(5)
แต่แล้วสายตาฉันก็เหลือบไปเห็นคนที่ฉันรอมานานแสนนาน(หร๊อะ =[]=) ชายหญิงวัยกลางคนคู่หนึ่งหน้าตาละม้ายคล้ายฉัน ไม่สิ ฉันหน้าตาละม้ายคล้าย 2 คนนั้นเสียยิ่งกว่าอะไร –0- ใช่แล้ว สองคนนั้นคือ
“พ่อ แม่” “ว่าไงจ๊ะ” แม่ของมิฮารุทักลูกสาวตัวเองอย่างร่าเริง เธอมีผมสีดำ กับตาสีน้ำตาลอ่อน เธอชื่อ ฮาจิ
“แม่.. มาอยู่นี่ได้ไง แล้ว...”
“เดี๋ยวเราจะอธิบายให้ลูกฟังทีหลัง วันนี้เราไปลงทะเบียนกันดีกว่า” พ่อมิฮารุพูดอย่างอ่อนโยน ผมสีดำหยักโสกนิดๆ ตาสีน้ำตาลเข้ม เขาชื่อวินเซนต์
หลังจากที่มิฮารุได้ลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ทุกคนที่ลงทะเบียนในวันนี้เสร็จแล้วให้มาทดสอบประสิทธิภาพในวันพรุ่งนี้ เพื่อดูว่ามีคุณสมบัติหรือไม่”
หลังจากที่สิ้นเสียงประกาศ มิฮารุก็ได้กลับบ้านพร้อมกับพ่อแม่ของตัวเอง บ้านที่แท้จริงของเธอ บ้านที่อยู่ในแองเจลเลีย...
“สวัสดีครับ คุณฮาจิ” ผู้ชายแก่ๆคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“อีน.. นี่คือ มิฮารุ ลูกสาวฉันไงจำได้ไหม มิฮารุ นี่ลุงอีน พ่อบ้านของเรา” ฮาจิดันมิฮารุให้มาอยู่ข้างหน้า
“ส..สวัสดีค่ะ”
“คุณหนู Y^Y ฮือๆ.. ผมคิดถึงคุณหนูจังเลย คุณหนูไม่อยู่ ผมเหงาจะตายอยู่แล้ว” อีนโผล่เข้ากอดมิฮารุ มิฮารุทำหน้างงๆ
“เอาเป็นว่า มานั่งคุยข้างในบ้านดีกว่า” วินเซนต์ ชวน
“ครับ คุณผู้ชาย”
อีนเดินนำทุกคนเข้าไปที่ห้องนั่งเล่น เปิดประตูบานใหญ่ให้ บ้านหลังนี้ใหญ่โตใช่เล่นภายในมีฟอร์นิเจอร์มากมาย ล้วนวางไว้อย่าลงตัว โคมไฟขนาดใหญ่อยู่กลางห้องแต่ละห้อง
ถ้ารวยขนาดนี้ แล้วให้เราไปลำบากทำไม
(miharu : say)
ฉันแอบน้อยใจนิดๆ หลังจากที่พ่อแม่ฉันเล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟัง พ่อแม่ฉันเป็นพวกเชื่อในไสยสาทอย่างแรงและซึมไปในสายเลือด(ดีนะที่ไม่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม= =.)แล้วพ่อแม่ฉันบอกอีกว่า ตอนที่ฉันเกิดมีดาวพระศุกร์สุดแสนอำไพ สว่างสุกสกาว =*= ตกลงมาจากฝากฟ้า (เหมือนผู้ถูกเลือกเลยอะ >w<) แต่ท่านหมอดู ดันบอกว่า ถ้าฉันเกิดมาเป็นผู้หญิงจะเป็นกาลกิณีของบ้าน ถ้าเป็นผู้ชายจะเป็นนักรบผู้หล่อเหล่า = = (ฉันน่าจะเกิดเป็นผู้ชายเน๊อะ)
