บทที่ 15. ทะเลทรายและคนแคระเคน
2 วันต่อมา หลังจากเดินจากเมืองวิลโดเนี่ย มาถึงเมืองเซาเทรินฟอร์ท ก็พักอยู่ที่โรงแรมของมาดามหว่อง 1คืน และช่วงสายๆออกเดินทางจากเซาเทรินฟอร์ทด้วยรถไฟใต้ดินใช้เวลา 2 ชั่วโมงก็เข้าเขตที่ร้อนและแห้งแล้งที่สุด คือ เขตทะเลทราย ซึ่งสถานีรถไฟใต้ดินจะจอดที่ ป้อมชั่วคราวของทหาร ชื่อว่า"ป้อมเดธวิลเล่ย"
นาฟตี้ : " เง้อๆๆ ร้อนจังเลย พี่อาริงมาทำอะไรที่นี่ละ "
อาริง : " ใครบอกว่าพี่จะพักที่ป้อมนี้ จุดหมายของพี่นะ ต้องเดินจากป้อมนี้ขึ้นไปอีกราวๆ 3 ชั่วโมง ก็ถึงแล้ว(อาริงพูดและยิ้มให้กับนาฟตี้)
นาฟตี้ : " เดินออกไปในเขตแห้งแล้งทะเลทรายเนี่ยนะ จะเป้นลม"(นาฟตี้ทำท่าเป้นลม แต่ฟริกซ์ก็ถือโอกาศพยุงไว้ โดยมีลูฟเฟ่นกระแอมขู่อยู่ข้างหลัง 2คนนั้นอีกที)
อาริง : " ก็บอกแล้วไง ว่ามากับพี่มันจะลำบาก บอกแล้วก็ไม่เชื่อ "
นาฟตี้ : " ไม่ยอม ไม่ว่าจะเหนื่อยและลำบากแค่ไหนก็จะตามไป "(นาฟตี้ฮึดขึ้นมาทันทีทันใด)
อาเวีย : " เอ้า..อยู่ๆก็ฮึดขึ้นมาซะงั้น น้องนายนี่ท่าทางบ๊องๆ เหมือนที่นายและฟริกซ์บอกจริงๆ ฮ่าๆๆ"
ลูฟเฟ่น : " เปล่าหรอก นาฟตี้นะเค้ากลัวพี่อาริงจะหายไปจากเค้าอีก นาฟตี้เลยจะตามติดไม่ยอมปล่อยให้ห่างอีกแล้ว"(และมองไปทางนาฟตี้ที่เดินตามติดอาริงเป้นเงาตามตัว แต่นาฟตี้ก้หยิบเอาโล่ของลูฟเฟ่นไปถือไว้เหนือหัวเพื่อเอาไว้บังแดด)
นาฟตี้ ลูฟเฟ่น ฟริกซ์และอาเวียไม่เคยเดินทางในเขตแห้งแล้ง ทะเลทรายแบบนี้ ทำให้การเดินทางช้ากว่ากำหนดมาก 4 ชั่วโมงต่อมา หลังจากออกมาจากป้อมชั่วคราวเดธวิลเล่ย์ อาริงก็ชี้ให้ทุกคนดูถ้ำแห่งหนึง ที่อยู่บนเนินเขา โดยมีคนแคระเคนตั้งกระโจมอยู่4หลังอยู่บนเนินเขานั่นเช่นกัน
คนแคระเคน : " อ้าวๆ แม่หนูคนนี้หายหน้าไปนานเลยนะ ไปทำอะไรมาละถึงไม่มีเวลามาแถวนี้เลย"
อาริง : " เรื่องมันยาวนะ ไว้จะเล่าให้ฟังละกันคืนนี้ อ้อ..แล้วขอให้เตรียมแบบเดิมให้กับคนๆนั้นด้วยนะ และก็คืนนี้ขอเพิ่มให้กับพวกเพื่อนๆฉันข้างหลังด้วย"
คนแคระเคน : " ได้สิ คนกันเองทั้งนั้นส่วนของเจ้าหมอนั้นต้องพรุ่งนี้นะ เพราะของที่มีอยู่ตอนนี้มีไม่พอให้กับเจ้าหมอนั่นหรอก และอีกอย่างพักนี้หมอนั่นก็ไม่มาเลย สงสัยคงเบื่อๆเซ็งๆที่เจ้าไม่ค่อยมาประมือด้วยนะ "
