โพลล์

คุณชอบเทพเจ้าองค์ไหน

ซุส/ซีอุส
5 (100%)
เฮรา/ฮีรา
0 (0%)
โครนัส/โครนอส
0 (0%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 5

ปิดการโหวต: กันยายน 27, 2010, 15:38:42

ผู้เขียน หัวข้อ: รวมเรื่องเล่าตำนานเทพเจ้า  (อ่าน 1529 ครั้ง)

ออฟไลน์ pittawat2542

  • Sergeant
  • *
  • กระทู้: 34
รวมเรื่องเล่าตำนานเทพเจ้า
« เมื่อ: กันยายน 12, 2010, 09:33:02 »
สวัสดีครับ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมตั้งหัวข้อ(ไม่รู้จะใช้ได้เรื่องหรือเปล่า)เอาละครับวันนี้ผมจะมาเล่าเรืองเทพเจ้ากรีกนะครับเริ่มตันที่องแรกเลยนะครับ
เทพซูส (อังกฤษ: Zeus, /zus/) เป็นราชาแห่งทวยเทพ ผู้ปกครองเขาโอลิมปัส (Olympus) และเทพแห่งท้องฟ้าและฟ้าร้องของตำนานเทพปกรณัมกรีก สัญลักษณ์ประจำพระองค์คือสายฟ้า โคเพศผู้ นกอินทรี และต้นโอ๊ก นามของซีอุสแปลว่าความสว่างของท้องฟ้า

นามของพระองค์ในตำนานเทพปกรณัมโรมันคือเทพจูปิเตอร์ (Jupiter) และนามในตำนานอีทรูสแคนคือเทพไทเนีย (Tinia)

พระองค์เป็นพระโอรสองค์สุดท้องของโครนัส (Cronus) และรีอา (Rhea) ซึ่งเป็นเทพไททัน ในหลายๆ ตำนานกล่าวว่าพระองค์ได้สมรสกับเทพีเฮร่า (Hera) แต่ก็มีสถานศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองดอโดน่า (Dodona) ที่อ้างว่าคู่สมรสของเทพซูสแท้จริงแล้วคือเทพีไดโอนี (Dione) นอกจากนี้มหากาพย์อีเลียด (Illiad) ยังกล่าวไว้ว่าเทพซูสเป็นพระบิดาของเทพีอโฟรไดต์ (Aphrodite) ที่กำเนิดจากเทพีไดโอเน่อีกด้วย เทพซูสมักมีชื่อเสียงในพฤติกรรมนอกลู่นอกทางเรื่องชู้สาวของพระองค์ ซึ่งยังรวมไปถึงความสัมพันธ์กับเด็กหนุ่มนามแกนีมีด (Ganymede) ด้วยเช่นกัน พฤติกรรมของพระองค์ทำให้เกิดผู้สืบเชื้อสายอยู่หลายองค์และหลายคนด้วยกัน อาทิเช่น เทพีอาธีน่า (Athena) เทพอพอลโล (Apollo) และเทพีอาร์ทีมิส (Artemis) เทพเฮอร์มีส (Hermes) เทพีเพอร์ซิโฟเน่ (Persephone) เทพไดโอไนซัส (Dionysus) วีรบุรุษเพอร์ซีอุส (Perseus) วีรบุรุษเฮอร์คิวลีส (Hercules) เฮเลนแห่งทรอย (Helen) กษัตริย์ไมนอส (Minos) และเหล่าเทพีมิวเซส (Muses) ส่วนผู้สืบเชื้อสายที่เกิดจากเทพีเฮร่าโดยตรงได้แก่เทพเอรีส (Ares) เทพีเฮบี (Hebe) และเทพเฮฟเฟสตุส (Hephaestus) เทพีเอริส (Eris) และ เทพีไอไลธีเอีย (Eileithyia)

ออฟไลน์ pittawat2542

  • Sergeant
  • *
  • กระทู้: 34
Re: รวมเรื่องเล่าตำนานเทพเจ้า
« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 12, 2010, 09:34:19 »
ผมเล่าต่อละนะครับ
กำเนิดของซูส
ตำนานการถือกำเนิดของเทพซูสมีอยู่ว่า เทพีไกอาเทพมารดาแห่งผืนดิน ได้สมรสกับเทพยูเรนัสเทพแห่งท้องฟ้า และมีบุตรกลุ่มแรกคือ เหล่าเทพไททันซึ่งสร้างความภาคภูมิแก่เทพยูเรนัสมาก แต่ทว่าบุตรต่อๆมาของเทพีไกอากลับอัปลักษณ์และน่ากลัว เช่น ยักษ์ไซคลอปส์ที่มีตาข้างเดียวกลางใบหน้า และอสุรกายน่าเกลียดต่างๆ ทำให้เทพยูเรนัสพิโรธโยนบุตรเหล่านั้นลงไปขังในคุกทาร์ทะรัสใต้พิภพ

เทพีไกอาแค้นเทพยูเรนัสมากจึงยุยงให้เหล่าเทพไททันก่อกบฏ ไม่มีเทพองค์ใดที่กล้าชิงบัลลังก์พระบิดายกเว้นเทพโครนัส และจากการช่วยเหลือจากเทพีไกอาทำให้เทพโครนัสชิงอำนาจได้สำเร็จ ทว่าเทพโครนัสไม่ได้ทำตามสัญญาที่จะปลดปล่อยอสูรผู้เป็นน้อง เทพีไกอาจึงสาปแช่งว่าบุตรที่จะเกิดมาของโครนัสจะชิงอำนาจไปเหมือนกับที่บิดาเคยทำ

เทพโครนัสตระหนักมากเพราะหลังจากนั้นไม่นาน เทพีรีอา พระชายาก็ตั้งครรภ์ เมื่อได้ข่าวการประสูติ เทพโครนัสจึงบุกเข้าไปในตำหนักพระชายาและจับทารกผู้เป็นสายเลือดของตนกลืนลงท้องไป และครรภ์ต่อๆมาของเทพีรีอาก็เช่นกัน ส่งผลให้เทพีรีอาเศร้าเสียใจอย่างมาก

โครนัสให้กำเนิดบุตรและธิดารวมหกองค์ คือ เฮสเทีย เฮดีส ดีมิเตอร์ โพไซดอน เฮรา ซูส ซึ่งพอกำเนิดมาได้ถูกโครนัสจับกลืนลงท้องไปแต่เนื่องด้วยซูสหนีออกมาได้ จึงรอให้ตัวเองโตแล้วกลับมาช่วยอีก 6 องค์ในภายหลัง เนื่องจาก เฮสเทีย เฮดีส ดีมิเตอร์ โพไซดอน และเฮรา เป็นเทพจึงไม่ตายตอนอยู่ในท้องของโครนัส