แต่ฉันก็ได้เกิดเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างและหน้าตางดงามปานนางฟ้า(หรอ= =) หมอดูเลยบอกให้พ่อแม่ฉันแก้เคล็ด ไม่งั้นฉันจะเป็นตัวกาลกิณีแสนสวย พ่อแม่ฉันเลยเอาฉันไปไว้อีกโลก และเลี้ยงดูมาอย่างมนุษย์ธรรมดาแสนทรหดอดทนและบึกบัน- -* จนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม ฉันจะได้กลับมา
ฉันอยู่บ้านนั้น(หมายถึงบ้านที่โลก)คนเดียว ตอนเด็กๆพ่อแม่ให้พี่เลี้ยงมาเลี้ยงฉัน แต่พอฉันอายุ 13 ฉันก็ได้อยู่คนเดียวโดดเดียวเอกา พ่อแม่โกหกฉันมาตลอดว่าไปทำงานต่างประเทศ นานๆกลับมาที แต่พ่อแม่ฉันก็ส่งเงินมาให้ฉันทุกเดือน จนฉันแทบจะเป็นมหาเศรษฐี แม่ส่งมาเยอะ แต่ฉันดันไม่ค่อยได้ใช้เงิน ยกเว้น ช็อปปิ้ง กิน ช็อปปิ้ง และก็กิน (ไร้สาระมาก = =)
วันนี้ทั้งวันหลังจากกลับมาเหยียบบ้านและได้ฟังเรื่องราวอันแสนเศร้าของฉันแล้ว ฉันก็ได้แต่ฝึกพลังอยู่กับพ่อ ถึงพ่อฉันจะหน้าตาดีขนาดไหน ความโหดในการฝึกก็มากเท่านั้น = = จนตกเย็น ฉันเหนื่อยหอบและอ่อนล้า ฝึกได้เท่านี้ ก็มากพอสำหรับครั้งแรก!!
เช้าวันต่อมาที่ magic shool คนมากมายหลั่งไหลเข้ามารับการทดสอบ มิฮารุเดินไปจุดรายงานตัว แต่ก็ได้เจอกับเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มคนหนึ่ง ผมสีบลอนหยิกเป็นลอน ยาวประมาณกลางหลัง ตาสีชมพูอ่อนๆ ตัวเล็กๆ ผิดขาวอมชมพู เธอหันมามองมิฮารุเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มให้ รอยยิ้มที่แสนน่ารัก ถ้าเธอเป็นผู้ชาย คงจะหลงเสน่ห์ไปแล้ว
หลังจากที่รายงานตัวเสร็จ ผู้ชายที่นั่งอยู่ที่โต๊ะรายงานตัวก็ยืนกระดาษแผ่นเล็กๆให้ ในกระดาษเขียนตัวเลข 24 เขาบอกให้มิฮารุไปห้องที่เขียนอยู่ในใบตัวเลข ในขณะที่เธอกำลังเดินงงกับใบตัวเลขอยู่นั้น ก็มีคนเข้ามาทักเธอ
“สวัสดี” เสียงใสเอ่ยอย่างอารมณ์ดี มิฮารุมองหน้าอย่างงงๆ ผู้หญิงคนนี้คือคนๆเดียวกับคนที่ยิ้มให้เธอ
“สวัสดี” มิฮารุตอบตามมารยาท ขยับแว่นตาที่ใส่อยู่เล็กน้อย
“เธอชื่ออะไรหรอ?” เธอถามตาใส ดวงตากลมโตสีชมพูน่ารักจ้องมอง
“มิฮารุ มัตสึโอะ”
“ฉันชื่อ จินนี่ ชาร์ล็อต นะ” เธอยิ้มให้อีกรอบ “เดินไปด้วยกันไม๊ ฉันเลข 25”
“อือ ดีเหมือนกัน ฉันเลข 24”
อย่างน้อยเธอก็มีเพื่อนแล้ว จินนี่พาเธอเดินตามหมายเลขไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ 1 จนกระทั่งถึง 24 ก่อนที่จินนี่จะเดินไปที่ห้องเธอ มิฮารุจึงชวนเธอคุยสักหน่อย
“ขอบใจนะ”
“ไม่เป็นไร เราเพื่อนกันอยู่แล้ว” จินนี่ยิ้มให้มิฮารุ “เธอมาจากไหนหรอ เธอออกจะ...มืดๆ”
