Rose’Girl
รุ้งกินน้ำ กุหลาบ เลือด และหัวใจ
ในวันที่ท้องฟ้ามืดหม่น เสียงครวนครางของฟ้าที่เศร้าสร้อย เมฆบดบังแสงอาทิตย์สดใส มันทำให้ใจของฉันมืดหม่น
ฉันคือ ‘โรส’ เด็กผู้หญิงอายุ 10 ขวบ ที่โหยหาอิสรภาพแห่งรุ้ง หัวใจที่เปล่าเปลี่ยวอ้างว้างมันกำลังรอใครสักคนมาสะเดาะกุญแกที่ปิดตาย แต่ก็ไม่เคยมีใครคิดจะก้าวเข้ามาเลย
ฉันถูกดูถูกเหยียดหยามจากสังคมที่ไม่น่าพิสมัย เพราะอะไรนะหรือ อาจเป็นเพราะแม่ฉันเป็นโสเภณี และพ่อฉันเป็นหัวขโมยย่องเบากระมัง แต่ฉันก็รักพวกท่าน ถึงอาชีพของพวกท่านจะเป็นอย่างนั้น แต่จิตใจของพวกท่านก็หาเป็นเช่นนั้นไม่
คนบางกลุ่มบางพวกมักมีความสุขเวลาที่ได้เหยียดย่ามคนอื่นที่ต่ำต้อยกว่าตน คิดบ้างไหมเมื่อตนเองได้ตกต่ำลงมาบ้างจะเป็นเยี่ยงไร ฉันไม่เข้าใจในความคิดของคนพวกนี้เลย ในสมองพวกเขาคงจะกลวงโบ๋ไร้ซึ่งรอยยัก เพราะวันๆพวกเขาดีแต่จับจ่ายใช้สอย เคยบ้างไหมที่จะนำเงินอันไร้ค่าของพวกเขามาบริจาคให้กันคนที่เห็นค่าของเงินบ้าง
ตอนนี้ฉันอยู่ในห้องสีหม่นที่มีแมงมุมเต็มไปหมด ดูจากสภาพห้องก็รู้ว่าคงไม่เคยได้ทำความสะอาดเลย ข้าวของถูกวางอย่างไม่เป็นระเบียบ ยักไยหนาเตอะเกาะอยู่ทุกมุมในห้องนี้ ฉันนั่งมองท้องฟ้า ตอนนี้มีเพียงกระจกฝุ่นเกาะเท่านั้นที่ขั้นฉันกับท้องฟ้า
ฉันแหงนหน้ามองท้องฟ้าและหวังว่าพ่อและแม่คงจะมองลงมามองฉันเช่นกัน ตอนนี้พ่อและแม่ของฉันอยู่ในที่ๆไกลแสนไกล อย่างไม่มีวันหวนคืน แต่ยังดีที่มีสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าคอยให้ที่พักพิงฉัน แต่มันกลับทำให้ฉันเหมือนอยู่ในคุกที่แม้มีหน้าต่าง แต่ไม่สามารถออกมาได้ ถึงจะออกมาได้ แต่ไม่กี่อึดใจ ก็ต้องกลับเข้าไปอยู่ในคุกหน้าต่างนั่นอีก
ตอนนี้พายุฝนเริ่มจางไป เมฆเปิดทางให้แสงแดดส่องแสน รุ้งแสนสวยที่ฉันเฝ้าคอยในที่สุดก็เผยให้เห็น แม่เคยบอกฉันว่า”ชีวิตคนเราก็เหมือนท้องฟ้า แม้สงบนิ่งแต่ก็มีความแปรปรวน แม้จะมืดหม่นแต่เดี๋ยวก็สว่างสดใส” ชีวิตของฉันตอนนี้ก็คงจะเหมือนกันท้องฟ้ามืดหม่น ที่มีสายฝนโปรยปราย ฉันกำลังรอคอยให้ท้องฟ้าในชีวิตของฉันเปิดเพื่อฉันจะได้เจอรุ้งกินน้ำของฉัน
ฉันนั่งมองดูรุ้งจนกระทั่งมันหายไป ตะวันเริ่มลอยต่ำลับขอบฟ้า นี่ฉันคงจะต้องกลับแล้วสินะ กลับไปที่คุกที่มีชื่อว่า สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ฉันย่างเท้าออกจากรังแมงมุมที่ตัวฉันเรียกมันว่าบ้านเก่า อย่างช้าๆ ฉันค่อยๆเดินผ่านร้านของเล่น ร้านที่ฉันเคยเข้าถัดจากร้านของเล่นก็เป็นร้านไอศกรีมชื่อดังในเมืองนี้ ที่ร้านตอนนี้เด็กๆอยู่เต็มร้านไปหมดพ่อแม่เด็กพวกนี้คงจะดีใจที่ลูกๆตัวเองได้กินไอศกรีมที่ร้านที่มีชื่อเสียงเช่นนี้ แต่หารู้ไม่ ทุกคำที่กินเข้าไปเต็มไปด้วยสิ่งร้าค่าที่รังแต่จะทำให้เป็นโรคอ้วนเสียเปล่าๆ ฉันย่างผ่านบ้านนับ 10 หลัง ซึ่งตอนนี้ทยอยปิดประตู หน้าต่าง กันเสียเกือบหมด จนกระทั่งถึงน้ำพุที่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำเป็นรูปปั้นเด็กผู้ชายด้วย
