“เอ...จริงสิจะว่าไป เฟริน่าตั้งแต่มาถึงที่นี้ฉันยังไม่เห็นเธอกางปีกเลยสักครั้งนะ”ในที่สุดเซลก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าสงสัยแต่เป็นเพราะคำพูดของเซลเลยทำ
ให้ทั้งลีนาและมาคาลอฟก็มีสีหน้าที่สงสัยเหมือนกัน แต่สำหรับสองพี่น้องฝาแฝดนั้นกลับมีท่าทีที่สดุงเล็กน้อยและหน้าซีดโดยทันใด
“เป็นอะไรไปนะซิล เฟริน่า อยู่ดีๆหน้าก็ซีดเฉยเลยนะ”
“เราสองคนไม่เป็นไรหรอก มาคาลอฟ แต่ว่าพวกท่านอยากรู้ไปทำไมว่าเฟริน่าถึงไม่กางปีกนะ”ซิลเป็นฝ่ายตอบและในขนานเดียวกันก็เป็นฝ่ายถาม
“อ๋อ ก็แค่สงสัยเฉยๆนะ เพราะว่าปกติแล้วคนส่วนใหญ่เค้าจะบินกันมากกว่าเดิน แต่ยกเว้นพวกเราที่ไม่มีปีก”เซลพูดและทำหน้ายิ้มแย้มให้ซิลและหัน
หน้ามาทางเฟริน่าอีกครั้งก่อนจะพูด่า
“ถ้าเกิดไม่อยากบอกก็ไม่เป็นอะไรนะไว้อยากบอกตอนไหนก็ค่อยบอกก็ได้”
“งั้นก็ดีแล้ว”ซิลพูดและหันหน้ามาทางเฟริน่าด้วยท่าทางเป็นห่วงน้องสาวของตัวเองอย่างมาก ที่กลัวว่าความลับครั้งนี้จะแตกเข้าสักวัน และก็ยังเป็นกังวล
กับพวกที่ค่อยตามล่า เฟริน่าอีกด้วยแต่ว่าตัวเค้าเองก็สาบานกับตัวเองเอาไว้แล้วว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันก็จะต้องปกป้องเฟริน่าให้ได้
“เอาละงั้น เธอชื่อซิลสินะ พวกเรากำลังพาเฟริน่าเดินสำรวจหมู่บ้านอยู่เลย เจ้าขยับตัวได้มั่งยังล่ะ จะได้เดินไปพร้อมกันเลย”ลีน่าพูดและสำรวจบาด
แผลที่พึ่งจะทำเสร็จว่ามันคงจะไม่หลุดระหว่างที่กำลังเดินกันอยู่นะ แล้วซิลก็หันไปมองเฟริน่า เป็นเชิงบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องปีกของตัวเธอเอง เมื่อ
ฉันอยู่ที่นี้แล้วจะไม่มีใครสามารถมาทำอันตรายเธอได้ และเฟริน่าเองก็เข้าใจเหมือนกัน
“เอ...เอาละเราไปถึงไหนกันแล้วหว่า” ลีน่าพูดขณะที่เดินออกจากบ้าน พร้อมกับชี้นิ้วไปมาระหว่างทางซ้ายกับทางขวา
“ถึงทางไปป่าของพวกเอลฟ์ขาวนะ”เฟริน่าเป็นฝ่ายตอบขณะที่กำลังยืนมองดูพี่ชายของตัวเองที่ทุลักทุเลเดินออกมาจากบ้าน โดยที่มีเซลเป็นคนช่วยพยุงเอาไว้ แล้วเมื่อเฟริน่าพูดจบ ลีน่าก็เดินตรงดิงไปทางป่าเอลฟ์ขาวทันทีโดยไม่รอ พวกที่อยู่ข้าหลังเธอเลย
“เห้ยลีน่า จะรีบไปไหน รอกันก่อนสิ”เซลพูดอย่างหัวเสียเมื่อเด็กสาวที่เค้าเรียกเดินหายวับไปอย่างรวดเร็ว
“เฮ่อ เหนื่อยใช่เล่นเลยนะเนีย ที่ต้องช่วยพยุงนายแบบนี้น่ะ เห็นนายผอมอย่างนี้ใครจะไปนึกละว่าหนักขนานนี้”เซลพูดและทำหน้าที่ขณะนี้ดูบู้บี้นิดๆ จนทำให้เฟริน่าต้องนึกขำไว้ในใจ จน