GAMEINDY: Asura Online
หน้า: 1 ... 7 8 [9] 10 11 12
ผู้เขียน หัวข้อ: มือใหม่หัดเเต่งนิยายเรื่องยาว:ปฐมบทแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์บทที่ 31 (23/02/53)  (อ่าน 5920 ครั้ง)
• Who ?! •
Sr. Member
****
กระทู้: 1,969

?!


Re: มือใหม่หัดเเต่งนิยายเรื่องยาว:ปฐมบทแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์บทที่ 29 (28/12/52)
« ตอบ #120 เมื่อ: 29-12-2009, 22:14:32 »

 Shocked

ลืม ยัย นู๋ คาริน ไปเสียแล้ว

 Evil

เอาไปทิ้งไว้ กับ ท่านไปป์ นาน แท้~

 Cry

ไม่ได้ ปั้ม ไม่ได้ เกรียน

แค่ เกรี๊ยน เกรียน เอง
quill
Sr. Member
****
กระทู้: 1,765

รูปชั่วคราว


Re: มือใหม่หัดเเต่งนิยายเรื่องยาว:ปฐมบทแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์บทที่ 29 (28/12/52)
« ตอบ #121 เมื่อ: 30-12-2009, 18:35:21 »

ยากจะบอกว่าเลือกตอนต่อไปมาน่าอ่านมาก  Shocked



quill farm

~สมาคมเดินเล่น~

วุ้นเทพตัวที่ 9 ผ่านไป 2 ปี 5 เดือน

อยากจะบอกว่าอย่าเปลี่ยนชื่อบ่อยนักเพราะมันจะลืมว่าป็นใคร - -
หลานผู้พันคาร์เตอร์
Asura Tester
Hero Member
*
กระทู้: 2,256

เลื่อนไม่สิ้นสุด .. นิยายฉัน


เว็บไซต์
Re: มือใหม่หัดเเต่งนิยายเรื่องยาว:ปฐมบทแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์บทที่ 29 (28/12/52)
« ตอบ #122 เมื่อ: 11-01-2010, 17:02:04 »

บทที่ 30 :

“เฮ้ยยยยยยยยย อ๊ากก ผีหลอกกก!!” เท้าของแมวหนุ่มพาร่างกายเผ่นออกมาจากวิหารโดยไม่ต้องรอคำสั่งจากสมอง
 ตามด้วยร่างเปื้อนเลือดสองร่างที่เดินออกมา ... ราวกับพระเอกนางเอกจากหนังสยองขวัญก็ไม่ปาน ...

“ขอบคุณพระเจ้า นึกว่าจะต้องตายอยู่ในวิหารนั่นซะแล้ว...” ทหารในเครื่องแบบขาดวิ่นชูแขนขึ้นบิดขี้เกียจด้วยท่าทีเหนื่อยล้า
“ทางการส่งพวกท่านมาหรอ? แล้วไอดาบนี่มันของใครกัน? มันแทบจะปักเข้ากลางตัวชั้นแล้วนะ รู้มั้ย?!!” ไม่ทันทักทายนักล่าสมบัติสาวก็บ่นทันที

“เชส กับรอส ใช่รึเปล่า?” เพนทักทายด้วยน้ำเสียงเรียบๆพลางหยิบม้วนคาถาหน้าตาแปลกๆขึ้นมา
“อื้อ ว่าแต่พวกเจ้าเปิดหินที่ทางเข้านั่นได้ไงนิ ผลักจากด้านในมันไม่ขยับเลย แถมพอลองใช้ระเบิด ผลที่ได้ก็เป็นเงี้ย..”
เชสชี้ไปที่ลำตัวของตน สะเก็ดระเบิดคงกระจายมาโดนพวกเขาด้วยตอนพยายามเปิดถ้ำ
“คงจะเป็นเวทย์มนต์ของใครซักคนล่ะนะ เอาเป็นว่า โชคดีละกัน”
ม้วนคาถาใบจ้อยถูกโยนเข้าหารอสกับเชส ร่างของทั้งสองกลายเป็นแสงหายวับไปทันที ริมฝีปากสีชมพูอ่อนของรอสทำท่าจะบ่น ... หากแต่ไม่ทัน ...

“อะไรน่ะ? อย่าบอกนะเจ้าทำมันขึ้นมา” ฮอล์ลอฟสะกิดไหล่เพนด้วยท่าทีสงสัย แหงล่ะ ม้วนคาถาเคลื่อนย้ายมันทำง่ายๆซะที่ไหน
“อย่างที่ท่านเข้าใจล่ะ พอดีเมื่อคืนว่างๆเลยลองเขียนเล่นๆ หวังว่ามันจะส่งพวกเขาไปที่ป้อมปราการกลางทะเลทราย”
“เฮ้ย แล้วถ้ามันส่งพวกนั้นไปในป่าลึก หรือในหุบเขา แกจะทำไงนี่” เป็นน้ำเสียงร้อนรนอย่างเห็นได้ชัดซึ่งนานๆจะได้ยินจากปากของชายวัยกลางคน…

“ข้องใจในฝีมือข้างั้นรึ? พลังเยือกแข็ง!!”

เสียงร่ายเวทย์ดังขึ้นจากร่างใต้ผ้าคลุมจอมอาคมอย่างไร้ปราณี  พร้อมกับผีตาโขนสามตัวที่ทำท่าจะออกมาจากวิหารจตุรกรถูกแช่ทั้งเป็น
เพล้ง!!
หุ่นผีแช่แข็งแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆด้วยแรงกระทบอันเบาบางจากชายผ้าคลุม เพนอ้าปากหาวอย่างเบื่อหน่ายพร้อมเดินนำทีมไปเบื้องหน้า’

ฮอล์ลอฟกับเพนเดินนำทุกคนไปในทิศทางที่มีกระแสพลังบางอย่างปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเข้าไปใกล้จึงพบกับอาณาเขตของอาคมที่แสนจะเบาบางแห่งหนึ่ง พิจารณาด้วยสายตาของเพน มันดูราวกับใยแมงมุมที่มีน้ำค้างเกาะ
มันทำได้เพียงกันสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ พวกผีตาโขนสามารถผ่านได้อย่างสบาย ร้ายกว่านั้นคือมนุษย์แทบไม่รู้สึกถึงตาข่ายอาคมนี้เลย....

 ในความมืด สายตาของแมวดำหนุ่มสะดุดกับร่างของบางสิ่ง .... คล้ายกองผ้าสีดำกองอย่างไร้ระเบียบอยู่บนพื้น... เขาเมินเฉยพลางเดินเตะฝุ่นใส่
ผลั่ก!!
“โอ้ย!!” ด้วยความซุ่มซ่ามของโจรหนุ่มที่บังอาจไปเตะกองผ้านั้น บันดาลโทสะให้บางสิ่งลุกขึ้นมาทุบหัวเขาอย่างแรง

“ข้าไม่ได้ทำผิดนะโว้ย มาทำแบบนี้เดะปั๊ด ...” กำปั้นที่เงื้อสุดมือของชายชราผู้นอนกองกับพื้นเมื่อครู่ชะงักลง
สายตาของเขาประสานกับหนึ่งในสมาชิกของคณะเดินทาง ....

“ฮอล์ลอฟเพื่อนยาก!!”
“ทิม?! แกยังไม่ตาย??”
ดูเหมือนฟ้าจะเล่นตลกให้ทั้งสองมาพบกัน เพื่อนเก่าเพื่อนแก่กอดกันกลมด้วยความคิดถึง
ถ้าไม่ใช่ว่าเดินมาจนอาหารย่อยไปหมดแล้ว มีหวังได้เห็นทุกคนคายของเก่ากันเป็นแถบ ... ชายสูงอายุกอดกันแบบนี้ไม่ปกติจริงๆ ...
.... กระเพาะอาหารจะพังก็งานนี้ ....

