Chapter 7 สิ้นสุดการฝึกฝนและที่มาของเอลจิงเซล
สองเดือนต่อมาการฝึกฝนของทุกคนดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ฝีมือของทุกคนพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะเทียบเท่าผู้ฝึกฝน บางคนอาจฝีมือเก่งกาจกว่าผู้ฝึกสอนแล้วก็ได้...
...ด้านไอซิส...“มามาโอ้ อริสมามาล่า..คุมิอาโซน่า อัมเมริก้า!!”
วิ้ง~~~~แสงสีขาวประกายเจิดจ้าส่องแสงออกมาจากไม้เท้าซาตานของไอซิส ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะไอซิสไม่ใช่นักเวทย์ธาตุแสง แต่เพราะไอซิสได้ฝึกความแข็งแกร่งด้านการใช้พลังเวทย์จากค่ายแห่งนี้ ไอซิสจึงแข็งแกร่งมากจนกระทั่งสามารถใช้พลังเวทย์ได้ทุกธาตุ และแน่นอนธาตุที่แข็งแกร่งที่สุดคือความมืด!
แปะ! แปะๆๆๆๆ!~~~~ <เสียงปรบมือ>
“เยี่ยมมากไอซิส ฝึกฝนได้ไม่กี่เดือนแต่สามารถเก่งได้ถึงเพียงนี้ เหมาะสมแล้วล่ะนะ ที่เธอเป็นหนึ่งในนักรบในตำนาน”
โมโน่พูดอย่างภาคภูมิใจในตัวไอซิสและฉีกยิ้มแบบไม่หุบ
“อืม~เหมาะสมจริงๆ ฝึกฝนแค่สองเดือนแต่สามารถใช้ได้ทุกธาตุ และแข็งแกร่งกว่าพวกเราด้วยซ้ำ แต่แปลกนะทั้งๆที่เป็นนักรบในตำนานน่าจะใช้ธาตุหลักๆเป็นพวกแสงไฟน้ำหรืออื่นๆอ่ะ ไม่น่าจะใช้ความมืดนี่น๊า เพราะมืดนี่มันของพวกปีศาจ”
รินชมไอซิสพร้อมยิงคำถามเกี่ยวกับธาตุของไอซิสใส่ทันที
“..พ..พอดีว่า..น..หนูอยากจะแข็งแกร่งมากๆน่ะค่ะ...อ..อีกอย่างหนูมันพวกชอบทำลาย..ก็เลยเล่นธาตุนี้น่ะค่ะ ^^”
“อืม~ชั้นคิดว่าคงหมดหน้าที่ของพวกเราสองคนแล้วละนะ”
โมโน่กล่าวขึ้นด้วยอารมณ์ร่าเริงและยังยิ้มไม่หุบ
“อืม~ต่อไปนี้ ...ไอซิสเธอต้องฝึกฝนพลังด้วยตนเอง เพราะพวกเราสอนเจ้าไปทั้งหมดแล้ว หากเจ้าอยากจะแข็งแกร่ง เจ้าจงตั้งใจฝึกฝน เพราะข้าเชื่อว่า พลังของเจ้าไม่ได้มีเพียงเท่านี้แน่”
รินเสริมท้ายโมโน่เพื่อแนะนำให้ไอซิสตั้งใจฝึกฝนตนเองให้มากๆเพราะรินเองก็หวังไว้เช่นกันว่าอนาคตของโลกจะเป็นอย่างไร มันก็ขึ้นอยู่ที่เราว่าเราจะฝึกสอนผู้กล้านั่นดีแค่ไหน และเราจะคอยชี้แนเค้าดีปานใดเพื่อเขาจะได้มีความแข็งแกร่งพอที่จะสามารถกำจัดเหล่าปีศาจได้
“...ขอบคุนมากนะคะ...ที่ช่วยฝึกฝนไอ...ไอสัญญาว่าจะตั้งใจ...ฝึกฝนตัวเองให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นค่ะ....^^”
...ด้านคิด เพชร...“ไฟเอ้อกันเนอร์!!” ปังๆๆ!!! ปังๆๆๆๆ!!!!
