควบคุมจิตใจและปลดปล่อยความมืด และมันก็ยังเป็นส่วนหนึ่งในพิธีบูชาเพื่อที่จะปลดปล่อยพลังงานชั่วร้ายให้ตื่นขึ้นมา แต่ข้าก็รู้แค่นี้เพราะหนังสือเล่มนั้นมันถูกใครบางคนฉีกไปครึ่งเล่ม"
ลูคัส : " แล้วถ้าใช้ขวานใหญ่ช่วยกันสับละ "
ไซเฟอร์ : " เจ้าก็ลองสิ แต่เจ้ายังมีแรงเหลืออีกหรือ ฮ่าๆ" (ลูคัสได้ยินคำสบประมาทเลยเงื้อขวานใหญ่ฟันเต็มแรงไปที่แท่นเสา ปรากฏว่าเสานั้นได้ดูดกลืนแรงฟันของขวานและดูดกลือนขวานนั้นเข้าไปด้วย จนลูคัสต้องปล่อยขวานไป)
อาริง : " ข้าพอมีวิธีที่จะทำลายเสานี้ได้ แต่ไม่ชัวร์100%นะ แต่ก็พอมีหวังประมาณ80% แต่....." (อาริงพูดจบ และทำหน้าเศร้าและมองไปทางนางพญาน้ำแข็งไอซ์ซี่ ซึ่งนางพญาน้ำแข็งไอซ์ซี่เองก็พอจะรู้ชะตากรรมอยู่แล้ว และนางก็เต็มใจทำเพื่อล้างบาปที่นางได้ทำไว้กับเมืองนี้)
เรนาร์ด : " เจ้ามองนางพญาน้ำแข็งไอซ์ซี่แบบนี้ เจ้าหวังสิ่งใด และตัวเจ้าเองละเชื่อได้แค่ไหน เพราะเจ้าก็เป้นนักโทษที่มีค่าหัวถึง30ล้านบิลล่า แล้วพวกข้าจะเชื่อเจ้าได้ยังไง" (เรนาร์ดเอาขวานชี้หน้าอาริง เพราะเรนาร์ดก็พอจะรู้แล้วว่าอาริงกับนางพญาน้ำแข็งไอซ์ซี่จะทำอะไรกัน)
อาเวีย : " ใจเย็นๆเรนาร์ด ความจริงของเรื่องอาริงข้าสิน่าจะรู้ดีกว่าเจ้า เพราะข้าเป้น1ใน2คนที่รอดตายจากอาริงเมื่อ 1ปีก่อน"
ลูฟเฟ่น : "งั้นที่ฟริกซ์บอกว่ามีคนที่รอดตายและบอกความจริงทุกอย่างในวันนั้นกับฟริกซ์ก็คือเจ้าสินะ"
อาเวีย : "ใช่ ข้าเองละที่เป้นคนบอกฟริกซ์ ข้าถึงได้เป้นเพื่อนสนิทกับเจ้าพริกซ์มันยังไงละ เพราะข้าก้ทนไม่ได้ที่เห้นนายทหารเหล่านั้นทำในวันนั้นที่เรดคลิฟ แต่ทำไงได้ตอนนั้นข้าก็ยังเป้นแค่พลทหารที่ต้องเชื่อฟังนายทหารชั้นผู้ใหญ่และยังกองทัพอีกที่ปล่อยข่าวผิดๆให้กับอาริงเสียหายให้ได้มากที่สุด"(อาเวียก็เล่าเรื่องทุกอย่างในวันที่อาริงสังหารทหารที่เรดคลิฟ และเล่าเรื่องกองทัพที่ปล่อยข่าวผิดๆกับอาริงให้ทุกคนฟัง)
ไซเฟอร์ : " ไม่น่าเชื่อว่าทางการจะทำได้ถึงขนาดนี้ เพียงแค่จะปกป้องชื่อเสียของกองทัพ ทั้งที่รู้ว่าเหล่าลูกน้องของตัวเองทำอะไรไว้บ้างใน1ปีที่ผ่านมา"
ลูคัส : " นี่ละทางการและกองทัพละ " (พูดจบลูคัสก็เดินไปกอดคอไซเฟอร์และพาไปนั่งพักกินอาหารและเบียร์ต่อ)
อาริง : " ที่ข้าปลอมตัวและมาสมัครเป้นนักล่า ก็เพื่อต้องการสืบหาข่าวสารลับๆบางอย่างเหมือนกัน เพราะช่วงที่ข้าเร่ร่อนไปทั่วก็พอได้ข่าวไม่ดีๆเกี่ยวกับกลุ่มคนที่จะทำลายอณาจักรนี้ และกลุ่มนั้นยังมีอำนาจในกองทัพและสมาคมนักล่าด้วยและตามเมืองต่างๆด้วย"
