หากใคร เคยเดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่ หรือ เป็นชาวเชียงใหม่ ที่เคยผ่านเส้นทาง "คลองชลประทาน" ทางฝั่งศูนย์ราชการจังหวัด และสนามกีฬาสมโภช 700 ปี คงจะผ่านตากับที่ดินรกร้างข้างทางปกคลุมด้วยไม้หญ้า ท่ามกลางบรรยากาศรก ๆ น่ากลัว ตั้งอยู่บนกิโลเมตรที่ 4 ของถนนสายห้วยแก้ว อยู่ห่างจากสี่แยกห้วยแก้วซึ่งจะสามารถไปมหาวิยาลัยเชียงใหม่ราว 2 กิโลเมตรที่มีชื่อว่า
"ลัดดาแลนด์"
ลัดดาแลนด์เมื่อก่อนย้อนไปน่าจะซัก 30 กว่าปีได้เป็นสวนดอกไม้เมืองหนาวที่โด่งดังมาก
เพราะมีสวนกล้วยไม้ที่ใหญ่มากๆ มีทั้งช้างให้นั่ง มีรถม้า มีรถไฟเล็ก
การแสดงฟ้อนรำต่างๆ มีค่าบัตรด้วยน่าจะ 8 บาทหรือ 10 บาทนี่แหละจำไม่ค่อยได้
ทำให้หน้าหนาวทุกปีจะมีคนขึ้นมาเที่ยวเยอะมาก
เจ้าของคือ คุณนายลัดดา
ด้วยการเล็งเห็นศักยภาพของที่ดินรกร้างผืนใหญ่อยู่ใกล้ ทางขึ้นดอยสุเทพ พื้นที่ผืนนี้จึงถูกพัฒนาให้เป็น “อุทยานการท่องเที่ยวขนาดใหญ่”ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ซึ่งในยุดนั้นยังไม่มีสถานที่ใดโดดเด่นเท่า
แล้วโครงการขนาดใหญ่ที่ครองใจผู้คนในยุคนั้นก็เกิดขึ้น ด้วยการจัดศูนย์แสดงสาธิต
ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ทั้งพิพิธภัณฑ์ชาวเขา
การทำเครื่องเขิน การแกะสลักไม้ การทอผ้าไหม
การแสดงฟ้อนรำต่าง ๆ ภายใต้การควบคุมของคณะ วัดเจ้าพ่อเม็งราย อันโด่งดัง
รวมไปถึงมัดใจเด็ก ๆ และครอบครัว ด้วยการให้บริการ ช้าง ม้า และรถไฟเล็กให้นั่ง
ด้วยค่าบริการปนะมาณ 8 หรือ 10 บาท
"น้ำมะเกี๋ยง" (น้ำลูกหว้า) เป็นที่แรกและเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่แห่งนี้ รวมทั้งมีการเปิดเพลงของคณะ ดิอิมพอสลิเบิ้ล
ซึ่งโด่งดังในขณะนั้นเกือบตลอดทั้งวัน
สิ่งที่เป็นที่เชิดหน้าชูตาและโดดเด่นที่สุดของสถานที่แห่งนี้ ได้แก่ สวนดอกไม่เมืองหนาวพันธุ์ต่างประเทศ และ “รังกล้วยไม้”
(สวนกล้วยไม้) ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ ตระการตาด้วยพันธุ์พื้นเมืองและต่างประเทศกว่าร้อยชนิด
ทำให้สถานที่แห่งนี้มีผู้มาเที่ยว
ชมกันเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว โดยมีบ้านขนาดใหญ่ของคุณนายลัดดา
ซึ่งปลูกอยู่ใกล้ ๆ ประตูทางเข้าลัดดาแลนด์
เป็นเสมือนสิ่งบ่งชี้กำไรจากผลประกอบการ
สถานที่ยอดฮิตของวัยรุ่นสมัยนั้นจะไปออกเดทกันเพราะมีความเชื่อว่า
คู่ไหนไปอธิฐานขอความรักกับต้นไทรหน้าลัดดาแลนด์แล้วคู่นั้นจะได้รักกันไปตลอดชีวิต
ส่วนหมู่บ้านนั้นทั้งหมดล้วนเป็นคนที่มีฐานะดี ทั้งนั้นที่เข้าไปอยู่เรียกว่า
หมู่บ้านเศรษฐี แต่เรื่องมาเกิดตอนที่บ้านหลังหนึ่งแล้วโดนคนร้ายฆ่าตายยกบ้าน
แล้วเรื่องสยองก็เริ่มขึ้นจากตรงนี้เพราะคนที่อยู่ใกล้ๆกับบ้านหลังนี้
บางทีก็ได้ยินเสียงร้องไห้ บ้างก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ
หรือบางครั้งก็ได้ยินเสียงหัวเราะ และที่เจอกันจนอยู่ไม่ได้คือ
คนแถวนั้นจะเห็นครอบครัวที่ตายนั้นบางทีก็ออกมายืนหน้าบ้าน ออกมารดน้ำต้นไม้