“ข้าก็ว่าแล้ว ไอตาข่ายบ้าบอนี่มันคุ้นๆตาอยู่” ฮอล์ลอฟพูดพลางเอาหอกเขี่ยบางสิ่งกลางอากาศที่คนอื่นมองไม่เห็น
“ข้าก็แค่อยากจะพักเท่านั้นเอง วิ่งไล่จับกับหนุ่มทหารกับสาวน้อยนั่นตั้งนาน” บุรุษนามว่าทิมเอ่ยอย่างติดตลก
“พัก? แกไว้ใจไอเขตอาคมนี่งั้นรึ?” ฮอล์ลอฟทวนถาม
“ชั้นสร้างไว้กันแมลงต่างหาก เดิมทีพวกวิญญาณนั่นมันก็ไม่กล้าเข้าใกล้ชั้นอยู่แล้ว”
แววตาของทิมที่สะท้อนแสงไฟจากไม้เท้านั้นเป็นประกายด้วยความอารมณ์ดี
ฮอล์ลอฟยืนพินิจชายชราอยู่ชั่วครู่พร้อมๆกับปล่อยให้ทุกคนงงเป็นไก่ตาแตกต่อไป

“เอ่อ... ลุงๆทั้งสอง ช่วยอธิบายให้กระจ่างหน่อยได้มั้ย ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น?” สุดจะทนจึงเอ่ยกล่าว เหตุการณ์เบื้องหน้ามันเหนือกว่าที่ชายหนุ่มจะเข้าใจ

“อ่อ.. ตานี่มันเป็นเพื่อนของชั้นเอง คล้ายๆไพโรอ่ะแหละ แต่มันอัญเชิญเวนทัสโดยใช้ตัวเองเป็นของสักการะ ไปๆมาๆเลยเป็นลิงลมเฝ้าวิหาร” 
ฮอล์ลอฟขำอย่างอารมณ์ดี ทิมยืนยืดอกอย่างภูมิใจที่อย่างน้อยก็ท่องบทอัญเชิญเทพได้แม้จะแลกกับบางสิ่ง แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทำได้

“ลิงลม?” บาสนึกไปถึงลิงตัวน้อยสีขาวๆดูน่ารัก ก่อนจะถูกเสียงอุทานอย่างตกใจชวนให้มองเบื้องหน้า ...

 ....จุดๆเดิมที่ลุงทิมเคยยืนอยู่ กลายเป็นลิงยักษ์สีขาวตัวใหญ่กระโดดเหยงๆจนทำให้ฝุ่นตกลงมาเป็นกอง
 ทุกคนไม่เว้นแม้แต่ฮอล์ลอฟยืนอ้าปากค้างอย่างตกใจ...  “เมื่อก่อนแกไม่ตัวใหญ่แบบนี้นี่?”

ฟุ่บ!!
หมอกสีขาวกระจายหายไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับร่างชายชราที่มาแทนลิงขาว “แหงดิ อยู่มาเป็นชาติจะให้ตัวขนาดเท่าเดิม?”
“เออ.. มันก็จริง ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นแกถึงไปวิ่งไล่จับทหารของทางการกับนักล่าสมบัตินั่น?” ฮอล์ลอฟเอ่ยถามอย่างงุนงง
“ข้านึกว่าพวกนั้นตั้งใจจะมาทำร้ายข้า สู้กันเป็นชาติจนปางตายกว่าจะเข้าใจเหตุผลที่ถ่อสังขารมาถึงที่นี่”
 เขาชูท่อนแขนให้ดูบาดแผลจากกระสุนที่ยังไม่หายดี แต่มันก็ฟื้นสภาพได้ไวกว่าคนปกติเป็นสิบๆเท่า ...
“เอาเถอะ แกมันหนังเหนียวอยู่แล้ว” ฮอล์ลอฟตบบ่าเพื่อนเก่าอย่างอารมณ์ดี
“ว่าแต่แกนำทางพวกเราไปด้านในสุดของที่นี่ได้มั้ย ข้าว่ามันต้องมีอะไรผิดธรรมชาติแหงๆ ไอพลังเวทย์ที่ฟุ้งกระจายอยู่นี่ ...”

“ไม่ลำบากนักหรอก”ชายชราถอนผมตัวเองออกมาโปรยสองเส้น มันกลายเป็นร่างแยกของเขา ... ราวกับไซอิ๋วไม่มีผิด ...

“ให้พวกข้านำท่านไปละกัน” ทิมจำลองคนซ้ายเอ่ย พร้อมๆกับอีกคนที่เดินนำไปก่อน
“ขอข้าพักฟื้นอีกหน่อยละกัน สองตัวนั้นแข็งแกร่งพอตัวอยู่” ว่าแล้วทิมก็ล้มตัวลงนอนต่อ เสียงกรนสนั่นจนค้างคาวบินลงมาด้วยความตกใจ

ระหว่างทางแทบไม่มีสิ่งใดมากล้ำกลายคณะเดินทางเลย พิ้งเดินเกาะแขนแนนอย่างสบายใจ บาสควงขวานเล่นซักครู่ก่อนจะบ่นว่าปวดแขน
ไฮค์เดินเหยียบส้นรองเท้าแมวเป็นระยะๆ จนเขาหน้าคว่ำไปกระแทกกับบางสิ่งในหลืบก่อนถึงห้องกว้าง ...

“อุ๊ยตาย ... หนุ่มน้อยระวังหน่อยสิ” เป็นหญิงสาวในชุดคลุมสีดำที่หัวเราะเบาๆพร้อมกับโอบร่างของจอมโจรแมวดำไว้
เขาหน้าซีดราวกับเห็นผี เสียงหัวเราะของทุกคนดังลั่น นอกจากผู้เคราะห์ร้าย จะมีก็แต่ฮอล์ลอฟกับเพนที่ไม่ขำไปด้วย ...

“แมว!! ถอยออกมา” ฮอล์ลอฟอุทานอย่างสุดเสียง แสงไฟเผยให้เห็นเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาตามใบหน้า เพนถือไม้เท้าในท่าเตรียมพร้อม
“พี่สาวหน้าคุ้นจังเลย ...” ซิสเตอร์แนนเอียงคอมอง พิ้งสะดุ้งพลางคว้าหนังสือจากเป้ใบน้อยของแนนขึ้นมาเปิด ...

เพียงแค่หน้าแรก ภาพของเทวีลูซิสก็ช่างคล้ายกับหญิงสาวคนนี้จนน่าตกใจ จะมีก็แต่แววตาเท่านั้นที่ต่างกันลิบลับ...
“พะ.. พี่ หน้าตาเหมือนอาทรัมจังเลย..” พิ้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก คนธรรมดาที่ไหนจะมาอยู่ในวิหารแห่งนี้ได้ล่ะ...

หญิงลึกลับเดินไปที่ใจกลางของห้องพร้อมกับหัวเราะอย่างไม่กังวลในสิ่งใดๆ “แค่หน้าเหมือนล่ะมั้งแม่หนู มานี่หน่อยสิจ๊ะ”
“อย่าเข้าไปใกล้กว่านี้”เพนตะโกนสุดเสียง ดวงตาเบิกกว้างเผยให้เห็นแววตาที่ตระหนกสุดๆ
 เบื้องหลังของเขาคือร่างของแนน ไฮค์ แมว และฮอล์ลอฟที่กลายเป็นรูปปั้นหินไปแล้ว

“โฮะๆ ข้าประเมินเจ้าต่ำไปสินะ พลังแกร่งกล้าจนเป็นหินไปแค่เกือบทั้งตัว ยังจะเหลือหัวเอาไว้อีก” ร่างในชุดคลุมเอ่ยอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร
ดูเหมือนว่าสิ่งที่ทุกคนคิดไว้จะเป็นจริงซะแล้ว ...