อาเวีย : " ข่าวเจ้าเชื่อได้แค่ไหน "
อาริง : " ตอนแรกยังแค่50%อยู่ เพราะต้องสืบและหาหลักฐานต่อไป แต่ตอนนี้พวกเจ้าก็เห้นสิ่งที่อยู่ข้างนอกแล้วไม่ใช่หรือ และสิ่งนั้นมันทำอะไรกับเมืองนี้บ้าง" (อาริงพูดและชี้นิ้วไปทาง แท่นเสาหินสีดำที่มีไม้กางเขนสีดำกลับหัวปักอยู่บนยอดเสา )
ยังไม่ทันที่ทุกคนจะพักกันแบบสบายใจ ก็เกิดความวุ่นวายขึ้นอีก และมีเสียงจากกลางเมือง พวกอาริงและคนอื่นๆที่คุยกันอยู่ในโรงแรมต้องรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่เห็นคือ มีเหล่าโกแรมสีดำ มังกรบินเดรกสีดำ และหมาป่าสีดำ อยู่อย่างละ10ตัว กำลังไล่กัดและไล่สังหารเหล่านักรบที่ไม่ทันได้เตรียมตัวรบ เพราะนึกว่าจะไม่มีเหตุการณ์สู้รบอีกแล้วในคืนนี้แต่ผิดถนัด ไซเฟอร์และลูคัส ก็รวบรวมคนที่ยังมีแรงและรบได้ก็ช่วยกันไปจัดการเหล่าสัตว์อัญเชิญนั้นๆ
เรน่า : " นั่นมันเหล่าสัตว์อัญเชิญ ของอาชีพวอลอคนี่ แสดงว่ามีวอลอคคนอื่นนอกจากฉันอยู่ที่เมืองนี้ อย่างต่ำก็ต้องมี30คน เพราะวอลอคธรรมดาสามารถอัญเชิญสัตว์อัญเชิญได้ครั้งละ 1ตัวเท่านั้น"(เรน่าอธิบายให้ฟัง)
หญิงในชุดคลุมสีดำ : " ใครบอกต้องใช้วอลอคถึง 30คน แค่ฉันคนเดียวต่างหากละ หึๆๆ"
อาเวีย : " นั่นมันยืนอยู่บนยอดเสาดำไม้กางเขนนั่น" (อาเวียชี้ให้ทุกคนดู หญิงในชุดคลุมดำ ยืนอยู่บนไม้กางเขนบนยอดเสาสีดำ)
เรน่า : " แกเป้นใคร ทำไมถึงมีพลังมากขนาดเชิญสัตว์อัญเชิญได้ขนาดนี้"
หญิงในชุดคลุมดำ : "ถ้าอยากรู้ก็ทำให้ฉันลงไปยืนข้างล่างให้ได้สิ ถึงจะบอกหึๆๆ"
อาเวีย : "
ยิงประณีต" (สิ้นเสียงปืนไรเฟิ่ลกระสุนที่มีพลังสูงก็แหวกอากาศหนาวขึ้นไปทางหญิงในชุดคลุมดำ)
หญิงในชุดคลุมดำ : "
อาภรณ์แห่งความมึด"(สิ้นเสียงร่ายเวทย์มนต์ดำ กระสุนไรเฟิ่ลก็ทะลุผ่านตัวของหญิงในชุดคลุมดำไปแบบไร้รอยขีดข่วน)
หญิงในชุดคลุมดำ : " อะไรกัน นักล่าลำดับที่4มีปัญญาแค่นี้เองหรือ ฮ่าๆๆ"(หญิงชุดดำมัวแต่หัวเราะ และไม่ทันสังเกตว่าอาริงกระโดดมาถึงข้างหน้าตัวเองแล้ว โดยที่อาริงให้ลูฟเฟ่นเป้นฐานและให้ลูฟเฟ่นใช้กำลังแขนส่งอาริงขึ้นมาข้างบน)
อาริง : " แล้วนักล่าอันดับ1ละพอไหม "(อาริงใช้ดาบใหญ่ฟันไปที่หญิงในชุดคลุมดำและอาริงก็กระเด็นตกลงมา เพราะโดนคาถาสาปแช่งและที่หญิงในชุดดำร่ายคาถาใส่ แต่อาริงก็ฟันโดนแค่ชุดคลุมทำให้เสื้อคลุมขาดและเผยให้เห้นใบหน้าของหญิงในชุดคลุมสีดำ เธอคือ "
เนลล่า" นักล่าค่าหัวลำดับที่5 ที่เคยเจอกันในที่ประชุมกับเซอร์อเล็กซ์นั่นเอง )