[แก้] การโค่นอำนาจไททันโครนัส
ความคับแค้นใจทำให้เทพีรีอาตัดสินใจเก็บบุตรคนสุดท้องเอาไว้ โดยแสร้งส่งก้อนหินห่อผ้าให้เทพโครนัสไป ทารกซูสถูกเลี้ยงดูอย่างดีโดยเทพีไกอาผู้เป็นย่าได้นำทารกซีอุสไปซ่อนไว้ในหุบเขาดิกเทอ ในเกาะครีต ซีอุสกินอาหารคือน้ำผึ้งและน้ำนมจากนิมฟ์ครึ่งแพะที่ชื่อว่า อะมาลไธอา ซึ่งในภายหลังซีอุสได้ได้สร้างนางให้เป็นกลุ่มดาวแพะ หรือกลุ่มดาวมกรในจักรราศีและมีครึ่งเทพครึ่งแพะแห่งป่าที่เล่นฟลุทอยู่ตลอดเวลาชื่อแพนเป็นผู้ให้การศึกษา เมื่อซีอุสเติบใหญ่แข็งแรงจึงหวนกลับไปแก้แค้นโครนอสผู้เป็นเทพบิดาตามคำร้องขอของเทพีมารดา

รีอาได้หลอกให้โครนอสกินยาที่จะทำให้สำรอกบุตรที่เคยกลืนออกมา ด้วยความเป็นเทพเจ้าทำให้เหล่าเทพที่ถูกกลืนลงไปไม่ตายซ้ำยังเติบโตขึ้น เรียงลำดับได้ดังนี้

1.เทพีเฮสเทีย หรือ เวสตา เทพีแห่งไฟและเทพีผู้คุ้มครองครอบครัว เป็นเทพีครองพรหมจรรย์

2.เทพี ดีมิเตอร์ หรือ เซเรสเทพีแห่งพันธุ์พืช ธัญญาหารและการเพาะปลูก มีธิดากับเทพซูสหนึ่งองค์คือ เทพีเพอร์ซิโฟเน หรือ โพรเซอพิน่าผู้เป็นชายาของฮาเดส

3.เทพี เฮราหรือ จูโนเทพีแห่งการสมรส เป็นมเหสีของเทพซูส ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องหึงหวง มีโอรสและธิดากับเทพซูส 3 องค์คือ เฮฟเฟสตุส ฮีบีกับ อาเรส

4.เทพเฮดีสหรือ พลูโต จ้าวแห่งดินแดนใต้พื้นพิภพ เป็นผู้ปกครองพิภพบาดาลและโลกคนตาย มีเทพีเพอร์ซิโฟเนหรือ โพรเซอร์พิน่าเทพีแห่งฤดูใบไม้ผลิผู้เป็นธิดาของเทพีเซเรสเป็นมเหสี

5.เทพโพไซดอนหรือ เนปจูน จ้าวแห่งท้องทะเล ปกครองน่านน้ำเมดิเตอร์เรเนียนและน้ำที่ใช้ประโยชน์ได้ มีเทพีแอมฟิไทรท์ หรือ อัมฟิตรีติ เป็นมเหสี

เมื่อเทพทั้งห้าได้ออกมาจากท้องของโครนัสแล้วจึงร่วมกับซูสปราบโครนัสและส่งโครนัสไปขังไว้ที่ทาร์ทะรัส

ซูสได้รับตำแหน่งเทพผู้นำของเหล่าเทพ เนื่องจากการจับฉลากแบ่งหน้าที่ของทั้งสามพี่น้อง และได้พาเหล่าเทพทั้งหลายขึ้นไปอาศัยอยู่บนเทือกเขาโอลิมปัส

แม้ว่าเหล่าเทพทุกองค์จะยอมยกตำแหน่งผู้นำให้กับซูสในทีแรก แต่ในตอนหลังเหล่าเทพต่างๆก็ต่างพากันหาหนทางในการยึดอำนาจมาเป็นของตนเองอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฮราผู้เป็นชายาของซูส ได้พยายามที่จะรวบรวมเหล่าเทพเพื่อก่อการกบฏอยู่เสมอ แต่ในท้ายที่สุดซูสก็สามารถที่แก้ไขปัญหา และจับตัวนางมาลงโทษได้อยู่เสมอ

[แก้] ชายาและบุตรของซูส
ชายาที่เป็นเทพ

ชายา บุตร/ธิดา
อาอิกซ์ อาจิพาน
อานานกี้ มอยรี หรือ เฟต
ไดโอนี อะโฟรไดท์
ไกอา 1. โอริออน
2. มาเนส ผู้เป็นบิดาแห่งอาทีส
 
ดีมิเตอร์ 1. เพอร์ซิโฟเน
2. ซากริอุส
 
เฮรา 1. อาเรส
2. ไอไลธีเอีย

3. ฮีบี

4. เอริส

5. เฮเฟตุส
 
อีออส 1. เออร์ซ่า
2. คาเรอี
 
เอริส ไลมอส
ลีโต 1. อพอลโล่
2. อาร์เทมีส
 
ไมอา เฮอร์เมส
เมทิส อธีน่า
นีโมซีเน่ มิวส์
1. คัลลิโอพี

2. คลิโอ

3. เอราโต

4. ยูเทอเพ

5. เมลโพมีนี

6. โพลิฮิมเนีย

7. เทอร์พซิคอเร

8. ธาเลีย

9. ยูเรเนีย
 
เพอร์ซิโฟเน 1. ซากริอุส
2. เมลิโนอี
 
ซีลีนี 1. เออร์ซา
2. เนเมอัน ไลออน

3. แพนเดีย
 
ธีมิส 1. อัสทราเอีย
2. เนเมซิส

3. โฮรี่
 

ชายาที่เป็นมนุษย์/นิมฟ์/และอื่นๆ

แอจิน่า แออาคัส
อัลคมีนี เฮอราคลีส
อันติโอพี 1. อัมฟีออน
2. ซีธุส
 
คาลิสโต อาร์คัส
คาร์มี ไบรโตมาทิส
ดานาอี เพอร์ซิอุส
เอลาร่า ทีทีอัส
อีเล็กตรา 1. ดาร์ดานัส
2.อิอาซิออน
 
ยูโรปา 1. ไมนอส
2. ราดามันธิส

3. ซาเพดอน
 
ยูริโนมี คาริเทส หรือ เกรซ
1. อากลาเอีย

2. ยูโฟรซินี

3. ธาเลีย
 
ฮิมาเลีย 1. โครนิออส
2. สปาร์ไทออส

3. ไคทอส
 
ไอโอดามี ธีบี
ไอโอ 1. เอพาฟุส
2. เคโรเอสซ่า
 
ลามิอา 
ลาโอดาเมีย ซาร์เพดอน
ลีดา 1. โพลีดิวซีส (พอลลักซ์)
2. แคสเตอร์

3. เฮเลนแห่งทรอย (เฮเลนแห่งสปาร์ตา)
 