มิฮารุก้มลงมองสีผิวของตัวเอง เธอก็ไม่ดำสักหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับขาวเท่าจินนี่
“เปล่าๆ” จินนี่รีบส่ายมือไปมาหน้าตาตื่น เธอน่ารักเหมือนตุ๊กตาเลยทีเดียว “ฉันไม่ได้หมายถึงสีผิว ฉันหมายถึง..อ่า...ยังไงดีล่ะ”
มิฮารุหัวเราะน้อยๆกับท่าทีของจินนี่
“ฉันไม่ค่อยได้เข้าเมืองน่ะ เลยไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราว” มิฮารุตอบกลับไป ถึงจะไม่ได้บอกหมด แต่ก็ถือว่าเธอไม่ได้โกหก
“อ๋อ”
“แล้วเขาทดสอบกันยังไงหรอ” มิฮารุถามจินนี่ เพราะตั้งแต่มา เธอยังไม่รู้เลยว่าต้องทำอะไรบ้าง
“ฉันจะอธิบายแบบคร่าวๆนะ” จินนี่ขยับตัวเล็กน้อย “การทดสอบแรกเป็นการทดสอบสติปัญญา เธอต้องตอบคำถามของพวกอาจาร์ยน่ะ รึไม่ก็สภาปราการนะ แล้วแต่คนจะโดน”
“(_ _) (- -) (_ _) (- -)” มิฮารุพยักหน้างึกๆ “แล้วไงต่อ”
“ถ้าผ่านก็เป็นการทดสอบต่อไป คือสภาพร่างกาย เธอต้องล้มตัวที่เขาให้มา ฉันไม่รู้หรอกนะว่าอะไร แต่ละปี ไม่ซ้ำกันเลย”
“หมายถึงสู้หรอ”
“อื้อ...ทำนองนั้นล่ะ” จินนี้พยักหน้าตอบรับ “แต่ไม่ต้องตกใจไปหรอก ไม่รุนแรกมาก การทดสอบนี้คล้ายๆกับทดสอบความว่องไว การโจมตี การใช้เวทมนต์ อะไรทำนองนี้”
ดูเหมือนเธอจะรู้มากใช่เล่น มิฮารุนั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อ แล้วเธอจะรอดไหมเนี่ย
“แล้วไงต่อ”
“ถ้าผ่านทั้ง 2 การทดสอบ เธอก็ได้ไปเลือกปราการเลย” จินนี่อธิบายต่อ “แต่ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าเลือกกันยังไง”
“จะได้ใส่หมวกคัดสรรเหมือนในเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์รึเปล่านะ” มิฮารุอำจินนี่เล่น แต่จินนี่กลับทำหน้างงเหมือนไม่รู้จัก มิฮารุพึ่งนึกได้ ก็จินนี่ไม่เคยอยู่ที่โลกเดียวกับเธอนี่นา
“เธอนี่ชอบพูดแปลกๆนะ” จินนี่มองด้วยสีหน้าฉงน แต่ก็ยังไม่คลายจากความน่ารักที่เธอมีอยู่
เสียงแตรดังขึ้น เป็นสันญาณ เริ่มการทดสอบ นักเรียนเริ่มทยอยเข้าไปในห้อง จินนี่จึงขอตัวไปที่ห้องของเธอ มิฮารุโบกมือไปมา ถึงเวลาของเธอบ้างแล้วล่ะ
มิฮารุเดินเข้าไปในห้อง ห้องสีฟ้านวลสบายตา ดูแล้วไม่น่ากลัวอย่างที่เธอคิด กลางห้องเป็นโต๊ะทำงานตัวใหญ่ตั้งอยู่ ผู้หญิงใส่แว่นตากันแดดสีชา นั่งอยู่
“เชิญนั่ง” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆ พอมิฮารุนั่งลง เธอก็พูดขึ้น “คุณชื่อ?”