“ศรโลหิต!” ฉิ๊ว~~ฉึกๆๆๆๆๆ~~~ วิ๊ว~~~ ฉึกๆๆๆๆ~~~
ทั้งคู่ผ่านการฝึกฝนจากชิร่า มานานนับสองเดือน ที่ฝึกให้เค้าทั้งสองแข็งแกร่งขึ้น รวดเร็วขึ้น และแม่นยำขึ้น เค้าทั้งคู่จากที่โจมตีไม่เท่าไหร่ ความแม่นยำยังอยู่แค่ปานกลาง กลับมีค่าโจมตีที่เพิ่มขึ้นสูงปรี๊ด ความแม่นยำอยู่ที่ระดับมืออาชีพ สกิลของแต่ละคนก็รุนแรงมาก รุนแรงโดยนับได้ว่ากำจัดมอนเตอร์ระดับกลางได้ครั้งละสิบๆตัวเลยทีเดียว
ฟิ้ว~~~ฉึก!!
ชิร่ายิงธนูของตนมาที่ด้านหน้าทั้งคู่
“แข็งแกร่งขึ้นมากจริงๆนะผู้กล้า~ ทั้งๆที่ข้าสอนเทคนิคพวกเธอไปแค่นิดเดียวเท่านั้น.. สมแล้วที่ถูกชะตากำหนดไว้..”
ชิร่าพูดอย่างภูมิใจในความพยามตั้งอกตั้งใจที่จะฝึกฝนของเหล่าผู้กล้า
“^^ ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะท่านชิร่า ถ้าไม่มีท่านคอยแนะนำ เราคงไม่เก่งขึ้นขนาดนี้หรอกนะคะ^^”
เพชรพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี รอยยิ้มของเพชรทำให้ชิร่าได้เข้าใจความหมายบางอย่างเพราะรอยยิ้มนั้น รอยยิ้มที่ทำให้เรารู้สึกถึงความอบอุ่นและความเป็นมิตร
“ใช่แว๊วคร๊าฟ ถ้าไม่มีท่านชิร่าเราคงไม่แม่นยำ ไม่แข็งแกร่งขนาดนี้หรอกนะคัฟ ^o^ ออ ผมอยากบอกอีกอย่างนะคัฟ ท่านชิร่าสมมาตรมากเรย เพราะงี้ผมถึงตั้งใจฝึกไงคัฟ^o^”
คิดอุทานขึ้นอย่างดังและร่าเริงมากๆรวมถึงเอ๋ยคำในใจของตนออกไปอย่างไม่เกรงใจใคร
“ฮ่าๆ/!/ ข้าสอนพวกเจ้าไม่เท่าไหร่หรอกนะ มันเป็นเพราะความตั้งใจของพวกเจ้าต่างหาก อีกอย่างข้าไม่ได้สมมาตรอะไรหรอกนะ ฮ่าๆ/!/ จากนี้ไปก็หมดหน้าที่ของข้าแล้วละนะ^^”
ชิร่าพูดอธิบายเกี่ยวกับการฝึกเล็กน้อยอย่างอารมณ์ดี
“ม่ายยยยยยยยย!!!~~~~ผมยังไม่อยากไปจากคุณชิร่า T[]T”
คิดร้องขึ้นอย่างเสียใจสุดๆเหมือนอารมณ์เปลี่ยนจากร้ายกลายเป็นดีเอ้ย..จากดีกลายเป็นร้าย
“นี่! ข้าไม่ได้ไปไหนซะหน่อย ไม่ว่ายังไงข้าก็ยังอยู่ที่ค่ายแห่งนี้เสมอแหละน่า^^”
ชิร่ายังคงพูดอย่างร่าเริงเพื่อไม่ให้ทั้งสองรู้สึกเศร้าใจ