แมร่า โลครุส
ไนโอบี 1. อาร์กัส
2. เพลาสกัส
 
โอลิมพิอัส อเล็กซานเดอร์ที่สาม แห่ง มาซิดอน
โอเธรอิส เมไลเธอุส
โพลอูโต แทนทาลัส
พดากี้ 1. บาลิอุส
2. แซนทัส
 
เฟียรฮ์รา เฮลเลน
ซีมีลี ไดโอไนซูส
ทาอีกีที ลาซีดาอีมอน
มารดาที่ไม่รู้จัก ลิทาอี
มารดาที่ไม่รู้จัก ทีเช่
มารดาที่ไม่รู้จัก อาที

ออฟไลน์ pittawat2542

  • Sergeant
  • *
  • กระทู้: 34
Re: รวมเรื่องเล่าตำนานเทพเจ้า
« ตอบ #2 เมื่อ: กันยายน 12, 2010, 09:36:28 »
องค์ต่อไปก็
 
โพไซดอน หรือ โพเซดอน หรือ โปเซดอน (อังกฤษ: Poseidon; กรีก: Ποσειδών; ละติน: Neptūnus เนปจูน) เทพเจ้าแห่งท้องทะเลและมหาสมุทร ผู้ปกครองดินแดนแห่งท้องน้ำ ตั้งแต่แหล่งน้ำจืด เช่น แม่น้ำ ลำคลอง จนถึงใต้บาดาล มีตรีศูลเป็นอาวุธ บางตำนานกล่าวว่ามีท่อนล่างเป็นปลา นอกจากนี้แล้วยังถือว่าเป็นเทพแห่งแผ่นดินไหว และเป็นเทพแห่งม้าด้วย

ตามตำนานเล่าว่า โพเซดอนเป็นบุตรของโครนัสกับรีอา มีพี่น้องร่วมบิดามารดาอีก 5 องค์ ซึ่งล้วนแต่เป็นเทพแห่งโอลิมเปียนทั้งสิ้น ได้แก่

1.เฮสเทีย เทพีแห่งเตาผิง ผู้ดูแลครัวเรือน
2.ดีมิเตอร์ เทพีแห่งธัญพืชและการเกษตร
3.เฮรา ชายาแห่งเทพซูส เทพีผู้คุ้มครองสตรีและการสมรส
4.ฮาเดส ผู้ครอบครองยมโลก
5.ซูส ผู้เป็นใหญ่ในสภาเทพแห่งโอลิมปัส
รูปลักษณ์ของโพเซดอน ส่วนมากจะปรากฏเป็นชายวัยกลางคน รูปร่างกำยำล่ำสัน มีหนวดเครา ถือสามง่ามเป็นอาวุธ ซึ่งสามง่ามนี้มีอิทธิฤทธิ์มาก สามารถดลบันดาลให้เกิดทะเลคลั่งหรือแผ่นดินไหวได้ ครั้งหนึ่งโพเซดอนเคยคิดที่จะโค่นอำนาจของซุส โดยร่วมมือกับเฮราและอะธีนา แต่ไม่สำเร็จ จึงถูกซุสลงโทษ โดยการให้ไปสร้างกำแพงเมืองทรอยร่วมกับอพอลโลด้วยเช่นกัน

โพเซดอนมีมเหสีองค์หนึ่งคือแอมฟิไทรท์ ซึ่งเป็นนีริอิด หรือบุตรสาวของ นีริอัสและดอริส โพไซดอนเห็นนางเต้นรำร่วมกับเหล่านีริอิดอื่นๆ จึงลักพาตัวนางไปเป็นชายาในดินแดนใต้สมุทร

ชายาอีกองค์หนึ่งของโพไซดอนเป็นหญิงรับใช้ของอะธีนา คือ เมดูซ่า ก่อนที่จะถูกสาบให้มีผมเป็นงู เพราะหลงใหลในความงามของเมดูซ่า เมื่ออะธีนาทราบเรื่องจึงสาบเมดูซ่าให้เป็นปีศาจที่มีผมเป็นงู และเมื่อมองใครก็จะกลายเป็นหินไปหมด เมื่อเปอร์ซิอุสตัดศีรษะของเมดูซ่าแล้ว เลือดของเมดูซ่าที่กระเซ็นออกมา กลายเป็นม้าบินสองตัว คือ เพกาซัส (Pegasus) และ คริสซาออร์ (Chrysaor) ดังนั้นจึงถือว่า ทั้งเพกาซัสและคริสซาออร์เป็นลูกของโพเซดอนด้วย

โพเซดอน มีพาหนะเป็นม้าน้ำเทียมรถ ที่มีส่วนบนเป็นม้าและท่อนล่างเป็นปลา ซึ่งบางครั้งจะพบรูปโพเซดอนอยู่บนรถเทียมม้าน้ำนี้ขึ้นมาจากทะเล

ในสมัยโบราณ ที่แหลมสุนิอ้อน ห่างจากกรุงเอเธนส์ เมืองหลวงของกรีซไม่มาก มีวิหารที่สร้างถวายแด่โพเซดอนอยู่

ออฟไลน์ pittawat2542

  • Sergeant
  • *
  • กระทู้: 34
Re: รวมเรื่องเล่าตำนานเทพเจ้า
« ตอบ #3 เมื่อ: กันยายน 12, 2010, 09:38:50 »
องค์ต่อไปครับ
เดเมเทอร์ (Demeter) ตามชื่อกรีกหรือภาษาโรมันว่า ซีริส (Ceres) เป็นเทวีครองข้าวโพด ซึ่งหมายถึงการเกษตรกรรมนั่นเอง เจ้าแม่เดเมเทอร์มีธิดาองค์หนึ่งทรงนามว่า พรอสเสอะพิน (Proserpine) หรือ เพอร์เซโฟนี (Persephone) เป็นเทวีครองฤดูผลิตผลของพืชทั้งปวง
องค์ต่อไป
ฮีรา หรือ เฮรา (อังกฤษ: Hera /ˈhɪərə/, /ˈhɛrə/; กรีก: Ήρα, Ήρη) เป็นมเหสีและเชษฐภคินี (พี่สาว) ของซูส พระนางเป็นเทพีแห่งหญิงสาวและชีวิตสมรส เป็นผู้ปกป้องสตรีที่แต่งงานแล้ว พระนางทรงประทับบนพระบัลลังก์ทองคำเคียงข้างซูสบนภูเขาโอลิมปัส และทรงพยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ใส่พระทัยกับเรื่องราวรักๆ ใคร่ๆ ที่ไม่ถูกทำนองคลองธรรมของสวามี ฮีราได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเทพธิดาผู้มีพระกรใสกระจ่างดุจงาช้าง ในตำนานโบราณสัตว์ประจำองค์ของเทพีฮีราคือวัว แต่ในตำนานยุคใหม่นกยูงเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ประจำพระองค์ และจะตามเสด็จอยู่ไม่ห่าง

