บทที่ 3
สัตว์เลี้ยงตัวใหม่
=[]= กรี๊ดดดดดดดดดดดดด !!
หมอนี่มันใจทราม ! มันฆ่าลูกสุนัข แง๊ !!
"นายทำบ้าอะไรน่ะฮะ ! ฆ่าลูกสุนัขตัวนั้นมันทไมเล่า TOT"
"ยัยโง่ ปืนนี้มันจะยิงได้แค่ปิศาจเท่านั้น เพราะฉะนั้น ลืมไปได้เลยว่ามันเป็นสัตว์เลี้ยงผู้น่ารักและไม่มีพิษภัยต่อโลกและตัวเธอ ! - -"
'แสดงว่าลูกหมาน้อยตัวนั้นเป็นปิศาจอ่ะเซ่ T[]T"
"เลิกโง่ซะก็ดี"เขากระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเล็งปืนไปทางหมาน้อยตัวนั้นเพื่อเตรียมยิง
"แต่ว่า..สุนัขตัวนี้ ไม่ใช่ปิศาจ..แต่มัน..กำลังถูกปิศาจครอบงำ"เขาค่อยๆบอก
"แล้วจะทำไงล่ะ ?"ฉันถาม
"ชั้นเพิ่งอธิบายไปเมื่อกี้ ลองทวนใหม่ซิ ว่าปืนนี้มีความสามารถอะไร"
"ยิงปิศาจไง= ="
"ใช่ ชั้นจะยิงปิศาจ ที่ครอบงำตัวมัน"
"ว่าแต่ทำไมตัวสุนัขนั้นมันหยดหยอง เหยาะแหยะยังงั้นละ=_=;"ฉันถามพลางชี้ไปที่ลูกสุนัขตัวนั้นที่มีดวงตากลวงโบ๋ เลือกอาบท่วมตัว
"เห็นมั้ย เธอพาแต่ชั้นพูด ปิศาจมันเริ่มจะครอบงำหมาตัวนั้นเข้าไปทุกทีละ ยังโง่เอ้ย เธอผิดเต็มประตู- -"
อ้าว..สรุปชั้นผิดสินะ=_='
ปัง !
เขายิงอีกนัดใส่ขาสุนัขตัวนั้น มันล้มลงไปร้องครางเบาๆอย่างเจ็บปวด ก่อนสติจะกลับมา ลูกกระสุนค่อยๆบีบออกจนหล่นพื้นเสียงดังก๊องไปทั่วอาณาเขต แค่ชาวบ้านชาวเมืองที่อาศัยละแวกนี้กลับไม่มีใครออกมากันสักคน
การกระทำของมันทำให้ฉันงุนงงมาก แต่กว่าจะรู้ตัว กรงเล็บแหลมของมันก็กางออก ก่อนจะวิ่งแล้วกระโดดเข้าหาฉันหมายจะตะปป
ขวับ!
"โง่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง"เขาพูดก่อนจะบังตัวฉันเอาไว้ แล้วยิงไปที่มันสองสามที
"ตายสิ..ตายเซ่ !"เขาสถบ ก่อนจะยิงรัวๆ แต่ว่า..
แกร๊ก..
ยิงไม่ออก นั่นหมายความว่ากระสุนหมดเรียบร้อยแล้ว
"หนี !!"เขาฉุดมือฉันแล้ววิ่งทันที โดยมีสุนัขจอมบ้าคลั่งนั่นวิ่งน้ำลายย้อยตามหลังมาอยู่
'บ้าจริง ! คนแถวนี้หายไปไหนหมดเนี่ย"ฉันบ่น เมื่อวิ่งไปด้วยกับเขา กลับไม่มีคนออกมาเลยทั้งๆที่เป็นแหล่งคนพลุ่กพล่าน
"ถ้าฆ่าปิศาจน่ะ ไม่ต้องให้คนอื่นเห็นใช่มั้ย ?"เขาบอก ทั้งๆที่ยังวิ่งมองตรงอยู่
"นายหมายความว่าไง ?"เขาหันมามองฉันอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปทางเดิมแล้วเริ่งฝีเท้าขึ้นจนฉันวิ่งแทบไม่ทัน
"บังตา"
คำพูดสั้นๆแค่นี้มันจะทำให้ฉันเข้าใจได้ไงวะคะ=_='
"หมายความว่างะ.."ยังไม่ทันได้พูดจบ เขาก็ตวาดใส่ทันที
"หุบปากซะ !!"
