บทที่27 ภารกิจใหม่
...1วันหลังจากการเสียชีวิตของอาเวเทียส กองทัพต่อต้านลัทธิเอลซ่าตอนนี้มีแต่ความอึมครึม เพราะงานศพเล็กๆของอาเวเทียสจัดขึ้นที่ด้านหลังของกองทัพซึ่งเป็นหลุมศพ
ของสมาชิกคนสำคัญ สมาชิกคนสำคัญที่มีฝีมือพอตัวได้ล้มตายไปอีกคน... ผู้คนในกองทัพต่างใส่ชุดสีโทนดำ บางคนที่ไม่รู้อะไรก็ได้แต่นิ่งเงียบ คีมีเดียสและเลโอน่าวางดอกไม้ไว้หน้าหลุมศพ พร้อมน้ำตาพรากอออกมา เฟริน่าได้แต่ยืนร้องไห้ โดยมีวาเนซซี่ปลอบใจอยู่ข้างๆ แฟลชที่ไม่ค่อยรู้สึกรู้สาอะไรก็ได้แต่นิ่งเงียบ
อากาช่าหัวหน้าของกองทัพใส่ชุดกระโปรงยาวสีดำเดินเข้ามาหน้าหลุมศพ พร้อมกล่าวบทสวดศพอุบอิบ จากนั้นจึงได้สั่งให้เหล่าสมาชิกของกองทัพแยกย้ายไป
คีมีเดียสกลับมาที่เต๊นท์ของตัวเอง เมื่อก่อนเต๊นท์นี้มีที่นอนสำหรับ2คนและ1ตัว ตอนนี้มันเหลือที่นอนสำหรับ1คนแล้ว คีมีเดียสได้แต่เหม่อลอย
จนสัตว์เลี้ยงของเขาต้องสะกิดอยู่บ่อยๆ เลโอน่าวันนี้เหมือนจะทำงานด้วยความเอื่อยเฉื่อยพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นระยะๆ
เฟริน่า เลิฟโลว์ มาช่า วาเนซซี่ ทั้ง4ได้แต่นั่งปลอบใจกันเอง แฟลชทนความเบื่อหน่ายไม่ไหวเลยเดินออกไปคุยกับลุงวินเตอร์แก้เบื่อบ้าง
อากาช่าเห็นทีเป็นอย่างนี้ต่อไปจะไม่ดีแน่จึงเรียก คีมีเดียส เลโอน่า เฟริน่า เลิฟโลว์ มาช่า วาเนซซี่ แฟลช เจสสิก้า ไพเรส และ เอริน มาที่เต๊นท์ของหล่อน
"ท่านเรียกพวกเรามาทำไมหรือเจ้าคะ..." น้ำเสียงของเลโอน่าดูจะเฉื่อยชากว่าปกติ คีมีเดียสได้แต่นิ่งเงียบ "ฉันรู้ว่าพวกเธอเศร้ามากกับการจากไปของเพื่อนอย่างไม่มีวันกลับ"
อากาช่าเริ่มพูดขึ้นมาบ้าง ทำให้ทุกคนนิ่งไปอีกรอบ "...ความตายน่ะ สิ่งที่อยู่บนโลกทุกอย่างน่ะต้องได้เจอ จะช้าหรือเร็วก็แค่นั้น ยิ่งในสงครามควายตาย...มันก็มาเร็วขึ้น
เท่านั้น ถ้าพวกเธอมัวเศร้าอย่างนี้ต่อไป อนาคตอาจจะสูญเสียใครอีกก็ได้..." ทุกคนนิ่งอึ้งและหยุดร้องไห้ไปสักพักแววตาของเลโอน่าเริ่มมีแววแสงมากขึ้น
ส่วนเฟริน่าหยุดร้องไห้แล้ว
"ฉันมีภารกิจให้พวกเธอทำเพื่อคลายความเศร้า..." อากาช่าเรียกไอดีการ์ดขึ้นมา พร้อมกดอย่างรัว ฉายเป็นภาพ3มิติให้ทุกคนเห็น
"ภารกิจของพวกเธอคือ ไปหาแร่
ธีดอม มา" อากาช่ากล่าวพลางชี้ไปที่ภาพที่ฉายขึ้นมันเป็นภาพถ้ำๆหนึ่ง
"แล้วเราจะเอามันมาเพื่ออะไรหรือ?" เอรินถามอากาช่าด้วยท่าทีไม่อยากไป
"ตอนนี้กองทัพเราด้านหน้าที่เอาไว้ป้องกันกำลังสึกหรอไปมาก นานวันมันอาจพังได้ แร่ชนิดนี้สามารถเอามาซ่อมแซมได้แถมอัพเกรดอีกด้วย"อากาช่าชี้ไปทางป้อมด้านหน้า
ฐานทัพ ซึ่งดูเหมือนจะสึกหรอแล้วจริงๆ
"แล้วเราจะไปหามันที่ไหนเหรอครับ?" ไพเรสถามอากาช่าอีกคน "ฉันจะอธิบายโดยละเอียดเลยนะ... แร่ธีดอม อยู่ที่ถ้ำคริสตอล ที่ถ้ำนี้จะมีแร่แปลกประหลาดผุดขึ้นมาเองทุกๆ1เดือน ซึ่งตรงนั้นเป็นแหล่งของแร่ชั้นสูงเลยทีเดียว ทุกคนต่างรู้ว่ามันมีจริง แต่น้อยมากที่จะรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน เรามาดูแผนที่โลกปัจจุบันกัน..."