คนที่ผ่านไปมาโดนหลอกทุกคน ทำให้ตอนเที่ยงคืนจนถึงเช้าไม่มีใครที่จะกล้าออกจากบ้านเลย
นานวันเข้ายิ่งนหนักมาหลอกถึงบ้าน คนแถวนั้นอยู่ไม่ไหวเลยพากันย้ายออกกันไปเกือบหมด
ทำให้แถวนั้นกลายเป็นบ้านร้างเยอะ
แต่ยังมีบ้านอีก 3 หลังที่ยังไม่ไปไหนและ 1 ใน 3 หลังนั้นเจ้าของเป็นฝรั่งไม่ค่อยได้อยู่จะบินมาเที่ยวเฉพาะ
ฤดูหนาวเพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อมาก เลยจ้างเด็กสาวพม่ามาเฝ้าบ้าน
แต่ผ่านไปไม่นานก็มีโจรมาขึ้นบ้านหลังนั้นฆ่าเด็กสาวคนนั้นแล้วหมกศพไว้ในห้องเก็บของใต้บันได
กว่าจะมาพบก็ผ่านไปเกือบ 2 เดือน
และที่มาพบได้เพราะบ้านที่ยังเหลืออยู่ใกล้ๆกันได้กลิ่นเหม็นเน่า โชยออกมาจากในบ้านแต่ก็ไม่ได้สงสัยเพราะยังเห็นเด็กสาวคนนี้ยังคงมานั่งอยู่ ที่ระเบียงหน้าบ้านทุกวัน
จนวันหนึ่งทนไม่ไหวเลยบอกว่าให้ทำความสะอาดเพราะอาจจะมีหนูตาย แค่นั้นแหละ
เด็กสาวหันหน้ามาแบบเละๆเลยไปแจ้งความและแจ้งให้เจ้าของบ้านทราบเปิดเข้าไปดูเลยพบ
แต่ถึงจะพบแล้วเด็กคนนี้ก็ยังคงนั่งอยู่เดิมทุกวัน แต่ถ้านั่งธรรมดาไม่มายุ่งคงจะดี
เห็นคนนั้นบอกว่าบางทีก็มายืนมองที่หน้าต่างตอนนอนกลางคืนด้วยเลยย้ายออกไม่เสียดายแล้วบ้าน
มีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับการเสียชีวิตเอาคร่าวๆที่จำได้
1. มีคู่รักคู่หนึ่งที่รักกันมากและมาอธิฐานขอให้ความรักสมหวังกับต้นไทรแต่แล้วพ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่ยอมรับ
ฝ่ายชายทั้งสองเลยมาแควนคอตายคู่กันที่ใต้ต้นไทรนั้น...
เขาบอกว่าทุกวันที่ทั้งคู่ผูกคอตายวนมาจนครบรอบ(ซึ่งผมก็ไม่รู้วันไหน)
คนแถวนั้นจะเห็นทั้งคู่ห้อยโตงเตงพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ อันนี้พี่ที่ทำงานเค้านอนกลางวันตรงนั้นแล้วเจอ
แต่ยังนอนต่อไปได้ โอ้ว ใจเด็ดมาก
2. ช่วงก่อนที่จะสร้างสวนสาธารณะนี้เสร็จ ตอนที่ขุดหลุมเพื่อที่จพทำบ่อน้ำได้พบกับโครงกระดูกอยู่แต่ไม่ยอมเปิดเผยให้ทราบกัน
3. เมื่อ 10 กว่าปีก่อนสถานที่แถวนั้นเป็นที่เปลี่ยวเลยมีการนำศพคนตายที่ถูกปล้น หรือถูกข่มขืนมาทิ้งไว้ที่นั้นที่รู้อย่างน้อยๆก็ 8 ศพแต่ที่ไม่รู้อีกน่าจะเยอะ
4. มีหญิงสาวและหญิงขายบริการหลายที่ทำแท้งแล้วนำซากเด็กไปทิ้งไว้ในสระน้ำนั้นเป็นจำนวนมากหลายคนบอกว่ามากกว่า 100 เลยทีเดียว
5. มีขี้ยาคนหนึ่งพี้ยาเกินขนาดแล้วเกิดช็อคตายคาศาลาที่ริมสระน้ำนั้นกว่าจะมี คนมาพบก็เน่าหมดแล้ว แต่เขาบอกว่าที่ช็อคเพราะโดนเอาไปเป็นตัวตายตัวแทนมากกว่า เพราะกัญชายังเหลืออยู่ข้างๆศพอีกเยอะเลย
6. มีการนำศาลพระภูมิรวมถึงตุ๊กตาสะเดาะเคาระห์มาทิ้งไว้เป็นจำนวนมากจนทาง เทศบาลมารื้อไปทิ้งไว้นอกเมือง แต่ไม่เคยทำได้สำเร็จเพราะถึงจะย้ายไปไกลแค่ไหนวันรุ่งขึ้นก็จะกลับมาที่ เดิม
7. มีหญิงสาวที่มาขอความรักกับต้นไทรแล้วผิดหวังในความรัก เลยมากินยาฆ่าแมลง ตายใต้ต้นไทรหน้าหมู่บ้านโดยที่ทิ้งจดหมายไว้สั้นๆว่า "จะอยู่ข้างๆเธอตลอดไป"
และเขาบอกว่าวิญญาณทั้งหมดนี้จะสิงอยู่ในตุ๊กตาสัตว์ที่ วางไว้อยู่มาก