ตึง!!
ร่างของลิงขาวขนาดยักษ์สองตนที่แปรสภาพมาจากร่างปลอมของทิมกระโดดเข้ามาขวางระหว่างอาทรัมกับบาสและพิ้งไว้
พวกมันวิ่งวนรอบห้องพร้อมกับสร้างร่างจำแลงขึ้นมาเรื่อยๆ
เสียงคำรามต่ำๆของจอมอสูรวายุกึกก้องไปทั่วห้อง
“แหม่ แม่หนูมีขุนขวานเป็นองครักษ์ยังไม่พอ ขนาดเทพารักษ์ประจำถิ่นยังยื่นมือมาให้ความช่วยเหลือเลย”
อาทรัมเอ่ยพลางส่ายหน้า “เห็นทีต้องลงไม้ลงมือกันมากกว่านี้ซะแล้ว”

กริ๊ง ...
นางโยนเหรียญเงินเหรียญหนึ่งลงบนพื้น เพียงแค่เสียงเบาๆก็ส่งผลให้ลิงอสูรกรีดร้องอย่างทรมาน ร่างจำแลงบางส่วนสลายไปทันที
“แค่เสียงเข็มตกมันก็ทำให้พวกเจ้าตายได้ หากข้าต้องการ” นางแสยะยิ้ม “แต่ถ้าพวกเจ้ายอมส่งเศษลูกแก้วของข้ามา ข้าอาจจะปล่อยพวกเจ้าไปก็ได้นะ”

พิ้งลังเลเล็กน้อยเมื่อนึกถึงแผนการของเรน่าและเพื่อนๆ ทุกอย่างล้วนขัดกันโดยสิ้นเชิง...
“ถ้าทำแบบนั้น สุดท้ายมนุษย์ทั้งโลกก็จะต้องตายอยู่ดี” บาสเอ่ยด้วยน้ำเสียงกล้าๆกลัวๆ การต่อกรกับจอมเทพคงไม่ง่ายนัก โอกาสชนะแทบจะเป็นศูนย์

ถ้าเช่นนั้น ข้าจะให้โอกาสเจ้าสามวินาที หากเลยไปแล้วข้าจะลงมือล่ะนะ ...

  ฉัวะ!!
เด็กหนุ่มไม่รอช้าพุ่งเข้าตวัดขวานใส่ร่างของอาทรัม
ใบขวานสีดำสนิทฟาดผ่านร่างในผ้าคลุมสีดำ กายหยาบของอาทรัมเซถลาไปเบื้องหลังเล็กน้อย
เพียงเสี้ยววินาทีที่นางเอี้ยวตัวหลบทำให้คอยังไม่หลุดจากบ่า ผ้าคลุมที่ขาดวิ่นเผยให้เห็นรอยแผลยาวที่ลากผ่านตั้งแต่ลำคอไปจนถึงท้อง

 โลหิตสีแดงฉานตัดกับผิวสีขาวราวกับหิมะของนาง เลือดค่อยๆไหลออกมาจากบาดแผลทีละหยด
....มันดูราวกับเป็นไข่มุกเม็ดงาม หากแต่เป็นสีชาด....

ไอหมอกสีจางดูเหมือนจะแผ่ออกมาจากเลือดก้อนกลมๆตลอดเวลา มันรวมตัวกันเป็นลูกแก้วโลหิตขนาดเท่ากำปั้นสี่ลูก
ทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ตระหนักถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดในไม่ช้านี้....
... ช่างไม่ต่างอะไรกับมรณะทูตเสด็จลงมาหาถึงที่... ไอหมอกกระจายออกกลายเป็นร่างวิญญาณนักบวชในชุดดำสี่ตน

“ลองถามตัวเองดูซิ พวกเจ้ามีนามว่ากระไรเอ่ย?” น้ำเสียงของอาทรัมเกือบจะเหมือนหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
 รอยยิ้มร้อยเล่ห์ของนางดูประดุจดังมีดอาบยาพิษ วิญญาณทั้งสี่ตนเงยหน้าขึ้นพลางแสยะยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงกึกก้องอย่างพร้อมเพรียงกัน

“พวกข้าคือกลุ่มสาวกแห่งอาทรัม!! ผู้มอบวิญญาณให้กับราชินีแห่งรัตติกาล!! เราคือนักบวชแห่งรัตติกาล!!”

มือของบาสกระตุก ขวานสลายไปเป็นอากาศธาตุเพราะขาดจิตที่ควบคุม เด็กทั้งสองตกใจจนก้าวขาไม่ออก เขาตะโกนสุดเสียง“ถอย!! รีบถอยไป!!”

“นักบวชแห่งรัตติกาล ในมือของพวกเจ้าพวกเจ้าถืออะไร?” สุรเสียงที่เต็มไปด้วยพลังเอ่ยขึ้นอีกครั้งราวกับจะสะกดผู้ที่ได้ยินให้กลายเป็นรูปปั้นศิลา
“พวกข้ามีไม้กางเขนเปื้อนโลหิต ครอบครองพระคัมภีร์ที่ฉีกขาด และถือกริชที่จะมอบความตายให้กับมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม!!”
การประสานเสียงของวิญญาณนักบวชทั้งสี่แม้จะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่ถึงกับรุนแรง แต่มันก็ทำให้อากาศโดยรอบเย็นเฉียบลงทุกขณะ

“ถ้าเช่นนั้น นักบวชแห่งรัตติกาล พวกเจ้าคือใคร?” อาทรัมกรีดกรายนิ้วไปเบื้องหน้า ดาบสีทมิฬโผล่ขึ้นมาจากกลางอากาศ นางรับมันไว้อย่างเหมาะเจาะ

“พวกเราเป็นนักบวช! แต่กลับไม่ใช่นักบวช!!
พวกเราเป็นผู้ศรัทธาในเทพ! แต่กลับไม่ใช่ผู้ศรัทธาในเทพ!!
 พวกเราเป็นพระสาวก! แต่กลับไม่ใช่พระสาวก!!
 พวกเราเป็นผู้ทรยศ! แต่กลับไม่ใช่ผู้ทรยศ!!”

นักบวชชุดดำทั้งสี่ตอบด้วยเสียงกึกก้อง ร่างแยกของลิงอสูรต่างกรีดร้องวิ่งหนีกระจัดกระจาย แต่กลับถูกนักบวชแทงด้วยกริชจนขาดกระจายเป็นส่วนๆ

“พวกเราเป็นทูตแห่งความตาย! เป็นยมทูตผู้มอบความตาย!!
เฝ้ากรีดร้องในยามราตรี! รอบรรดามนุษย์ที่ชะตาขาด!!
เฝ้ารอเวลาที่จะได้ลงคมดาบ! สังหารผู้ไร้ศรัทธาให้สิ้นไป!!
พวกเราคือนักบวชแห่งรัตติกาล! มือสังหารแห่งยุคมืด!!”

แม้ดูน่ากลัวมาก.. แต่ภาพของเทวีอาทรัมที่รำดาบบริกรรมคาถายังคงงดงาม งามสง่ายิ่งกว่าสิ่งใด
ทั้งยังน่าเกรงขามสะพรึงกลัว ขู่ขวัญให้หมดกำลังใจ ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยปิติสุขแกมคลุ้มคลั่งของนางช่างดูน่าสยดสยองยิ่งนัก

ร่างของอาทรัมลอยขึ้นกลางอากาศ เลือดเริ่มทะลักออกมาจากบาดแผล รอยเลือดดูราวกับเส้นด้ายสีแดงบนเรือนร่างที่ผุดผ่องประดุจหิมะ

“พวกเจ้าจงไล่ล่าสังหารมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม” อาทรัมเริ่มบริกรรมคาถาอีกครั้ง
 เพนที่กลายเป็นหินอยู่ครึ่งตัวตะโกนอย่างตกใจ “อย่าให้นางร่ายจบ อย่าให้นางทำสำเร็จ หยุดนางไว้!!”

