[.-_58_-.]
“อ๊ากกกกก ~~!! เมื่อไหร่มันจะจะข้ามภูเขาลูกนี้ได้ซะทีเนี่ย !!” เสียงบ่นอุบอิบที่แสนจะน่ารำคาญและหนวกหูเป็นอย่างมากของฮิโกะดังกังวาลไปทั่วแถบภูเขา
ตอนนี้เราสามคนกำลังเดินอยู่ในรัศมีของภูเขาลูกแรกที่ไม่รู้ว่าจะข้ามผ่านได้เมื่อไหร่ เพราะตอนนี้พวกเราเดินทางมานานมาก ถ้ารวมๆก็น่าจะประมาณ 2-3 ชั่วโมง แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของยอดภูเขาเลยแต่นิด
“อย่าว่าแต่ข้ามเลย จะถึงยอดเมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้ - -“ อัลโฟ่ปริปากพูดขึ้นอีกคนอย่างเซ็งๆ แต่ดูท่าทางแล้วจะเบื่อที่ต้องเดินแบบนี้ซะมากกว่า
“ยังไงมันก็เป็นทางที่จะหาเศษอัญมณีนี่ มันก็คงต้องยากเป็นธรรมดาแหละน่า ถ้าขืนเศษอัญมณีตกอยู่เรี่ยราดตามพื้น โลกคงแตกสลายเพราะใครต่อใครคงเก็บไปขายทำเป็นนั่นนู่นนี่ หรือปีศาจเอาไปทำลายก็ได้ - -“ ฉันสาทยายบทความเล็กน้อยออกไปแบบที่เซ็งไม่แพ้กัน
แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ก็มันเป็นแบบนั้นจริงๆนี่ แต่จะว่าไปมันก็ยาวไกลจริงอ่ะแหละ - -
“เราเดินมากี่กิโลแล้วอ่ะ” ฮิโกะถามขึ้นมาโดยขาทั้งสองข้างยังคงพยามจ้ำเดินต่อไป
“ประมาณ 10 กว่ากิโลได้มั้ง” ฉันตอบ โดยใบหน้าไม่ได้หันย้อนลงไปดู แต่จ้องมองไปเฉพาะทางข้างหน้าอย่างเดียว ลูกแก้วก็ไม่ช่วยฉันเลย TT มีแต่ลอยอย่างสบายอารมณ์ - -
“ฟาง...เธอมีการ์ดอัญเชิญอยู่นี่น๊า~ ทำไมไม่เรียกออกมาเล่า จะได้เดินทางสบายๆ TT” อัลโฟ่เรียกชื่อใครบางคนออกมา แต่เรื่องของปีศาจ ก็มีแต่ฉันนี่ - -
“นายเรียกใครฟางอัลโฟ่ - -“ ฉันถามออกไปอย่างหงุดหงิดเล็กน้อยพร้อมใบหน้าที่หันไปหาเขาอย่างงุนงง เพราะคิดว่าเค้าต้องเปลี่ยนชื่อให้ฉันแน่ๆ =_=
“ก็เรียกเธอไง ฟาเซียมันยาว ฉันก็เลยตัดเซียออกแล้วเติม ง งูใส่ มันจะได้เรียกง่ายๆ” อัลโฟ่ตอบอย่างภาคภูมิใจในตนเองที่ตั้งชื่อให้คนอื่นได้ - - แหม..มันน่า..นัก
“ฉันไม่ดีใจหรอกนะที่ได้ชื่อใหม่น่ะ” ฉันบอกกลับไปก่อนจะหันหน้า กลับมาดังเดิม
“เอาน่าๆ ยังไงฉันก็ขอเรียกฟางนะ ไม่อยากพูดมาก” เอิ่ม...น่าจริงๆ
“แล้วแต่นาย แต่ถ้าเรียกแล้วฉันไม่ขานรับไม่รู้ด้วยนะ”
“อือ...ว่าแต่เรียกปีศาจออกมาซะทีสิ ฉันเดินต่อไปไม่ไหวแล้ว ” อัลโฟ่พูดด้วยสีหน้าที่แสนจะซีด เพราะอาการเหนื่อยจากการเดินที่ไม่ได้ยหยุดพักตั้งแต่ริมแม่น้ำ
“เรียกให้ฉันด้วยนะ ฉันก็ไม่ไหวเหมือนกัน” ฮิโกะสั่งฉันอีกคน นี่ฉันไม่ใช่คนใช้นะ
