บทที่ 18 ใช่หรือไม่
"จากการที่เราสะกดรอยตามเพื่อนของพวกคุณไป มีช่วงหนึ่งที่ลับสายตาพวกเรา ซึ่งเป็นจังหวะตรงกันกับที่สองคนนั้นตายพอดี"เสียงตำรวจดังขึ้นบอกเด็กที่ยังเหลือรอดอยู่ พวกเขามีใบหน้าที่เศร้าหมองปนไปด้วยโกรธแค้น
"ฟ้า..ช่วงนั้นแกไปทำอะไร"
"ฉะ..ฉันไปเข้าห้องน้ำมา"เธอตอบเสียงอ้อมแอ้ม ส่งผลให้กั๊กเลือดขึ้นหน้า กระชากคอเสื้อจนร่างบางเซไปตามแรง ฟันบนล่างขบกันแน่นอย่างโมโหโกรธแค้น
"ยังจะมีหน้ามาแก้ตัวอีกเหรอ"
"กั๊ก ใจเย็นๆ ปล่อยฟ้ามัน รอให้มันอธิบาย บางทีมันอาจจะไม่ใช่คนร้ายก็ได้นะ"คะน้าเตือนสติกั๊ก เพราะเธอไม่อยากจะยอมรับว่าเพื่อนของเธอคือฆาตกร ไม่มีใครที่อยากจะยอมรับนักหรอก
"จะรออะไรอีก! ก็เห็นไม่ใช่รึไงว่ายัยนี่มันโกหกได้เรื่อยๆ! เพื่อนของเราตายกันไป 16 คนแล้วนะ!! จะรออะไรอีก!"แต่กั๊กไม่ยอมฟังกลับตอกย้ำทำเอาคะน้าหน้าเสียไป เมื่อเห็นเช่นนั้น โบว์ก็รีบแทรกขึ้นมา
"แต่พวกเรายังไม่มีหลักฐานไม่ใช่หรอ! แกจะรีบด่วนสรุปไปทำไมกัน!"คำตอบนี้ทำให้ชายที่จับคอเสื้อฟ้าอยู่ชะงัก ก่อนจะวางร่างบางลงกับพื้น ทิ้งให้เธอสูดอากาศหายใจเข้าเต็มปอดและไอค่อกแค่ก
"เอ้า รีบๆพูดมาซะ"กั๊กให้โอกาสฟ้าพูด เธอรีบหันมามองก่อนจะตอบเช่นเดิม
"ฉันไปเข้าห้องน้ำจริงๆ.."
"แล้วทำไมตำรวจถึงคลาดสายตากับเธอได้ล่ะ ?"อาร์มถาม ฟ้าส่ายหน้าบ่งบอกว่าไม่รู้ ฝ้ายเลิ่กคิ้วก่อนจะตอบออกมา
"คงมีอะไรบางอย่างทำให้พวกเขาสะดุดหกล้มแล้วตามเธอไม่ทันล่ะมั้ง.."ทุกสายตาจับจ้องไปที่ฝ้าย เธอกระพริบตาปริบๆก่อนจะบอกด้วยสีหน้าเช่นเดิม
"อะไรกัน.. ฉันก็แค่เดาๆไปเท่านั้นแหละ"
"สรุปว่าฟ้าไม่ใช่ฆาตกรใช่มั้ย ?"แพรวถาม ทุกคนนิ่งเงียบ เพราะเรื่องนี้ยังสรุปไม่ได้
"เอาเป็นว่าให้ตำรวจกักตัวแกไปก่อนอีกละกันนะฟ้า ถึงแม้แกจะรู้ตัวแล้วก็เถอะ แต่อย่าลืมแสดงโชว์การฆาตกรรมให้พวกเขาดูล่ะ จะได้โดนจับเร็วๆไง"เสียงกระซิบเยือกเย็นดังข้างหูฟ้าโดยที่ไม่มีใครคิด เพราะว่ามันเป็นภาพแค่เด็กสาวเพื่อนรักกำลังกระซิบกระซาบคุยอะไรบางอย่างด้วยกันเท่านั้นเอง จึงไม่ได้ใส่ใจ แล้วเดินกลับบ้านของตน
เด็กหลายคนกำลังยืนและทำท่าทางต่างๆบนภาพที่ใส่กรอบอย่างดี เนื้อตัวมอมแมมไปด้วยเศษดินและฝุ่น แต่ใบหน้ายังเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข สิ่งที่เด่นที่สุดในภาพคือถ้วยรางวัลอันใหญ่สีทองคำที่อยู่ตรงกลาง โดยมีชายสองคนยืนถือมันไว้อยู่
"พวกเราไม่ใช่เพื่อนกันแล้วหรอ.."ชายหนุ่มมองภาพ สายตาว้าเหว่ราวกับโลกทั้งใบมีเพียงเขายืนอยู่เพียงคนเดียว