 “จากนั้นเราจะเปิดศึกกับเทวีแห่งแสงผู้เป็นพี่น้องของข้า”

 บรรยากาศในวิหารดูเหมือนจะกลายเป็นของแข็ง ทุกสรรพชีวิตล้วนแต่สงบนิ่ง ไม่คิดแม้แต่จะหายใจ
นางร่ายรำดาบกลางอากาศด้วยท่าทีอ่อนช้อยแต่แฝงไปด้วยพลัง คมดาบถูกตวัดมาที่พื้นพร้อมกับคาถาช่วงสุดท้าย

   “จวบจนวันโลกาวินาศจึงยุติ!!!”

เปรี้ยง!!!
กลุ่มพลังลึกลับระเบิดออกอย่างรุนแรง ร่างของสิ่งมีชีวิตเล็กๆถูกกระแสลมพัดไปติดกับผนัง ของเหลวสีแดงกระจายไปทั่วห้องทรงกลม
ฝนโลหิตจำนวนมากที่พวยพุ่งออกจากบาดแผลของเทวีแห่งความมืด กลายเป็นร่างวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วน
เหล่าสาวกคำรามด้วยเสียงดังกึกก้องราวกับจะสะเทือนฟ้าดิน ร่างของอาทรัมกระจายเป็นกลุ่มหมอกสีดำสนิทและหมุนวนไปรวมที่เพดานห้อง
แลเห็นเป็นจุดสีม่วงเล็กๆ  ลูกพลังเรืองแสงสีม่วงค่อยๆขยายตัวขึ้นอย่างช้าๆพร้อมกับค่อยๆสูบพลังวิญญาณของทุกชีวิตในบริเวณนี้ไป



ช่วงนี้ได้รับอิทธิพลจากนิยายเรื่องนึงอย่างหนัก ลองไปอ่านเล่นๆแล้วดันติดใจ Evil

เรียนหนักงานเยอะเกมเยอะ(?) วันเด็กที่ผ่านมางานเป็นกองอีก  laugh นิยายเรื่องนี้ใกล้จบแล้ว ..
(ไม่อยากให้จบเท่าไร ไม่มีที่ให้ระบายอารมณ์ออกมาเป็นเรื่อง เดะแต่งอีกดีกว่า  Evil พัฒนาจากไม่สนุกมากๆ เป็นไม่สนุกเฉยๆ Evil)

/人◕ ‿‿ ◕人\
Moderator
Hero Member
*****
กระทู้: 2,715


เว็บไซต์
Re: มือใหม่หัดเเต่งนิยายเรื่องยาว:ปฐมบทแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์บทที่ 29 (28/12/52)
« ตอบ #123 เมื่อ: 11-01-2010, 17:32:03 »

เปลี่ยนไป..เปลี่ยนไป...>w<

เลิกเรียก ว่าพี่แมวแล้วหรอ.. เห็นเปลี่ยนมาใช้คำว่าแมวเฉยๆ (บรรทัดแรกเลย)



ปล.เริ่มเลาะเลือนแล้วทุกสิ่ง = =^ ไม่อัพนาน เค้าลืมชื่อตัวละครเกือบหมด Y^Y
ปลล.จำได้พี่แมวคนเดียว (ก๊าก)
ปลลล.กะพวก 4-5 คนที่เด่นๆ -w-

quill
Sr. Member
****
กระทู้: 1,765

รูปชั่วคราว


Re: มือใหม่หัดเเต่งนิยายเรื่องยาว:ปฐมบทแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์บทที่ 29 (28/12/52)
« ตอบ #124 เมื่อ: 11-01-2010, 19:11:32 »

 Evil ดูเป็นนิยายสิ้นหวังไปเลย



quill farm

~สมาคมเดินเล่น~

วุ้นเทพตัวที่ 9 ผ่านไป 2 ปี 5 เดือน

อยากจะบอกว่าอย่าเปลี่ยนชื่อบ่อยนักเพราะมันจะลืมว่าป็นใคร - -
/人◕ ‿‿ ◕人\
Moderator
Hero Member
*****
กระทู้: 2,715


เว็บไซต์
Re: มือใหม่หัดเเต่งนิยายเรื่องยาว:ปฐมบทแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์บทที่ 29 (28/12/52)
« ตอบ #125 เมื่อ: 11-01-2010, 19:25:55 »

บาส:ช่วงนี้ได้รับอิทธิพลจากนิยายเรื่องนึงอย่างหนัก ลองไปอ่านเล่นๆแล้วดันติดใจ


หึหึ..Evil เรื่องอะไรของใครอะอยากรู้ (เผื่อจะได้อ่านมั่ง)

หลานผู้พันคาร์เตอร์
Asura Tester
Hero Member
*
กระทู้: 2,256

เลื่อนไม่สิ้นสุด .. นิยายฉัน


เว็บไซต์
Re: มือใหม่หัดเเต่งนิยายเรื่องยาว:ปฐมบทแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์บทที่ 29 (28/12/52)
« ตอบ #126 เมื่อ: 11-01-2010, 20:39:58 »

อ้างจาก: quill ที่ 11-01-2010, 19:11:32
Evil ดูเป็นนิยายสิ้นหวังไปเลย


สิ้นหวังแล้ว สิ้นหวังกับไอเดียข้าพเจ้าแล้วคลิวคุง  Embarrassed

นิยายอ่า อย่างมากก็แค่ตายยกทีม อาทรัมครองโลก ซะที่ไหน .. อิอิ Evil

หวา .. ตอนสุดท้ายเผลอเผยไปซะแล้ว ซะที่ไหน .. อิอิlaugh 


อ้างจาก: ``สก็๏ตไบท๎,,* ที่ 11-01-2010, 19:25:55
บาส:ช่วงนี้ได้รับอิทธิพลจากนิยายเรื่องนึงอย่างหนัก ลองไปอ่านเล่นๆแล้วดันติดใจ


หึหึ..Evil เรื่องอะไรของใครอะอยากรู้ (เผื่อจะได้อ่านมั่ง)

จอมคาถามหาติงต๊อง ของ Sebaหูเตี๋ย ( http://seba.pixnet.net/blog ) ครับผม Evil

เนื้อเรื่องสนุกสนานแกมรั่วๆเล็กน้อย หากแต่เต็มไปด้วยความตั้งใจที่จะให้นิยายออกมาดี

/人◕ ‿‿ ◕人\
Moderator
Hero Member
*****
กระทู้: 2,715


เว็บไซต์
Re: มือใหม่หัดเเต่งนิยายเรื่องยาว:ปฐมบทแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์บทที่ 29 (28/12/52)
« ตอบ #127 เมื่อ: 11-01-2010, 21:32:14 »

รู้สึกคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นเป็นหนังสือ

เคยเห็นผ่านๆ มีหลายตอนเลย (มันอยู่ตรงแถวที่เจ๊ชอบสถิต)
เพราะเฟิร์นชอบสถิตโซนแฟนตาซี = =;

ตัวการ์ตูนหน้าปกมันน่ารักดีนะ (ถ้าใช่เรื่องเดียวกันนะ)