“ก็ได้ๆ แต่ถ้ามันผาดโผนฉันไม่ช่วยนะ เพราะมันไม่ค่อยเชื่องกับคนเท่าไหร่” ฉันเตือนทั้งสองคน และคำตอบที่ได้มาคือการพยักหน้าหงึกๆสั้นๆ ท่าทางเหนื่อยมากจนหมดแรงพูดไปเลยแฮะ
ลูกแก้วสีแดงสด ค่อยๆพยุงตัวให้ลอยมาที่ด้านหน้าเจ้าของตามความรู้สึกที่รับรู้ว่าถึงเวลาใช้งาน ตัวลูกแก้วค่อยๆลอยลงมาที่ฝ่ามือเรียวและเล็กข้างขวาของฉันอย่างแผ่วเบา ก่อนมืออีกข้างจะหยิบการ์ดปีศาจที่ปรากฏออกมาจากสร้อยสามมใบ
“อะคาริ โซมิโยชิ...ขออัญเชิญ ปีศาจกาไบร์ ปีศาจแกลล็อป และปีศาจรีออล จงบังเกิดตัวเปิดเผยแก่ข้า แล้วมาทำหน้าที่ของเจ้าซะ !!” สิ้นเสียงจากลำคอของฉัน ก็บังเกิดแสงสว่างสีขาวสดใสส่องแสงออกมาจากลูกแก้วที่ประสานพลังกับการ์ดปีศาจ
และเมื่อแสงดับหายไปลูแก้วและทุกสิ่งก็กลับสู้ปกติ การ์ดปีศาจก็กลานร่างเป็นปีศาจตามประเภทและชื่อที่ถูกเรียกขานตามการ์ด
ปีศาจตัวแรก กาไบร์ เป็นปีศาจประเภทมังกรสูง 1.4 เมตร หนัก 56 กก. มีรูปร่างลักษณะสีเทาเข้มใบหน้ายาวออกมาพร้อมปาก หูเป็นวงรีใหญ่เหมือนลูกกระสุนปืน RPG ที่หลังมีครีบเหมือนปลาฉลาม มีกงเร็วที่ยาวและแหลมคม แขนทั้งสองข้างมีสามเหลี่ยมเล็กงอกออกมาเหมือนปีก แต่จะเดินทางโดยการวิ่ง มีนิสัยชอบสะสมอัญมณี เอ๊าะ!! จะมีอัญมณีสีรุ้งมั้ยนะ - - คงไม่มีหรอก
ปีศาจตัวที่สองแกลล็อป เป็นปีศาจประเภทม้า สูง 1.7 เมตร หนัก 95 กก. มีรูปร่างลักษณะสีเหลืองออกทองๆ บรหัวมีเขา มีไฟลุกโชนที่หาง คอ และขาสี่ข้าง
และตัวสุดท้ายปีศาจรีออล เป็นปีศาจประเภทสุนัขจิ้งจอก สูง 0.7 เมตร หนัก 20.2 กก.มีรูปร่างลักษณะเป็นตัวสีฟ้า ที่คอมีวงกลมสีเหลืองคล้ายสร้อยแต่มีขนาดใหญ่สวมไว้ มือสองข้างมีจุดขนาดใหญ่สีขาวอยู่หนึ่งจุด หู บริเวณรอบตาหน้าอกและขาจะเป็นสีน้ำตาลเทา
“เดี๋ยวฉันจะอธิบายลักษณะความสารถของแต่ละตัวให้ฟังก็แล้วกันนะ ตัวแรกกาไบร์ เป็นมังกร วิ่งได้เร็วไม่แพ้ตัวอื่น ตัวสองเป็นม้า วิ่งได้ 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนตัวสุดท้ายเป็นสุนัขจิ้งจอก วิ่งได้เร็วเท่ากับตัวอื่น สามารถข้ามเขาสามลูกได้ภายในเวลา 1 คืน จะเอาตัวไหนก็เลือกเอา ฉันเอาของเหลือได้เพราะตัวไหนก็ไม่มีปัญหา” ฉันอธิบายความสามารถของแต่ละตัวออกไปให้อัลโฟ่และฮิโกะได้ฟัง
สีหน้าของทั้งสองคนจากที่ซีดเผือกหมดเรี่ยวแรงก็กลับมาสดใสและดูมีความสุขมากขึ้น สงสัยจะไม่อยากเดินกันจริงๆแหละ = =
โฮก~~~!!!!!!
