(
“หลังจากระบุชื่อเสร็จ เราให้เวลาพักผ่อน 20 นาที หลังจากนั้นมารวมตัวกันที่นี่นะครับ” กุเกิ้ลว่า “แล้วเราจะมาดูคนที่สอบผ่านกัน” มิฮารุใจเต้นตุ๊บตับ ตลอดเวลาพัก ทั้ง 3 นั้งอยู่ใต้ร่มไม้ กินของว่างกัน ดูทั้งสองจะสบายใจซึ่งผิดกับมิฮารุเหลือเกิน
“แล้วจะเอายังไงต่อดี” จินนี่พูดขึ้นหลังจากที่นั่งเงียบมานาน มิฮารุได้แต่สายหน้า ส่วนวาตานุกิก็ยังคงยิ้มแป้นเหมือนเดิม แหงสิ ก็เขาไม่จำเป็นต้องเดือดต้องร้อนอะไร
“ไม่ต้องคิดมาก เดี๋ยวก็ดีเอง” วาตานุกิยิ้มร่า
“ใช่สิ นายไม่ใช่ฉัน”
“ใช่ ฉันไม่ใช่เธอ ฉันเลยคิดว่า เธอน่าจะทำใจให้สบายๆนะ เครียดไป เดี๋ยวแก่ไวนะ ^^”
“-0-“
“วาตานุกิก็เป็นคนอย่างนี้หล่ะจ๊ะ” จินนี่ยิ้มแห้งๆ และดูดน้ำสีส้มๆ ที่รสชาติเค็มๆอมเผ็ด
“เธอกินเข้าไปได้ไง” มิฮารุตาโต ก็ไอ้นั่นรสชาติห่วยแตก
“อร่อยดีออก ^0^”
“จินนี่ก็เป็นคนอย่างนี้หล่ะจ๊ะ 555” วาตานุกิย้อนจินนี่พร้อมหัวเราะร่า มิฮารุเริ่มสงสัยว่า วาตานุกิมีพ่อเป็นตลกคาเฟ่พระราม 4 รึเปล่า - -*
เฟริน่ามองที่นาฬิกาที่ผนัง ตอนนี้ตรงเวลานัดไว้พอดี เฟริน่าลุกขึ้นเดินเลี่ยงๆ พยายามไม่ให้ใครสังเกตเห็น ยังดีที่ตอนนี้เป็นเวลาพักของพวกผู้สมัครนักเรียนใหม่ คนอื่นๆเลยกินนู้นกินนี่ แต่งหน้าทาปาก เดินไปมาอย่างไร้จุดหมาย และนั่งหลับ -*-
เฟริน่าเดินไปตามระเบียงหอ เข้าไปในห้องส่วนตัวของเธอเอง ในห้องมีคนรออยู่ คนในห้องหยิบนู้นหยิบนี่ของเธอขึ้นมาดู ดีนะที่ของที่เธอไม่ต้องการให้ใครเห็น อยู่ในลิ้นชัก ซึ่งเธอสาบไว้ไม่ให้ใครเปิด เช่น ไดอารี่ประจำวัน สมุดพก และอื่นๆ ไม่งั้น ชายคนนี้คงจะล้อเธอตั้งแต่เธอก้าวเท้าเข้ามาแล้ว
“ครั้งหน้า ฉันขอเปลี่ยนที่นัด” เธอพูดเสียงเรียบ ชายคนนั้นสดุ้งตัวเล็กน้อย
“เงียบ.. สมเป็นเธอเลยนะ” ชายในชุดสูทสีดำเอ่ยชม แต่เฟริน่ายังคงมองตาขวาง
“มีเรื่องอะไร”
“ท่านจ้าว อยากจะรู้ว่าเธอทำงานไปถึงไหนแล้ว” ชายในชุดสูทถามเสียงทุ้มต่ำ แต่เฟริน่าทำเพียงยิ้มมุมปาก
“งานฉันก็คืองานฉัน เสร็จเมื่อไหร่เดี๋ยวส่งข่าวไปเมื่อนั้น”
“หือ” ชายในชุดสูทเลิกคิ้วขึ้นพร้อมเสียงสูง “ลืมไปแล้วหรอ ถ้าเธอทำงานนี้ไม่สำเสร็จ มันก็หมายถึงชีวิตเธอ และถ้าทำไม่ถูกใจท่านจ้าว มันก็หมายถึงชีวิตเธอเหมือนกัน”
เฟริน่าจ้องเข้าไปในแว่นตากรอบสีเหลี่ยมสีชา เหมือนจะอ่านใจเขา เขาทำหน้าเฉยชาไม่สบอารมณ์ เหมือนเช่นเธอ
