เนื่องมีทั่นผู้นึง ขอร้องเรื่องนิยายมา เราก็คงต้องจัดการแต่งต่อซะเลย
.
__________________________________________________________________________________
"พี่แซมค่า พี่วายค่า!! เรามาถึงหมู่บ้านเอลฟ์กันแล้วค่าาา" คาจังวิ่งร่าเริงนำโด่งเข้าไปในหมู่บ้านแปลกตาที่มี กระท่อมอยู่บนต้นไม้ "เมื่อก่อนคาจังเคยมากับพี่กร็วกครั้งนึง จนถึงตอนนี้ก็ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะค่ะ" คาจังทำหน้าแอ๊บแบ๊ว ก่อนจะหันมามองหน้าของวาย และ แซมที่อ้าปากค้างตาโตเป็นไข่นกกะทา
"พี่แซมค่ะ พี่วายค่ะ เป็นอะไรกันหรอ" คาจัง ใช้ฝ่ามือปัดผ่านหน้าของทั้งสองไปมา โดยพยายามที่จะเรียกสติของทั้งคู่ที่ตอนนี้หลุดลอยไปถึงไหนต่อไหนแล้ว กลับมาดังเดิม
"เอาะ อ้อ เปล่าจ๊ะ คือพี่ตกใจนิดหน่อยหน่ะ ไม่น่าเชื่อเลยว่า กลางป่ากลางเขาแบบนี้ ยังมีหมู่บ้านที่สวยงามหลบซ่อนอยู่ด้วย" วายพายามเรียกสติให้กลับคืนมาดังเดิม ก่อนจะเอาสอกกระทุ้งแซมที่เหม่อลอย จนน้ำลายห้อยย้อยลงมา ยาวยืดเป็นหางว่าวเลย
"อะ เอ้อ สวยมากเลย" แซมตอบสั้นสั้น เมื่อคาจังเห็นว่าสมองทั้งคู่กลับสู่สภาวะปรกติแล้ว ก็ทำหน้าเศร้าหมองลงในทันที
"นี้ถ้า. . . ริกมาเห็นเมืองนี้ด้วย ก็คงจะดีนะค่ะ" เมื่อวายได้ยินดังนั้นก็ถึงกับเศร้าคล้อยตามไป ก่อนจะเอามือบางวางลงบนหัวของคาจัง ลูบไปมาเบาเบา
"ตอนนี้นายเรนเจอร์นั่นมันเป็นผีแล้วไม่ใช่เราะ มันก็คงจะไปที่ไหนก็ได้ที่มันต้องการ ว่าก็ว่าเถอะนะ พวกเราอุส่าเดินทางมาเหนื่อยแทบตาย ไม่มีใครคิดจะออกมาต้อนรับแขกต่างเมืองเลยหรอเว้ยเฮ้ย!!" แซมตะโกนเสียงดังเล็กน้อย ทำเอาแมนเดรกที่หลับอยู่แถวนั้น สะดุ้งตื่นขึ้นมากันเป็นแถว
"แซม!! เบาเบาหน่อย เผ่าเอลฟ์เป็นเผ่ารักสงบนะ ถ้านายทำตัวแย่แย่แบบนี้ โดนไล่ออกจากหมู่บ้านชั้นไม่รู้ด้วยนะ" วายปรามเสียงแข็งในแซม
"อะไรกัน เป็นห่วงข้ารึไง ฮ่าฮ่า" แซมได้ทีหัวเราะร่วน ทำเอาวายหน้าชมพูขึ้นมาไม่มีเหตุผล(ความจริงเหตุผลมันก็ีมีอะนะ แต่ถ้าเขียนบอกเหตุผลลงไป แล้วมันจะสนุกไหม๊เนี้ย= =)
"ใครเขาจะไปห่วงนาย" วายแลบลิ้นปลิ้นตาใส่แซมก่อนจะสบัดหัวหนีไปอีกทาง
หลังจากนั้นก็มีเสียงตะโกนลงมาจากระเบียงของบ้านหลังใหญ่บนต้นไม้
"นี้!!!! พวกคุณหน่ะ 4จตุรเทพใช่ไหม๊!!!! ขึ้นมาข้างบนก่อน!!!!!" กานดาตะโกนเีรียกกลุ่มที่กระฟัดกระเฟียดกันอยู่ข้างล่าง
"ค่าาา" คาจังตะโกนตอบก่อนจะลากทั้งคู่ที่กัดกันอยู่ขึ้นมาบนบันไดไม้ ที่ยกระดับความสูงขึ้นไปเรื่อยเรื่อย จนถึงต้นไม้ที่สูงที่สุดของหมู่บ้าน มองออกไปไกลโพ้นมีกลุ่มแมกไม้่ที่คอยปกป้องแกรณฟอเรส มานานนับพันปี สุดขอบสายตาเป็นเป็นสีฟ้าคราม น้ำทะเลของเมืองเรดคลิฟ ที่สะท้อนแสงอาทิตย์ยามแดดเปรี้ยงให้กระพริบวิบวับเป็น ไฟกระพริบประดับต้นคริสมาสต์ คาจังอ้าปากมองค้างอยู่นาน ก่อนจะเป็นวายที่มาสะกิดเรียกคาจังให้เข้าไปนั่งด้านใน