เนลล่า : " เก่งจังเลย แม่นักล่าอันดับที่ 1 แต่เอ...จะให้เรียกว่านักล่ายูนะ หรือ นักโทษค่าหัวอาริงดีละ ฮ่าๆๆ"
อาริง : " แล้วแต่เธอสิ ฉันยัไงก็ได้อยู่แล้ว เพราะพรรคพวกเข้าใจเรื่องต่างๆหมดแล้ว" (อาริงนั่งลงและเครลิคแถวนั้นกำลังรักษาคำสาปนี้อยู่)
นางพญาน้ำแข็งไอซ์ซี่ : " เอ๊ะ... ใช่เธอคนนี้ที่มาบอกข่าวหลอกลวงให้กับฉันเมื่อวันนั้นที่บอกว่าเรนาร์ดโดนทางการหักหลังและถูกฆ่าไปแล้วนี่น่า"(นางพญาน้ำแข็งไอซ์ซี่จำหน้าได้ และด้วยความโมโหที่ถูกหลอกใช้ เลยเสกแท่งผลึกน้ำแข็งโจมตีเนลล่า แต่ก็ไร้ผลอีก เพราะเนลล่าใช้คาถา "
อาภรณ์แห่งความมึด" ทำให้เวทย์มนต์ไม่สามารถทำอะไรได้แถมยังถูกสะท้อนกลับมาทางนางพญาน้ำแข็งไอซ์ซี่ แต่นางพญาน้ำแข็งไอซ์ซี่ก็ใช้พายุหิมะพัดเอาแท่งผลึกน้ำแข็งปลิวไปให้พ้นทางสะท้อน)
เรน่า : " งั้นแท่นเสาดำต้นนี้ ก็เป็นฝีมือเธอใช่ไหม "
เนลล่า : " ปิ๊งป่อง ถูกต้องแล้วจ้า ฮ่าๆๆ เพียงแต่ว่าแท่นเสาต้นนี้เป้นเพียงแค่การทดลองครั้งสุดท้าย ว่าพลังของเสาต้นนี้มีพลังขนาดไหนและใช้ทำประโยชน์อะไรได้บ้าง และผลที่ออกมาก็เป้นที่น่าพอใจกับทางเรามาก ทำให้ทางเราได้รู้อะไรหลายๆอย่างจากพลังของมัน"
นางพญาน้ำแข็งไอซ์ซี่ : " แกเอาเมือง และชาวเมืองมาเป้นเครื่องทดลองแบบนี้หรือ "
เนลล่า : " จุ๊ๆๆๆ อย่าลืมสิผลงานครึ่งนึงก็เป้นฝีมือของเธอเองนะ ฮ่าๆๆๆ"(เนลล่าพูดจบ และคำพูดนั้นเสียดแทงใจของนางพญาน้ำแข็งไอซ์ซี่นัก ทำให้นางพญาน้ำแข็งไอซ์ซี่ก้มหน้าร้องไห้ เพราะตัวเค้าเองก้คงไม่ให้อภัยตัวเองเหมือนกัน ถึงแม้ว่าส่วนหนึ่งจะตกอยู่ใต้การควบคุมของความมึดของเสาต้นนี้ แต่ลึกๆก็มีตัวเองที่โดนหลอกจนทำให้จิตใจโดนครอบงำได้ง่ายๆ)
เรนาร์ด : " หุบปากไปเลยนะยัยบ้า ถ้าพวกแกไม่ใช้เสาความมึดนี้มาควบคุมจิตใจของนางพญาน้ำแข็งไอซ์ซี่ เค้าก็คงไม่ทำอะไรแบบนี้หรอก" (เรนาร์ดพูดไปพร้อมกับกอดนางพญาน้ำแข็งไอซ์ซี่ไว้)
เนลล่า : "ต๊ายๆๆ รักกันจริงนะ อ๊ะๆถือว่าเป้นเพื่อนเก่าในสมาคมนักล่าเดียวกัน ฉันจะบอกเอาบุญให้ แท่นเสาต้นนี้มันเป้นเสาที่พวกเราทดลองใช้ที่เมืองนี้ก็จริง แต่ไม่ช้าไม่นาน เสาของจริงที่ใช้งานและมีพลังมากกว่านี้ จะเกิดขึ้นแน่แต่จะที่ใดเมื่อไรก็หากันเอาเองนะ "(เนลล่าพูดจบและหันหลังทำท่าจะหายตัวไปแต่ก็หยดชะงัดและหันมาพูดอีก)