เมื่อถึงประตูสูงใหญ่ที่เป็นกรงเหล็กฉันก็ยืนทำใจอยู่นาน และถามตัวเองว่าทำไมต้องกลับมาที่นี่ด้วย ฉันค่อยๆดันประตูใหญ่ เสียงประตูบานนั้นขานรับการมาของฉัน ก่อนที่ฉันจะปิดมันลง มีผู้หญิงวัยกลางคนผมสีน้ำตาลและดวงตาสีน้ำตาลดูอ่อนโยนวิ่งมาหาฉัน เธอชื่อ’แอนนา’ เธอเข้ามากอดฉันและปลอบประโลม ก่อนจะพร่ำบอกว่าเป็นห่วงฉันมาก ทั้งๆที่ฉันก็ไปที่นั่นบ่อยจะตายไป แต่พอฉันกลับมาทุกครั้ง เธอก็จะพูดเช่นนี้เสมอ นี่ละมั่ง ที่ทำให้ฉันต้องกลับมาที่นี่อีก
เธอเดินจูงมือฉันเข้าไปข้างใน ภายใน เด็กๆส่วนใหญ่กำลังวิ่งเข้าไปรับห้องรับประทานอาหาร แอนนาบอกฉันให้ไปรับประทานอาหารกับเพื่อนๆ ฉันจึงเดินเข้าไป อีกเหตุผลหนึ่งที่ฉันกลับมาที่นี่ อาจเพราะไม่มีใครดูถูกเหยียดยามฉัน ทั้งๆที่พ่อแม่ของเด็กทุกคนที่อยู่ที่นี่ ส่วนใหญ่ตายในสงคราม ตายระหว่างปฏิบัติหน้าที่อย่างกล้าหาญ ผิดกับพ่อแม่ฉัน แต่พวกเขาก็ไม่ดูถูกเหยียดยามฉัน
วันแต่ละวันผ่านไปอย่างไร้ความหมาย หัวใจฉันเริ่มจมดิ่งสู่หลุมมืด มืดมากจนยากที่จะก้าวขึ้นจากหลุม
จนวันนี้ ไฟลุกโชติช่วง โบสถ์ที่เป็นที่พักพิงของเด็กกรำพร้าได้มอดไหม้ ฉันมองไฟอย่างไร้ความรู้สึก แสงไฟยังคงส่องสว่างอยู่ในดวงตาของฉัน ฉันเกลียดโจร...โจรสลัด พวกมันฆ่าทุกคนที่พบ พวกมันเผาโบสถ์ เผาบ้านเก่าของฉัน และเผาบ้านทุกๆหลังในเมือง พวกมันบุกปล้นเมืองนี้ ถึงแม้ทหารจะออกไปต้าน แต่ก็ต้านไว้ไม่นานเพราะแม่ทัพไร้สมอง ไม่คิดจะป้องกันเมืองด้วยชีวิตตนเอง และหนีหายไป
ฉันอยู่คนเดียวหน้าโบสถ์ที่ตอนนี้ไม่เหลือแม้แต่เถ้าถ่าน ผู้คนหวาดกลัวและหนีหายไปหมด ฉันคุกเข่าอยู่ที่พื้นสายตามองฟ้า ดาวยังสุกสกาวแม้ต้านล่างจะทุกข์ร้อนแต่ดาวก็ยังสดใส เหมือนกำลังจะบอกว่าเดี๋ยวทุกอย่างก็ดีขึ้นเอง
ฉันคุกเข่าอยู่ตรงนี้มา 3 วันเต็มๆ ฉันไม่เข้าใจว่าฉันนั่งอยู่ทำไม นั่งอยู่เพื่ออะไร แต่ที่ฉันรู้อยู่อย่างก็คือ ฉันไม่มีที่ไป แต่แล้ว ก็มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งมาพบฉัน เขาพูดกับฉันแต่ฉันไม่พร้อมจะพูดอะไรกับใครทั้งสิ้น เขานั่งลงอยู่ข้างๆฉัน ฉันหันหน้าไปดู ผมสีน้ำเงินครามกับตาสีเงินสะกดให้ฉันจ้องเขาอยู่อย่างนั้น เขายิ้มให้ฉันแล้วถามฉันว่าฉันจะนั่งอยู่ตรงนี้อีกทำไม นั่นเป็นคำถามที่ฉันก็ยังถามใจตัวเองอยู่เหมือนกัน
อยู่ๆตาของฉันก็พร่ามัว แขนขาฉันสั่นไปหมด ฉันหมดแรง อาจเป็นเพราะฉันไม่ได้กินอะไรเลยมาตลอด 3 วัน ฉันฟุบหน้าลงทันที แต่ฉันไม่รู้สึกว่าเจ็บเลย...
