ถ้าให้เดาน่าจะขึ้นหน้าใหม่แระมั้ง (เดานะ)
En-Em
Chapter 6.1
By Bigyoyo
...
บทที่ 6
“ฮ้าว...”เรย์หาว จริงอยู่ว่าไม่ค่อยอยากกลับเท่าไหร่ แต่อยู่ที่แบบนี้มันน่าเบื่อนะ สงสัยจังว่าคราวนี้ เขาจะกลับบ้านยังไง ในเมื่อมีเอ็นอยู่ด้วย เพราะที่นี่มีกฎว่าห้ามใช้เวทย์แหวกมิติ ในการเคลื่อนที่ไปที่ต่างๆภายในไวท์เฮล ถ้ามาจากที่อื่นละก็ ต้องมาปรากฏที่จุดหน้าบ้านพักนักเดินทาง ซึ่งมีกระจัดกระจายอยู่ทั่วดินแดนแค่นั้น
ปกติพี่เบลล์คงประคองพาเขาบินไปด้วยมั้ง แต่ตอนนี้ถ้าพาเอ็นไปด้วยคงไม่ไหวแหง จะไปไงหว่า
บางทีคงไม่ใช่ว่า เอ็นจะได้อยู่กับพ่อของเอ็นหรอกนะ อุสส่าหาเพื่อนได้ ถ้าต้องจากกันก็....แง...
แล้วเอ็นก็นั่งเงียบเลยแหะ คงรอพ่ออยู่ ก็นะสำหรับเอ็นพบพ่อครั้งนี้จะได้เป็นการรับรู้ความจริงเกี่ยวกับตัวเองด้วย เราก็อยากรู้อยู่ด้วยนะ ว่าทำไม เอ็นถึงเหมือนจะไม่มีพลังเวทย์เลย จับสัมผัสยมทูตก็ไม่ได้
“เอ็น ถ้านายรู้เรื่องบางเรื่องแล้ว นายคิดว่าจะเป็นยังไงล่ะ...”คำถามที่เอ็นไม่คิดว่าจะตอบได้ เขาไม่รู้อะไรซักนิดเลยนี่นา แล้วจะตอบยังไง เฮ้อ...ว่าแต่ แล้วต่อไปเขาจะอยู่ที่ไหนน่ะ
ประตูห้องเปิดขึ้น พี่เบลล์เดินนำเข้ามาพร้อมกับชายคนหนึ่ง เอ็นหันไปมองก่อนจะยิ้มเมื่อ พ่อเป็นคนยิ้มให้เขาก่อน
เรย์ก็หันไปมอง ก่อนจะตกใจเล็กน้อย อ่า...จำได้แล้วคุณซีโร่... ว่าแต่แปลกแหะ...คุณซีโร่แต่งงานแล้วงั้นเหรอ แล้วคนที่แต่งงานกับคุณซีโร่ก็น่าจะ... แปลกแหะ เรื่องแบบนี้ก็มีด้วย
“จะให้รอข้างนอกไหมคะ...”พี่เบลล์พูดถามก่อนจะ จับลูกบิดประตูไว้ ท่าทางไม่ค่อยอยากจะรบกวน สำหรับเธอรู้ดีว่าเอ็นคงคอยเวลาอย่างนี้ตั้งแต่เช้าแล้ว ถ้าปล่อยให้อยู่กันตามลำพังจะดีกว่าไหม
ซีโร่เงียบไปครู่หนึ่ง ตอนแรกไม่ค่อยมั่นใจนัก แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มที่แทบจะหาได้ยากจากเอ็น ใจก็อ่อนลงยังไงคงบอกเรื่องบางเรื่องกับเอ็นไม่ได้ เขาไม่อยากจะทำร้ายรอยยิ้มนั้น โดยเฉพาะเมื่อเขาเป็นพ่อที่แย่มากๆ จะอยู่ดูแลลูกชายให้ดีกว่านี้ก็ไม่ได้ เป็นเพราะนิสัยที่อยู่นิ่งไม่ได้ แม้ว่าอาจจะดีแล้วสำหรับเอ็น ที่ควรจะเรียนรู้การใช้ชีวิตด้วยตนเอง แต่การที่เขารู้อยู่ตลอดว่า เอ็นต้องเจอกับอะไรบ้างตลอดเวลาที่ต้องใช้ชีวิตคนเดียว ที่เขาทำก็แค่หายาทาแผลใส่ไว้ในตู้ยาและตั้งเงินไว้สำหรับใช้จ่ายเป็นอาทิตย์แค่นั้น...
ทั้งห้องเงียบสนิทเมื่อ จู่ๆซีโร่ก็พูดขึ้น
“ไม่ต้องหรอกเบลล์ จะอยู่ก็ได้”คำพูดนั้นทำให้พี่สาว ครุ่นคิดเล็กน้อย จะดีจริงๆรึเปล่านะ ถ้าไม่บอกเรื่องบางเรื่องให้เอ็นรู้ มีคนไม่กี่คนเท่านั้นที่พอจะรู้เรื่อง
คนเป็นพ่อเดินเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะนั่งลงบนเตียงเดียวกับเอ็น เด็กชายเงียบสนิทพุดอะไรไม่ออก บอกความรู้สึกไม่ได้ เขาไม่ได้ดีใจอะไรนักที่ได้เจอพ่อ แต่ทำไมใจมันเหมือนอัดอั้น นานๆทีถึงจะได้คุยกันซักครั้ง เขาก็ไม่เคยคิดอะไร แต่ทำไมครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน...
“เอ็น พ่อรู้ว่าลูกคอยอยู่ ขอโทษด้วยที่มาช้า”คำพูดนั้น ยิ่งทำให้ความรู้สึกลึกลงไป
“ครับ...”เอ็นพยายามพูดซักคำ หวังให้ความรู้สึกจางๆไปบ้าง ทำไมกันน้า...เขาแทบไม่เคยน้ำตาไหลแบบนี้มาเกือบๆจะ 4 ปีแล้ว ทำไมกัน...
เด็กชายไม่กล้ามองหน้า พยายามหลบที่มุมห้องหวังไม่ให้คนอื่นเห็นแต่ก็ไร้ประโยชน์ เมื่อคนอื่นเห็นแล้วว่าน้ำตาบางๆ อาบแก้ม ดวงตาสีดำนั้นสั่นระริก สำหรับเรย์แม้จะเข้าใจดีว่าเอ็นรู้สึกยังไง แต่เขาคงช่วยเพื่อนไม่ได้นัก ในเมื่อความรู้สึกแบบนี้มันต่างกัน แต่พี่เบลล์ได้แต่ยืนยิ้ม การที่เอ็นแสดงออกแบบนี้ก็เป็นอันว่า เอ็นยังอ่อนโยนเกินกว่าจะรับรู้เรื่องบางเรื่อง บางที...เอ็นอาจไม่จำเป็นต้องรู้ตลอดชีวิตเลยก็ได้... บางทีนะ
...
มีซึ้งๆมาปน เป็นธรรมดาของนิยาย
ขออภัยหากเขียนบทซึ้งไม่เก่ง ที่จริงมันจะมีต่อ แต่อยู่ในหน้าต่อไปอ่ะ
บทนี้ถือว่าสำคัญนะ เริ่มเข้าเรื่องหลักแล้ว (เริ่มจริงๆก็บทนี้ละ)
หน้าต่อไปจะได้รู้จักกับ โมจิคุง (ใครหว่า )