อาริง : " ฮ่าๆๆ หมอนั่นมีเบื่อมีเซ็งด้วยหรือ ไม่น่าเชื่อ ส่วนของไม่ต้องรีบก็ได้ เพราะฉันกะว่าจะพักที่นี่สักคืนแล้วพรุ่งนี้ค่อยไปหาหมอนั่น"
คนแคระเคน : " งั้นก็ดีเลย พักผ่อนกันตามสบายเลยนะ มีกระโจมว่างอยู่อีก 2หลัง ส่วนกระโจมหลังสุดท้ายแถมเนินตรงนั้นไม่ว่างมีคนอยู่ "
ฟริกซ์ : " หมอนั่นที่ว่า คือใครหรือพี่อาริง "
อาริง : " ไว้เจอแล้วก็รู้เองละ " (อาริงทำหน้าอมยิ้มไว้ ยิ่งทำให้ทุกคนอยากรู้มากยิ่งขึ้น)
นาฟตี้ : " แต่ร้อนๆแบบนี้ คืนนี้จะนอนหลับไหมเนี่ย "
อาริง : " เฮ้ๆ อย่าดูถูกสภาวะทะเลทรายแบบนี้นะ กลางวันมันร้อนมากก็จริง แต่พอตกดึกๆ นาฟตี้จะร้องหาผ้าห่มไม่ทันเลยละ ฮ่าๆๆ"
นาฟตี้ : " ไม่เชื่อหรอก ร้อนจะตายไปใครจะเอาผ้าห่มอีก"(พวกนาฟตี้กำลังจะเอาสัมภาระเก้บเข้าไปในกระโจม และอาริงก็อยู่ในกระโจมของนาฟตี้ ส่วนพวกผู้ชายอยู่อีกกระโจมข้างๆ และอาริงก็เดินออกมาจากกระโจมก่อน และเดินชนเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งจนล้มลง )
อาริง : " ขอโทษที พอดีฉันเดินออกมาจากกระโจมเลยไม่ทันเห็นคนเดินมาข้างๆ" (อาริงพูดขอโทษและยื่นมือไปพยุงตัวคนที่ล้มขึ้นมาเป้นเครลิคหญิง ผมสีฟ้ายาวมัดข้างหลังและตาสีฟ้า)
เรย์รัน : " ขอบคุณค่ะ พอดีฉันก็มัวแต่มองอะไรเพลินเหมือนกัน เลยไม่ทันเห็นว่ามีคนออกมาจากกระโจม"
เรย์รัน : " แต่เอ....คุณหน้าคุ้นๆมากเลยนะ เหมือนเคยเห้นที่ไหน"(เรย์รันมองหน้าอาริง และทำท่าคิดเพราะหน้าคุ้นมาก และก็เดินกลับไปที่กระโจมของตัวเอง และสักพักก็มีเสียงร้องดังออกมาจากกระโจมของเรย์รัน และเรย์รันก็รีบออกมาจากกระโจมในมือถือใบประกาศจับอาริงและมองมาทางอาริง)
เรย์รัน : " อาริงนักโทษค่าหัว 30 ล้านบิลล่า นี่น่า"(เสียงตกใจของเรย์รันดังมากจนทำให้คนอื่นๆเดินออกมาจากกระโจม)
อาเวีย : " เออ...ทางการเค้า...(ยังที่ไม่ทันอาเวียจะพูดจบเรย์รันก็วิ่งผ่านหน้าอาเวียและวิ่งมาหาอาริงแล้ว)
เรย์รัน : " ขอลายเซ็นต์หน่อยสิ พอดีหนูชอบผลงานของพี่ที่จัดการพวกทหารเลวๆอะค่ะ"
นาฟตี้ : " มีงี้ด้วยเหรอเนี่ย"(อย่าว่าแต่นาฟตี้เลย ขนาดคนอื่นๆก็งงปนขำเหมือนกัน)
อาริง : " อ่า...(อาริงก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน เพราะเพิ่งเคยเจอแบบนี้ และยังไม่ทันที่อาริงจะพูดอะไรก้มีลูกธนูพุ่งมาทางอาริง และปักลงพื้นข้างหน้าอาริง และคนที่ยิงเป้นชาร์ปชูตเตอร์หญิง ผมยาวปะบ่าผมและตาสีเขียวอ่อนๆ)