เสียงของมังกรดังกึกก้องไปทั่วป่า หวังว่าทุกคนที่ได้ยินคงไม่ตกใจนะ แต่มันก็แรงมากเลยแฮะ มังกรปรากฏตัวมาก็ส่งเสียงเลยนะ - -
“เอ่อ...ฉัน...ฉันขอสุนัขจิ้งจอกก็แล้วกันนะ ดูเป็นมิตรดี” ฮิโกะเป็นคนเลือกคนแรก เขาบอกกับฉันก่อนจะเดินไปข้างๆมันแล้วลูบหัวอย่างอ่อนโยน
“เอ่อ...เอาตัวไหรดีล่ะ ขอคิดแปปนึงนะ...” อัลโฟ่บอกพร้อมเอามือจับที่คางของตนเองบ่งบอกถึงกำลังครุ่งคิดเรื่องอะไรบางอย่างอยู่
จะว่าไปถ้าเราสบายแล้วทุกคนต้องลำบากโดยเสียเวลาหลายวันก็คงไม่ดีแน่ ฉันส่งตัวก๊อปปี้ไปให้พวกเขาดีมั้ยนะ...อืม ดีมากเลย !!
“เดี๋ยวก่อนนะ ฮิโกะอัลโฟ่ เดี๋ยวฉันขอก๊อปปี้ทั้งสามตัวก่อน” สิ้นเสียงของฉันฮิโกะกับอัลโฟ่ก็ทำหน้างุนงงนิดหน่อย ฉันจึงฉีกยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี
“ลูกแก้วตัวกวน การ์ดปีศาจแสนดี เจ้าจงสามัคคี ก๊อปปี้สามตัวนี้เพิ่มจำนวนอีกตัวละสอง!!” หลังจากฉันพูดจบแสงสีทองที่บ่องบอกถึงการก๊อปปี้ก็บังเกิดขึ้นสักพักก่อนจะหายวับไป ปรากฏพร้อมปีศาจหกตัวที่เป็นร่างก๊อปปี้จากปีศาจทั้งสาม ไม่รอช้าฉันรีบสอดกระดาษเวทมนต์ใส่ปลอกคอสองอันแล้วแขวนไว้ที่คอของแกลล็อปด้วย
เพื่อให้ทุกคนที่จะเอาแกลล็อปรู้ว่าไฟของมันไม่เป็นอะไรกับเราเราจะรู้สึกปกติสบายๆ และทันทีที่แขวนปลอกคอให้แกลล็อปเรียบร้อย เหล่าปีศาจทั้งหก ก็แยกย้ายกันไปเพื่อตามหาบุคคลทั้ง 6 นั่นคือเพื่อนของฉันที่เหลือ
หวังว่าพวกนี้จะตามหาพวกเขาเจอแล้วพาไปที่หน้าถ้ำโดยข้ามเขาสองลูกนี้ได้เร็วๆเถอะนะ
“เรียบร้อยแล้ว เลือกได้ยังอ่ะอัลโฟ่ - -“ ฉันหันมาพูดกับอัลโฟ่แต่เขาไม่ตอบอะไร ฉันจึงได้แต่ยืนรอคำตอบ
“อ..อัลโฟ่!! เร็วๆหน่อยก็ดีนะ” ฮิโกะตะโกนบอกอัลโฟ่ขึ้นอย่างตกใจ เกิดเรื่องอะไรขึ้นน่ะ
“เกิดอะไรขึ้นฮิโกะทำไมต้องเร่งด้วยล่ะ เราไม่ได้รีบซะหน่อยนี่” ฉันถามออกไปอย่างงุนงงโดยที่หันหน้าไปหาฮิโกะ ตอนนี้ฉันและอัลโฟ่หันหน้าขึ้นบนเขา ส่วนฮิโกะหันหน้าลงเขา
“ด...ดูนั่นสิ!!” ฮิโกะพูดตะกุกตะกัก ก่อนจะชี่ให้เราสองคนดู ทันทีที่ฮิโกะบอก ฉันก็ไม่รอช้ารีบหันควับไปทันที และสิ่งที่พบ ก็คือไฟกำลังไหม้ต้นไม้ขึ้นมาเรื่อยๆ พระเจ้า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันน่ะ !!
“เฮ้ย!!” อัลโฟ่ร้องเสียงหลงอย่างตกใจเพราะตอนนี้ไฟใกล้ลามมาถึงพวกเราเต็มที
“ฉ..ฉันเอามังกรก็ได้ !! เห็นไฟแล้วไม่กล้าเอาม้าหรอกนะ !!” อัลโฟ่ตะโกนบอกฉันอย่างดังโดยขณะท่ตัวเองขึ้นไปอยู่บนหลังของมังกรเสียแล้ว ฮิโกะก็เช่นกัน
“จะรออะไรอีกฟาเซีย รีบขึ้นมาสิ เดี๋ยวก็หนีไม่ทันหรอก” ฮิโกะตะโกนบอกฉัน แต่ฉันไม่ยอกให้ธรรมชาติแสนสวยงามพวกนี้ต้องหายไปหรอกน่า !!