เนลล่า : " เกือบลืมๆ แท่นเสาต้นนี้มันเป็นของทดลองที่ไม่สมบูรณ์ก็จริง แต่ในเมื่อมันไม่สมบูรณ์และเอามาใช้ทดลองแบบนี้ มันก็จะเกิดการระเบิดขนาดใหญ่ขนาดที่ว่าเมืองนี้จะหายไปในพริบตา และคงอีกไม่กี่นาทีนี้แล้วละ โชคดีนะ ฮ่าๆๆๆ"(เนลล่าพูดจบและหันหลังและหายตัวไปในที่สุด)
นางพญาน้ำแข็งไอซ์ซี่ : " ไม่มีเวลาแล้ว ตอนนี้ฉันคงทำได้เพียงต้องไถ่บาปครั้งนี้แล้ว "(นางพญาน้ำแข็งไอซ์ซี่หันมาพูดกับเรนาร์ด)
เรนาร์ด : " เธอจะทำอะไร อย่าบอกว่าเธอกำลังจะสละชีวิตของตัวเองเพื่อไถ่บาปนะ"
นางพญาน้ำแข็งไอซ์ซี่ : " มันเป้นสิ่งเดียวที่ฉันทำได้ในตอนนี้แล้ว ใช้ชีวิตให้คุ้มค่านะเรนาร์ด และฉันจะเฝ้าดูแลปกปักษ์รักษาคุณไว้ในใจของคุณนะ ลาก่อนนะที่รัก " (นางพญาน้ำแข็งไอซ์ซี่พูดจบก็จูบลาเรนาร์ดและรีบเหาะไปที่แท่นเสาสีดำ)
นางพญาน้ำแข็งไอซ์ซี่ลอยขึ้นไปบนยอดเสาและเอามือทั้ง2ข้างจับไว้ที่ไม้กางเขนสีดำบนยอด และทำการปลอดปล่อยพลังงานชีวิตทั้งหมดเปลี่ยนให้เป้นพลังงานน้ำแข็งขั้นสูงสุด และเสาสีดำนั้นก้ค่อยๆดูดกลืนพลังชีวิตที่เป็นพลังงานน้ำแข็งนั้นเวลาผ่านไป 5นาที แท่นเสานั้นก็กลายเป้นแท่นเสาน้ำแข็งทั้งหมด พร้อมๆกับพลังงานชีวิตของนางพญาน้ำแข็งไอซ์ซี่ก็หมดไปและร่วงตกลงมาและเรนาร์ดก้รับไว้ได้ในอ้อมแขน พวกทหารเลยใช้ระเบิดระเบิดเสาน้ำแข็งนั้นและเหล่าวิสาทก้ร่ายเวทย์สายฟ้าเพื่อทำลายเสาน้ำแข็งให้แหลกละเอียดเช่นกัน และเมื่อเสาถูกทำลายลงไปแล้ว ก็มีเสียงหนึ่งตะโกนดังออกมา
"
เรื่องที่ว่าแท่นเสาหินจะระเบิดใหญ่จนทำลายเมืองในพริบตานั่นนะ ฉันโกหกพวกเจ้าละ ฮ่าๆๆๆๆๆ"(เป้นเสียงของเนลล่าที่ยังไม่ไปไหนและแอบดูอยู่ที่ไหนสักแห่งนอกเมืองด้วยความสะใจ)
เรนาร์ด : " ออกมานะ แกเอาชีวิตของคนมาเป็นเครื่องมือล้อเล่นหรือ ออกมาซะดีๆ" (เรนาร์ดคลุ้มคลั่งไปแล้ว ไซเฟอร์ ลูคัสและลูฟเฟ่นต้องมาจับตัวเอาไว้ และเรนาร์ดก็นุ่งลงแบบหมดอาลัยตายยาก)
ทุกคนที่ได้ยินและได้เห็นก็รู้สึกเจ็บแค้นเข้าไปในหัวใจ เรนาร์ดยิ่งได้ยินยิ่งโกรธแค้นมากกว่าใครเรนาร์ดร้องไห้และกอดร่างไร้วิญญานของนางพญาน้ำแข็งไอซ์ซี่ไว้จนแน่น พวกมันใช้ชีวิตของคนอื่นมาเป้นของเล่นของพวกมัน มันช่างเป้นภาพที่เจ็บปวดใจจริงๆ และแล้วแสงอาทิตย์ยามเช้าก็ส่องลงมายังเมืองหิมะที่ตอนนี้ไม่มีเทพพิทักษ์ของเมืองนี้คอยปกปักษ์รักษาเมืองไว้แล้ว เรนาร์ดและคนอื่นๆก็ช่วยกันพาร่างของ นางพญาน้ำแข็งไอซ์ซี่ไปยังถ้ำน้ำแข็งชั้นลึกที่สุดและวางนางพญาน้ำแข็งไอซ์ซี่ไว้บนแท่นน้ำแข็ง เรนาร์ดจูบลานางพญาน้ำแข็งไอซ์ซี่เป็นครั้งสุดท้ายและเดินจากมาด้วยแววตาอาฆาตมาดร้ายกลุ่มองค์กรมึดนี้.............