คนญี่ปุ่นเขียน แล้วคนไทย เอามาแปลใช่ปะ

หลานผู้พันคาร์เตอร์
Asura Tester
Hero Member
*
กระทู้: 2,256

เลื่อนไม่สิ้นสุด .. นิยายฉัน


เว็บไซต์
Re: มือใหม่หัดเเต่งนิยายเรื่องยาว:ปฐมบทแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์บทที่ 29 (28/12/52)
« ตอบ #128 เมื่อ: 12-01-2010, 06:32:12 »

อ้างจาก: ``สก็๏ตไบท๎,,* ที่ 11-01-2010, 21:32:14
รู้สึกคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นเป็นหนังสือ

เคยเห็นผ่านๆ มีหลายตอนเลย (มันอยู่ตรงแถวที่เจ๊ชอบสถิต)
เพราะเฟิร์นชอบสถิตโซนแฟนตาซี = =;

ตัวการ์ตูนหน้าปกมันน่ารักดีนะ (ถ้าใช่เรื่องเดียวกันนะ)

คนญี่ปุ่นเขียน แล้วคนไทย เอามาแปลใช่ปะ


ใช่เลยพี่ Evil

ไปเรียนล่ะครับ บาย Cool

(เข้ามาปั้มเนียนๆทึนึงหลังทำงานเสร็จ Evil)

!=ตัวป่วนบอร์ด=!
Sr. Member
****
กระทู้: 1,760

แฮปปี้เบิร์ธเดย์จ้า ท่านซานต้า


Re: มือใหม่หัดเเต่งนิยายเรื่องยาว:ปฐมบทแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์บทที่ 30 (11/01/53)
« ตอบ #129 เมื่อ: 15-01-2010, 18:32:07 »

ลิงลม นึกว่าลงที่มันแปลงร่างจากลิงน้อยมาเป็นแม่ลิง= =^
หนุกดี Smiley Smiley Smiley
ปล.แรกๆหนุก กลางๆไม่หนุก พอหลังๆพอใช้ จะรออ่าน ไม่ได้เบื่อ ฮา... Smiley Smiley Smiley

http://up.gameindy.com/5/71852.f7060c3b.htmlโอ้แม่เจ้า....
หลานผู้พันคาร์เตอร์
Asura Tester
Hero Member
*
กระทู้: 2,256

เลื่อนไม่สิ้นสุด .. นิยายฉัน


เว็บไซต์
Re: มือใหม่หัดเเต่งนิยายเรื่องยาว:ปฐมบทแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์บทที่ 30 (11/01/53)
« ตอบ #130 เมื่อ: 15-01-2010, 20:23:51 »

แล้วมันดรอปตุ๊กตาลิงขาวด้วยใช่ป่ะ ลิงขาวอ่ะ Evil

จะพยายามแต่งให้ดีกว่านี้ ครับ   ขอบคุณสำหรับคำติชม  Smiley

!=ตัวป่วนบอร์ด=!
Sr. Member
****
กระทู้: 1,760

แฮปปี้เบิร์ธเดย์จ้า ท่านซานต้า


Re: มือใหม่หัดเเต่งนิยายเรื่องยาว:ปฐมบทแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์บทที่ 30 (11/01/53)
« ตอบ #131 เมื่อ: 16-01-2010, 06:16:43 »

อ้างจาก: หลานผู้พันคาร์เตอร์ ที่ 15-01-2010, 20:23:51
แล้วมันดรอปตุ๊กตาลิงขาวด้วยใช่ป่ะ ลิงขาวอ่ะ Evil

จะพยายามแต่งให้ดีกว่านี้ ครับ   ขอบคุณสำหรับคำติชม  Smiley

ดรอปคร้าบบบ Evil Evil Evil Evil Evil Evil
แง เข้าเมเปิ้ลไม่ได้ อยากเล่นเมเปิ้ลลลลล Cry Cry Cry Cry Cry

http://up.gameindy.com/5/71852.f7060c3b.htmlโอ้แม่เจ้า....
หลานผู้พันคาร์เตอร์
Asura Tester
Hero Member
*
กระทู้: 2,256

เลื่อนไม่สิ้นสุด .. นิยายฉัน


เว็บไซต์
Re: มือใหม่หัดเเต่งนิยายเรื่องยาว:ปฐมบทแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์บทที่ 30 (11/01/53)
« ตอบ #132 เมื่อ: 23-01-2010, 10:44:31 »

ขอพักนิยายชั่วคราวนะครับ จนกว่าจะสอบเสร็จ  (19-2-2553)

ปีนี้ขึ้นม.4แล้ว  Evil

หลานผู้พันคาร์เตอร์
Asura Tester
Hero Member
*
กระทู้: 2,256

เลื่อนไม่สิ้นสุด .. นิยายฉัน


เว็บไซต์
Re: มือใหม่หัดเเต่งนิยายเรื่องยาว:ปฐมบทแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์บทที่ 30 (11/01/53)
« ตอบ #133 เมื่อ: 23-01-2010, 10:45:52 »

ปล่อยบอร์ดตกลงโลด เตรียมสอบอีกไม่ถึง30วัน จะคว้าเกรดสี่ทุกวิชา ยกเว้นเลขโท กับฟิสิกส์

สู้ๆนะทุกท่าน ทั้งที่ยังเรียนและทำงานแล้ว Embarrassed

หลานผู้พันคาร์เตอร์
Asura Tester
Hero Member
*
กระทู้: 2,256

เลื่อนไม่สิ้นสุด .. นิยายฉัน


เว็บไซต์
Re: มือใหม่หัดเเต่งนิยายเรื่องยาว:ปฐมบทแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์บทที่ 30 (11/01/53)
« ตอบ #134 เมื่อ: 23-02-2010, 18:33:21 »

บทที่31 :

เพล้ง!!
สุราในขวดแก้วกระจายลงทั่วลานกว้าง เศษแก้วกระจายไปทั่วพื้นเป็นหลักฐานอย่างดีว่าเมื่อครู่ภาชนะที่บรรจุมันถูกทิ้งลงพื้นอย่างไร้ปราณี

“อา .. เพื่อนข้า พลาดท่ารึ?” ทิมใช้ข้อนิ้วเคาะรูปปั้นศิลารูปฮอล์ลอฟเบาๆ “พระเอกถึงคราวออกโรงแล้วสินะ  หึหึ”

“โอ๊ะโอ.. ชายชราอายุเป็นร้อยๆปี ไม่เจียมตัวซะแล้ว ”  เสียงของอาทรัมดังขึ้นมาจากที่ไหนซักแห่ง
กลุ่มหมอกพุ่งลงมารวมเป็นกายหยาบของอาทรัมอีกครั้ง บาดแผลทั้งหมดถูกสมานราวกับไม่มีอะไรเคยเกิดขึ้น....
“ยังดี ที่เจ้าไม่เผ่นแน่ปไปซะก่อน ข้ามีของขวัญจะให้เจ้า” ธิดารัตติกาลหลิ่วตาข้างหนึ่ง ทำท่าน่ารักคิกขุ
แต่คงจะน่ารักกว่านี้ หากในมือนางไม่ได้ควงดาบเล่มยาว ... “ข้ารับประกันได้ ว่าจะไม่มีใครจะต้องเป็นศพแม้แต่ครึ่งตัว แต่จะเหลืออะไร .. อีกเรื่อง!”

เคล้ง!!
ดาบของอาทรัมปะทะเข้ากับแหวนของทิมอย่างรุนแรง น่าแปลกที่อัญมณีบนแหวนไม่มีแม้แต่รอยร้าว
“ถึงจะแก่เป็นร้อยๆปีแล้วไม่เจียมตัว มันก็ยังดีกว่าสาวอายุพันปี ที่ยังทำตัวซ่าซะขนาดนี้”

“อุ๊ย... แหวนวงนี้เหมือนจะเป็นของที่ระลึกจากเพื่อนข้าสินะ  ข้าขอละกัน!”
ใบดาบถูกตวัดขึ้นสูงพร้อม อาทรัมเอียงคอพร้อมกับหมุนตัวฟาดดาบลงมาอีกรอบ เป้าหมายคือมือของทิม!!