เทพีฮีราเป็นที่รู้จักกันดีในด้านของอารมณ์ดุร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อชายาองค์อื่นๆของซูส และบุตรที่เกิดจากชายาเหล่านั้น ไม่ว่าพวกนางจะเป็นเทพีหรือเป็นมนุษย์ก็ตาม ตัวอย่างของผู้ที่ถูกเทพีฮีราปองร้ายมีมากมาย เช่น เทพีลีโต มารดาของเทพอพอลโล่และเทพีอาร์ทีมิส เฮอร์คิวลิส ไอโอ ลามิอา เกรานา ซิมิลี มารดาของเทพไดโอนิซัส ยูโรปา เป็นต้น

ในมหากาพย์อีเลียด ของ โฮเมอร์ ได้กล่าวถึงพระนางว่า เทพีตาวัว (the ox-eyed goddess) ซึ่งแสดงถึงสัตว์ประจำตัวของฮีรานั่นเอง
กำเนิดของฮีรา
ฮีราเป็นบุตรองค์ที่ 3 ของโครนัสและรีอา พระนางถูกโครนัสกลืนลงท้องไปตั้งแต่เพิ่งถือกำเนิดเนื่องจากคำสาปของไกอาที่ว่าบุตรของโครนัสจะโค่นอำนาจของโครนัสเหมือนกับที่โครนัสได้โค่นอำนาจของยูเรนัส แต่ต่อมาเทพีรีอาได้ซ่อนซีอุสผู้เป็นบุตรองค์สุดท้องไว้และนำซีอุสกลับมาเพื่อแก้แค้นโครนัส และนำพี่ๆที่ถูกกลืนเข้าไปอยู่ในท้องของโครนัสออกมา เทพีฮีราจึงปรากฏกายขึ้น

เชื่อกันว่าเทพีฮีราถูกเลี้ยงดูมาโดยไททันทีธิส และมหากาพย์อิเลียด ในครั้งที่ฝ่ายทรอยกำลังได้เปรียบเพราะซูสได้หนีจากเขาโอลิมปัสไปยังเขาไอดาเพื่อให้การช่วยเหลือชาวทรอย ฮีราได้อ้างว่าจะไปพบกับเทพีทีธิส เพื่อจะได้ขอยืมเครื่องแต่งกายที่สวยที่สุดจากอะธีน่าและสร้อยคอแห่งความปรารถนาจากอะโฟรไดท์ไปใช้ในการล่อลวงให้ซูสหันเหความสนใจจากสงครามแห่งทรอย เปิดทางให้โพไซดอนได้นำกำลังไปถล่มชายฝั่งทรอย

 ฮีราและซูส
บางตำนานได้กล่าวว่าเมื่อเหล่าเทพโอลิมเปียนได้เอาชนะโครนัสและย้ายขึ้นมาสร้างวิมานบนเทือกเขาโอลิมปัสแล้ว ซูสก็ได้เสาะหาหญิงงามผู้คู่ควรกับตำแหน่งราชินีแห่งเทพทั้งมวล และในที่สุดพระองค์ก็ตัดสินใจเลือกเทพีฮีรา พระเชษฐ์ภคินีของตนเอง

ฮีราไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้(เพราะขยาดในความเจ้าชู้ของซูสนั่นเอง) และขังตนเองอยู่ในวิหารเพื่อหนีจากการสมรสกับมหาเทพแห่งโอลิมปัส ซูสจึงปลอมตัวเป็นนกเขาบาดเจ็บบินเข้าไปซบอุระของฮีรา และแน่นอนว่าเทพีผู้อ่อนหวานจะต้องนำนกตัวนั้นเข้าไปพยาบาลในวิหารแน่นอน เมื่อทั้งคู่เข้าไปในวิหารของฮีราแล้ว ซูสก็กลับร่างเป็นมหาเทพและรวบรัดฮีราเป็นราชินีของพระองค์

 บุตรของฮีรา
ฮีรามีบุตรทั้งหมด ดังนี้

1.ฮีบี (Hebe) หรือ แกนีมีดา เทพธิดาแห่งความเยาว์วัย ได้รับหน้าที่ ให้ถือถ้วยของเทพเจ้า จนถูกปลด ให้เจ้าชาย แกนิมีดทำแทน เนื่องจากนาง แสดงความหยาบคาย ในงานที่จัดขึ้น ที่โอลิมปุสงานหนึ่ง
2.อิลิธียา (Eileithyia อาจมีการสะกดหลายแบบ) หรือ ลูซิดา ในตำนานโรมัน ซึ่งเป็นเทพีแห่งการให้กำเนิดทารก
3.แอรีส (Ares) หรือ มาร์ส เทพเจ้าแห่งสงคราม
4.อีริส (Eris) หรือ ดิสคอร์เดีย เทพธิดาแห่งการวิวาทบาดหมาง ฝาแฝดของแอรีส (ซึ่งเป็นเทพธิดา ผู้กลิ้งลูกแอปเปิ้ลทองคำ ที่สลักคำว่า “แด่ผู้ที่งดงามที่สุด” เข้าไปในกลุ่มเทพธิดา ที่มาใน งานแต่งงานในโอลิมปุส จนผลของการตัดสินของ เจ้าชายปารีส นำไปสู่มหาสงคราม ซึ่งทำให้ทรอยล่มสลาย)
5.ฮีเฟสตุส (Hephaestus) หรือวัลแคน เทพแห่งการช่าง เทพองค์นี้ ส่วนมากว่า เป็นโอรสที่ฮีรา ให้กำเนิดฝ่ายเดียว ไม่เกี่ยวกับซุส หรือชายใด
บางตำนานกล่าวว่าฮีราอิจฉาที่ซูสสามารถให้กำเนิดบุตรด้วยตนเองได้ นั่นคืออะธีน่า นางจึงสร้างฮีเฟสตุส ขึ้นมาด้วยตนเอง โดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากซูส แต่เมื่อฮีเฟสตุสถือกำเนิดขึ้นนางก็โยนบุตรชายลงจากเขาโอลิมปัสเนื่องจากรังเกียจรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดของฮีเฟสตุส ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ฮีเฟสตุสกลายเป็นเทพที่มีขาพิการ

ภายหลังฮีเฟสตุสได้ทำการแก้แค้นพระมารดาด้วยการสร้างบัลลังก์ทองที่แสนสวยงามให้ฮีรา แต่เมื่อนางนั่งลงบนบัลลังก์ทองนั้นแล้วกลับลุกขึ้นมาไม่ได้อีกเลย