ฉันฟื้นขึ้นอีกที นี่เช้าแล้ว ฉันลุกขึ้นนั่งและมองไปรอบๆ ที่นี่ที่ไหน เสื้อผ้าฉันถูกเปลี่ยน ไม่นานที่ฉันกำลังสับสน เด็กชายคนนั้นเดินเข้ามาในห้อง เขาเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง เขาบอกว่าเห็นฉันสลบไปและดูเหมือนไม่มีที่ไป จึงพาฉันขึ้นเรือ เขาชื่อ ‘เพรโทร’ อายุ 15 เขาคือรองเสนาธิการเรือฝ่ายขวา เขาเป็นเสนาธิการเรือฝ่ายขวาตั้งแต่อายุ 13 ปี!! ใช่แล้วที่นี่คือเรือ แต่ไม่ใช่เรือโจรสลัด ที่นี่คือเรือของนักล่าค่าหัว!!
7 ปีผ่านไป ฉันเติบโตขึ้นอย่างนักล่า ทุกคนบนเรือดีต่อฉันมาก พวกเขาทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีครอบครัว แต่หัวใจก็ยังดิ่งอยู่ในความมืด เหมือนขาดหายอะไรไปบางอย่าง สิ่งที่ฉันมองข้าม...
ตอนนี้ฉันดำรงตำแหน่งรองเสนาธิการเรือฝ่ายซ้ายของเรือ’ไซเรน’ ใช่แล้ว มันคือชื่อเรือ เรือที่เป็นเหมือนบ้านของฉัน เป็นที่พักพิง และเป็นเรือที่มอบชีวิตใหม่ของฉัน
แต่คนนี้ฉันก็คงจะลืมไม่ได้ เขาเป็นเหมือนเพื่อนรักของฉัน เขาทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่อยู่ใกล้ เขาทำให้ฉันได้มาเจอทุกคน เจอบ้านใหม่ เขาให้ชีวิตใหม่แก่ฉัน เขาคือคนที่ปลุกฉันออกจากความหนาวเหน็บ แต่ไม่เคยเลยสักครั้ง ที่เขาจะทำให้ใจของฉันเต้นแรงหรือพองโต
เขามักบอกกับฉันว่า ฉันเหมือนรุ้งที่รอให้ฝนหยุด ฉันเหมือนดอกกุหลาบที่รอปุ๋ยมาทำให้มีชีวิต ฉันเหมือนหมาป่าที่ฆ่าได้อย่างเลือดเย็นและไร้ความปราณี และฉันเหมือนเด็กผู้หญิงที่เขาเจอในวันวานที่แม้ชีวิตเปลี่ยนไป แต่ใจก็ยังเหมือนเดิม
เขาบอกว่า สักวันฉันจะเจอคนที่ดีกว่าเขา สักวันฉันจะเจอคนที่ทำให้ใจของฉันเต้นแรงและพองโต สักวันฉันจะเจอคนที่ทำให้ใจที่จมดิ่งสู่ความมืดได้ขึ้นมาเจอแสงสว่าง และสักวันฉันจะเจอคนที่ทำให้ฉันวางดาบที่ไร้ความปราณีลงได้
ฉันรอวันนั้น วันที่ฉันจะเจอสิ่งที่เขาบอกฉัน วันที่ฉันจะได้วางดาบลง แล้ววันนั้นมันจะมาถึงฉันไหมเพรโทร วันนั้นของฉัน มันจะมีจริงอย่างที่เขาบอกรึเปล่า