(-_-; ). . .
เมื่อวิ่งมาถึงทางตัน ทำให้เขาชะงัก หันกลับหลังไปก็พบเจ้าลูกหมาตัวนั้นยืนสี่ขาจังก้าอยู่ ใบหน้าไม่ต่างอะไรกับสัตว์ประหลาดกระหายของกินชั้นดี
"คงต้องใช้แล้วสินะ.."เขาพึมพำเบาๆ ก่อนจะหมุนพรึบไปอยู่ด้านหลังฉัน แล้วปิดตาเอาไว้
"นายปิดตาชั้นทำไมชั้นมองไม่เห็นน >[]<"
"เงียบ !!"
(=_=; ). . .
ไม่นานนัก ฉันสัมผัสได้ถึงแรงวูบวาบรอบตัวราวกับว่ามีลมวนอยู่รอบกาย แต่ว่ามันกลับเป็นลมร้อน ร้อนมาก..ร้อนสุดๆ
จากลมนั้น ทวีคูณความแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่มันกลับไม่ทำให้เย็นเลย..ร้อน..ร้อนเหลือเกิน
"นายเป็นพระอาทิตย์รึไงชั้นร้อนนะนายทำอะไรเนี่ย !!"ฉันพยามแงะมือเขาออกจากตา แต่ก็แงะไม่ออกซักที บ้าชิบ หมอนี่มันเป็นตุ๊กแกรึไงเนี่ย !
เมื่อไม่ได้ผลจึงทำให้ฉันอยู่เฉยๆ แต่ก็ร้อนอยู่ดี ร้อนจนเหงื่อออกเปียกโชกเสื้อนักเรียนสีขาวไปหมด
เพียงไม่นานมากนัก ลมนั้นก็หยุดลง อากาศปกติกลับมาอีกครั้ง มือเขาค่อยๆคลายออกจากตา ก่อนฉันจะลืมตาขึ้นก็พบเจ้าหมาน้อยขนสีน้ำตาลแลบลิ้นส่ายหางดุ๊กดิ๊ก หน้าตาดูไม่มีพิษมีภัย นอกตรอกทางตันนี้ก็มีผู้คนเดินให้ว่อน
เมื่อกี้..เกิดอะไรขึ้นน่ะ
ฉันหันไปมองรอบๆ ก็ไม่พบหมอนั่นซะแล้ว
“ไปไหนของเขาน่ะ ..”ฉันพึมพำ ก่อนจะมองให้แน่ชัดและแน่ใจว่าเจ้าลูกหมาน้อยไม่มีพิษภัยอะไรแล้ว
“มานี่สิ มามะ”ฉันตบมือเรียก เจ้าสุนัขตัวนั้นวิ่งมาหาทันที ก่อนจะกระโดดขึ้นเหมือนให้ฉันอุ้ม
“อืม..ชั้นจะเลี้ยงแกเอง..ชั้นตั้งชื่อแกว่า..น้ำตาลละกันนะ=_=;”
ก็ขนมันสีน้ำตาล อีกอย่าง สมองฉันไม่สามารถประมวลคิดชื่ออลังการงานสร้างได้อีก จึงได้แต่อุ้มมันกลับบ้านไป
เมื่อมาถึงบ้าน ก็พบหมอนั่นเดินลงมาจากชั้นบนด้วยเสื้อยืดสีขาวกางเกงขายาวธรรมดา ฉันจึงรีบเอ่ยปากถามทันที
“ตะกี้นายทำอะไรน่ะ ?”
“ทำ ?”
“ก็นายทำอะไรไม่รู้ ลมร้อนชะมัด แถมเจ้าลูกหมาตัวนี้ยังหายจากการถูกปิศาจครอบงำ แล้วพอเอามือออกจากตาฉัน ชั้นก็ไม่เห็นนายแล้ว”
“เพ้อเจ้อน่ายัยโง่”เขาพูดเบาๆก่อนจะเดินเข้าโรงฝึกยิงปืนของบ้านไป ทิ้งให้ฉันยืนทบทวนกับตัวเอง
ไม่..ตะกี้..เขาโกหก เพื่ออะไรล่ะ..
ฉันมั่นใจ ว่าเหตุการณ์ตะกี้ฉันไม่ได้ฝันกลางวัน..
เขาโกหกเพื่ออะไร..มีอะไรปิดบังงั้นหรอ..