*
___ คือ การเดินเรือของซอเรี่ยน
___ คือ การเดินเรือของมนุษย์
อากาช่าฉายภาพขึ้นมาอีก1ภาพ เป็นแผนที่โลกอสุราทั้งหมด "เราอยู่ที่แถบใต้ใกล้ๆเซาเทิร์นไชร์ ดังนั้นให้พวกเธอเริ่มที่เรคลิฟแล้วขอกัปตันไปป์ให้พาเธอไปส่งที่ถ้ำคริสตัล"
"และอีกเหตุผลว่าทำไมพวกซอเรี่ยนไปที่นั่นไม่ได้ และทำไมเราถึงไปได้ ถ้าซอเรี่ยนเดินเรือเพื่อจะเอาแร่ จะเจอกับ
อาณาจักรนรก-สวรรค์-อวาตาร ที่นี่มีมอนเตอร์ ที่สามารถเป่าฉันทีเดียวได้กระจุย มันมีนับพันตัวเลยล่ะ หรือถ้าไปอีกทางโดยเลี่ยงเส้นทางที่จะผ่านอาณาจักรอวตารก็จะเจอกับดินแดนปริศนาซึ่งยังไม่มีใครรู้ว่ามันคือดินแดนอะไร ทำลายเรือทิ้ง และทำไมเราถึงไปที่นั่นได้ เพราะ กัปตันไปป์เขารู้ว่าตรงทางผ่านอาณาจักรสวรรค์จะมีช่องทางอยู่
เป็นช่องทางลับที่พวกซอเรี่ยนไม่มีตนไหนรู้ สามารถผ่านอาณาจักรสวรรค์ได้อย่างปลอดภัยและไปเอาแร่มาได้ ฉันเคยไปมาแล้วรอบหนึ่งตอนเด็กๆ มันน่ากลัวมาก แต่ก็ปลอดภัย
ดังนั้นพวกเธอวางใจได้ ภารกิจนี้ไม่ได้ยากอะไรมาก ยากตรงเดียวที่ก่อนทางเข้าถ้ำจะมีมอนเตอร์ระดับโหดขั้นบอสเลยทีเดียวเฝ้าอยู่ พวกเธอต้องกำจัด หรือ หนีมันเพื่อเข้าไปในถ้ำให้ได้ จากนั้นก็ออกมาอีกรอบโดยทางด้านหลังถ้ำ ซึ่งฉันติดต่อกัปตันเขาไว้แล้วล่ะ..." ทุกคนถึงกับกลืนน้ำลายลงคอเพราะเท่าที่คิดภารกิจนี้ไม่ใช่เล่นๆเลยทีเดียว
"แล้วทำไมต้องเอาฉันกับไพเรสไปด้วยล่ะ ไม่เห็นจะจำเป็นเลย!" เอรินเริ่มโวยวายขึ้นมาคนแรก
"ใจเย็น ที่ฉันให้พวกเธอไปเพราะว่าแร่ ธีดอม น่ะมันมีลักษณะที่ปพะปนกับแร่ขั้นต่ำมาก ถ้าพวกเธอไปก็จะวิจัยได้ว่าใช่แร่ธีดอมจริงๆหรือไม่" เอรินถึงกับอึ้งและหดหู่
ลงทันทีเพราะคำพูดของอากาช่ายืนยัน(และนอนยัน)ว่ายังไงเธอก็ต้องไป
"พวกเธอทั้งหมด คีมีเดียส เฟริน่า มาช่า เลิฟโลว์ วาเนซซี่ แฟลช เอริน ไพเรส เจสสิก้า ภารกิจจะเริ่มวันพรุ่งนี้เตรียมตัวให้ดีล่ะ..."