เทพโอลิมปัสร่วมกันอ้อนวอนให้ฮีเฟสตุสกลับขึ้นมาอยู่บนเทือกเขาโอลิมปัสและให้อภัยพระมารดา แต่ฮีเฟสตุสไม่ยอม ในที่สุดเหล่าเทพจึงส่งเทพไดโอไนซัสผู้เป็นเทพแห่งเหล้าองุ่นให้มอมเหล้าฮีเฟสตุสและนำเขาขึ้นมายังเทือกเขาโอลิมปัส ทำให้คำสาปเรื่องบัลลังก์ทองเสื่อมไป เทพีฮีราจึงได้ลุกขึ้นจากบัลลังก์อีกครั้ง

ออฟไลน์ pittawat2542

  • Sergeant
  • *
  • กระทู้: 34
Re: รวมเรื่องเล่าตำนานเทพเจ้า
« ตอบ #4 เมื่อ: กันยายน 12, 2010, 09:41:37 »
องค์ต่อไปครับ
ในเทพปกรณัมกรีก เฮสเตีย (อังกฤษ: Hestia, /ˈhɛstiə/) หรือที่โรมันเรียก เวสตา (อังกฤษ: Vesta) เป็นหนึ่งในสิบสองเทพแห่งโอลิมปัส บางตำนานเล่าว่าเฮสเตียนั้นได้สละตำแหน่งให้แก่ไดโอนิซัส เป็นลูกคนโตในจำนวน 6 ของโครนอสกับรีอา ได้รับมอบหน้าที่จากซูส ให้เป็นเทพีแห่งเตาไฟ และยังเป็นเทพีผู้คุ้มครองบ้านเรือน เนื่องจากเป็นคนแรกที่สร้างบ้านขึ้นมา

เทพีเฮสเตียมีความสำคัญมากเปรียบดั่งเทพีผู้คุ้มครองทั้งบ้านเรือนรวมไปจนถึงคนในบ้าน และยังเป็นเทพีผู้คุ้มครองเด็กเกิดใหม่อีกด้วย ในธรรมเนียมกรีกโบราณ เมื่อใดในบ้านมีเด็กเกิดใหม่ ก็จะนำเด็กไปวนรอบเตาไฟ ซึ่งตั้งอยู่กลางบ้าน เพื่อให้เฮสเตียรับรู้และคุ้มครองเด็กจากสิ่งชั่วร้ายต่างๆเหมือนเป็นการรับขวัญ เฮสเตียเป็นเทพีที่ไม่มีวิหารบูชา แต่ถือว่าเตาไฟทั้งหลายนั้นเป็นเหมือนแท่นบูชาของนาง

เทพีเฮสเตีย มักใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบอยู่ในที่พัก และไม่นิยมการสังสรรค์ ทำให้มีเรื่องราวเกี่ยวกับเทพีเฮสเตีย ในเทพปกรณัมกรีกน้อยมาก

เฮสเตียเป็น 1 ใน 3 เทพีผู้ครองพรหมจรรย์ ถึงแม้จะถูกเกี้ยวพาราณสี จากเทพอพอลโล และโพไซดอน
องค์ต่อไปครับ

แอรีส (อังกฤษ: Ares /ˈɛəriz/) หรือที่ชาวโรมันเรียกว่า มาร์ส (Mars) เป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม อาวุธ และชุดเกราะ และเป็นหนึ่งในสิบสองเทพแห่งโอลิมปัสด้วย

แอรีส เป็นเทพแห่งการสงครามเช่นเดียวกับ อธีน่า แต่ทว่าอธีน่าจะได้รับการยกย่องและบูชามากกว่า เนื่องจากอธีน่าเป็นเทพีที่ใช้สติปัญญาวางแผนในการสู้รบมากกว่า ซึ่งได้รับการบูชาในฐานะเทพีแห่งสติปัญญาด้วย ผิดกับแอรีสซึ่งมักจะใช้ความดุดันและโหดร้ายในการสงครามมากกว่า ซึ่งโฮเมอร์ กวีเอกคนสำคัญของกรีกโบราณ ยังเคยเขียนถึงพระองค์ว่า เป็นเทพที่โหดร้ายและหยาบช้า

แอรีสเป็นบุตรของซีอุสมหาเทพและพระนางเฮรา มเหสีของซีอุส แอรีสเป็นเทพที่ชาวกรีกไม่นับถือบูชา เพราะถือว่าเป็นเทพที่โหดร้ายและมีเรื่องราวที่น่าอับอายเกี่ยวกับพระองค์เยอะ และถึงแม้จะเป็นเทพแห่งสงคราม แอรีสก็รบแพ้ในการสงครามหลายต่อหลายครั้ง ทั้งแก่มนุษย์กึ่งเทพเองอย่าง เฮราคลีสและกับอธีน่า เทพีแห่งสงคราม พี่น้องของพระองค์เอง

แต่แอรีสเป็นที่นับถืออย่างมากของชาวโรมัน ซึ่งเป็นชนเผ่าที่โปรดปรานการสู้รบ ถึงกับแต่งให้แอรีสเป็นบิดาของโรมูลัส (Romulus) ผู้สร้างกรุงโรมเลยทีเดียว

ในทางด้านชู้สาว พระองค์ลักลอบมีชู้กับเทพีอโฟรไดท์จนเป็นเรื่องราวใหญ่โตให้อับอายไปทั้งสวรรค์ และเป็นอพอลโล เทพแห่งดวงอาทิตย์ที่จับผิดและแก้ไขพฤติกรรมของทั้งคู่

แอรีส เมื่อเสด็จไปไหน จะใช้รถศึกเทียมม้าฝีเท้าจัดมากมาย แสงเกราะและแสงศาตราวุธส่องแสงเจิดจ้าบาดตาผู้พบเห็น มีบริวารที่ติดสอยห้อยตามอยู่ 2 คนคือ ดีมอส (Deimos) ซึ่งแปลว่าความกลัว กับ โฟบอส (Phobos) แปลว่าความน่าสยองขวัญ บางตำนานก็กล่าวว่า ทั้งดีมอสและโฟบอสเป็นบุตรชายฝาแฝดของแอรีส และชื่อของทั้งคู่ก็เป็นรากศัพท์ของคำว่า ความตื่นตระหนก (Panic) และ ความกลัว (Phobia) และในทางดาราศาสตร์ แอรีสหรือมารส์ คือดาวอังคาร ดีมอส และ โฟบอส ก็ถูกตั้งเป็นชื่อของดวงจันทร์บริวารของดางอังคารด้วย