“มิฮารุ มัตสึโอะ ค่ะ”
“อืม.. คุณมัตสึโอะ” เธอยิ้มที่มุมปาก “งั้นเรามาเริ่มการทดสอบกันเลยนะ”
“ค่ะ” มิฮารุเริ่มไม่มั่นใจในตัวเอง
“ใจเย็นๆ เราจะคุยกันไปเรื่อยๆ” เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนผิดกับตอนแรก แต่รอยยิ้มนั้นมันก็ทำให้เธอเสียวสันหลัง “เรียกฉันว่าเอริกะ อิซึมิ ฉันเป็นครูของที่นี่”
“แล้วคุณสอนวิชาอะไรคะ” มิฮารุเริ่มถามกลับ พยายามทำบรรยากาศให้ผ่อนคลาย
“หึหึ” อิซึมิหัวเราะน้อยๆ “ประวัติศาสตร์จะ หวังว่าเราคงจะได้เจอกันอีกนะ”
“ค่ะ” มิฮารุตอบสั้นๆ
“ประวัติศาสตร์เนี่ย มันแปลกนะว่าไหม”
“ยังไงคะ”
“แรกๆก็เป็นปัจจุบัน นานๆไปกลายเป็นประวัติศาสตร์ แต่หลังๆ ก็จะกลายเป็นเพียงนิทาน ปรัมปรา”
“ก็เหมือนคนเราล่ะค่ะ ชีวิตตอนปัจจุบันก็บอกว่าจะทำให้ดีที่สุด แต่พอกลายเป็นอดีต ก็บอกว่าไม่เป็นไร ค่อยเริ่มใหม่ มันกลายเป็นอดีตไปแล้ว”
“นั่นสินะ” อิซึมิคิดตาม “ถ้าอนาคตเธอมันเปลี่ยนไปกว่าที่เธอคิด เธอจะทำยังไงหรอ” อิซึมินั่งเอามือเท้าคาง
นั่นเป็นคำถามที่มิฮารุได้ประสบกับตัวเอง เธอมองหน้าหญิงคนนั้นอย่างนิ่งๆ ก่อนจะยิ้มระบายในใจ
“ฉันก็ไม่รู้สิคะ บางทีมันอาจจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีกว่าเก่าก็ได้ แต่ถ้ามันแย่ลงไปกว่าเดิม ฉันก็คงต้องยอมรับมัน”
“แล้วถ้าอนาคตเธอเกิดมียศถาบรรดาศักดิ์ มีอำนาจ มีข้าวของเงินทองมากมาย เธอจะรู้สึกยังไง”
มิฮารุหายในกระตุก เธอไม่เคยคิดเรื่องนี้ นั่นสินะ ถ้าเกิดเธอมียศถาบรรดาศักดิ์ เธอจะรู้สึกยังไง คนรอบข้างจะเข้ามาประจบมากมายรึเปล่านะ จะหาเพื่อนแท้ได้สักคนไหมนะ
“ดีสิ ฉันจะได้ไม่จนไง” มิฮารุตอบกวนๆ
“หึหึหึ เธอนี่แปลกดีนะ” อิซึมิยิ้ม “ไม่รู้สึกดีใจบ้างหรอ?”
“แล้วยศถาบรรดาศักดิ์ อำนาจ ข้าวของเงินทองที่ฉันได้มา มันมีประโยชน์ต่อฉันรึเปล่า มันช่วยทำให้ฉันอยู่กับคนที่ฉันรักรึเปล่าล่ะ” มิฮารุตอบตามที่ใจคิด
“ความคิดดีหนิ” อิซึมิชมแบบซึ่งๆหน้า “แล้วถ้าเธอเกิดเป็นเจ้าหญิงล่ะ”
“ฮ่ะๆ ดีสิ จะได้มีองครักษ์หล่อๆ ไว้ข้างกาย” มิฮารุยิ้มแหย่ๆ
“เธอนี่ตลกดี งั้นฉันให้เธอผ่านก็แล้วกัน” อิซึมิพูดขึ้น “เอ้าๆ ออกไปได้แล้ว ^^”
มิฮารุทำหน้างงๆ แต่ก็เดินออกประตูอีกฝัง
อะไร จะไปก็ได้ไปง่ายๆซะงั้น หลังจากพ้นมาจากประตู แสงเจิดจ้าส่องตาของมิฮารุ มิฮารุยกมือขึ้นบังแสง ไม่นานสายตาก็เริ่มชินกับแสง มิฮารุลดมือลง ตรงหน้าคือเก้าอี้ไม้ยาวมากมาย ที่นี่คือห้องโถง แต่ในนั้นก็มีคนไม่กี่คนนั่งอยู่เท่านั้น หนึ่งในนั้นคือ …..
-------------------------------------------------------
มันผู้นั้นเป็นใคร
ไว้ติดตามอ่านกันเองละกัน
จะอ่านต่อหรอ..งั้นก็จิ้มนี่ >>> (....ยังไม่มา....)
ผู้อ่าน: รู้สึกว่า ตอนจบของทุกตอนแกมันน่ากระทืบเสียจริงนะ
โอ๋ๆ.. อย่ากระทืบเฟิร์นเล้ย...
เฟิร์นอยากให้คนติดตามอ่านเยอะๆ เลยทิ้งร่องรอยของบทหน้าไว้ให้อ่านไง หึหึหึ...
และแล้วสุดท้าย
/// วิ่งหลบ บาทา คนอ่าน ไม่น้า....
รักคนอ่าน
สก็อตไบท์