วาเนสซ่า : " ออกห่างจากเครลลิคหญิงคนนั้นเลยนะ เจ้าอาริง คิดจะเอาเครลิคหญิงคนนั้นเป้นโล่กำบังลูกธนูของข้าหรือ"
เรย์รัน : " อย่ามาบ้านะวาเนสซ่า ฉันแค่มาขอลายเซ็นต์พี่เค้าเอง อย่ามาขวางนะ"(เรย์รัยพูดจบก็เดินไปหาวาเนสซ่า)
วาเนสซ่า : " เธอก้รู้ว่าคนๆนั้นมีค่าหัวสูงที่สุด ยังจะไปสนิทสนมกับเค้าอีก อย่าลืมสิพวกเราเป้นพวกล่าค่าหัวนะ "(วาเนสซ่าพูดจบก้ยกคันธนูขึ้ยพร้อมเตรียมจะยิง แต่เรย์รันไวกว่ารีบไปดึงเอาแว่นสายตาออกมาจากหน้าของวาเนสซ่า)
เรย์รัน : " ดูสิจะยิงได้อีกไหม อิๆๆ" (เรย์รันพูดพร้อมทั้งหัวเราะเล็กน้อยที่ถอดแว่นออกมาจากหน้าวาเนสซ่า)
วาเนสซ่า : " ทำบ้าอะไรของเธอ เอาแว่นคืนมานะยัยบ้าเอ๊ย"(วาเนสซ่าลดคันธนูลงและหันไปจะจับเรย์รันเพื่อจะเอาแว่นคืน แต่ด้วยความมองไม่ชัดเลยเดินไปชนกับต้นไม้ และเรย์รันเห้นเช่นนั้นก็รีบมารักษาหัวที่โนของวาเนสซ่า และเรย์รัยก็ขอโทษด้วยการเอาปากเป่าลมเบาๆไปที่หัวที่โนของวาเนสซ่า)
อาเวีย : " นี่ๆๆ ขอขัดจังหวะนิดนะ อะเนี่ยเป้นหนังสือของทางการที่ยกเลิกค่าหัวของอาริงแล้ว" (อาเวียหยิบเอกสารสำรองมาอีกชุดให้กับ2คนนี้ดู)
วาเนสซ่า : " เอกสารปลอมหรือเปล่า "
อาเวีย : " เจ้าก็ลองไปติดต่อทางการหรือสมาคมนักล่าตามเมืองต่างๆสิ เค้าจะบอกเองว่าเป้นเรื่องจริงหรือโกหก"
วาเนสซ่า : " ชิ... ถือว่าเจ้ารอดตัวไปนะ ไม่งั้นได้ตายด้วยคมลูกธนูฉันแน่ๆ กลับเข้ากระโจมเราเถอะเรย์รัน"(วาเนสซ่าพูดจบก็โอบเอวของเรย์รัยเพื่อที่จะเดินเข้าไปในกระโจม แต่มีเสียงหนึ่งร้องทักขึ้นมา)
ลูฟเฟ่น : " ไหนๆพวกเจ้าก็รู้ความจริงแล้ว ตอนเย็นจะไม่มากินอาหารกับพวกเราหรือ"(ลูฟเฟ่นพูดชวนให้ 2คนนั้นมากินอาหารกันด้วยสีหน้ายิ้มๆ)
วาเนสซ่า : " เชอะ..คิดจะวางยาพวกข้าและจัดการเก็บพวกข้าละสิ ข้ารู้ทันน่า"
ลูฟเฟ่น : " หรือว่ากลัว ไม่กล้าอะสิท่า ฮ่าๆๆ" (พอประโยคนี้ที่ลูฟเฟ่นพูดออกมา ทำให้วาเนสซ่าของขึ้นและเดินอาดๆมาหาลูฟเฟ่น)
วาเนสซ่า : " นำทางไปเลยเจ้าบ้า ตัวใหญ่อย่างแกข้าก็ไม่กลัวหรอก"
เรย์รัน : " นี่ๆๆ คนที่พูดนะเค้าอยู่ทางนี้นั่นมันต้นไม้ ลืมใส่แว่นอีกละ เฮ้อ..."(เรย์รันพูดจบ วาเนสซ่าก็หน้าแดงเพราะพลาดทำบ๊องๆปล่อยไก่ไปแล้ว1ที ทำให้ทุกคนอมยิ้มกับวาเนสซ่า)