“ใช่แล้วล่ะจ๊ะคิด ท่านชิร่าไม่ได้ไปไหนซะหน่อยนี่ ถ้าอยากมาหาก็มาได้ตลอดนี่น๊า^-^”
เพชรเสริมคำพูดของชิร่าเพื่อปลอบคิด แต่ในใจจริงที่พูดเพราะลำคาญคิดมากกว่า
“แสดงว่า! ผมมาหาท่านชิร่าได้ทุกวันเวลาเลยสิคัฟO^O”
คิดพูดพลางส่งสายต่อ้อนวอนให้กับชิร่า
“= = จะว่าอย่างนั้นก็ได้นะ แต่ต้องมาให้ถูกจังหวะถูกเวลาล่ะ ไม่ใช่ว่าตื่นแล้วมาหาเลยหรือเค้ามีงานทำทุกคนแต่ตัวเองกลับมาหาข้าหรอกนะ6-6”
ชิร่าไม่รู้จะทำยังไงกับนิสัยชอบสมมาตรของคิดจึงเออออไปตามๆคิด
“คร๊าฟฟฟ 8-8”
...ด้านเกิ้ล...วืด~ วืด~ วิ้ว~ วืดด
เกิ้ลเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว เสียงของการเคลื่อนไหวนั้นแทบจะไม่ได้ยิน แต่หากได้ยินก็อาจจะคิดว่าเป็นเสียงของลม เพราะในเวลานี้ เกิ้ล..ได้สำเร็จการฝึกฝนขั้นสุดยอดของนักสังหารคือการเคลื่อนไหวดุจสายลม รวมถึงการสังหารที่เงียบและไร้ร่องรอย หลังจากฝึกฝนมาตลอดสองเดือน...
“ว๊าวว เกิ้ลจังเก่งจังเลยจ๊ะ แค่สองเดือนก็เก่งขนาดนี้เชียว หลังจากวันนี้แล้วเกิ้ลจังอย่าลืมฝึกฝนตัวเองไปเรื่อยๆนะจ๊ะ เพราะยัตสึมิเชื่อว่าพลังของเกิ้ลจังไม่มีแค่นี้แน่จ๊ะ^o^”
ยัตสึมิพูดกับเกิ้ลอย่างอารมณ์ดีแน่นอนสายตาของยัตสึมิมองแต่เกิ้ลเท่านั้น
“เอ๊อ~ขอขอบคุณมากนะครับท่านยัตสึมิ ถึงท่านจะเป็นพลลาดตะเวนแต่ท่านเก่งเท่ากับนักสังหารมืออาชีพเลยล่ะครับ^^”
เกิ้ลเอ่ยปากชมยัตสึมิอย่างร่าเริงเช่นกัน
“6-6 เกิ้ลจังชมยัตสึมิด้วย ว๊ายย!!เขินๆ”
“ = =* ”
“เอาละนะจ๊ะเกิ้ลจัง หลังจากวันนี้ไปอย่าลืมฝึกละกันนะ ที่ย้ำไม่ใช่เพราะอะไรหรอกนะจ๊ะ โลกของเราเนี่ยมั้นไม่เสมอต้นเสมอปลายเพราะฉะนั้นเนี่ย ไม่มีใครรู้ว่าดราโกเนียสจะกลับมาเมื่อไหร่ และเกิ้ลก็คือหนึ่งในนักรบในตำนานเกิ้ลจึงต้องฝึกฝนให้แข็งแกร่งไปเรื่อยๆ เพราะความแข็งแกร่งของคนเรา มันไม่มีที่สิ้นสุดหรอกจ๊ะ มันอยู่ที่ว่า...เราจะพยามไปถึงจุดนั้นได้รึปล่าวตั้งหากล่ะ^^”
“^^ท่านยัตสึมิพูดได้กินใจมากๆเลยนะครับ ผมรับปากครับว่าจะฝึกฝนไปเรื่อยจนกว่าจะถึงจุดนั้น...”