และแล้ววันนี้ก็มีโจรสลัดบุกมา ฉันเกลียดโจรสลัด .... เกลียด.... ฉันเจอเรือพวกมันกำลังใกล้เข้ามา กัปตันบอกว่าอย่าไปยุ่งเลย ความแค้นมันไม่ทำให้สิ่งที่เสียไปแล้วกลับมาได้ แต่ฉันคิดอีกอย่าง ถึงมันจะไม่ได้ทำให้สิ่งที่ฉันเสียไปกลับมา แต่มันก็ทำให้ฉันได้ระบายความอัดอั้น
ฉันขอร้องกัปตันให้เบนหัวเรือ จนกัปตันใจอ่อน แต่ไม่ทันได้เบนหัวเรือไปทาง’พวกมัน’ พวกมันก็ตรงมาทางไซเรน ฉันเตรียมพร้อมจะรับมือ และเป็นไปตามที่ฉันคาด พวกมันคิดจะปล้นเรือไซเรน แต่คงถึงคราวเคราะห์ซะแล้ว ปล้นเรือไหนไม่ปล้น แต่กลับมาปล้นเรือ’นักล่า’
เรือโจรสลัดจอดประชิด พวกมันกระโจนออกมาจากเรือตัวเองพร้อมเสียงโห่ร้อง แต่จำนวนเท่านั้น ไม่คะนามือนักล่าไปได้ ฉันกระโดดขึ้นไปบนเรือโจรสลัดโดยไม่รอฟังคำค้านของเพรโทร
โจรสลัดที่เหลืออยู่บนเรือเห็นฉันขึ้นไป มันไม่รอพวกที่เหลือ มันปล่อยเรือออกจากเรือไซเรนทันที พวกมันหวังอยู่ลึกๆ ว่ามันคงจะได้หายจากการกระหายแล้วกระมัง
ฉันมองเห็นเรือไซเรนที่ห่างออกไปเรื่อยๆ ตอนนี้ฉันไม่คิดอะไรนอกจากการแก้แค้น ฉันไล่ฟันโจรสลัดอย่างไร้ความปราณี เลือดสีแดงเข้มเจิ่งนองไปทั่วพื้นเรือ แต่ถึงอย่างนั้น กัปตันเรือโจรสลัดก็ไม่ออกมา ฉันฆ่าไปเรื่อยๆ ตอนนี้บนเนื้อตัวฉันไม่มีส่วนไหนไม่เปื้อนเลือด ยิ่งเลือดเปื้อนตัวฉันมากเท่าไหร่ ความกระหายที่จะฆ่าต่อไปยิ่งมากขึ้น โจรคนแล้วคนเล่าล้มลงเพราะคมดาบของฉัน ฉันเกลียดพวกมัน ฉันเกลียดพวกมัน...
ในวันที่ท้องฟ้ามืดหม่น เสียงครวนครางของฟ้าที่เศร้าสร้อย เมฆบดบังแสงอาทิตย์สดใส มันทำให้ใจของฉันมืดหม่น
ฉันคือ ‘โรส’ เด็กผู้หญิงอายุ 17 ปี ที่โหยหาอิสรภาพแห่งรุ้ง หัวใจที่เปล่าเปลี่ยวอ้างว้างมันกำลังรอใครสักคนมาสะเดาะกุญแกที่ปิดตาย แต่ก็ไม่เคยมีใครคิดจะก้าวเข้ามาเลย
ตอนนี้ใจของฉันเหมือนกำลังหาบางอย่าง บางอย่างที่ฉันคิดว่ามันคงไม่อยู่บนเรือโจรสลัด แต่ดาบที่กวัดแกว่งของฉันมันคงหยุดลงไม่ได้เสียแล้ว
ฉันเหมือนรุ้งที่รอให้ฝนหยุด ฉันเหมือนดอกกุหลาบที่รอปุ๋ยมาทำให้มีชีวิต ฉันเหมือนหมาป่า ที่ฆ่าได้อย่างเลือดเย็นและไร้ความปราณี และฉันเหมือนเด็กผู้หญิงที่เขาเจอในวันวานที่แม้ชีวิตเปลี่ยนไป แต่ใจก็ยังเหมือนเดิม
เขา... ตอนนี้ฉันอยากให้เขามาช่วยหยุดความกระหายของฉัน ได้โปรด…มาทีเถอะเพรโทร ฉันต้องการนาย...