ออฟไลน์ pittawat2542

  • Sergeant
  • *
  • กระทู้: 34
Re: รวมเรื่องเล่าตำนานเทพเจ้า
« ตอบ #5 เมื่อ: กันยายน 12, 2010, 09:43:55 »
องค์ต่อไปละครับ(มีกี่องค์เนี่ยเยอะจัง)
อะพอลโล (Apollo ภาษากรีก: Ἀπόλλων อพอลลอน) บุตรชายคนโตของมหาเทพซีอุส เป็นหนึ่งใน 12 เทพแห่งโอลิมปัส เป็นบุตรของซีอุส จอมเทพแห่งสวรรค์และนางเลโต เป็นเทพแห่งแสงสว่าง หรือเทพแห่งดวงอาทิตย์ รวมถึงเป็นเทพแห่งสัจจะและการดนตรีด้วย อพอลโลมีน้องสาวฝาแฝดชื่อ อาร์เทมีส หรือ ไดอาน่า (ในโรมัน) ซึ่งเป็นเทพีแห่งดวงจันทร์คู่กัน อพอลโล เป็นบุรุษหนุ่มรูปงาม มักเล่นดนตรีด้วยพิณ เชี่ยวชาญการใช้ธนู ในสงครามกรุงทรอย อพอลโลมีบทบาทเป็นเทพที่รักษาชายฝั่งเมืองทรอย ที่เมืองเดลฟี่มีเทวสถานบูชาอพอลโลอยู่

นอกจากนี้แล้ว อพอลโลยังมีชื่อเรียกอื่น ๆ อีก เช่น ฟีบัส (Phoebus) อาเบล (Abel) ไพธูส (Pytheus) หรือ เฮลิออส (Helios) ซึ่งแต่ละชื่อมีความหมายถึง แสงสว่างทั้งสิ้น

ปัจจุบัน อพอลโลเป็นชื่อที่ถูกตั้งตามอยู่บ่อยครั้ง โดยมีความหมายในทางที่เกี่ยวกับแสงสว่างหรือความสำเร็จ เช่น เป็นชื่อปฏิบัติการทางอวกาศของนาซาที่เรียกว่า โครงการอะพอลโล หรือเป็นชื่อสินค้าต่างๆ เช่น ยี่ห้อน้ำมันเครื่อง ยี่ห้อหรือชื่อรุ่นรถยนต์ ชื่อบริษัท เป็นต้น

อพอลโลเป็นเทพที่ถูกปั้นด้วยทองแดงยืนคร่อมอ่าวทะเลอีเจียน ที่เกาะโรดส์ ที่มีชื่อว่า เทวรูปโคโลซัส นับเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์โลกยุคโบราณด้วย โดยทั่วไปรูปปั้นอพอลโลจะถือเครื่องดนตรีคล้ายพิณและมีลูกบอลทองคำที่เป็นสัญลักษณ์ของดวงอาทิตย์

ออฟไลน์ pittawat2542

  • Sergeant
  • *
  • กระทู้: 34
Re: รวมเรื่องเล่าตำนานเทพเจ้า
« ตอบ #6 เมื่อ: กันยายน 12, 2010, 09:45:05 »
องค์ต่อไปครับ
อาร์เทมีส (Artemis)หรือในภาคโรมันคือไดอานา (Diana)คือเทพเจ้าแห่งการล่าสัตว์ เทพีแห่งดวงจันทร์ และเป็นเทพีแห่งความรักทางใจ ตำนานการกำเนิดกล่าวว่าเป็นธิดาฝาแฝดของเทพซุสกับนางอัปสร ลีโต(Leto) หรือ แลโตนา (Latona) มีพี่ชายร่วมอุทรคือ เทพอพอลโลซึ่งเป็นเทพแห่งพระอาทิตย์ และการดนตรี

เทพฝาแฝดทั้งสองถูกปองร้ายตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา เพราะเทพีเฮราซึ่งเป็นมเหสีเอกของเทพซุสเกลียดชังชายาน้อยของสวามีจึงลามไปถึงบุตรที่เกิดจากอนุเหล่านั้นด้วย เมื่อรู้เรื่องของนางลีโต พระนางจึงสาปแช่งนางลีโตว่าจะไม่สามารถคลอดบุตรบนแผ่นดินใดได้ อีกทั้งยังส่งงูร้าย ไพธอน (Python)ตามฉกกัดนางลีโตตลอดเวลา นางลีโตประสบเคราะห์กรรมอย่างน่าสงสารเพราะไปที่ใดก็ไม่มีใครต้อนรับด้วยกลัวเกรงอาญาของเทพีเฮรา ทั้งต้องหลบหนีงูร้ายจนอยู่ไม่เป็นสุข และเทพซุสก็กลัวเทพีเฮราเกินกว่าจะช่วยเหลือนางลีโตกับบุตรในครรภ์

กระทั่งครบกำหนดครรภ์ นางลีโตเจ็บปวดทุกข์ทรมานปางตายเพราะไม่อาจคลอดบุตรได้ ทำให้เทพโพไซดอนเกิดความสงสาร จึงบันดาลเกาะดีลอส (Delos)ให้โผล่ขึ้นกลางทะเล ไม่ติดต่อกับแผ่นดินใด นางลีโตจึงพ้นคำสาป จนกระทั่งสามารถประสูติเทพฝาแฝด เทพอพอลโล และเทพีอาร์เทอมิส ออกมาอย่างปลอดภัย

ทันทีที่ประสูติออกจากครรภ์ เทพอะพอลโลก็ฆ่างูไพธอนตาย จนได้นามอีกว่า ไพธูส เมื่อเทพทั้งสองประสูติ เทพบิดาซุสจึงอัญเชิญเทพทั้งสองขึ้นเป็นเทพบนเขาโอลิมปัส และคลายความหมางใจระหว่างเทพีเฮรากับเทพฝาแฝดจนเป็นผลสำเร็จ
บทบาทบนเขาโอลิมปัส
เทพอพอลโลถูกสถาปนาขึ้นเป็นสุริยเทพ คุมรถม้าพระอาทิตย์รอบโลกให้แสงสว่างแก่มวลมนุษย์ในเวลากลางวัน ส่วนเทพีอาร์เทมีสถูกสถาปนาเป็นจันทราเทวี คุมรถม้าเงินพระจันทร์ ให้แสงสว่างนำทางมวลมนุษย์ในยามกลางคืน ทั้งสองฝาแฝดรักใคร่กันมากและมีความชำนาญในด้านขมังธนูเช่นเดียวกัน โดยธนูของเทพอพอลโลจะแม่นยำร้อนแรงดังแสงอาทิตย์ ผิดกับเทพีอาร์เทมีสซึ่งปลิดชีพผู้ต้องศรอย่างนุ่มนวลราวแสงจันทร์ จนดูคล้ายกับคนที่นอนหลับไปเท่านั้น