“ไปก่อนเลย เดี๋ยวฉันตามไป แกลล็อปวิ่งเร็วกว่าทุกตัวฉันตามทันแน่” ฉันตะโกนบอกทั้งสอง อัลโฟ่และฮิโกะพยักหน้าให้ฉันก่อนปีศาจทั้งสองตัวจะวิ่งออกไปด้วยความเร็วสูง
ลูกแก้วปีศาจและการ์ดปีศาจกลับมาประจำที่เดิมเพื่อทำหน้าที่อีกครั้ง
“อะคาริ โซมิโยชิ...ขออัญเชิญ ปีศาจมิจูมารุ จงบังเกิดตัวเปิดเผยแก่ข้า แล้วมาทำหน้าที่ของเจ้าซะ !!” ฉันตะโกนออกไปสุดเสียง แสงสีขาวปรากฏขึ้นอีกครั้งและหายไปอย่างรวดเร็ว ปรากฏร่างปีศาจหมีน้อยน่ารักตัวสีขาวมีใบหูเท้าและหางสีเทา สวมเสื้อกันหนาวสีเขียวมีรูปหอยสีเหลืองที่กลางเสื้อ
“มิจูมารุ ถ้าเจ้ารักโลกนี้ ก็จงใช้พลังในตัวของเจ้าเพื่อดับเหล่าเปลวเพลิงที่กำลังเผาไหม้ต้นไม่อย่างเมามันพวกนั้นซะ” ฉันบอกกับปีศาจตัวน้อย ก่อนใบหน้าที่แสนหน้ารักของมิจูมารุจะเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่แสนโกรธแค้น
“ใครกันบังอาจทำลายธรรมชาติแสนสวยงามได้ลง (อีกด้าน มีคนๆหนึ่งกำลังจามอย่างไร้เหตุผล) เดี๋ยวผมจัดการเองครับ พี่ฟาเซียไปก่อนได้เลยครับ เดี๋ยวผมตามไปหลังจากดับเสร็จหมดแล้วนะ” มิจูมารุพูดอย่างเข้มแข็งก่อนจะวิ่งไปที่เปลวเพลิงด้วยความรวดเร็วแล้วพ่นคลื่นน้ำแข็ง(ทางปาก)มุ่งสู่เปลวเพลิงทั้งหลาย และดับลงภายในพริบตาทันทีเมื่อพลังสัมผัส
ฉันเองก็ไม่ควนรีรอ ก็กระโดดขึ้นขี่หลังแกลล็อปม้าไฟแสนน่ารักขึ้นอย่างรวดเร็ว และออกตัวไปอย่างเชื่องช้า เมื่อครบ 10 ก้าวก็เร่งความความเป็น 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทันที นี่ฉันลืมบอกอัลโฟ่หรือเปล่านะว่าไฟนี่จะไม่เผาผลาญผู้ที่เป็นคนมีจิตใจดีไม่มืดมัวน่ะ ช่างเถอะ ตอนนี้ก็เห็นพวกเขาสองคนแล้ว
“ไง!! รอดมาได้ไงเนี่ย” ฮิโกะตะโกนถามฉันในขณะที่สุนัขจิ้งจอกคู่ใจยังคงวิ่งอย่างรวดเร็วไม่หยุด
“เรื่องหมูๆ” ฉันตะโกนตอบ ดูท่าทางตอนนี้จะมีอัลโฟ่คนเดียวที่มุ่งมั่นกับการเดินทางสูงเกินไปจนไม่พูดคุยอะไร
เราเดินทางอย่างรวดเร็วจนกระทั่งข้ามเขาได้หนึ่งลูกภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แล้วในจังหวะนั้นมิจูมารุก็ทำงานเสร็จสิ้นพอดี จึงกลับร่างเป็นการ์ด และหายวับกลับไปอยู่ในสร้อยดังเดิม
“วู้~!! เราไกล้ข้ามลูกที่สองได้แล้ว!!” อัลโฟ่ตะโกนขึ้นอย่างดีอกดีใจ
“แต่ฉันว่าถึงข้ามเขาได้ก็คงต้องเจออุปสรรคบางอย่างก่อนถึงถ้ำแน่นอนแหละน่า” ฉันตะโกนบอกไปก่อนที่แกลล็อปจะวิ่งแซงทั้งสองไปนิดหน่อย และช้าลงนิดหนึ่งเพื่อให้เราทั้งสามอยู่ในระยะเดียวกัน
ตอนนี้น่ะ เราสบายและเร็วกว่าเพื่อนเลย จริงมั้ย?