บทที่17 เมืองอดีตหิมะ
"รอด้วย~ เเฮ่กๆ..." เสียงอ่อนเพลียของมาช่าพูดอย่างเหนื่อยหอบเพราะร่างกายยังฟื้นฟูสภาพจากการต่อสู้คราวก่อนไม่เต็มที่
"...ว...ว...เอ่อ...ไหวมั้ย" กีเซอร์พูดไปหน้าเเดงไปก่อนที่จะยื่นมือไปด้านหน้ามาช่าเพื่อช่วยพยุงให้หล่อนยืนขึ้น
มาช่า- ขอบใจ ไม่เป็นไรหรอกนะ (แต่ทันทีที่มาช่าลุกหล่อนก็สะดุ้งเเล้วล้มลงไปอีกครั้ง)
"เป็นอะไรรึเปล่า!?" เลิฟโลว์วิ่งเข้ามาดูอาการของมาช่า พบว่าที่ขาของมาช่ามีรอยบวมช้ำขนาดใหญ่เลยทีเดียว
เลิฟโลว์- ขาบาดเจ็บขนาดนี้คงเดินไปไม่ไหวหรอกนะ (เลิฟโลว์พูดไปพลางหาใบไม้มาพันที่เเผลบวมช้ำตรงขาของมาช่า)
เลโอน่า- เเต่เราไม่มีเวลามากขนาดนั้นที่จะพักต่อนะ (เลโอน่าเเหงนดูพระอาทิตย์ที่อยู่อยู่ประมานทิศตะวันตกเฉียงเหนือเวลาก็ประมานบ่ายกว่าๆ)
เลิฟโลว์- จริงสิงั้นใช้ยาของเฟริน่าก็ได้นี่ (ทุกคนจึงหันหน้ามาทางเฟริน่าทุกสายตาจ้องเเต่หล่อนคนเดียว)
เฟริน่า- จะ...จะบ้าเรอะ? ชั้นไม่มียารักษานะ ยารักษาน่ะวัตถุดิบมันหายากเเถมเเถวๆป่าตรงนี้คงไม่มีวัตถุดิบที่ใช้ผสมยารักษาได้หรอก
เพียงคำอธิบายของเฟริน่าทุกคนก็วูบลงไปอีกครั้งพร้อมทำหน้ากลัดกลุ้ม
"ง...งั้นทิ้งฉันไว้ที่นี่เถอะเดี๋ยวเเผลที่ขาหายเเล้วค่อยตามไปที่วินโด..." ยังไม่ทันที่มาช่าจะพูดจบกีเซอร์ก็รวบตัวมาช่าอุ้มขึ้นมาให้ขี่หลัง
"น..นายอย่าเเบกฉันเลย ฉ...ฉันตัวหนักนะ" หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงอายเล็กน้อย
กีเซอร์- ม...ไม่ ทิ้งกันตรง ตรง...นี้ไม่ได้ ...ร..หรอกนะ อ...อุตส่าห์ช่วยมาเเล้วก็ต้องไปด้วยกันซี่ (กีเซอร์พูดตะกุกตะกักเเล้วหันหน้าไปอีกด้านอาจเป็นเพราะอายมาช่าบ้างนิดหน่อย ทำให้คนที่เหลือเเอบหัวเราะคิกคัก)
มาช่า- อืม...ข...ขอบใจนายมากนะ (มาช่าพูดเเล้วเอาหน้าซบที่บ่าของกีเซอร์เพราะไม่อยากให้ใครเห็นว่าตอนนี้หน้าเเดงจัดเเล้ว)
จนกระทั่งเวลาประมานเย็นๆ พวกเขาก็เดินทางถึงทางเข้าวินโดเนีย
-จ๋อม...- เสียงฝีเท้าของกีเซอร์เหยียบโดนเเอ่งน้ำบ่อหนึ่ง ทำให้เฟริน่าค่อยๆเดินมาดูเเล้วมองวิเคราะห์ซักพักหนึ่ง
เฟริน่า- ...ปกติวินโดเนียจะไม่มีน้ำไม่ใช่เหรอเพราะมันจะกลายเป็นน้ำเเข็งหมด (เฟริน่าพูดไปพลางเอามือเเตะที่เเอ่งน้ำ)
