Chapter 19 โคลอสเซี่ยม อดีตเมืองที่รุ่งโรจ
เช้าวันต่อมาหลังจากที่ทุกคนได้พักผ่อนอย่างเต็มที่และสบายใจที่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นที่ตั้งของน้ำพุสีรุ้ง ทุกคนก็มีขวัญกำลังใจเพิ่มขึ้นมานิดหน่อยเพราะแต่ละคนได้รับนักจากน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ในคนละขวด ยามเหนื่อยล้าสามารถดื่มได้ทันทีแม้จะดื่มแค่หยดเดียวก็สามารถที่จะหายเป็นปกติได้ ยายูมิซึ่งเป็นหน่วยซัมพอร์ตมีหน้าที่คอยดูแลทุกคนยามบาดเจ็บหรือไม่สบายก็ได้รับน้ำพุมาหนึ่งขวดเช่นกันแต่ได้ในพลังที่ไม่เหมือนใครคือพลังที่จะช่วยรักษาบาดแผลต่างๆเพียงแค่หยดเดียวใส่แผล แผลก็สามารถที่จะยุบหายเป็นปรกติได้ทันที
เมื่อทุกคนเตรียมตัวพร้อมแล้ว ทุกคนก็เริ่มออกเดินทางต่อไปทันที โดยมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเช่นเคย ทุกคนเดินทางตั้งแต่เช้า(หลังจากเอาน้ำพุครบ)ถ้านับเป็นเวลาก็ออกเดินทางประมาณ 9 โมงเช้า
ทุกคนเดินทางต่อไปโดยไร้จุดหมายแต่จุดหมายที่แน่ชัดก็คือตามหาสถานที่ที่คิดว่าจะเจออาวุธในตำนานเพื่อรวบรวมให้ครบเจ็ดชิ้นก่อนวันพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งเหลือเวลาอีกแค่แปดวันเท่านั้น
“แนทๆ เธอคิดเหมือนชั้นรึเปล่าอ่ะ”
คริสเปิดปากถามแนทด้วยความสงสัยเรื่องอะไรบางอย่าง
“เอ่ อะไรหรอคริส”
แนทตอบกับคริสอย่างงุนงง
“ก็ลองสังเกตรอบๆดูสิ ต้นไม้ดูแห้งเฉา พื้นดินดูไม่อุดมสมบูรณ์แห้งแล้งเหมือนไม่เคยมีน้ำมานาน อากาศร้อนระอุในบางเวลาเหมือนทะเลทราย บางจุดก็มีเศษซากของหินบางอย่างและดาบหักพังมากมาย เธอไม่สงสัยอะไรเลยหรอ”
คริสอธิบายและชักชวนให้แนทลองมองไปรอบๆ
“จริงด้วยสินะ มันแปลกจริงๆ นี่ๆเพชรลองสังเกตดูรอบๆสิ”
แนทพูดพร้อมกับชักชวนเพชรให้สังเกตดูเช่นกัน
แล้วเพชรก็ชักชวนโซลแล้วก็ชักชวนไปเรื่อยๆจนครบสิบคน(นักรบเจ็ดเอลฟ์สาม)
“สถานที่นี้เหมือนเคยเป็นเมืองมาก่อนนะ เพราะมีเศษอาวุธและข้าวของมากมายเต็มไปหมด”
เพชรสรุปออกมาง่ายๆให้ทุกคนฟัง
“อืม~ ก็จริงนะ แต่เราก็เดินมานานแล้วนะ ยังไม่เห็นจะมีวี่แววของตัวเมืองเลยแม้แต่นิด”
คิดผู้ที่เดินเงียบมากนานเอ่ยขึ้น
“ชั้นคิดว่าเราคงอยู่ไม่ไกลตัวเมืองนักหรอกนะ...ลองเดินต่อไปเรื่อยๆก่อนดีกว่าเผื่อจะเจอก็ได้นะ...”
ไอซิสเสนอความคิดเห็นเล็กๆน้อยแก่ทุกคน
“เอ๊ะ! นั่นไงตัวเมืองมีจริงๆด้วย เรารีบวิ่งไปดูดีกว่าเนาะ!”
โซลตะโกนขึ้นด้วยความตื่นเต้น
“อ่าว นี่พวกเจ้าจะวิ่งไปไหนกันน่ะ!”
