หวังว่าทุกคนคงจะลืมไปแล้วนะว่า เอล และ ปันจี้ เป็นมนุษย์ที่ีมีอยู่จริงบนโลกแห่งความเป็นจริง โดยแค่เข้ามาในโลกอสุราผ่านทางเครื่องเกม จนตอนนี้ก็ยังไม่สามารถหาทางกลับเกมเดิมได้ เมื่อ ออกเกม แล้ว เข้าใหม่ ก็ยังคงโผล่ที่อสุราเหมือนเดิม โดยจะแตกต่างไปจากคนที่เหลือ ที่มีตัวตนอยู่บนโลกอสุราเท่านั้น
และเรื่องราวข้างต้น ก็จะไม่ถูกนำมาใช้ในเรื่องนี้ ตอนนี้ อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น ลบมันทิ้งจากสมองไปซะ - -*
.
__________________________________________________________________________________
เวลา 3 ทุ่ม หลายนาที
ด้วยเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวที่เกิดขึ้นกับพวกเขา ทำให้ทุกคนต่างเอาแต่เก็บตัวเงียบ โดยหารู้ไหม๊ว่า คนร้ายอาจจะอาศัยจังหวะนี้ในการลอบสังหาร ไล่เรียงหัวไป ตามแต่ละบ้านก็ได้ หึหึหึหึ
บัลกัน300/
หนาวจังเลยเว้ย นี้มันฤดูอะไรวะเนี้ย
ระหว่างทางเดินกลับไปที่บ้านท้ายเมืองเซาเทิร์นไชร์ ของบัลกัน300 ผ่านเสาไฟต้นเล็กสูงราว 3 เมตร ที่มีแมงเม้าบินวนอยู่โดยรอบ หากแหงนมองท้องฟ้าในเสี้ยววินาทีนี้ คงจะเห็นดาวตก แวบแวบ อยู่ ริมฟ้า
บัลกัน300/
แน่นอนข้าไม่ใช่คนร้ายหรอก (บัลกัน300 หันมาพูดกับผู้อ่าน)
ฮ่าฮ่าฮ่า เพราะอะไรหน่ะหรอ เพราะข้าได้แอบไปอ่านตอนจบแล้ว แต่ทางผู้กำกับย้ำนักย้ำหนาว่า อย่าไปบอกใครเด็ดขาด เพราะอาจถูกปลิดชีพกลางลมหนาวโดยไม่รู้ตัว
ใบไม้ปลิวว่อนตามแรงลม ไหลผ่านกลางอากาศมาปะทะเข้ากับหน้าบานบานของบัลกัน300
บัลกัน300/
แต่ข้าจะบอกอะไรไว้อย่างนะ ศพรายต่อไปจะเป็น. . .
ตัดมาที่อีกเหตุการณ์
กันจูคุงที่กำลังลากเกราะที่หนักราวกับแบกดวงจันทร์ไว้ทั้งดวง โดยถ่อสังขารเพื่อมุ่งตรงสู่ กระท่อมเล็กเล็กหลังป่าวุ้น ที่อยู่ติดริมแม่น้ำสายหลักของเซาเทิร์นไชร์ แต่ระหว่างทางนั้นเอง
กันจูคุง/
กลางค่ำกลางคืนแบบนี้น่ากลัวจังเลย ถ้าเกิดคนร้ายแอบโฉบมาปลิดชีพเรา คงได้ตายอย่างน่าอนาถแน่แน่
แล้วก็ลากเกราะหนาหนาไป เกี่ยวต้นหญ้าหลุดออกมาจนเห็นหน้าดิน
กันจูคุง/
ไม่เห็นต้องกลัวอะไรเลย เกราะหนาซะอย่าง ขนาดปืนยังยิงไม่เข้าเลย ใครจะทำอะไรเราได้ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า
กันจูคุง หัวเราะอย่างสบายอารมณ์พลางฮัมเพลงไป ขณะใกล้จะถึงกระท่อมหลังป่าวุ้นในอีก 50 เมตรข้างหน้า
ตัดมาที่อีกเหตุการณ์
ป๋องป๊อง/
ฮึบ ฮ้าาาาา นั่งรถไฟนานนาน นี้ก็เมื่อยก้นเหมือนกันเนาะ ตอติว กว่าจะถึงเรดคลิฟเล่นเอาเหนื่อยเลย
ตอติว/
ใช่เลยค่ะ Miss ป๋องป๊อง me เองก็เริ่มรู้สึก dizzy(โง่ เอ้ย!! มึนหัว) ขึ้นมาเหมือนกันค่ะ
ป๋องป๊อง/
โชคดีนะเนี้ยที่ทันรถไฟเที่ยวสุดท้ายพอดี
ตอติว/
ใช่เลยค่ะ Miss ป๋องป๊อง me เริ่มรู้สึก sleep([V]ง่วง) ขึ้นมาเหมือนกันค่ะ
ป๋องป๊อง/
งั้นพวกเราไปนอนกันดีกว่าเนาะ เดินอีกแป๊ปเดียวก็ถึงโรงแรมแล้ว
ตอติว/
ได้เลยค่ะ ถ้าอย่างนั้น me ขอ run ไปก่อนเลยนะค่ะ
ฟิ้วววววว~~
ป๋องป๊ํอง/
อ๊ะรอด้วยสิ
ถึงป๋องป๊องจะตะโกนออกไปแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้วิ่งตามแต่อย่างใด หากแต่แค่กึ่งวิ่งกึ่งเดิน เพื่อตามตอติวไปเท่านั้น
ท่ามกลางความมืดของเมืองเรดคลิฟนั้นเอง สัมผัสที่หก ของป๋องป๊อง ก็จับได้ถึงสิ่งมีชีวิตที่เดินตามหลังเธอมา ในระยะไม่ไกลเกินเอื้ืิอม ป๋องป๊องพยายามจ้องทะลุความมืดเข้าไป ในขณะที่มือสั่นด้วยความกลัว หยิบหอกออกมาในท่าพร้อมรบ
สัมผัสอันแรงกล้านั้นเป็นของใคร!!!?
แพนด้าเมย์/
ของเค้าเอง
ป๋องป๊อง/
อ้าวก็นึกว่าใคร
แพนด้าเมย์/
แล้วหล่อนนึกว่าใครหล่ะย่ะ
ป๋องป๊อง/
ชั้นก็นึกว่าเป็นคนร้ายหน่ะสิ มันยิ่งแฝงอยู่ในกลุ่มพวกเราด้วย
แพนด้าเมย์/
ไม่ต้องเป็นห่วงนะป๋องป๊อง ถึงชั้นจะเป็นคนร้าย ชั้นก็ไม่ทำร้ายเพื่อนสุดเลิฟ อย่างพวกเธอหรอก
ป๋องป๊อง/
พูดอย่างนี้ก็หมายความว่า เธอเป็นคนร้ายหน่ะสิ
แพนด้าเมย์/
จะบ้ารึไงย่ะ!!!!!
หึหึหึ คนที่คิดง่ายง่ายแบบนี้ นี่แหล่ะ ที่ตายโดยไม่รู้เรื่องรู้ราว
เงาในมุมมืดแวบหายไปในทันที
.
________________________________________________________________________________
หลอนวันละนิด สะกิดขั้วหัวใจ