"มันไม่ใช่เเค่บ่อน้ำนะดูนั่นสิ" อาเวเทียสชี้ให้ดูด้านหน้า ภาพที่เห็นคือเมืองวินโดเนียที่มีน้ำท่วมขึงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
"เเปลกที่สุด...มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้นี่" เลโอน่าค่อยๆเดินเข้าไปในเมืองที่มี้ท่วมขังอยู่
"ว้าย!!!!" เลโอน่าร้องอย่างสุดเสียง สิ่งที่เห็นคือร่างเลโอน่าค่อยๆถูกน้ำวนตรงนั้นดูดเข้าไปอย่างช้าๆ
เฟริน่า- อะไรเนี่ย!? (เฟริน่ารีบวิ่งถอยออกมาพร้อมยิงปืนลงไปที่น้ำวนหลายัดเเต่ไม่เป็นผลใดๆ)
คีมีเดียส- ทำไงดีล่ะ น้ำวนดูดเลโอน่าเข้าไปเกือบครึ่งตัวเเล้ว! (คีมีเดียสตะโกนอย่างลนลานสุดขีด)
"เราไม่มีเวลามากเเล้วยังไงช่วยเลโอน่าก่อน!" กีเซอร์ตะโกนสั่งทุกคนอย่าเฉียบขาดทำให้คีมีเดียสเลิกลนลานไปได้อาเวเทียสจึงรีบดึงหุ่นชักออกมา
เเล้วพุง่หุ่นชักออกไปจับตัวเลโอน่าจากนยั้นจึงออกเเรงดึงเอ็นด้ายสุดเเรง ทำให้เลโอน่าค่อยๆขึ้นมา แต่เอ็นด้ายบาดมืออาเวเทียสทำให้เเรงอาเวเทียสน้อยลงเลโอน่าจึงถูกดูดลงไปอีกครั้งด้วยความรวดเร็วจนตอนนี้เหลือเเต่หัวที่ยังอยู่เหนือน้ำ
"ช่วยด้วย!!!" เลโอน่าตะโกนสุดเสียงก่อนที่น้ำจะค่อยๆดูดหัวเธอลงไปเรื่อยๆ
แต่ทันใดนั้นเลิฟโลว์ก็เข้ามาดึงตัวอาเวเทียสเพื่อช่วยเสริมเเรงดึงตัวเลโอน่าขึ้นมาเฟริน่า กีเซอร์ มาช่า เเละคีมีเดียสก็มาช่วยดึงด้วยอีกเเรง
"จับเเน่นๆนะ!พวกเราจะดึงเเล้ว 1...2...3!!!" ทุกคนออกเเรงดึงสุดขีดทำให้เลโอน่าสามารถรอดขึ้นมาจากน้ำวนได้เล่นเอาหลายคนหมดเเรงทีเดียว
คีมีเดียส- เเล้วจะทำยังไงล่ะเดินไปอาจจะผิดจุดเเล้วถูกน้ำวนดูดก็ได้ (คีมีเดียสถามไปพลางมองซ้ายขวาตรงเอ่งน้ำขนาดใหญ่)
"พลังเเห่งเอลฟ์!" คีมีเดียสเอามือขึ้นมาประสานเพ่งจิตมองไปที่เเอ่งน้ำขนาดใหญ่ ภาพในหัวของคีมีเดียสเห็นธารน้ำเเข็งและน้ำวนด้านใต้เเอ่งน้ำซ่อน
อยู่เเต่คีมีเดียสเงได้ไม่กี่วินาที คีมีเดียสก็เด้งออกมาเพราะรับพลังต้านทานเวทย์ไม่ไหว
เฟริน่า- มะกี้นายือะไรน่ะ? (เฟริน่าถามคีมีเดียสก่อนที่จะช่วยพยุงตัวคีมีเดียสขึ้นมายืน)