อากามิตะโกนขึ้นถามทันทีที่เห็นทั้งสิบคนวิ่งออกจากกลุ่มไป
“เอ่อ ท่านอากามิคะ เราขออนุญาตไปสำรวจเมืองนั่นสักครู่นะคะ ^. ^”
เพชรตะโกนตอบอากามิแล้วรีบวิ่งตามเพื่อนๆของตนไปทันที
*0*!
ทั้งสิบคนต่างตกตะลึงในภาพที่เห็นไม่แพ้กันถึงสถานที่ที่เห็นจะมีความเก่าแก่และผุพังไปมากแต่ก็ยังคงสภาพความสวยงามอลังการเอาไว้ในตัวแบบไม่มีที่เปรียบ สิ่งนั้นเหมือนกับเมืองที่แสนรุ่งโรจ ถูกสร้างด้วยเสาอิฐที่แข็งแกร่งหล่ายล้อมกันไว้และดัดโค้งทุกสองเสาเพื่อเป็นประตู เป็นแบบนี้ไปรอบๆจนเป็นประตูล้อมรอบเมืองไว้ทั้งหมด เป็นแบบนี้ไปหลายชั้นมากแต่ก็ดูสวยงามตระการตาเหมือนกับพระราชวังหลวงที่เก่าแก่เลยทีเดียว
“โคลอสเซี่ยม~!”
เสียงของใครคนหนึ่งในกลุ่มที่วิ่งตามทั้งสิบคนมาดังขึ้น
“เอ๊ะ ! เมื่อกี้เสียงใครน่ะ”
รินพูดขึ้นอย่างตกใจ
“เสียงข้าเองแหละรินะ ไม่ต้องตกใจหรอก”
ภาพที่รินเห็นคือภาพของหญิงสาวเชื้อสายจีนมัดผมแกละสองข้างน่ารักผมยาวสีดำดูสวยงามแต่งกายด้วยชุดจีนสีน้ำเงินกำลังเดินเข้ามาหาเธอ
“ยัตสึมิ เจ้ารู้จักสถานที่แห่งนี้หรอ”
รินถามยัตสึมิไปอย่างสงสัย โดยยัตสึมิยังไม่ตอบอะไรแต่เดินเข้าไปไกล้กับนักรบทั้งสิบคนที่ยืนอยู่ใจกลางของโคลอสเซี่ยม
“ที่นี่...คือบ้านเกิดของข้า...”
เสียงยัตสึมิดูเศร้าหมองสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“...เกิดอะไรขึ้นกับโคลอสเซี่ยมคะ ท่านยัตสึมิ...”
เพชรถามด้วยความเป็นห่วงปนกับความสงสัย
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ในตอนนั้น...ข้าคิดว่าเรื่องคงเกิดขึ้นหลังจากข้าออกมาจากเมืองแล้วสาเหตุคงเกิดจากเรื่องในวันนั้น ตอนนั้นน่ะ...ข้ายังเด็กมาก เรื่องมันเกิดขึ้นในวันสถาปนาเมืองครั้งแรกที่จัดขึ้นอย่างใหญ่โต หัวหน้าเมืองท่านได้จัดกำลังดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับเมืองและชาวเมืองเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่คิดว่าคนแค่นั้นจะไม่พอสำหรับการป้องกันเมือง งานดำเนินไปเรื่อยๆจนกระทั่งพรบค่ำ จู่ๆก็มีธนูไฟหลายร้อยดอกพุ่งเข้ามาในเมืองแบบไม่ยั้ง เมืองทั้งเมืองถูกไฟเผามอดไหม้ แต่ชาวบ้านทุกคนมีใจสู้จึงช่วยกันดับไฟที่เกือบจะผลาญเมืองหมดสิ้นไปได้ หลังจากนั้นก็มีธนูอีกหนึ่งดอกมุ่งตรงมาที่หน้าบ้านของหัวหน้าเมืองโดยมีจดหมายเล็กๆติดอยู่ เมื่อท่านเจ้าเมืองมาพบ ก็ได้เปิดอ่านทันที ความในจดหมายนั้นบอกไว้ว่า