ฟุ่บ!!
อากาศเท่านั้นที่ฟาดฟันโดน...   อาทรัมเงยหน้าขึ้นมองหาชายชราผู้ถอนหงอกตน ... ทิมกำลังยิ้มอย่างสะใจ?!

“แก... พฤกษาพันธนาการ!!”
ครืด!! ฟุ่บๆๆ !
รากไม้เก่าแก่แปรสภาพจากสีเขียวเข้มเป็นสีดำสนิท พร้อมกับรัดร่างของทิมไว้อย่างแน่นหนา สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
“จัดการ!!” วาจาอันทรงพลังเปล่งออกมา พร้อมกับร่างวิญญาณนับสิบที่รายล้อมอยู่ พุ่งเข้าปะทะกับร่างบนรากไม้สีนิล
ดาบ หอก ทวน และอาวุธอื่นๆกระทบเข้ากับรากไม้ที่กลายเป็นหินเสียงดังสนั่นพร้อมกับร่างวิญญาณที่สลายไป

“สายลมเหมันต์!”
กระแสลมเยือกแข็งพุ่งเข้าปะทะเป้าหมายซ้ำ หมอกควันจากแรงปะทะเมื่อครู่กระจายไปจนหมด กระทั่งวิญญาณก็ไม่หลงเหลือ
เหลือไว้เพียงรากไม้ที่ไม่ได้รัดอะไรอยู่เลย ...

เพล้ง!!
“ข้าเตือนเจ้าแล้วใช่มั้ย ? ว่าอย่าวิวาทกับลูซิส” สุรเสียงอันไพเราะอันไม่ทราบที่มาเอ่ยขึ้น พร้อมกับรากไม้แช่แข็งขนาดใหญ่แตกลงเป็นส่วนๆ
“ใคร!! เจ้าเป็นใคร ออกมานะ!” อาทรัมตาขวางอย่างอารมณ์เสีย ไม่เคยมีใครท้าทายอำนาจของนางมาก่อน

“สิ่งที่โอบอุ้มโลกไว้ทั้งใบ มอบจิตวิญญาณให้กับสิ่งมีชีวิต คือนามของข้า ... เวนทัส.... ” สายลมหมุนเป็นเกลียวมารวมกันข้างๆอาทรัม
หญิงสาวผมยาวสลวยสีทองในชุดคลุมยิ้มให้กับร่างที่กลายเป็นศิลาอย่างเป็นมิตร มนต์สะกดของอาทรัมคลายออกอย่างช้าๆ ...

“มะ.. ไม่จริง ..  เวนทัสนี่เจ้า คิดจะขวางข้ารึไง?” อาทรัมหน้าถอดสี เสียงตะกุกตะกัก
“บอกแล้วว่าอย่าดูถูกข้า” ทิมนั่งกระดกปลายเท้าบนก้อนหินมุมห้องอย่างสบายใจ อาทรัมมองด้วยสีหน้าเลิกลั่ก “แกนี่มันไวหยั่งกับลิงจริงๆ...”

“อาทรัม ... ในฐานะเทพด้วยกัน ข้าขอร้องให้เจ้ากลับไปยังที่ๆควรจะอยู่ อย่ามารบกวนโลกมนุษย์อีกเลย” เวนทัสเอ่ยขัดจังหวะ
“ทำไมข้าต้องทำ ? โลกนี้น่ะ มันเต็มไปด้วยความสกปรก มนุษย์ฆ่าฟันกันเอง แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น หลอกลวงกันไปวันๆ”
 อาทรัมดูวิกลจริตขึ้นมาทันที ดวงตาเบิกกว้าง ยิ้มแสยะเขี้ยวตลอดเวลา “หากข้าจะสร้างโลกใหม่ มันก็สมควรแล้ว!”

“ข้าเฝ้ามองมานาน สิ่งที่เจ้าพูดก็ใช่ว่าจะไม่ถูก แต่เจ้าอย่าลืมว่ามนุษย์ก็มีข้อดี รู้จักสามัคคี สร้างสิ่งดีๆให้กับธรรมชาติ”
อาทรัมเริ่มโอนอ่อนต่อน้ำเสียงอ่อนโยนของเวนทัส “ตะ.. แต่เจ้าก็เห็น ทุกชนเผ่าล้วนแต่ผิด นำสิ่งของของข้าไปใช้ในทางที่ผิด”

“ข้ารู้ดี ว่าท่านน่ะห่วงโลกใบนี้แค่ไหน ยอมทำเป็นเสียทีต่อลูซิส ในการต่อสู้ครั้งก่อนๆ จนได้บทสรุปเป็นกลางวันและกลางคืน”
เวนทัสยิ้ม “ช่วยสร้างสุขภาพที่ดีด้วยการทำให้สิ่งมีชิวิตต้องพักผ่อนยามวิกาล… แต่ตอนนี้เจ้ากลับจะทำตามประสงค์ของคนที่มีความคิดผิดๆ”
สีหน้าของอาทรัมถอดสีอีกครา  “ข้าแค่ต้องการของๆข้าคืนเท่านั้นเอง ข้าไม่อยากให้มันกลายเป็นสิ่งที่ต้องแย่งชิงกันอีกแล้ว”

“แม้ว่าจะแลกด้วยชีวิตของผู้คน งั้นรึ?” เวนทัสยังคงยิ้ม
“จะตายเท่าไรก็ช่าง ลูซิสผิดเองที่สร้างพวกมันขึ้นมา สิ่งมีชีวิตที่มีแต่ความโลภ ความเกลียดชัง มันดีกว่าหนอนแมลงตรงไหนล่ะ!”
เส้นเลือดบริเวณหน้าผากอาทรัมปูดโปน นางเจ็บปวดกับสิ่งที่ทำลงไปเหลือเกิน ... ริมฝีปากสีแดงอ่อนสั่นระริก
“ซอร์เรี่ยนของข้า ยังรักพวกพ้อง ไม่เคยเข่นฆ่ากันเอง เจ้าดูมนุษย์สิ ฆ่ากันเองราวกับไม่ใช่พี่น้องร่วมเผ่าพันธุ์”
เวนทัสส่ายหน้าช้าๆ “แล้วเจ้ากลับฆ่าพวกเขาแทน ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนสุดท้ายคิดจะทำลายมวลมนุษย์ทั้งหมดเนี่ยนะ?”

“เอ็ดเวิร์ด เอลรอส เฟิร์ส มายา โรซาน เรเมียส อลัน โจอี้ อิลิเดียร์ ลานาทอร์ จิน ลิน่า ”
เสียงของอาทรัมเปล่งเสียงโดยนางก้มหน้า อยู่ตลอดเวลา น้ำเสียงฟังแปร่งๆคล้ายกับกำลังจะร้องไห้
“อาดัม สตีฟ และสุดท้าย ... เอเลนอร์” อาทรัมเงยหน้าขึ้น น้ำตาของนางไหลลงสู่พื้นดิน แม้ใบหน้าจะดูราบเรียบ แต่นางกำลังร้องไห้
“พวกเขา คือมนุษย์และเอลฟ์ ที่สิ้นอายุขัยในวันเดียวนี้เมื่อแปดปีก่อนเพราะอำนาจของข้า ... ตลอดเวลาที่ผ่านมา ข้าไม่เคยลืมชื่อพวกเขา
ไม่ว่าเวลาไหน ไม่ว่าจะกี่แสนกี่ล้านคน ข้าไม่เคยลืมเลย ข้าไม่ได้ต้องการทำแบบนี้ซะหน่อย” อาทรัมคุกเข่าลงกับพื้นด้วยสีหน้าสิ้นหวัง

“เจ้าก็กลับสู่แดนเทพซะสิ ปล่อยให้มันเกิดสิ่งที่ควรจะเกิด” เวนทัสเดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ “แค่ล้มเลิกความตั้งใจซะ มันไม่เป็นไรหรอกน่า”

ฟุ่บ!!เปรี้ยง!!! 
แขนขวาของอาทรัมตวัดดาบอย่างแรงใส่แผ่นศิลาขนาดใหญ่ข้างห้อง นางเงยหน้ามองแขนตัวเองอย่างตกใจ
“ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ได้ตั้งใจนะ!”