คีมีเดียส- วิชาพลังเเห่งเอลฟ์น่ะ สามารถใช้ได้ต่อเมื่อผู้ที่ใช้เป็นนักเวทย์และมีพลังวิญญาณสูงเท่าเอลฟ์เท่านั้น เเต่ถ้าเป็นเอลฟ์อยู่เเล้วก็จะง่ายต่อการใช้สกิลนี้ สกิลนี้สามารถทำให้ผู้ใช้เห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ได้ แต่ก็ไม่กี่วินาทีหรอกนะยังจำไม่ค่อยได้เลย เเถมดีเลย์สกิลนานด้วย
"อืม...งั้นเหรอ? อืม...เอางี้ดีกว่า" เลโอน่าเดินไปด้านหน้าเเอ่งน้ำเเล้วกำหมัดทุ่มกำปั้นลงพื้นทำให้ธารน้ำเเข็งผุดขึ้นมาซักพักหนึ่ง
แล้วธารน้ำเเข็งทั้งหมดก็ค่อยๆจมลงไปอีกครั้ง
"มีใครจำเส้นทางได้บ้าง" หล่อนหันหน้าไปถามพรรคพวกของหฃ่อนหน้าทุกคนเคร่งเครียดมากมีเเต่เฟริน่าที่นั่งนับนิ้วอยู่
"ฉันจำได้น่ะ หน้า ซ้าย หน้า ขวา เฉียงขวา เฉียงซ้าย ซ้าย ขวา ลง ขวา ถ้าเดินตามนี้ได้ก็จะถึงโกดังตรงโน้น่ะดูท่าจะเป็นค่ายของพวกศัตรูซักอย่าง"
กีเซอร์- ทำไมจำได้เเม่นจังแค่เเป๊บเดียวเอง (กีเซอร์อึ้งกับความสามารถการจำของเฟริน่า)
เฟริน่า- พอดีทำการค้าบ่อยน่ะ เลยต้องคำณวณและจำราครา หุ้น สินค้า ลงทุน บ่อยน่ะ จนตอนนี้ก็ชำนาญเเล้ว ฮี่ๆ(เฟริน่าอธิบายพร้อมเอามือเกาหัว)
"แต่อย่าลืมนะเราตะโกนไม่ได้เพราะนี่ใกล้ฐานทัพของพวกศัตรูจะให้เฟริน่าตะโกนบอกคงจะไม่ได้"
กีเซอร์พูดสั่งการอย่างเเผ่วเบาทุกคนก็พยักหน้ารับคำ
"ดังนั้น...ให้ทุกคนจำคำบอกทางของเฟริน่าไว้เเล้วเดินด้วยตัวเองเข้าใจนะ" กีเซอร์พูดจบก็ให้เเต่ละคนจำเส้นทางเดินบนธารน้ำเเข็งให้เเม่น
ซักพักหนึ่งเมื่อทุกคนค่อนข้างชัวร์ว่าจะจำได้เเล้วก็ให้เฟริน่าเดินไปด้าหน้าคนเเรก
"จำไว้นะ ถ้าพลาดคือตายอย่างเดียว" กีเซอร์เตือนทุกคนอีกครั้งเเล้วอุ้มมาช่าไว้ที่หลังอีกรอบ ก่อนที่เฟริน่าจะเริ่มเดินที่ธารน่ำเเข็งใต้ผิวน้ำความสูงของน้ำก็เกือบครึ่งตัวผู้หญิงเลยทีเดียว
"หน้า ซ้าย หน้า ขวา เฉียงขวา เฉียงซ้าย ซ้าย ขวา ลง ขวา " เฟริน่ากระโดดตามทางที่จำไว้อย่างรวดเร็วจนถึงอีกฝั่ง
"ตาเธอเเล้วเลิฟโลว์" เลิฟโลว์ค่อยๆกระโดดตามทางที่จำไว้เเต่บางรอบก็เกือบตกจากธารน้ำเเข็งเหมือนกัน
จนกระทั่งเเต่ละคนกระโดดข้ามครบเรียบร้อยก็ตากีเซอร์กับมาช่าข้ามเเอ่งน้ำบ้าง