ถึงท่านเจ้าเมืองโคลอสเซี่ยม
บัดนี้กำลังของเราได้ล้อมรอบเมืองของท่านไว้หมดแล้ว ทางเราพร้อมจะบุกยึดเมืองของท่านได้ตลอดเวลา
แต่เรายังไม่อยากจะทำร้ายชาวบ้านตาดำๆ สักเท่าไหร่ เราจึงส่งศาลนี้เพื่อมาเตือนท่าน และปวงประชาในเมืองของท่าน ว่าเราจะทำการบุกยึดเมืองของท่านโดยสันติ ขอท่านจงอย่าขัดขืน แต่ท่านไม่ต้องตกใจไป เพราะข้ายังไม่ได้จะบุกยึดในตอนนี้หรือพรุ่งนี้ แต่เราจะมาบุกยึดที่นี้ในอีกสามถึงสี่ปีข้างหน้า เพราะฉะนั้นมันนานพอที่จะให้ท่านได้เตรียมตัวต้อนรับพวกเรา หากท่านไม่ยินดีกับพวกเราก็ก็มิอาจไว้ชีวิตท่านได้
ด้วยความเกลียดแค้น
จอมโจรทะเลทรายผู้พลัดถิ่น
แต่ตอนนั้นข้ายังไม่รู้เรื่องหรอกนะ ในตอนนั้นข้ากำลังตั้งใจจะฝึกฝนตัวเองเพื่อจะเข้าร่วมค่ายเอลจิงเซลอยู่จึงไม่ได้สนใจอะไรจนกระทั่งเวลาผ่านมาสองปีข้าก็ได้ออกจากเมืองไป แต่ข้าไม่นึกว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นจริงๆหลังจากที่ข้ารู้ข่าวเลยนะ”
ยัตสึมิตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่สู้ดีนัก น้ำเสียงของเธอฟังดูเศร้าสลด และทุกข์ทรมานยิ่งนัก
“แล้วท่านรู้ข้อความในจดหมายนั่นได้ยังไงกันละครับท่านยัตสึมิ”
เกิ้ลถามขึ้นด้วยความสงสัย
“เรื่องนั้นน่ะข้าก็เพิ่งมารู้เมื่อปีก่อนนี่เองแหละ เพราะตอนนั้นข้ากำลังจัดแจงของใช้หลายๆอย่างของข้าที่มันยุ่งเหยิงดูไม่เป็นระเบียบให้เรียบร้อยอยู่นั้น จู่ๆก็มีกระดาษแผ่นหนึ่งหล่นออกมาจากหนังสือของข้าพอข้าเปิดอ่านดูก็เป็นตามที่ข้าเล่านั่นแหละ ในตอนนั้นน่ะนะ ข้ารู้สึกร้อนรนอยากจะกลับมาที่โคลอสเซี่ยม แต่ไม่สามารถจะกลับได้เพราะจากค่ายเอลจิงเซลและโคลอสเซี่ยมนั้นห่างไกลกันมาก”
“อ่าว แล้วทันไมท่านถึงคิดจะกลับเมืองละครับ ท่านยัตสึมิรู้หรอครับว่าตอนนั้นน่ะเรื่องมันกำลังจะเกิดหรือเกิดขึ้นแล้ว”
คริสถามขึ้นด้วยความสงสัย
“หึ คำถามเจ้าเหมือนแทงใจดำข้าเลยนะ แต่ก็ฟังดูห่วงใยดี ข่าจะตอบให้ละกัน เจ้ารู้แล้วใช้มั้ยล่ะว่าข้าออกมาจากเมืองเมื่อสองปีที่ท่านเจ้าเมืองได้จดหมาย เพราะฉะนั้นข้าพบมันเมื่อปีที่แล้วถ้ารวมๆมันก็จะเลยมาประมาณ สี่ห้าปีแล้วละมั้ง ข้าอดคิดถึงพ่อแม่ไม่ได้ก็เลยอยากกลับแต่ก็จนปัญญาไงล่ะ”
“แล้วท่านยัตสึมิรู้ได้ยังไงอ่าคะ ว่าท่านเจ้าเมืองได้จดหมายในวันสถาปนา”