"แล้วฉันล่ะเจ้าคะ?" เลโอน่าเกาหัวแล้วถามอากาช่าคำถามหนึ่ง "อ้อ...เธอไม่ต้องไป ฉันมีเรื่องอีกยาวที่จะให้เธออยู่ที่นี่..." อากาช่าเพิ่มภาพ3มิติขึ้นมาอีก1จอ
"เมื่อวานตอนที่เดินทัพกลับมาที่นี่ ฉันได้รับจดหมายหนึ่ง จากสายสืบของเรา มันเป็นสาส์นครั้งใหญ่ เอลซ่าจะประกาศสงครามอีกครั้งภายในเวลาอีก1เดือน
เรามีเรื่องที่จะต้องทำอีกมากภายใน1เดือนนี้" อากาช่าลดไอดีการ์ดลงไป "อ้อ คีมีเดียส ขอคุยดว้ยหน่อย คนอื่นออกไปก่อน..." ทั้งหมดยกเว้นคีมีเดียสเดินออกไปจากเต๊นท์
ปล่อยให้คีมีเดียสอยู่กับอากาช่าตามลำพัง "มีอะไรหรือครับ..." คีมีเดียสถามด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก "...เอาไงดี อธิบายยาวนะ ฉันได้เห็นปาน ที่คอของเธอน่ะ..."
อากาช่าชี้ไปที่คอคีมีเดียส "ปานรูปโพดำเหรอครับ มันมีมาแต่ฉันเกิดแล้ว ทำไมเหรอ?" คีมีเดียสทำหน้างงงวย "ปานนั่นไม่ใช่ปานธรรมดา..."
คำพูดที่อากาช่าพูดออกมาทำให้คีมีเดียสประหลาดใจมิใช่น้อย "หมายความว่าไงเหรอครับ?" เขาย้ำคำ
"ตามตำราโบราณของท่าน นิม-ซิออน ได้ทำนายไว้ว่า อีก 1000ปี หรือในช่วงเวลานี้นี่เอง จะมีบุคคลที่สามารถดึงพลังแห่งตำนานออกมาจัดการกับสิ่งที่ชั่วร้ายที่สุดได้
ซึ่งบุคคลนั้น จะต้องมี
ปานรูปโพดำ พลังแห่งตำนานนี้มันไม่ได้มีมาตั้งแต่เกิด มันจะถูกปลดปล่อยเมื่อหาสิ่งหนึ่งที่เทพเจ้ารับเลือกให้ ที่อันตรายก็คือ คำทำนายต่อไป
ของท่านมีเพิ่มไว้อีกว่า เหล่าศัตรูของผู้เป็นตำนานจะจ้องทำลายพลังนี้ แน่นอนถ้าพวกนายช้าไป พลังนี่จะถูกทำลาย คำทำนายในเส้นทางนี้ = โลกเข้าสู่หายนะ
แต่ถ้าพวกนายทำสำเร็จได้พลังนี้มาปลดปล่อยพลังตำนานของนายได้ คำทำนาย = โลกกลับสู่ความสงบสุข พลังในตำนานมันเป็นรูปธรรม ดังนั้นที่กล่าวไว้มันอยู่ใน
คันศรโลหิต มันเป็นพลังในตำนานที่แฝงอยู่ ถ้านายได้ครอบครองมัน พลังนี่จะซึมซับเข้าตัวนายเท่ากับว่า พลังในตำนานของนาย
ตื่นแล้ว ดังนั้นนายควรเร่งรีบหาคันศรโลหิตนี้ให้เจอโดยเร็วที่สุดก่อนที่พวกซอเรี่ยนจะเจอก่อน..." อากาช่าพูดจบก็จิบกาแฟชั่วครู่
"แล้วฉันจะไปหาคันศรโลหิตที่ไหนล่ะ" คีมีเดียสกล่าวทั้งสีหน้าวิตกกังวล "ไม่เป็นไร คำตอบตามคำทำนายบอกว่า เจ้าจะได้เจอมันเมื่อเจ้าพร้อม..."อากาช่ายิ้มกริ่มแล้วเดินออกไปจากเต๊นท์ ปล่อยให้คีมีเดียสครุ่นคิดอยู่คนเดียว