...ด้านไบรอัน...เคล้ง!! ฉิ่ง!!เคล้งๆๆ ฉิ๊ง!!
ไบรอันได้ฝึกสอนผู้กล้าทั้งสามคนอย่างเต็มความสามารถมาตลอดสองเดือน จนในที่สุดผู้กล้าทั้งสามคนก็แข็งแกร่งขึ้นมาก การเคลื่อนไหวร่างกายและการใช้อาวุธสามารถใช้ได้คล่องแคล่วว่องไวไม่แพ้สายนักสังหารเลย..
“อืม~ทุกคนแข็งแกร่งขึ้นมากจริงๆเลยนะ ฉันมองพวกเจ้าไม่ผิดจริงๆ...จากวันนี้ก็หมดหน้าที่ของข้าแล้วสินะ ที่จะต้องฝึกฝนพวกเจ้า เพราะวันนี้พวกเจ้าได้แข็งแกร่งมากแล้วล่ะนะ พวกเจ้าแข็งแกร่งกว่าข้าด้วยซ้ำไป ข้าหวังว่าหลังจากที่ข้าไม่ได้ฝึกพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้าคงไม่ละทิ้งความพยามที่จะแข็งแกร่งของพวกเจ้าหรอกนะ ข้าอยากเห็นพวกเจ้าพยามต่อสู้ พยามฝึกฝนตังเองเพื่อวันข้างหน้า พวกเจ้าจะได้ร่วมมือกับนักรบอีกหลายกลุ่มที่พร้อมจะปกป้องโลกทุกเมื่อ กำจัดดราโกเนียสให้ดับสูญไปนะ...”
ไบรอันพูดกับทุกคนด้วยน้ำเสียงที่ชาเย็นมากๆ
“เอ๋ ท่านไบรอันเนอร์พูดแบบนี้แสดงว่าเราจะไม่ได้เจอท่านไบรอันเนอร์อีกแล้วละสิเนี่ย ไม่นะ โซลยังอยากฝึกต่ออยู่เลย ท่านไบรอันเนอร์สอนดีจะตายอ่า ถ้าท่านไม่ฝึกฝนพวกเราเราคงไม่มีวันนี้ วันที่ทุกคนแข็งแกร่ง วันที่ทุกคนมีความพร้อมที่จะกำจัดปีศาจได้ทุกเมื่อแบบนี้น่ะY [] Y”
โซลพูดขึ้นพลางเสียงเหมือนจะร้องไห้แต่น่าตากลับยังยิ้มแฉ่งเช่นเดิม = =*
“ = =. โซล ฉันรู้นะว่าเธอพูดเก่ง แต่ฉันไม่เคยนึกว่า เธอจะพูดได้ซึ้งขนาดนี้T{}T”
คริสบอกกับโซลด้วยน้ำตา
“ไปกันใหญ่แล้ว โซล คริส ที่ท่านไบรอันพูดน่ะไม่ได้หมายถึงต้องจากกันซะหน่อย เรายังอยู่ที่ค่ายนี้นี่น๊า อีกอย่างนะถ้าเราอยู่ค่ายนี้ไม่ได้กลับบ้าน เราก็ยังจะมาหาท่านไบรอันเนอร์ได้อีกไม่ใช่หรอ”
แนทพูดกับทั้งสองคนน้ำเสียงฟังดูเซงมากๆกับอาการของทั้งสอง
“ใช่แล้วละนะ ที่ข้าพูดไม่ได้หมายถึงการจากลาอะไรแต่น้อย แต่หมายถึงการบอกลาในฐานะอาจารย์และลูกศิษย์ต่างหากล่ะ เพราะไม่ว่าพวกเจ้าจะไปไหนเราก็ยังจะพบกันได้ทุกเมื่อ แต่ถึงแม้ข้าจะไม่ได้สอนพวกเจ้าแล้วพวกเจ้าต้องไม่หยุดฝึกใช่มั้ย? เอาล่ะนะไหนๆก็ไหนๆแล้วข้าจะเล่าเรื่องของค่ายแห่งนี้ให้ฟัง”