โซลถามด้วยความสงสัย
“ข้าลืมบอกเจ้าสินะ ว่าในจดหมายน่ะมันเขียนไว้ว่า ‘ส่งให้ ณ วันสถปนาเมืองครั้งที่หนึ่ง’ ”
“ -.- ทำไมโจรมันละเอียดงี้เนี่ย ถ้าโจรเป็นแบบนี้หมด คงไขปริศนาได้ง่ายๆเลยล่ะถ้าเป็นในสมัยนี้อ่ะ”
คิดพูดประชดโจรทั้งหลาย
“งั้นข้าขอตัวไปสำรวจบ้านเมืองเก่าของข้าหน่อยนะ คิดถึงจะแย่อยู่แล้วล่ะ ^^”
ยัตสึมิพูดแล้วก็เดินจากทุกคนไปทันที
“งั้นเราก็ลองสำรวจที่นี่หน่อยก็แล้วกันเนาะ ไหนๆก็ไหนๆละ^0^”
โซลกล่าวขึ้นอย่างร่าเริง
“ก็ดีเหมือนกันนะหาประสบการณ์ไปในตัวด้วย เนาะแนท^0^”
เพชรพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี
“อืม! แต่ว่านะถ้าไปเป็นกลุ่มอาจไม่เจออะไรดีๆก็ได้นะ ชั้นว่าเราจับคู่กันไปดีกว่าเนาะ ^o^”
แนทกล่าวขึ้นอย่างอารมณ์ดีไม่แพ้กัน
“ก็ดีนะ งั้นชั้นขอจับคู่ให้เองก็แล้วกันนะ คิด-คริส ชั้น-ไอซิส เพชร-แนท วีอาเทียส-นิวทิร่า เวอาเทียส-เกิ้ล โอเคมั้ย”
โซลกล่าวพร้อมจับคู่ในการสำรวจครั้งนี้
“นี่โซล ชั้นขอคู่กับเกิ้ลได้ป่ะอ่ะแล้วให้คริสไปคู่เวอาเทียสแทน ได้มะ *-*”
คิดกล่าวแบบปกติแต่ดูเหมือนกำลังอ้อนวอนสุดขีด
“แต่ชั้นว่านะ เราแยกเป็นสองกลุ่มดีกว่านะจะได้หาตัวกันไม่ยากไงล่ะ^^”
เกิ้ลกล่าวขึ้นอย่างร่าเริง
“ไม่เลวนะ กลุ่มละห้าคนใช่ป่ะ แบบนี้ดีเลย”
คิดกล่าวด้วยสีหน้ายินดีเมื่อได้ฟังคำนี้
“งั้นใครจะอยู่กับใครบ้างแยกเอาเลยนะจะได้ไม่ยาก”
เกิ้ลพูดขึ้นและทุกคนก็จัดการแยกกลุ่มกันเองทันที
ตอนนี้การจัดกลุ่มก็เรียบร้อยด้วยดีแต่ส่วนมากอยากอยู่กลุ่มสองซึ่งมีแนทอยู่ด้วยด้วยเหตุที่ว่าแนทมีอุปกรณ์ไฮเทคจากท่านเรอา บางทีอาจจะมีอะไรสนุกๆให้ทำ
(ยายแนทเธอหลงเครื่องมือไฮเทคเกินไปมั้ง=w=)“งั้นก็ได้ตามนี้สินะ กลุ่มแรกมีชั้น คิด วีอาเทียส เวอาเทียสและคริส =.= (ทำไมผู้หญิงไปโน่นหมดอ่ะ) =w= กลุ่มสองมีแนท เพชร โซล ไอซิสและนิวทิร่า -.- แบบนี้เป็นชายหญิงเลยละกันเนาะ-.-“
เกิ้ลพูดพร้อมบอกรายชื่อของบุคคลในกลุ่มต่างๆ
“งั้นเราแยกย้ายก็เลยเนาะจะได้ไม่เสียเวลา จะได้รีบสำรวจและเดินทางต่อเลย^^”
เพชรพูดขึ้น แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันสำรวจโคลอสเซี่ยมทันที
“โห ที่นี่สวยงามจังเลยเนาะเกิ้ล เหมือนกับพระราชวังหลวงเลยอ่ะ *-*”
คิดพูดด้วยความปราบปรื้มใจ
“ข้าก็คิดเช่นนั้น แต่สถานที่ดูศักดิ์สิทธิ์ยังไงไม่รู้นะ”