เทพีอาร์เทมีสมีชีวิตโลดโผนกว่าเทพีองค์อื่น เพราะทรงโปรดการล่าสัตว์และชอบชีวิตโสด จนเทพซุสประทานนางอัปสรผู้ไม่ต้องการแต่งงานจำนวน 50 ให้เป็นบริวาร สาเหตุที่พระนางไม่ต้องการมีความรัก ก็เพราะมีความหลังฝังใจจากที่นางลีโตต้องทรมานกับการคลอดบุตร และในเวลาที่ประสูติเทพีอาร์เทมีสก็ซึมซับความรู้สึกนั้นได้ พระนางจึงไม่เชื่อในความรักและไม่ต้องการคู่ครอง เทพีอาร์เทมีสวิงวอนให้เทพซุสสาบานว่าจะไม่จับคู่สมรสให้พระนางหรือให้พระนางสมรสไม่ว่ากรณีใด และให้พระนางเป็นเทพีผู้ครองพรหมจรรย์ ซึ่งเทพซุสก็สาบานโดยให้แม่น้ำสติกซ์ซึ่งไหลรอบนรกเป็นพยาน (การสาบานต่อแม่น้ำสติกซ์มีความศักดิ์สิทธิ์มาก ผู้ใดผิดคำสาบานไม่ว่ามนุษย์หรือเทพเจ้าจะประสบเคราะห์กรรมอย่างร้ายแรง)

 ความรัก
ตำนานความรักของเทพีอาร์เทมีสนั้นมีอยู่สองตำนาน ตำนานแรกคือตำนานของกรีกซึ่งเกี่ยวกับกลุ่มดาวนายพรานซึ่งสุกสว่างอยู่บนท้องฟ้าในยามกลางคืน ส่วนอีกตำนานหนึ่งคือตำนานของโรมันซึ่งกล่าวถึงเอนดิเมียน ชายหนุ่มเลี้ยงแกะรูปงาม

ในตำนานของกรีกนั้นกล่าวว่าเทพีอาร์เทมีสทรงสาบานตนเป็นเทพีพรหมจารีย์ร่วมกับอะธีน่าและเฮสเทียต่อหน้าแม่น้ำสติกซ์ นางชิงชังชีวิตสมรส ความรัก และการยุ่งเกี่ยวกับผู้ชาย แต่สิ่งหนึ่งที่เทพีอาร์เทมีสไม่ปฏิเสธคือการมีสหายเป็นชายที่รักการล่าสัตว์เช่นเดียวกับพระนาง

สหายสนิทของเทพีอาร์เทมีสมีนามว่าโอไรออน เขาเป็นนายพรานผู้ฉมังในการล่าสัตว์ มีสุนัขคู่ใจชื่อว่าซิริอุส ทุกๆ วันเทพีอาร์เทมีสและสหายจะร่วมกันล่าสัตว์และพูดคุยกันอย่างสนุกสนานหลังจากล่าสัตว์เสร็จ

เทพีอาร์เทมีสหลงรักนายพรานหนุ่มและคิดที่จะสละความเป็นเทพีพรหมจารีย์เพื่อแต่งงานกับโอไรออน อพอลโล่รู้ถึงความคิดนี้เข้าและกลัวว่าอาร์เทมีสจะต้องรับโทษจากการผิดคำสาบานต่อหน้าแม่น้ำสติกซ์ จึงวางแผนที่จะล้มเลิกความคิดของน้องสาวฝาแฝด

อพอลโล่สั่งให้โอไรออนเดินลุยน้ำทะเลไปยังเกาะแห่งหนึ่งกลางทะเล และเมื่อโอไรออนเดินไปถึงยังจุดที่ไกลจนเมื่อมองจากเกาะดีลอสแล้วจะเห็นเพียงศีรษะของโอไรออนที่มองดูเหมือนกับเกาะกลางน้ำ เทพอพอลโล่ก็ชวนเทพีฝาแฝดมาล่าสัตว์แข่งกัน และท้าพนันให้อาร์เทมีสยิงธนูทะลุเกาะกลางทะเลที่อพอลโล่ชี้ให้ดูให้ได้

อาร์เทมีสตกหลุมพรางของเทพฝาแฝด เหนี่ยวสายธนูเต็มแรงจนลูกธนูทะลุศีรษะของโอไรออนถึงแก่ความตาย เมื่ออาร์เทมีสทราบว่าตนได้ฆ่าชายที่รักลงด้วยน้ำมือของตนเองแล้ว พระนางก็ได้นำศพของโอไรออนและซิริอุสสุนัขคู่ใจขึ้นไปไว้บนท้องฟ้าในตำแหน่งของกลุ่มดาวนายพราน และดาวสุนัขใหญ่

 ลักษณะ
เทพีอาร์เทมีสมีรูปลักษณ์เป็นหญิงสาวผู้งดงาม อยู่ในชุดล่าสัตว์ทะมัดทแมงกระโปงสั้น ชุดมักมีสีน้ำเงิน ในมือถือคันธนู

ออฟไลน์ pittawat2542

  • Sergeant
  • *
  • กระทู้: 34
Re: รวมเรื่องเล่าตำนานเทพเจ้า
« ตอบ #7 เมื่อ: กันยายน 12, 2010, 09:46:35 »
ต่อไปครับ
เฮอร์มีส (อังกฤษ: Hermes) เป็นชื่อเทพเจ้าในปกรณัมกรีก เรียกชื่อในตำนานเทพเจ้าโรมันว่า เมอร์คิวรี่ เป็นเทพผู้คุ้มครองเหล่านักเดินทาง คนเลี้ยงแกะ โจรผู้เร่ร่อน กวี นักกีฬา นักประดิษฐ์ และพ่อค้า อาจเรียกได้ว่า เฮอร์มีสเป็นเทพแห่งการสื่อสาร พระองค์เป็นบุตรของเทพซูสเกิดแต่นางเมยา (Maia) มีของวิเศษคือหมวกและรองเท้ามีปีก เรียกว่า เพตตะซัส (Petasus) ซึ่งเป็นของขวัญที่ได้รับจากเทพบิดา เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นเทพสื่อสาร และมีคถาคาดูเซียส (Caduceus) ซึ่งรูปร่างของคถาจะมีคถางูไขว้อยู่สองตัว เฮอร์มีสพบงูสองตัวนี้เมื่อเห็นมันสู้กันเลยเอาคถาทิ่มระหว่างงูสองตัวเพื่อห้ามไม่ให้เกิดความวิวาท งูเลยเลื้อยมาพันอยู่รอบไม้แล้วหันหัวเข้าหากันจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นกลางด้วย

บุตรของเทพเฮอร์มีสได้แก่ เทพแพน เทพเฮอร์มาโฟรไดทัส และเทพออโตไลคัส
ต่อไปครับ

เทพีอาธีน่า (อังกฤษ: Athena, /əˈθinə/) หนึ่งในสิบสองเทพแห่งโอลิมปัส เป็นเทพีแห่งปัญญา เนื่องจากเกิดมาจากส่วนหัวของ ซูส ประมุขแห่งเหล่าทวยเทพ ในขณะที่กำลังประชุมเหล่าเทพที่เทือกเขาโอลิมปัส เมื่อจู่ ๆ ซูสเกิดปวดศีรษะอย่างรุนแรง จึงได้ให้เฮเฟสตัส เทพแห่งการตีเหล็กใช้ขวานผ่าศีรษะออก ปรากฏเป็นอาธีน่าที่สวมชุดเกราะพร้อมหอกกระโดดออกมา เทพีอาธีน่าเป็นธิดาของเทพีเมทิส ซึ่งถูกซูสกลืนเข้าไปในท้องตั้งแต่ยังมีครรภ์แก่ เนื่องจากคำทำนายที่ว่าบุตรที่เกิดจากนางจะเป็นผู้โค่นบัลลังก์ของซูส แต่แม้ว่าอาธีน่าจะถือกำเนิดมาพร้อมกับคำทำนายนั้น พระนางก็เป็นหนึ่งในลูกรักของซูส ว่ากันว่าฮีราอิจฉาอาธีน่าที่ถือตัวว่าเป็นผู้กำเนิดมาจากซูสโดยตรง