ด้านในเป็นบ้านกลมสูงเปิดโล่งไม่มีเพดาน ผนังห้องเป็นวงกลมเวียนรอบ ไม่มีเหลี่ยมใดใดเลย มีโต๊ะกลมซึ่งไม่ใช่โต๊ะจีนตั้งสูงจากพื้นไม่มาก กับเก้าอี้กลม ที่เหมือนจะทำมาจากตอไม้ที่ตายแล้ว เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ที่บ้านนี้เมืองนี้ไม่มีปลวกมาแทะ ไม่งั้นคงพังทั้งหลังไปแล้ว- -*
ตรงหัวโต๊ะ มีชายหน้าเคร่งเครียดนั่งอยู่กับลูกสาวนางิสะ ที่นั่งยิ้มแป้นรับแขกอยู่ข้างข้าง ตรงกลางโต๊ะ ไม่มีกาน้ำชาเหมือนประเทศจีน หรือ น้ำตาล พริก น้ำส้มสายชู ถั่วลิสงแบบร้านก๋วยเตี๋ยว มีเพียงแจกันดอกไม้ ที่รู้สึกจะเป็นดอกลิลลี่หล่ะมั้ง ไม่รู้สิ ก็แถวนี้มันขึ้นอยู่ดอกเดียว คงเป็นดอกลิลลี่นั้นแหล่ะ
เมื่อคาจังเดินเข้าไปนั่งบนเก้าอี้กลมแล้ว ก็เป็นการนดาที่เดิมตามเข้ามาปิดประตู พร้อมกับยืนพิงอยู่แถวนั้น
"ยินดีต้อนรับสู่ หมู่บ้านเอลฟ์ ข้ารู้แล้วว่า 1 ใน จตุรเทพ ได้สิ้นชีพลงไปอย่างสงบเพื่อปกป้องชีวิตพวกเจ้า ข้าซาบซึ้งในน้ำใจอันงามของเขามาก เอาละ เรามาเข้าเรื่องกัน ตอนนี้มีพวกเจ้าแค่ 3 คน จึงไม่สามารถเดินเครื่องอำพรางได้"
"เครื่องอำพราง คืออะไรหรอค่ะ" ด้วยความอยากรู้ของคาจังจึงแทรกถามขึ้นมา
"เจ้าควรจะฟังที่ผู้ใหญ่พูดให้จบก่อนนะ" พ่อของนางิสะทำหน้าขรึมใส่คาจัง จนคาจังเกิดอาการกังวลเล็กน้อย
"ค่ะ" คาจังพยักหน้่ารับอย่างรู้ผิด
"อืมม เครื่องอำพราง เป็นเครื่องมือที่คอยปกป้องหมู่บ้านเอลฟ์นี้ ให้ห่างไกลจากน้ำมือมนุษย์มาตลอดหลายพันปี นับตั้งแต่ที่มนุษย์ ได้ยึดผืนแผ่นดินบนโลกนี้ไว้ สืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น โดยจะขัดสรรค์ผู้มีพลังเวทย์แฝงมาเพื่อปกป้องเมือง และ!! พวกเจ้าก็คือ จตุรเทพ กลุ่มล่าสุด"
"ห๊ะ" คาจังรับมุข "แ้ล้วพวกเราต้องทำยังไงบ้างหรอค่ะ"
"เดี๋ยวนะ เดี๋ยวนะ" แซมแทรกเสียงแข็งขึ้นมากลางบท "แล้วทำไมเมืองี่เผ่าเอลฟ์ปกป้องถึงต้องให้มนุษย์มาเป็นแหล่งพลังเวทย์ให้หล่ะ แถมตัวคุณเองก็เป็นมนุษย์ไม่ใช่รึไง แบบนี้มันผิดหลักนะ"
"เจ้ายังไม่รู้อะไร"
"รู้อะไร??"
"ทั้งเครื่องอำพราง และ จตุรเทพกลุ่มแรกหน่ะ ล้วนถือกำเนิดจาก กลุ่มมนุษย์ที่คอยช่วยเหลือเอลฟ์ทั้งนั้น ด้วยความช่วยเหลือของพวกเขาเอลฟ์จึงสามารถก่อร้างสร้างตัวขึ้น ณ ใจกลางป่าแกรณฟอเรสนี้ได้ แต่ เมื่อเวลาผ่านไปหลายร้อยปี ทัศนคติต่อตัวมนุษย์ของเผ่าเอลฟ์ก็เปลี่ยนแปลงไป เผ่าเอลฟ์ที่รักสงบได้แต่เผ้ามองการทำสงครามของพวกมนุษย์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด ได้แต่เผ้ามองมนุษย์ที่กดขี่ข่มเหงรังแกพวกเดียวกันเอง จนกระทั่งเผ่าเอลฟ์ได้มีการจัดเรทการรับชม เป็นระดับ คือ ท ด3+ ด6+ น13+ น18+ และ ฉ เฮ้ย!! ไม่เกี่ยวแล้ว= =" หลังจากคุยเพลิน พ่อของนางิสะ ก็เผลอปล่อยมุกออกมา
"อืมม ข้าเข้าใจแล้ว แต่ในเมื่อตอนนี้ มีจตุรเทพแค่ 3 คน คุณจะทำยังไงต่อ" แซมถามขึ้น
"ไม่ต้องห่วง จตุรเทพคนที่4 คือ ผู้มีพลังเวทย์เป็นระดับ 5 ก็กำลังเดินทางมาที่หมู่บ้่านเอลฟ์แล้ว"
"หรือว่าจะเป็น" คาจังฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ "ฮาร์ท!!"