"พร้อมนะ...เอ่อ...มาช่า" กีเซอร์พูดอย่างหน้าเเดง "พร้อมค่ะ หวังว่าฉันจะไม่หนักเกินไปนะ" เเละเเล้วทั้ง2ก็เริ่มโดดข้ามฝั่งเเอ่งน่ำเเต่ทีนึงที่เหยียบธารน้ำเเข็งพวกเขาก็เเทบจมเลยทีเดียวเพราะน้ำหนักของ2คนรวมกันคงไม่เเปลกที่จะทำให้ธารน้ำเเข็งจมลึกลงไปได้ง่ายๆ
และเเล้วทั้งหมดก็ผ่านธารน้ำเเข็งมาได้เเล้วค่อยๆเดินเข้าไปที่ฐานทัพแบบเดิม จนกระทั่งก็เจอห้องคุมขังห้องหนึ่งกีเซอร์จึงค่อยๆวางมาช่าลงเเล้วพังประตูเข้าไปสิ่งที่พบคือหญิงสาวกับเหล่าทหารประมาน3คนใส่ฮู้ดปิดหน้าโดยหญิงสาวคนนั้นถูกพวกทหารทำร้ายอยู่
คีมีเดียสจึงยิงธนูไปปักหัวของทหารทั้ง3คนตายคาที่ในรวดเดียว หญิงสาวคนนั้นก็เอามือปิดหน้าร้องไห้ยกใหญ่จนเลโอน่าเดินเข้าไปปลอบซักพักหนึ่ง
"ฮือ....อึ่ก...ขอโทษนะที่ร้แงไห้นานไปหน่อยน่ะ ว่าเเต่พวกคุณเป็นใครหรือ?" หล่อนค่อยๆเเหงนหน้าขึ้นมองทุกคนด้านหน้า
เลโอน่า- พวกเรากองทัพต่อต้านลัทธิเอลซ่าน่ะ เอ่อ เเล้วนี่อีก3คนผู้ครอบครองอาวุธในตำนาน (เลโอน่าพูดพลางชี้ไปที่มาช่า เลิฟโลว์ เเละเฟริน่า)
"มาช่า เลิฟโลว์ เฟริน่า!" หล่อนวิ่งเข้ากอดทั้ง3คนทันที "ฉันคิดถึงพวกเธอเเทบเเย่เเน่ะ เป็นปีเเล้วที่พวกเราถูกเเยกจากกันน่ะ" เธอพูดอย่างดีใจ
เฟริน่า- พวกเราก็คิดถึงเธอเหมือนกัน อ้อ บอกชื่อเเซ่ไปสิเดี๋ยวเขาก็หาว่าเธอไม่มีชื่อหรอก
"เอ้อ ลืมไป ฉันชื่อ
วาเนซซี่ ไอซ์วาน ค่ะ เป็นนักเวทย์ผู้นำวิญญาณ" คำพูดของหล่อนทำให้อาเวเทียสงงเเล้วเดินเข้ามาถาม
"เเล้วถ้าเธอมีพลังเวทย์ก็น่าจะจัดการกับพวกนี้ได้สิ ถึงจะไม่รุนเเรงก็เถอะ" อาเวเทียสพูดจ้องหน้าวาเนซซี่ด้วยความสงสัย
วาเนซซี่- เอ่อ...ก็ประมาณว่า ถ้าฉันไม่ถืออาวุธประเภทพลังเวทย์ก็จะร่ายเวทย์ไม่ได้เลยน่ะ เเหะๆ (วาเนซซี่เล่าอย่างอาย)
"อย่ามัวเเต่พูดคุยเรารีบไปหาอาวุธในตำนานของวาเนซซี่เถอะ" กีซอร์พูดจบก็เดินนำออกจากห้องคุมขังทันที ทำให้คนที่เหลือต้องรีบเดินตามไป
ในฐานทัพที่นี่มืดมากๆเพราะตอนนี้พราะอาทิตย์ตกดินเเล้ว จึงต้องหาด้วยอาวุธความยากลำบากเพราะมองไม่ค่อยเห็น จนเลโอน่าไปจับบางสิ่งบางอย่างเหมือนวงเเหวนเลยให้วานซซี่ดูว่าใช่หรือเปล่า(ถึงจะมองไม่ค่อยชัด)
"ใช่! ใช่จริงด้วย