ไบรอันเสริมท้ายแนททิน่า
“เอ๊ะ! เพชร ไอซิส เกิ้ล คิด ว้ายย คิดถึงจังเรย”
ว่าแล้วโซลก็วิ่งเข้าไปกอดเพชรและไอซิสทันที
“ไม่เจอกันตั้งครึ่งวันคิดถึงแทบแย่>//<”
“ = = ก่อนนอนเราก็เจอกันยุนะจ๊ะโซล แค่นี้ไม่น่าคิดถึงขนาดนี้น๊า”
เพชรพูดอย่างงุนงงนิดๆ กับอาการของโซล
“ก็คนมานรักอ่าทำงายได้ ออ นี่ มาก็ดีละ เมื่อกี้ท่านไบรอันว่าจะเล่าเรื่องราวของค่ายนี้ให้ฟังด้วยล่ะ^o^”
“เอ๊ะ จริงหรอ งั้นเรารีบไปฟังเถอะ เดี๋ยวจะอดฟังแย่>/\<”
เพชรพูดอย่งตื่นเต้นพลางรีบเดินเข้าหาไบรอัน
“เป็นไงบ้างล่ะทั้งสี่คน การฝึกโอเคใช่มั้ย”
ไบรอันถามทั้งสี่คนอย่างเยือกเย็น
“การฝึกสุดยอดมากเลยค่ะ ท่านชิร่าสอนดีมากๆเลย”
เพชรตอบอย่างร่าเริง (แทนคิดด้วย)
“...ท่านรินและท่านโมโน่...ก็สอนดีเหมือนกันค่ะ สนุกด้วย^^”
ไอซิสพูดอย่างร่าเริงแบบหมดคราบคนพูดน้อยโดยปริยาย
“การฝึกเป็นไปอย่างราบรื่นครับ ท่านยัตสึมิใจดีแล้วก็สอนดีมากเลยครับ^^”
เกิ้ลตอบอย่างง่ายแต่มีความหมาย
“อืม~ที่จริงหลายคนในค่ายนี้ก็เก่งด้านการต่อสู้นะ แต่ส่วนมากหาตัวยาก ข้าเลยเลือกคนที่หาตัวง่ายๆมาฝึกพวกเจ้าน่ะ”
ไบรอันพูดชวนให้ทุกคนสงสัย
“หาตัวยาก หมายความว่ายังไงหรอคะท่านไบรอันเนอร์”
แนทถามไบรอันอย่างสงสัย
“อืม~ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ข้าขอเล่าเรื่องของค่ายแห่งนี้ให้ฟังเลยก็แล้วกันนะ”
ว่าแล้วไบรอันก็เปลี่ยนท่านั่งนิดหน่อยเพื่อความสะดวกในการเล่าเรื่องและเริ่มเล่าทันที
“เดิมทีค่ายนี้จะไม่มีขึ้นมาหลอกนะ แต่เป็นเพราะสงครามระหว่างมนุษย์กับปีศาจเมื่อพันปีก่อนตามประวัติของเมนโดเรีย ฝ่ายมนุษย์ต้องสูญเสียกำลังพลไปเยอะมาก เนื่องจากทางฝ่ายเราไม่มีใครที่เก่งเรื่องการต่อสู้เลย หลังจากจบสงครามครั้งนั้นที่เอมีเรียได้หยุดมันไว้ เอรีนอสก็ได้เห็นความลำบากของชาวเมือง จึงประชุมกับเหล่านักรบเพื่อจัดหาผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อเป็นหัวหน้าค่ายแห่งนี้ขึ้นมา จุดประสงค์ในการก่อตั้งค่ายก็หนีไม่พ้นการก่อตั้งเพื่อฝึกฝนนักรบให้มีความพร้อมสำหรับสงครามไม่ว่าจะเมื่อใดก็ตาม