“ชีวิตของฉัน มันเกี่ยวอะไรกับนายไม่ทราบ” เฟริน่าเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจกำสิ่งที่เธอพูด “จะอยู่จะตาย ตัวฉันกำหนดเอง”
“เธอนี่มัน...” ชายในชุดสูทพูดขึ้น ไม่ต้องการที่จะต่อ
“ถ้ามาแค่นี้ ก็กลับไปได้แล้ว”
“อีกเรื่องหนึ่ง” เขาถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ “เธอจะต้องระวังตัวมากขึ้น สายของเรารายงานมาว่า มีคนเริ่มรู้ว่าเราส่งคนมาที่นี่ พวกนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นเธอ แต่ฉันคิดว่าอีกไม่นานหรอก”
“แล้วไง”
“เฮอะ แล้วไง มันก็หมายความว่า ถ้าความแตก งานก็จบ เธอคงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“แล้ว” เฟริน่าเลิกคิ้ว เขามองเธอด้วยสีหน้าระอ่อนใจ
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่อยากให้เธอระวังตัว ตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าทางการส่งใครมา เธอก็ช่วยดูให้ด้วยละกัน”
“นั่นไม่ใช่งานของฉัน”
“งั้นเธอก็ไปบอกเนียร์เธอด้วยละกัน”
“...” เฟริน่าเงียบเป็นเชิง ก็ได้ แม้จะไม่เติมใจเท่าใดนัก “ช่วยเตือนท่านจ้าวด้วย ว่านี่จะเป็นงานสุดท้าย และสิ่งที่สัญญาไว้ ถ้าท่านจ้าวไม่ทำตาม ก็อย่าหวังว่าจะได้ในสิ่งที่ฉันจะให้กลับไป”
เฟริน่าพูดสั้นๆ พร้อมหันหลังกลับ กำลังจะไปเปิดประตู ชายในชุดสูทก็เรียกเธอไว้
“เฟล” เฟริน่าหันหน้าตามเสียงน้อยๆ “เมื่อไหร่เธอจะเลิกทำอย่างนี้สักที มันเสี่ยงเกินไป เธอบอกกับท่านจ้าวไปไม่ได้หรอ ว่าทำอะไรก็ได้ ยกเว้นงานนี้”
“คิล นายก็รู้ว่าฉันไม่มีทางเลือก ฉันต้องถอนคำสาบนั่น และเขาก็เป็นคนเดียวที่รู้ว่าจะถอนคำสาบนั้นได้ยังไง”
“เพราะเขาสาบเธองั้นหรอ” เฟริน่าหันกลับมามองหน้าเขานิ่ง “แล้วตอนนั้นเธอทำไมไม่ฆ่าเขาซะหล่ะ ถ้าเป็นเธอในตอนนั้น คงทำได้แน่”
ทั้ง 2 เงียบไปอยู่ครู่ใหญ่ มีเพียงเสียงนาฬิกาที่หัวเตียง ดังขึ้นเป็นจังหวะ ก่อนจะกลบด้วยคำพูดของเฟริน่า
“นายก็รู้คำตอบนั้นไม่ใช่หรอ”
เฟริน่าทิ้งไว้เพียงคำตอบที่เป็นเชิงถาม ก่อนจะหันหลังและเดินออกจากห้องไป ส่วนคิล ที่ยังอยู่ในห้องนั้นได้เพียงมองประตูที่ค่อยๆปิดลงเบาๆ ก่อนร่างเขาจะกลายเป็นควันสีดำ และลอยออกจากห้องไป
เสียงแตรดังขึ้น เป็นสัญญาณรวมตัว ทุกคนค่อยๆทยอยเข้ามาในห้องโถง จนครบ กุเกิ้ลเดินขึ้นไปบนเวทีพร้อมแพทริเซีย
“เราได้รวบรวมรายชื่อที่ผ่านแล้วนะคะ”