"ใช่แล้วหล่ะ"
ท่ามกลางคืนเดือนหงาย แสงจันทร์ส่องผ่านลอดผ้าม่านทะลุหน้าต่างเข้ามาภายในห้องที่มีเทียนจุดไว้ไม่กี่เล่ม กับลมพัดกรรโชกแรง ที่ทำให้รู้สึกเย็นสบาย วายตัดสินใจลุกจากเตียงไม้ ไปที่ระเบียงริมหน้าต่าง เพื่อจะได้มองดูกลุ่มดาวที่กระพริบไม่หยุดกลางฟ้ามืดยามค่ำตืน มันก็สวยดีอ่ะนะ ยิ่งได้มาดูกลางป่ากลางเขาไร้มลพิษแบบนี้ ทำให้ท้องฟ้าดูสวยงามขึ้นเป็น พันเท่าเลย
วายเลื่อนสายตาลงสู่พื้นร่าง พบร่างกำยำของแซม ที่กำลังฝึกเหวี่ยงขวานอยู่ ข้างข้างมีกองไฟที่เหมือนจะมีหมูปิ้ง อยู่ด้านบน
วายเท้าคางมองชายหนุ่มข้างล่างยู่นาน ก่อนที่ภาพที่ แซมอุ้มวายขี่หลัง ภาพที่แซมเข้าช่วยเหลือวายตอนน้ำป่าไหลหลาก จะทะลักเข้ามาในสมองของวาย ทำเอาสาวเจ้าเขินจนต้องสลัดความคิดนั้นทิ้งไป
"แซม!!" วายเรียกเขาด้วยเสียงดังก้องก้อง
แซมหันขึ้นมามองด้านบนโดยไม่พูดอะไร
"ทำอะไรอยู่หรอ"
"ข้ากำลังฝึกวิชาอยู่" แซมวาดขวานเป็นแนวตั้งแนวนอน สลับกันไป
"แล้วนายกำลังปิ้งอะไรอยู่ หอมจังเลย"
"ข้าปิ้งหมูร็อค ที่พึ่งไปล่ามาได้เมื่อตอนเย็น ถ้าอยากกินก็โดดลงมาสิ" แซมปักขวานลงบนพื้น ก่อนจะพลิกหมูที่รู้สึกว่าจะถึงพฤหัสฯแล้ว ปล่อยไปอีกสักพักก็คงสุกพอดี
"จะบ้ารึไง นายจะให้ชั้นโดดลงไปจากตรงนี้อ่ะนะ ตายกันพอดี"
"แต่เนื้อหมูนี้ รสชาติสุดยอดเลยนะเว้ยเฮ้ย" แซมทำท่าทำทางล่อเลียน ยั่วยวนประสาท จนวายเกิดอาการปรี๊ดสุดขีด
"ด..เดี๋ยวสิ รอชั้นด้วย!!" วายสาวเท้าอย่างว่องไว ดังตึกตึกตึก จนเปิดประตูออกมาวิ่งตรงมาทางแซมที่กำลังจะหยิบเนื้อหมูชิ้นใหญ่เข้าปากพอดี
หมับ!!
"เฮ้ย!!" วายคว้าเนื้อหมูชิ้นใหญ่ที่หอมชวนระรื่นจมูกเข้าปากอย่างรอช้า และก้คงจะลืมไปเลยว่าตนเป้นสาวเป็นแส้ควรสำรวมกิริยามากกว่านี้หน่อย
"อ้าวอ้าว กินเบาเบา เลอะแก้มหมดแล้ว" แซมหยิบทิชชู่ มาเช็ดแก้มวาย
"ออบไออ๊ะ(ขอบใจนะ)" วายพยักหน้าให้แซม ก่อนจะกินเนื้อหมูนั้นต่อ "อะอ่อยอ๊ากเอยยย" วายทำตาใสใส่แซม
"เออเออ จะกินหรือจะจ๊อ เลือกเอาสักอย่าง ดูดิ๊ มื้อเย็นของข้ามีมารผจญ มาแย่งไปซะแล้ว" แซมแซววายที่กินไม่หยุดปากเลย ไม่รูเธอเอาเนื้อหมูไปเก็บไว้ที่ไหน ถึงกินได้ไม่หยุุดแบบนี้ สงสัยคงจะไปโตที่อื่นหล่ะมั้ง- -*
To Be Continued
.
________________________________________________________________________________
ไม่เข้ใจตรงไหน ถามได้นะนักเรียน