....วันต่อมา.... ณ เมืองเรดคลิฟ
"พร้อมแล้วใช่ไหม?" กัปตันไปป์หันมากล่าวกับทุกคนพลางเช็ดพวงมาลัยเดินเรือ "ฉันขอสูดอากาศที่บ้านเกิดของฉันอีกสักพักนะ" เลิฟโลว์เดินลงไปจากเรือ
"ตอนนี้เสบียงอาหารบนเรือเราพร้อมแล้วใช่มั้ย เพราะเราต้องเดินเรือนาน3วันเลยทีเดียว" ไพเรสหันมาพูดกับคีมีเดียส "โอเคแล้ว..." คีมีเดียสรับคำแล้วเตรียมลูกธนูต่อ
"นี่ เตรียมน้ำยาให้พร้อมด้วยยัยเฟ" แฟลชเดินมานั่งข้างๆเฟริน่าพลางลับมีดที่ติดอยู่กับทอนฟาด้วย "อย่าเรียกหยั่งงั้นสิยะ ฉันพร้อมตั้งแต่เมื่อวานแล้ว" เฟริน่าทำหน้าบุ้ย
แล้วผสมยาต่อ "ตอนนี้อุปกรณ์แพทย์ของฉันก็พร้อมแล้วนะ ที่เหลือคงรอแต่เลิฟโลว์..." เจสสิก้าหันไปมองข้างๆเรือมองเลิฟโลว์ที่นั่งเล่นริมชายหาด
"เลิฟโลว์ขึ้นมาได้แล้ว!" มาช่าตะโกนเรียกหล่อน "จ้าๆ..." หล่อนรับคำพลางใส่รองเท้าแล้วเดินขึ้นเรือ
กัปตันไปป์เปิดหวูดพร้อมออกเดินเรือ สักพักทั้งหมดก็มานั่งตรงกลางเรือ บางคนก็เมาเรือเสียด้วย "มียาแก้เวียนหัวไหม~?" วาเนซซี่พูดกับเจสสิก้าด้วยท่าทีคลื่นไส้
"เราจำเป็นต้องใช้ยาอย่างประหยัดนะ เพราะยาแก้ปวดหัวนี่เอาไปเป็นยาชาได้ มานั่งตรงกลางเรือก่อน จะได้ไม่มึนหัว" เจสสิก้าพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน
"เบื่อจัง..." แฟลชบ่นด้วยควายเบื่อหน่าย "นั่นสินั่งเรือมาเป็นชั่วโมงแล้ว เพิ่งรู้ความทรมานของการเดินเรือแบบนี้" มาช่าบ่นอีกคน
"นั่นสิ ฉันก็เบื่อจะแย่อยู่แล้วไม่มีอะไรทำเลยนอกจากนั่งอยู่เฉยๆน่ะ!" เอรินโวยวายขึ้นมาบ้าง
แฟลชนั่งครุ่นคิดสักพักแล้วทำหน้ามีแววมากขึ้น "ฉันมีเรื่องเล่าแก้เบื่อด้วยล่ะ..." ทุกคนยื่นหน้ามาทันทีเพราะตอนนี้หลายคนอยู่ในสภาพเซ็งเต็มที่
"เรื่องอะไรเหรอ?" วาเนซซี่หันหน้ามาถามแฟลช "เรื่องเล่าปรัมปราน่ะ เล่าเลยละกัน ที่อาณาจักรสวรรค์ ฉันเคยได้ยินมาว่า... มอนเตอร์ตรงนั้นมีจำนวนเป็นหมื่นตัว
รูปร่างยั้วเยี้ยอัปลักษณ์ ขนาดใหญ่มากกว่ามนุษย์20เท่า ครั้งหนึ่งนานมาแล้วพวกซอเรี่ยนต้องการเอาแร่อย่างที่เราจะไปเอาน่ะแหละ เดินเรือผิดแค่เฉี่ยวๆ
ซอเรี่ยนเป็นล้านตัวที่เอากำลังพลไปอย่างเซฟตี้ ถูกพวกมันเป่าแค่ที2ทีกลายเป็นผงไปทุกลำเรือ แล้วก็ได้ยินมาว่า ทะเลแถบนี้มีลมแรง เราอาจจะเดินเรือผิ..."