“ผู้ที่กำไลเรืองแสงเป็นสีแดง ให้ไปยืนเป็นแถวเดียวด้านนั้นนะครับ ส่วนผู้ที่กำไลเรืองแสงเป็นสีเขียว ให้ไปอยู่ด้านนั้นนะครับ” กุเกิ้ลผายมือเป็นสัญญาณ
“ผู้ที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่กำไล แสดงว่าไม่ผ่านการคัดเลือกนคะ” แล้วแพททริเซยก็หันไปปรึกษากุเกิ้ล แต่ไม่ถึงนาทีเธอก็พูดต่อ “ปีนี้มีคนผ่านน้อยมาก เอาเป็นว่าจะมีการสุ่มพวกไม่ผ่านด้วยจ้า”
“5 4 3 2 1”
แล้วกำไลข้อมือหลายคนเรืองแสงขึ้น บ้างก็แดง บ้างก็เขียว แต่ก็มีส่วนมากที่ไม่เรืองแสง แต่กำไลข้อมือของมิฮารุเรืองแสงเป็นสี เขียว เหมือนของจินนี่
“ชะ.. ชั้นสว่างด้วย เย้ >[]<” มิฮารุดีใจสุดขีด
“ดีใจด้วยนะ งั้นเราไปยืนทางด้านนู้นดีกว่า” จินนี่ชวน
“แล้ววาตานุกิหล่ะ”
“เดินไปนู้นแล้ว”
มิฮารุมองไปทางที่จินนี่ชี้มือ จริงด้วย วาตานุกิได้สีแดง มิฮารุมองไปรอบๆ ดูแล้ว จะเหมือนเท่าๆกันเลยทีเดียว
“เอาหล่ะครับ พวกที่กำไลไม่เรืองแสง เชิญออกทางประตูด้านทิศตะวันตกเลยครับ”
หลังจากที่เหลือแต่พวกผ่านแล้ว ก็ถูกจัดให้อยู่ในแถวเดียว แดงและเขียว หันหน้าเผชิญกัน ตรงหน้ามิฮารุคือวาตานุกิ ส่วนตรงหน้าจินนี่ คือผู้ชายตัวเล็กๆ ผอมๆ ใส่แว่นหน้าเตอะ เขาทำหน้าเหมือนอยากจะทักทายจินนี่ แต่ก็ดูกล้าๆกลัวๆ จินนี่ยิ้มให้ แต่เขาดูเหมือนจะกลัวๆ
“ทางโรงเรียนได้มติที่จะแบ่งนักเรียนเป็น 2 หอแล้ว วิธีนั้นก็คือ...” ยังไม่ทันที่แพทริเซียจะได้พูด ก็มีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นก่อน
“การเป่ายิงฉุบ!” อาโออิที่มองที่จอมอนิเตอร์ “อาจาร์ยใหญ่เอาอีกแล้วสิ”
บูที่นั่งเงียบๆ ส่ายหัวอย่างหน่ายใจ เนรานิสหัวเราะ
“เอาน่าเอาน่า ก็รู้ๆกันอยู่”
“ยิ่งฉันอยู่นาน ฉันรู้สึเหมือนอาจาร์ยจะไม่เต็ม -0-“ วาเนชซี่พูดตามที่ใจคิด แต่ทุกคนก็ไม่ได้ว่าเธอ
เสียงพึมพำดังหึ่งๆ เหมือนผึ้งบินอยู่ในห้อง ถึงวิธีการคัดสรรจะดูเหมือนติ๊งต๊องไปหน่อย แต่หลายคนก็คิดว่า นี้อาจเป็นวิธีที่ดีที่สุด
“คนชนะให้อยู่หอตะวันออก คนแพ้ให้อยู่หอตะวันตกนะ” อาจาร์ยใหญ่ ที่ตอนนี้อยู่ในร่างชายหนุ่มผิวเข้ม ในชุดสีน้ำเงิน ถือต้นกระบองเพชรอยู่(เพื่อ?)
“เอ้า เป่าสิ” อาจาร์ยใหญ่พูดซ้ำ หลายคนสดุ้งตัวหน่อยๆ
--------------------------------------------------
ได้แค่นี้ล่ะ -0- เอาไปกินก่อนละกัน ยุ่งๆๆ ช่วงนี้ยุ่งๆ สอบเสร็จก็ยังต้องไล่ตามงาน (แงๆๆ)
เอ้าจิ้ม >>>> (ยังมะมา)
ส่วนลิ้ง กะ การเปลี่ยนหัวข้อ เซงๆๆ เปลี่ยนเองไม่ได้ (แง)
ฆ่าเดี๊ยนที -0-