แต่ทำไม คนที่ไม่เคยทำให้ใจของฉันเต้นแรง คนที่ไม่เคยทำให้ใจของฉันพองโต ฉันกลับคิดถึงและเรียกร้องหาเขา ความสับสนเกิดขึ้นในจิตใจ ฉันสับสนเหลือเกิน มันคืออะไรกัน
ความรักมักทำให้ใจเราเป็นสุข ความรักมักทำให้หัวใจเรารู้สึกอบอุ่น ความรักมักทำให้หัวใจเราได้พักผ่อน ความรักมักทำให้หัวใจเราเหมือนมีที่พักพิง และความรักมักทำให้เรามองข้ามบางสิ่ง...
หรือว่าฉันรักเขา ฉันรักคนที่ฉันมองข้ามมาตลอด ความสนิทสนมใกล้ชิด มันทำให้ฉันมองข้ามสิ่งนี้ไป ‘ความรัก’
เขาบอกว่า สักวันฉันจะเจอคนที่ดีกว่าเขา สักวันฉันจะเจอคนที่ทำให้ใจของฉันเต้นแรงและพองโต สักวันฉันจะเจอคนที่ทำให้ใจที่จมดิ่งสู่ความมืดได้ขึ้นมาเจอแสงสว่าง และสักวันฉันจะเจอคนที่ทำให้ฉันวางดาบที่ไร้ความปราณีลงได้
แต่เพรโทร.. ฉันได้เจอแล้ว ฉันเจอคนที่ทำให้ใจของฉันเต้นแรงและพองโตแม้ฉันจะไม่รู้สึก ฉันได้เจอคนที่ทำให้ใจที่จมดิ่งสู่ความมืดได้ขึ้นมาเจอแสงสว่างโดยที่ฉันไม่เคยรู้ และฉันได้เจอคนที่ฉันวางดาบที่ไร้ความปราณีลงได้แต่ฉันกลับค้านใจตัวเอง
ฉันเข้าใจในทุกสิ่งในวันที่เลือดมากมายได้เปื้อนมือทั้ง 2 ข้าง ฉันเข้าใจทุกอย่างในวันที่ฉันได้ทำในสิ่งที่ผิดมหันต์
ใช่แล้วกัปตัน การแก้แค้นไม่ได้ทำให้ฉันได้ทุกอย่างที่สูญเสียกลับคืนมา แต่มันยิ่งทำให้ฉันสูญเสียในสิ่งที่ฉันต้องการซะมากกว่า
ฉันคิดถึงไซเรน ฉันคิดถึงครอบครัว ฉันคิดถึงที่พักพิง และฉันคิดถึงเพรโทร...
ฉันนั่งท่ามกลางกองเลือด ลูกเรือโจรสลัดทุกคนได้ตายหมด รวมถึงกัปตันโจรสลัดด้วย ฉันอยากกลับไป... ใครก็ได้... มารับฉันกลับไปที...
เสียงเรียกของคนดังขึ้น ฉันหันไปตามเสียง เรือไซเรนกำลังมา และจอดเทียบเรือโจรสลัด บุคคลแรกที่กระโดดลงมาทำให้ฉันยิ้มออก
เพรโทร ในที่สุดฉันก็เข้าใจในหัวใจตนเอง ว่าสิ่งที่สำคัญ สิ่งที่ฉันรัก สิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ฉันมองข้ามไปหมด ฉันมัวแต่กดหัวใจให้จมดิ่งสู่หลุมมืด โดยนึกมาตลอดว่าไม่มีวันจะขึ้นมาได้ แต่ฉันขึ้นมาได้นานแล้ว แต่ไม่เคยจะรู้สึกตัว วันนี้ฉันรู้แล้ว... รุ้งของฉันได้กลับมาแล้ว...
แม่...พ่อ ถ้ามองฉันอยู่ ฉันอยากให้ท่านได้รู้ ตอนนี้พายุฝนจางไปแล้ว เมฆเปิดทางให้แสงแดดส่องแสง รุ้งแสนสวยที่ฉันเฝ้าคอยในที่สุดก็เผยให้เห็นแล้ว... ท้องฟ้ามืดหม่น ที่มีสายฝนโปรยปราย หายไปแล้ว ท้องฟ้าในชีวิตของฉันเปิด.... ฉันได้เห็นรุ้งกินน้ำแสนสวยของฉันแล้ว..
ชีวิตคนเรามีทั้งมืดหม่น และแจ่มใส วันนี้ฉันได้เจอรุ้งของฉัน ได้เจอคนรัก ได้เจอครอบครัว ได้เจอที่พักพิง นี่ดีที่สุดสำหรับชีวิตของฉันแล้ว
แล้วพวกคุณล่ะ....เจอรุ้งกินน้ำของคุณรึยัง.....
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ชีวิตคนเราไม่ราบรื่นเสมอไป...ขอเพียงเราเปิดใจ เราก็จะเจอทางออก....