แฟลชหันมาแล้วหยุดเล่าทันที ด้วยที่เห็นว่าสภาพของทุกคนหดหู่เต็มที่แต่แฟลชกลับรู้สึกมีความสุขขึ้นมาทันใด "ฉันอยากกลับฐานทัพ~!>[]<" เอรินโวยวายขึ้นมาเป็นคนแรก "ฉันไม่อยากมีชะตากรรมเหมือนซอเรี่ยนพวกนั้น~!O[]O" เฟริน่าเริ่มโวยวายด้วยคน "ไม่เอา น่ากลัว!!!T^T" มาช่าเริ่มแตกตื่นอีกคน "ชีวิตฉันไม่ได้สั้นอย่างนี้~!!!
ToT"ทีนี้ไพเรสกับคีมีเดียสร่วมกันโวยวายขึ้นมาบ้าง ที่ยังมีสติอยู่ตอนนี้เหลือแค่ เลิฟโลว์กับเจสสิก้า และ แฟลชที่เป็นคนเล่าเรื่อง(หมอนี่เอาแต่หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว)
"จริงสิ อย่างที่แฟลชพูด ตอนที่ฉันเดินเรือกับพ่อน่ะ ขอบอกว่าเรือโคลงมาก ตอนนั้นเลยเดินเรือผิดเส้นหาปลาแทบไม่ได้เลยกว่าจะกลับบ้านก็..."
เลิฟโลว์ยังไม่ทันพูดจบก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา "กรี๊ดดดดดดด~~~!!! พอที~! ฉันไม่อยากมาทำภารกิจแบบนี้~! >[]<" เอรินดิ้นตัวพร้อมโวยวายยกใหญ่
"เราไม่รอดแน่ๆ!" วาเนซซี่ตะโกนโหวกเหวกต่อ "เรื่องพิสูจน์วิญญาณของฉันยังไม่จบ ฉันยังจะตายไม่ได้~! =[]=" มาช่าโวยวายสมทบ
"ไม่ๆ! ลูกศิษย์ยังเฝ้ารอฉันอยู่ ฮือ~T[]T" เฟริน่าน้ำตาพรากออกด้วยความกลัวสุดขีด "ไม่~! พวกเอลฟ์อายุต้องยืนยาวสิถึงจะถูก~!" คีมีเดียสโวยวายอีกรอบ
"ฉันไม่อยากมาตายอย่างน่าสมเพชแบบนี้~!"ไพเรสคุมสติไม่อยู่แล้วเหมือนกัน "แฟลช..ฉันว่าทำแบบนี้พวกเราจะ..." ไม่ทันที่เลิฟโลว์จะหันหน้าไปพูดกับแฟลช
แฟลชกำลังเอารูปของคนที่กำลังโวยวายอยู่ขึ้นมา แล้วเอาธูปขึ้นมาจุดหน้ารูปพวกนั้นแล้วยิ้มฉีก(หมอนี่มันตัวดีหรือตัวร้ายฟะ?)
"ฉันเห็นควัน ชะตาขาดแน่~!" มาช่าชี้ไปด้านบนเพดานเรือ ที่มีควันลอยอยู่จำนวนมาก(หารู้ไม่นั่นคือควันธูป)
"กรี๊ดดดดดดด ไม่~~~!" พวกผู้หญิงโวยวายขึ้นมาทั้งหมด(ยกเว้นเลิฟโลว์และเจสสิก้า) "โนว์~~~!" ไพเรสและคีมีเดียสโวยวายพร้อมกัน
เจสสิก้าเอาหนังสือคัมภีร์ใบเบิ้ลขนาดใหญ่(และหนา) ทุบลงพื้นเรือดังสนั่นหวั่นไหว พวกผู้หญิงยิ่งกรี๊ดดังกว่าเดิม
"พอซะทีได้มั้ย! คนเขาหนวกหูนะยะ!!!" เจสสิก้าไม่เป็นแบบโวยวายแต่เป็นแบบโมโหสุดขีด "เธอจะไปเข้าใจความกลัวอะไรยะ! ยัยพยาบาลเบ๊อะ!"
คำพูดที่เอรินพูดออกมาทำให้เจสสิก้านิ่งไปชั่วครู่แล้วลุกขึ้นเดินไปใกล้ๆเอรินพร้อมง้างมือจะตบเต็มที่ "ยัยปากปลาร้า~!" ไม่ทันที่เจสสิก้าจะตบเอริน
แฟลชยิ้มฉีกอีกรอบแล้วเอามือมากั้นพร้อมพูดเบาๆกับเจสสิก้า "ความสนุกของฉัน อย่าทำให้มันเสีย หึๆๆๆ!" คนที่เหลือจึงโวยวายด้วยความกลัวต่อไป...