นาฟตี้ : " เอ...ไม่เคยเห้นพี่ลูฟเฟ่นพูดจากยั่วโมโหผู้หญิงแบบนี้เลย หรือว่า..."(นาฟตี้พูดเสร็จก็หันไปมองหน้าลูฟเฟ่น ที่ตอนนี้มีสีหน้ายิ้มแย้มสดใสและตาที่มองไปที่วาเนสซ่า)
อาริง : " ฮันแน่.. ชัวร์เลยละนาฟตี้ เจ้าก็คิดแบบพี่ใช่ไหม อิๆๆ" (อาริงหันมาพูดกับนาฟตี้ที่คิดวานาฟตี้ก็น่าจะคิดแบบเดียวกับตน และทั้ง2ก็หัวเราะคิกคักกันเพราะคิดว่าความคิดที่คิดกันถูกแน่ๆ)
หลังจากที่ทั้งหมดทำความเข้าใจแล้ว วาเนสซ่าและเรย์รันก็ขอตัวกลับกระโจมโดยที่ตอนเย็นๆค่ำๆทั้ง 2 คนจะไปนั่งกินอาหารตามคำเชิญปนยั่วเล่นของลูฟเฟ่น พวกของอาริงก็พักผ่อนอยู่ในกระโจมเพราะข้างนอกยังร้อนมากอยู่ และเพื่อรอเวลาอาหารเย็น โดยเฉพาะนาฟตี้ มาถึงก็อาบน้ำไปแล้ว 3รอบ เพราะไม่ชินกับสภาพแบบนี้ จนกระทั่งตะวันตกดิน อากาศที่ร้อนมากๆของทะเลทราย กลับเริ่มหนาวเย็นขึ้นมาทันใด เพราะนี่คือสภาพสุดขั้วของทะเลทราย ที่เวลากลางวันจะร้อนจัด และกลางคืนจะหนาวจัด และทุกคนตอนนี้ก็มานั่งกินอาหารที่เนินหน้ากระโจมใหญ่ของลุงคนแคระเคน โดยเอาท่อนไม้มาก่อเป้นกองไฟ ทำให้ได้บรรยากาศไปอีกแบบ
อาริง : " ฉันคงไม่ต้องแนะนำนะเพราะเธอ2คนคงรู้จักแล้ว วิสาทคนนี้ชื่อ นาฟตี้ เป้นน้องสาวของคนที่เธอเรียกว่าตาบึ๊กนั่นอะละ ส่วนตาบึ๊กที่เธอเรียกชื่อ ลูฟเฟ่น ทหารนั้นชื่ออาเวีย ส่วนแอสนั้นชื่อฟริกส์"
เรย์รัน : " ฉันชื่อเรย์รัน ส่วนคนนี้ชื่อวาเนสซ่า "(เรย์รัน แนะนำตัวเองและเพื่อนให้รู้จัก)
ฟริกซ์ : " เป้นผู้หญิง 2คน เดินทางแบบนี้ไม่กลัวอันตรายบ้างหรือ "
เรย์รัน : " ก็กลัวอะค่ะ แต่ยังไงพวกเราก็เป้นนักล่าถึงแม้จะเป้นมือใหม่ แต่ที่อุ่นใจทุกวันนี้ก็เพราะมีวาเนสซ่าอยู่ข้างกาย เลยไม่กลัวเท่าไร"(เรย์รันพูดและเอามือไปคล้องแขนและเอาหัวอิงแอบวาเนสซ่า)
ลูฟเฟ่น : " 2คนนี้เป้นอะไรกันหรือ เพื่อน หรือพี่น้อง"
เรย์รัน : " เอ่อ....เป้น..." (เรย์รันพูดติดๆขัดๆ และก้มหน้าลง)
วาเนสซ่า : " เรา 2คนเป้นแฟนกัน พอใจไหมไอ้บึ๊ก"(วาเนสซ่าพูดพร้อมมองไปทางลูฟเฟ่นและทุกคนตกใจกับคำตอบของวาเนสซ่า)
นาฟตี้ : " แต่ๆๆ...พวกเธอ2คนเป้นผู้หญิงนะ จะเป้นแฟนกันได้ยังไง"