วงเเหวนเวทย์คู่ในตำนาน" หล่อนรีบนำมันมาถือไว้ที่มือทั้ง2ข้างเเต่ทันใดนั้นก็มีสัญญาณดังเตือนให้เหล่าลัทธิเอลซ่ามาระดมป้องกันผู้บุกรุก ชั่วพริบตามีกำลังพลฝ่ายศัตรูมากมายเข้าปิดล้อมพวกเขาไว้เเล้วเตรียมจะจับตัวทั้ง4คนที่เป็นผู้ครอบครองอาวุธในตำนานไปคุมขังเเล้วยึดอาวุธในตำนานคืน ทันทีที่พวกเขาจะบุกเข้าไปวาเนซซี่ก็ยกมือห้ามทุกคนเเล้วบอกเบาๆว่าขอจัดการคนเดียวทุกก็ไม่ได้ขัดอะไร
"พวกนานยทำกับฉันไว้มาก...ตอนนี้ได้เวลาคิดบัญชีดำเเล้ว! ฮ่าห์!" วาเนซซี่เริ่มร่ายรำวงเเหวนเวทย์พร้อมท่องคาถาเเปลกประหลาดจากนั้นก็มีวิญญาณหลาย10ตัวค่อยๆผุดออกมาจากพื้น วาเนซซี่ก็เปลี่ยนท่าร่ายเวทย์อีกครั้งพร้อมท่องคาถาเป็นการควบคุมเหล่าวิญญาณพวกนี้
ทันใดนั้นวิญญาณหลาย10ตัวก็บินเข้าไปเข้าสิงเหล่าศัตรูเพียงเเค่เข้าไปในร่างเจ้าของร่างนั้นก็จะตายทันที เหล่าศัตรูจึงวิ่งกรูเข้าขัดการร่ายเวทย์ควบคุม
วิญญาณเเต่โจมตีเท่าไหร่ก็ไม่มีผลใดๆกับวาเนซซี่เลย
"พวกทึ่ม! ความสามารถของอาวุธในตำนานนี่ทำให้ฉันร่ายเวทย์โดยไม่ติดขัดเเละไม่มีดีเลย์ด้วยกรูกันเข้ามาเเบบนี้ก็จัดให้นะ ตาย!"
วาเนซซี่หมุนวงเเหวนเวทย์พร้อมร่ายคาถาอีกรอบเหล่าวิญญาณก็มารอบๆตัวเธอเเล้วบินวนเวียนไปมาเพียงเเค่วานซซี่ขยับเท่าก้าวเข้าไปใกล้ๆศัตรู
พวกศัตรูพวกนั้นก็จะโดนวิญญาณเข้าสิงเเต่เป็นรูปแบบวางยาสเน่ห์ สกิลนี้ทำให้ผูที่ถูกโดนสิงเคลิบเคลิ้มเป็นพวกเดียวกับผู้ใช้สกิลเมื่อหมดเวลายา
สเน่ห์เป้าหมายที่โดนวางยาจะตายทันที เหล่าศัตรูที่เข้ามากลับกลาสยเป็นพวกของวาเนซซี่เเล้วโจมตีฝั่งศัตรูด้วยกันเองทำให้พวกศัตรูเสีย
กำลังพลไปเยอะเลยทีเดียว
"คงไม่มีเวลาลีลาเเล้วล่ะ เอาให้มันจบๆไปเลยดีกว่า" วาเนซซี่ร่ายรำด้วยความว่องไวเหล่าวิญญาณก็รวมตัวกันเป็นลูกพลังขนาดใหญ่มหึมาพุ่งเข้าไป
สังหารพวกเหล่าศัตรูชั่วพริบตาฝั่งศัตรูก็เหลือเเต่ฝุ่นผงทุลีไม่มีเหลือเเม้เศษศพ
คีมีเดียส- สุดยอดเลยเเค่พริบตาก็จัดการพวกศัตรูเกือบพันตัวได้ในพริบตาเลย (คีมีเดียสพูดชื่นชมความสามารถของวาเนซซี่)
"ตอนนี้ก็มืดเเล้วเราพักผ่อนในฐานทัพนี้เถอะเพราะดูถ้าศัตรูจะหมดฐานเเล้ว" จากนั้นทุกคนก็ผิงกองไฟเเถวนั้นเเล้วนอนหลับไปโดยที่พรุ่งนี้ก็ไม่รู้ว่า
ผู้ครอบครองอาวุธในตำนานคนที่5 เขาอยู่ที่ไหนเเต่คงจะได้คำตอบในวันพรุ่งนี้....