"เพื่อนก็ต้องเข้าใจเพื่อนนี่นา..ทำไมกัน..ทำไมถึงได้ทะเลาะเบาะแว้ง..ทำไมถึงได้ฆ่ากัน..เพราะอะไรเป็นเหตุจูงใจนะ..?"เนี๊ยบพึมพำกับตัวเองคนเดียวในห้องที่เงียบสงัด มีเพียงแสงจากดวงจันทน์บางๆส่องเข้ามาทางหน้าต่าง
เขายิ้มจางๆ ก่อนจะตะโกนเรียกเพื่อนที่ขอให้มาค้างบ้านด้วยคืนนี้ช่วยหยิบน้ำมาให้หน่อย ซึ่งเดาได้เลยว่าอารมณ์ของคนถูกใช้นั้นใบหน้าต้องบูดบึ้งแน่นอน แต่ก็ไม่เครียดอะไรมากมาย ยอมเอาน้ำมาให้แต่โดยดี
"อยู่ในห้องเงียบๆแบบนี้ชั้นนึกว่าแกนอนไปแล้วซะอีก"เพื่อนของเนี๊ยบยื่นแก้วน้ำมาให้เขาดื่ม ก่อนจะพูดขึ้นมา
"อ่ะ กินซะ กินให้หมดเลยด้วย ชั้นเสียดายน้ำ"
"อืม"เนี๊ยบบอก เพื่อนของตนหมุนตัวออกไปนอกห้อง เมื่อไปจนลับสายตา ชายหนุ่มหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากลิ้นชักโต๊ะหนังสือซึ่งเป็นผงสีดำ เทมันลงไปในแก้วน้ำนั้น
น้ำใสไหลรินลงจากปากสู่ลำคอ เขาดื่มอย่างไม่รู้สึกอะไร ก่อนจะล้มตัวนอนลงไปอย่างเหนื่อยล้า
เช้าวันต่อมา
'เนี๊ยบได้จากพวกเราไปแล้ว'
'เขาไปอย่างสงบเงียบ'
'คดีของเนี๊ยบสรุปได้ว่าเขาฆ่าตัวตายเอง ซึ่งเป็นบาปที่ผิดที่สุด'
'เนี๊ยบเสียสติแบบเงียบๆ เขาได้ทำการฆ่าตัวตายเพื่อหนีปัญหา เพราะไม่อยากต้องทรมาน'
เสียงในใจของหญิงสาวดังก้องวนไปเรื่อยๆไม่มีวันรู้จบ นันต์ตาเลื่อนไปมองสีหน้าแม่ของเพื่อนชายที่ได้จากไปแล้ว หญิงวัยกลางคนกอดภาพลูกชายตัวเอง น้ำตาไหลรินอาบหน้า
"เนี๊ยบไม่มีวันหวนกลับคืนมาหรอกนะ.."โบว์พูดเบาๆ มองไปยังไฟสีแดงโชติช่วงที่กำลังลุกลามอยู่
"อยากให้เนี๊ยบหลับให้สบายจังเลย ไม่ต้องมากังวลเรื่องเรา.."บอส(ใหญ่)พูดขึ้น แต่ทุกคนก็มีความสุขที่ใบหน้าของเนี๊ยบหลับโดยไร้ตำหนิ
ทั้งหมดกลับบ้านอย่างอ่อนล้า โดยไม่มีใครรู้ หญิงสาวคนหนึ่งวิ่งสะเปะสะปะไปทั่ว ริมฝีปาหอบแฮ่กๆ ร่างบางวิ่งเข้าสู่สถานีตำรวจ
"คุณตำรวจคะ! หนูมามอบตัว!"
"หนู..หนูทำอะไร"ตำรวจที่ฟ้าพูดคุยด้วยทำสีหน้าตกใจก่อนจะรีบเอ่ยปากถาม
"หนูฆ่าคนค่ะ! หนูฆ่าคน..หนูฆ่า..พวกเขา..ค่ะ"
"หนูมีหลักฐานอะไร อย่ามาล้อเล่นนะหนู"ตำรวจคนนั้นทำท่าไม่เชื่อ ฟ้าหอบหายใจเสียงดังก่อนจะหยิบของบางอย่างในถุงออกมา ซึ่งนั่นก็คือมีดที่เปื้อนไปด้วยเลือด
"นะ..นี่ค่ะ..หนูเพิ่งฆ่าเพื่อนของหนูไปเมื่อกี้นี้.."
"คะ..ใคร ทำไมหนูถึงทำแบบนี้"
"หนู..ฆ่า..ภูริเดช.."
เรื่องแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วว่าฟ้าเป็นคนฆ่าเต้ย ทุกคนอึ้งและช็อคกับเหตุการณ์ที่ได้รู้ กั๊กโวยวายใหญ่ว่าฟ้าเป็นคนทำจริงๆ
'แต่ทำไมฟ้าถึงยอมรับผิดกันนะ..'
เสียงหนึ่งดังสะท้อนก้องอยู่ในจิตใจของหญิงสาวคนหนึ่งด้วยความสับสน