    “ตกใจล่ะสิ.... ขอบคุณนะที่เปิดทางให้ข้า... ฮิฮิ” แสงสีม่วงกลมๆดวงหนึ่งฉายเรืองรองท่ามกลางกลุ่มก้อนฝุ่น
“ข้าไม่นึกจริงๆ ว่ามันจะควบคุมได้ถึงร่างทิพย์ของท่าน แค่ใช้ดลใจให้เข่นฆ่าผู้คนได้มันก็ยอดเยี่ยมเท่าไรแล้ว” เสียงหญิงวัยกลางคนเอ่ยอย่างเรียบเฉย

     พรึ่บ!!  เพียงสะบัดผ้าคลุม ฝุ่นกลางอากาศกลายเป็นสายควันสีม่วงพุ่งขึ้นไปบนอากาศ ส่องแสงสีม่วงสว่างไสว เรน่าแสยะยิ้มอย่างสะใจ
“นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้พบกับลูกสาวของจอมดาบดื้อด้านคนนั้นไวขนาดนี้ พอมันรู้จุดหมายของข้า ก็คิดจะฆ่ากัน ใครกันแน่น้า ที่จะตาย  โฮะๆ”
“ข้าก็ไม่คิด ว่าจะเห็นท่านเผยตัวเร็วขนาดนี้.. ท่านอดีตแม่บุญธรรม... ” พิ้งกำดาบแน่นจนเห็นข้อนิ้วเป็นสีขาวโพลน
“ป่านนี้ไซเฟอร์คงได้เจอกับแม่ของเจ้าแล้วล่ะ  มีอะไรจะสั่งเสียก่อนตามไปมั้ยจ๊ะ?” เสียงหวานเจือพิษของเรน่ายั่วพิ้งให้โกรธจนหน้าเปลี่ยนสี
 “ท่านต่างหาก!! มารในร่างมนุษย์!!” พิ้งพุ่งตัวเข้าหาเรน่า นางเอี้ยวตัวหลบพร้อมชูลูกแก้วขึ้น จี้บนสร้อยคอของนางส่องแสงสีฟ้าเรืองรอง

“พันธนาการ!! กรงน้ำแข็ง!!” 
ลูกแก้วสีม่วงสลายไปพร้อมกับแท่งน้ำแข็งจำนวนมากพุ่งขึ้นมาล้อมกลางห้องไว้  เหลือพื้นที่ใจกลางเพียงพอแค่เธอกับพิ้ง
ทุกคนที่เหลือไม่เว้นทั้งอาทรัมและเวนทัสต่างไม่สามารถขยับตัวได้เพราะอิทธิฤทธิ์ของเศษลูกแก้วที่ลูซิสลงเวทย์กำกับไว้
เรน่าใช้ไม้เท้าสีเลือดด้ามยาวปัดการโจมตีระลอกของพิ้งออกไปด้านข้างตัว

“วิเศษใช่มั้ย การต่อสู้ครั้งสุดท้ายในชีวิตของเจ้า สิบห้าปีที่ไซเฟอร์สอนเจ้ามาไม่สูญเปล่าจริงๆ” เรน่าหัวเราะอย่างรื่นเริง
“ไม่ท่านก็ข้า หากไม่ตายไปซักคนคงอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้!” พิ้งฟาดดาบในมือขวาลงมาอย่างรุนแรง เรน่าใช้เพียงปลายไม้เท้าเบนทิศของมันลงข้างตัว

ฟุ่บ!! ดาบอีกเล่มพุ่งเข้าเสียบผ้าคลุมของเรน่า มันกลายเป็นสองส่วน
เคล้ง!! พิ้งหมุนตัวกระชากดาบข้างขวาฟาดซ้ำสองลงกลางตัวของเรน่า ไม้เท้าที่ใช้ป้องกันตัวแตกเป็นเสี่ยงๆ

ฉึก!! ดาบในมือซ้ายแทงเข้าที่ข้างลำตัวของวอลอคหญิง นางเซถลาไปสองก้าว มือขวาที่ไร้อาวุธเสยเข้าที่ท้องของเด็กสาว ริมฝีปากสีเลือดเผยอเล็กน้อย
“วงแหวนรัตติกาล!!”
 เปรี้ยง!!  พื้นศิลารอบตัวเรน่าแตกกระจายออก แสงสีม่วงพุ่งขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง  พิ้งถอยหลังหลบอย่างฉิวเฉียด
อักขระแปลกตาหมุนวนเป็นเกลียวขึ้นไปบนแขนทั้งสองของเรน่าที่ชูสูงขึ้น นางสะบัดแขนไปเบื้องหน้า สู่เป้าหมายที่ไม่ทันตั้งหลัก!!
ฟุ่บ!! มันเลือนหายเข้าไปในตัวพิ้ง แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราวกับเป็นแค่การข่มขู่  เรน่าชูไม้เท้าขึ้นอีกครา ปากขมุบขมิบร่ายเวทย์บทยาว

   “ตาย!!” พิ้งพุ่งไปด้านหลังเรน่าอย่างรวดเร็ว ดาบที่ได้มาจากดูลาฮานเรืองแสงสีแดงอ่อนๆพร้อมกับการปะทะลงบนหลังของเรน่า
ฉัวะ!! “โอ๊ย!” บาดแผลไม่ได้ปรากฏเพียงบนหลังของเรน่า แต่สายเลือดที่ไหลลงอาบพื้นตอนนี้ เป็นเลือดของเด็กสาว
เรน่ายังคงร่ายเวทย์ต่อไป คงเป็นเพราะอักขระแปลกตาที่เข้าไปในตัวของเด็กสาวเมื่อครู่ที่ทำให้เกิดบาดแผลแบบเดียวกับเรน่า
เคล้ง!! ดาบในมือทั้งสองข้างตกลงสู่พื้น

     ‘อย่าให้นางร่ายเวทย์สำเร็จ อาทรัมจะขาดสติ จะไม่มีพรุ่งนี้สำหรับมนุษย์อีกต่อไป ทุกอย่างจะถูกทำลาย’

เสียงของใครซักคนดังขึ้นในสมองของพิ้ง แววตาของเธอมุ่งมั่นกว่าเดิมพร้อมกับคว้าดาบทั้งสองขั้นมา 
การโจมตีครั้งสุดท้ายจะตัดสินชีวิตของเธอและเรน่า ดาบสีดำในมือขวาเรืองแสงสีแดงเข้มเมื่อได้สัมผัสเลือด
 ประสบการณ์ในการต่อสู่ของดาบเล่มนี้ ถูกถ่ายทอดให้กับนายคนใหม่ของมันอย่างรวดเร็ว เด็กสาวดูราวกับขุนศึกดูลาฮานในอดีตก็ไม่ปาน

    ฟุ่บ!! ดาบทมิฬถูกโยนขึ้นไปบนเพดานที่สูงจนมองไม่เห็น เด็กสาวพุ่งตัวเข้าฟาดดาบในมือซ้ายเข้าที่กลางตัวของเรน่า
นางโก่งตัวเล็กน้อยด้วยความเจ็บปวด เนื้อถูกแหวกออกจนเห็นกระดูก บาดแผลที่ทั้งสองได้รับดูเหมือนจะไม่แตกต่างกันเท่าไรนัก
ฉึกๆๆๆ!! ดาบมายาสีดำสี่เล่มพุ่งลงมาเสียบร่างของเรน่า เลือดของนางไหลนองทั่วพื้น
 เด็กสาวกัดฟันทนพร้อมกับคว้าดาบเล่มที่ห้าที่กำลังตกลงมาด้วยสองมือ ดาบที่เคยอยู่ในมือซ้ายตกลงข้างลำตัว

ควับ!! อักขระสีม่วงบางส่วนถูกดูดเข้าไปที่ปลายดาบและพุ่งเข้าหาเรน่าด้วยการโจมตีครั้งสุดท้าย!!