วาเนสซ่า : " แล้วไงผู้หญิงกะผู้หญิงทำไมจะเป้นแฟนกันไมได้ เผลอๆไอ้บึ๊กนั่นกะไอ้ทหารนั่นอาจจะเป้นแฟนกันก็ได้ใครจะไปรู้"(คนที่วาเนสซ่าพูดและชี้ไปก็คือลูฟเฟ่นกะอาเวีย ซึ่งทำให้ 2คนนั่นเกิดอาการอาหารติดคอ)
ลูฟเฟ่น : " คิดได้ยังไง ฉันกะอาเวียเนี่ยนะ " (ลูฟเฟ่นหันไปทางอาเวียที่แกล้งทำส่งตาหวานมาหาลูฟเฟ่น และทั้งหมดที่เห้นภาพก็หัวเราะเสียงดังกันทันทีทั้งๆที่รู้ว่าอาเวียมันทำท่าทางแกล้งลูฟเฟ่น)
คนแคระเคน : " เอ้าๆๆๆ หยุดหัวเราะก่อน มาช่วยขนของที่หนูอาริงสั่งไปหน่อย"(คนแคระเคนตะโกนขึ้นมาจากข้างล่างเนินซึ่งคนแคระเคนเขนรถลากมา บนรถลากนั้นบรรจุถังไม้ขนาดใหญ่อยู่ 4ถัง และอาริง ลูฟเฟน อาเวีย กับฟริกซ์ก็ลงไปเขนรถมาใกล้ๆกับกลุ่มและค่อยๆยกถังไม้ลงมา)
นาฟตี้ : " นี่มันคือถังอะไรอะ ท่าทางจะหนักด้วย"
อาริง : " เบียร์หมักของคนแคระนะ อร่อยและหอมหวานที่สุดเลยนะ ผู้หญิงก็กินได้แต่อย่าเยอะ"(พออาริงพูดว่าเบียร์นี้ผู้หญิงกินได้ นาฟตี้ก็ดีใจที่จะได้ลองกิน เพระลูฟเฟ่นไม่ค่อยให้นาฟตี้ลองกินสักที)
นาฟตี้ : " เย้ๆๆๆ จะได้ลองกินดูสักที ไม่เคยลองกินเลยไม่รู้รสชาติจะเป็นยังไง พี่ลูฟเฟ่นนะขี้งกไม่ยอมให้น้องได้ลองกินเลย"
วาเนสซ่า : " อาไร้(ขึ้นเสียงสูง) เป้นตาบึ๊กและยังหัวโบราณอีก แค่นี้ก็ไม่ยอมให้น้องกิน ฮ่าๆ"
นาฟตี้ : " เนอะๆๆ หัวโบราณ "(นาฟตี้รีบผสมโรงแขวะพี่ชายตัวเอง)
ลูฟเฟ่น : " ก็น้องฉันมันยังเด็กอยู่"
อาริง : " ไม่เป้นไรหรอก ถ้าให้กินพอรู้รสก็ไม่เป้นไร แถมที่ฉันสั่งมาเพราะอากาศที่นี่หนาว กินเบียร์แล้วมันจะไปร้อนข้างในตัวนะ จะได้ร่างกายอบอุ่นเวลานั่งกินข้าวกลางแจ้งแบบนี้นะ "
ลูฟเฟ่น : " ตามใจละกัน ถ้าเมาก็อยากมาให้พี่แบกละ" (ลูฟเฟ่นพูดเสร็จก็หันไปมองวาเนสซ่า แต่วาเนสซ่าก็ยังไม่วายมองด้วยหางตาและเชอะใส่ลูฟเฟ่น)
พอเบียร์มา อาริงก็เก็บแยกไว้ต่างหาก 2ถัง เพราะอาริงจะเอาไว้เพื่อนตัวเองพรุ่งนี้ ส่วนอีก 2ถังก็เปิดกินกันในวงอาหารนี่เลย จะได้แก้หนาว และไม่นานก็มีการเล่าเรื่องตลกและคุยกันไปอย่างสบายอารมณ์ ส่วนคนแคระเคนยิ่งสบายอารมณ์ใหญ่ เพราะนานๆที่จะมีความสุขเพราะมีคนเยอะๆมากินข้าวด้วยกันแบบนี้ คนแคระเคนถึงกับขึ้นไปส่ายสะโพกโยกย้าย บนโต๊ะอาหาร ทำให้เรียกเสียงฮาและเสียงปรบมือจากพวกอาริงและพวกวาเนสซ่าได้เยอะทีเดียว............