แต่ในตอนนั้นเอรีนอสได้คิดไว้ว่าหากจัดตั้งในเวลานั้นจะต้องไม่มีสงครามอยู่แล้ว เพราะดราโกเนียสบาดเจ็บสาหัดมากจึงต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูพลังหลายร้อยปี เอรีนอสจึงส่งสารให้กับเหล่านักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในเวลานั้นทุกคนเพื่อให้ส่งต่อไปยังรุ่นหลานว่าให้ตามหาผู้ที่มีพลังและอำนาจแข็งแกร่งที่สุดในแต่ละยุคสมัยเพื่อเป็นหัวหน้าของค่ายแห่งนี้ ผ่านมาหลายศตวรรษยังไม่มีวี่แววของสงครามจึงยังไม่มีการก่อตั้งค่าย เวลาล่วงเลยมานานเกรงว่าจะมีสงครามเกิดขึ้น และในตอนนั้นผู้ที่มีพลังอำนาจแข็งแกร่งที่สุดก็คือท่านเรอาท่านเรอาจึงได้รับตำแหน่งหัวหน้าค่ายซึ่งมีหน้าที่จัดตั้งค่ายขึ้นมา เวลาที่ท่านเรอากำลังสร้างค่ายนั้นขึ้นมาข้า ชิร่า รินและโมโน่ เราก็เป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดเช่นกัน ท่านเรอาจึงชวนให้พวกเราร่วมกันสร้างค่ายแห่งนี้ขึ้นมา โดยตั้งชื่อค่ายนี้ว่า “ค่ายเอลจิงเซล” ค่ายของเราถูกสร้างขึ้นมาไม่นานก็มีนักรบหลายร้อยคนทยอยกันมาเข้าร่วมค่ายกับเราด้วยจนในที่สุด ก็เป็นค่ายที่เพียบพร้อมทุกตำแหน่ง หน้าที่ และพลรบ คนในค่ายเรามีจำนวนเยอะมาก ถึงกับสามารถทำสงครามได้เป็นสิบๆครั้งพร้อมกันได้เลยละนะ พวกเจ้าคงไม่รู้ล่ะสิว่าที่นี่ไม่ใช่สนามฝึกเพียงอย่างเดียว..”
“เอ๋อ~แล้วถ้าคนเยอะอย่างนี้ทุกคนมีหน้าที่ครบทุกคนแล้วแต่ละคนอยู่ที่ไหนของค่ายบ้างละคะ บางทีพวกเราอาจทำความรู้จักกับทุกคนได้ก็ได้นะคะ แล้วสรุปว่าค่ายนี้ไม่ใช่สนามฝึกโมกิยามะอย่างดียว แต่เป็นค่ายเอลจิงเซลที่มีไว้เพื่อฝึกฝนเหล่าผู้กล้าเพื่อการเตรียมพร้อมสำหรับสงครามจากปีศาจใช่มั้ยคะท่านไบรอันเนอร์^^”
โซลสรุปอย่างง่ายๆและยิงคำถามใส่ไบรอันทันที ไบรอันจึงตอบว่า
“ อืม และเรื่องการทำความรู้จักทุกคนน่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงหลอกนะ เมื่อถึงเวลา พวกเจ้าทุกคน จะต้องได้รู้จักกับทุกคนในค่ายเอลจังเซลแห่งนี้แน่นอน...”
การฝึกฝนได้สิ้นสุดลงแล้ว จะมีอะไรเกิดขึ้นไหมในภายภาคหน้า โปรดติดตามอ่านต่อตอนหน้า...The end of the chapter7