“เอ๊ะ ยังไงหรอวีอาเทียส”
คริสถามวีอาเทียสด้วยความสงสัย
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ความรู้สึกข้ามันคิดเช่นนั้นน่ะ ข้าว่าเราสำรวจต่อไปดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลา”
“อืม~”
“นี่ ไอซิส ทำไมเงียบจังพูดไรมั่งจิ”
โซลทักขึ้นทันทีที่เดินเงียบมานาน
“เอ่อ...ชั้นไม่มีอะไรจะพูดน่ะ”
ไอซิสตอบอย่างอ้ำอึ้งเพราะไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ
“อืม! พูดแค่นั้นกะดีแล้วล่ะแค่อยากได้ยินเสียง^^”
“-.- โซลเป็นเลสเบี้ยนหรอ=.=”
หลังจากที่ไอซิสถามคำถามนั้นกำโซลสายตาทุกคนต่างจับจ้องมาที่โซลทันที
“ = =; ปะเปล่าซะหน่อย ชั้นแค่ไม่ได้ยินเสียงเธอมานานอ่ะเลยกลัวที่จะจำไม่ได้ แหมแค่นี้ก็ว่าชั้นเลยนะ-.-“
“โซลมุมนั้นดูมืดๆนะ เราไปดูกันดีกว่า^.^”
แนทเรียกชื่อโซลขึ้นทันทีหลังจากที่มองเห็นมุมที่มืดๆของโคลอสเซี่ยมเพราะสงสัยว่าอาจมีอะไรน่าสนใจอยู่จุดนั้นก็เป็นได้
ทั้งห้าคนเดินตรงไปยังมุมมืดที่เจอทันที
“ไม่มีอะไรเลยอ่ะ (เพราะมองไม่เห็น)”
โซลพูดขึ้นด้วยความผิดหวัง
“เดี๋ยวสิ ลองใช้นาฬิกาดูเผื่อมีอะไรเกิดขึ้น ^_^”
แนทพูดพลางยกแขนของตัวเองขึ้นมาแล้วลองกดปุ่มมั่วๆไปที่นาฬิกา ปรากฏว่าบนจอของนาฬิกาก็ปรากฏตัวเลือกหลากหลายตัวเลือกขึ้นมา หนึ่งในนั้นคือสิ่งที่ทุกคนต้องการมากที่สุดในตอนนี้นั้นก็คือ ......ไฟฉาย!
“แนทกดเลือกไฟฉายเลยจะได้ส่องดูว่ามีอะไรในมุมนั้นรึเปล่าไง^o^”
เพชรพูดอย่างร่าเริงที่บวกกับความตื่นเต้น
แล้วแนทก็กดเลือกไฟฉายและส่องไปที่มุมมืดทันทีทั้งสี่คนมองเห็นแต่เพียงอย่างเดียวคือความว่างเปล่า โดยที่โซลใจจดใจจ่อตั้งใจมองไปที่มุมมืดอย่างเอาจริงเอาจัง
“ไม่เห็นมีอะไรเลยอ่ะ เราไปที่อื่นดีกว่าเนาะ”
แนทพูดขึ้นพลางกำลังจะปิดไฟฉายจากนาฬิกาของตน
“เดี๋ยวก่อนแนท สังเกตดีๆสิ ลองมองด้วยใจที่บริสุทธิ์ เธอจะเห็นอะไรบางอย่างเหมือนชั้น เธอลองดูดีๆสิ!...”
โซลพูดห้ามเพื่อนของตนไว้และพยามบอกให้ดูอะไรบางอย่างในมุมมืด
“ไม่มีอะไรนี่โซล ชั้นทั้งสี่คนไม่เจออะไรเลยนะ เธอตาฝาดรึเปล่าอ่ะ”
เพชรพูดขึ้นอย่างงุนงง
“ไม่หรอก ชั้นตาไม่ฝาดแน่ เพราะสิ่งที่ชั้นเห็นน่ะมันคือ...”
สิ่งที่โซลไวท์ค้นพบนั้นคืออะไร ความหมายของความรู้สึกวีอาเทียสหมายความถึงอะไร โปรดติดตามอ่านต่อตอนหน้า...The end of the chapter 19