 ฉึก! เลือดสีคล้ำกระเซ็นไปทั่วบริเวณ ดาบยาวสีนิลพุ่งทะลุขั้วหัวใจของเรน่าอย่างแม่นยำ รอยยิ้มจางๆยังคงประทับอยู่บนใบหน้าของวอลอคหญิง
บาดแผลที่สะท้อนกลับมามีเพียงแค่รอยแทงเบาๆ
... ถ้าไม่ใช่เพราะพลังของเศษลูกแก้วบนดาบ เธอคงสิ้นชีพตามเรน่าไปแล้ว ... ในวินาทีนั้น มนต์สะกดของเรน่าคลายออก

“พิ้ง ไม่เป็นไรใช่มั้ย?” คนแรกที่ได้สติเป็นเพน เขาวิ่งเข้ามาพลางชูไม้เท้าส่องแสงแทนกลุ่มฝุ่นสีม่วงที่พึ่งดับแสงไป
“... เจ็บชะมัด.... พ่อล่ะ?... ” ร่างของเด็กสาวค่อยๆเดินไปสู่ทางเดินหลังก้อนหินที่ถูกทำลาย เพนชูไม้เท้าขึ้น แสงส่องไปไกลกว่าเดิมเล็กน้อย...

.... ในอุโมงค์นั้นมีร่างของชายผู้หนึ่งนอนจมกองเลือดอยู่ ซี่โครงยังกระเพื่อมขึ้นลง เขายังไม่ตาย?!
“พ่อ!!” เด็กสาววิ่งเข้าไปโอบกอดร่างของไซเฟอร์ขึ้นมา  เขายิ้มทั้งน้ำตา
“พิ้ง.. พ่อขอโทษ นางมารร้ายนั่นใช้แม่มาเป็นข้อบังคับ พ่อขัดขืนอำนาจของนางไม่ได้ ...ลูกแก้วนั่น...” ไซเฟอร์ไออย่างรุนแรง ลิ่มเลือดไหลออกมาทางปาก
“อย่าพึ่งพูดอะไรไปมากกว่านี้เลย ซิสเตอร์แนน ได้โปรดช่วยพ่อของลูกที” เสียงตระหนกแกมร้องขอปลุกให้แนนตื่นจากภวังค์

“ฟื้นฟูขั้นสูง!!” แสงสีทองล้อมรอบตัวของพิ้งและไซเฟอร์ บาดแผลหายไปบางส่วน เลือดหยุดไหลแล้ว แต่ไซเฟอร์ยังไม่พ้นขีดอันตราย

“ชายหนุ่มผู้นี้น่าสงสารยิ่งนัก .. หวังว่านี่จะเป็นบทเรียนให้เขา ไม่มีใครหลีกหนีความตายได้หรอก มนต์ใดๆก็ชุบชีวิตไม่ได้” เวนทัสเลื่อนลอยมาข้างๆตัว
พร้อมกับสมาชิกที่เหลือ ทุกคนยังดูงุนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น “คนที่มีความตั้งใจแบบนี้ ข้าไม่ปล่อยให้ตายหรอก” อาทรัมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอย

“เห็นแล้วรึยัง อาทรัม ทุกอย่างจบลงแล้ว ถึงเวลาที่เราควรจะกลับสู่บ้านเกิดของพวกเรา” เวนทัสยิ้มอย่างอ่อนโยน
อาทรัมยืนตัดสินใจอยู่ชั่วครู่ นางเงยหน้ามองเพดานที่อยู่แสนห่างไกล
“ตกลง .. ข้าจะกลับสู่ดินแดนแห่งเทพ ไปเจรจากับลูซิส ” ดวงแก้วสีดำทั้งเจ็ดจากทั่วสารทิศพุ่งเข้าหาอาทรัม พร้อมกับร่างของนางที่สลายไปช้าๆ
แทบทุกคนถอนหายใจโดยไม่รู้ตัว  “ยังน่ากลัวไม่เปลี่ยนเลย ครั้งที่สองแล้วนะ ที่ได้เจอ” ฮอล์ลอฟยิ้มอย่างเข็ดกับสิ่งที่ประสบ

“แหม... เล่นซะเหล้าอีกขวดแตกกระจายเลย” ทิมที่ไม่ได้สนใจเหตุการณ์รอบตัวเลยแม้แต่น้อย พลางคลำเศษขวดเหล้าบนพื้นป้อยๆ
เวนทัสหันมาหาทิม นางยิ้มให้เขา “ครั้งนี้ สิ่งที่เจ้าใช้ในการอัญเชิญข้ามา แน่ใจแล้วหรือ? เวลาที่เจ้าควรจะอยู่อย่างมีความสุข จะทิ้งมันไปงั้นหรือ?”
“แหงสิท่าน พักผ่อนชั่วนิรันดร์มันคงไม่เลวร้ายนักหรอก” ทิมยิ้มอย่างอารมณ์ดี 
ฮอล์ลอฟพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย รวมทั้งแมวดำจอมกวนที่บัดนี้ยืนสงบนิ่ง

“ขอให้มีความสุขละกันนะจ๊ะ”เวนทัสชูนิ้วขึ้น สายลมห่อหุ้มตัวของทั้งสามพลางพาบางสิ่งหมุนวนออกมาจากร่างของพวกเขา
“เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย คอยดูผลลัพท์ละกันนะ หลังจากนี้คงลำบากกันหน่อยล่ะ” สายลมอบอุ่นหมุนวนไปทั่วห้อง ร่างของเวนทัสเริ่มจางลงช้าๆ
เกลียวสีทองหมุนวนรอบคณะเดินทาง จอมเทพแห่งวายุกรีดกรายนิ้วช้าๆส่งร่างของพวกเขากลับไปยังป้อมปราการกลางทะเลทราย
ภาพสุดท้ายที่ทุกคนได้เห็นคือเวนทัสยิ้ม.. ยิ้มแบบอบอุ่นดังเช่นทุกครั้ง .....

“ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนใด จำไว้ว่าข้าจะคอยดูแลโลกใบนี้อยู่เสมอ ขอให้พวกท่านโชคดี ...” เสียงอันอ่อนนุ่มของเวนทัสเอ่ย ร่างของนางกลายเป็นคลื่นลม
รอยยิ้มสุดท้ายของนาง สตรีผู้ที่โอบอุ้มโลกใบนี้ไว้ตลอดมาและตลอดไป จะประทับอยู่ในใจของทุกคน ชั่วนิรันดร์ ....








จบไปหนึ่งบท ในวันนี้ ใกล้สิ้นสุดแล้ว นิยายเรื่องนี้ ผมต้องไปเข้าค่าย ในวันพรุ่งนี้ และขอให้วันนี้เป็นวันที่ทุกคนมีความสุข... บนโลกใบนี้ ...



สวัสดีชาวอสุราทุกท่าน ...

ป้าย:
หน้า: 1 ... 7 8 [9] 10 11 12