และนอกจากอาธีน่าจะเป็นเทพีแห่งปัญญาแล้ว ยังเชื่อกันว่าพระนางเป็นเทพีแห่งสงครามด้วย เนื่องจากเทวรูปของพระนางมักปรากฏเป็นรูปผู้หญิงสวมชุดเกราะ ถือโล่ห์และหอกที่มือซ้าย และถือไนกี้ เทพีแห่งชัยชนะที่มือขวา โดยที่ชื่อกรุงเอเธนส์ เมืองหลวงของกรีซ ก็มีที่มาจากพระนามของนาง ชื่อเต็มของอาธีน่าคือ พัลลัสอาธีน่า (Pallas Athena) ซึ่งชื่อพัลลัส มาจากเพื่อนมนุษย์ของอธีนาซึ่งเธอพลั้งมือสังหารไปขณะเล่นด้วยกัน จึงได้นำชื่อของพัลลัสมาใส่นำหน้าเพื่อเป็นที่ระลึก อธีนาเป็นตัวแทนของสงครามที่เอาชนะด้วยกลยุทธหรือความถูกต้อง ซึ่งต่างจากแอรีสที่เป็นเทพสงครามที่ใช้กำลังมากกว่า

นอกจากนี้ อาธีน่า ยังเป็นหนึ่งในสามเทพีพรหมจรรย์ด้วย ซึ่งประกอบด้วย พระนาง, อาร์เทมีส เทพีแห่งดวงจันทร์ และเฮสเทีย เทพีแห่งครัวเรือน

 ชื่อเมืองเอเธนส์
ตามตำนานกรีกเล่าว่า ที่มาของชื่อเมืองเอเธนส์ (Athens) นั้น มาจากการที่ชาวกรีกจะตั้งชื่อเมืองแต่ไม่รู้จะใช้ชื่ออะไร โพไซดอน เทพแห่งมหาสมุทร ผู้มีศักดิ์เป็นลุงของอาธีน่า ใช้ตรีศูลอาวุธของตนสร้างม้าขึ้นมา ชาวเมืองต่างพากันชื่นชมม้าเป็นอันมาก แต่เทพีอาธีน่าได้เนรมิตมะกอกขึ้นมา ซึ่งสามารถใช้ผลเป็นประโยชน์ได้ นอกจากนี้ มะกอก ยังเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ ในขณะที่ม้าเป็นสัญลักษณ์ของสงคราม ชาวเมืองจึงตกลงใช้ชื่อเมืองว่า เอเธนส์ ตามชื่อของพระนาง และมะกอกก็กลายเป็นผลไม้เศรษฐกิจสำคัญอันดับหนึ่งของกรีซมาจนปัจจุบัน

อาจกล่าวได้ว่า อาธีน่า เป็นเทพที่ชาวกรีกให้ความนับถือมากที่สุดก็ว่าได้ ในสมัยโบราณมีการสร้างมหาวิหารเพื่อถวายแด่พระนาง คือ วิหารพาเธนอน ซึ่งตั้งอยู่ที่เนินอะโครโปลิส ที่กรุงเอเธนส์ในปัจจุบัน ในการท่องเที่ยวของกรีซ จะพบรูปปั้นขนาดเล็กของอาธีน่าขายเป็นที่ระลึกอยู่ทั่วไป ในวัฒนธรรมสมัยนิยมก็ถูกอ้างถึงในการ์ตูนญี่ปุ่นเป็นต้น เช่น เรื่อง เซนต์เซย่า เมื่ออาธีน่าได้จุติลงมาเป็นเด็กผู้หญิงที่ชื่อ คิโด ซาโอริ ทำหน้าปกป้องโลกจากเทพองค์อื่น ๆ ที่มีความปรารถนาจะครองโลก ซึ่งเป็นตัวเอกฝ่ายหญิงของการ์ตูนเรื่องนี้ทีเดียว



ออฟไลน์ pittawat2542

  • Sergeant
  • *
  • กระทู้: 34
Re: รวมเรื่องเล่าตำนานเทพเจ้า
« ตอบ #8 เมื่อ: กันยายน 12, 2010, 09:48:38 »
องค์ต่อไปครับ
อาโฟร์ไดร์ทิ (อังกฤษ: Aphrodite; กรีก: Ἀφροδίτη; ละติน: Venus) เป็นเทพเจ้ากรีกแห่งความรัก, ความปรารถนา, และความงาม ชื่ออื่นๆ ที่เรียก “ไคพริส” (Kypris) “ไซธีเรีย” (Cytherea) ตามชื่อสถานที่ ไซปรัส และ ไซธีราซึ่งเชื่อว่าเป็นที่เกิดของอาโฟร์ไดร์ทิ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของอาโฟร์ไดร์ทิได้แก่ต้นเมอร์เติล (Myrtle), นกพิราบ, นกกระจอก และ หงส์

เทพีอาโฟร์ไดร์ทิเทียบได้กับเทพีวีนัส ในตำนานเทพเจ้าโรมัน

อาโฟร์ไดร์ทิทรงเป็นเทพธิดาแห่งความรักและความงาม ทั้งความรักที่บริสุทธิ์ และความรักที่เต็มไปด้วยตัณหา และความริษยา ทรงครอบครองสายคาดวิเศษที่สามารถมัดใจเทพและชายทุกคนได้ในทันที ทรงเป็นผู้ให้พรเพื่อให้ผู้มีความรักสมหวัง ในขณะเดียวกันก็ทรงสามารถที่จะทำลายความรักของผู้ที่พระนางไม่พอใจได้ในทันที
กำเนิดอาโฟร์ไดร์ทิ
การกำเนิดของอาโฟร์ไดร์ทิมีอยู่ 2 ความเชื่อ ความเชื่อแรกนั้นเชื่อว่าอาโฟร์ไดร์ทิถือกำเนิดขึ้นจากฟองน้ำในมหาสมุทร และความชื่อที่สองเชื่อว่าอาโฟร์ไดร์ทิเป็นบุตรของซุสกับนางไดโอนี

คำว่า อะฟรอส ในชื่อของอาโฟร์ไดร์ทิ หมายถึงฟองน้ำทะเล และคำว่าอาโฟร์ไดร์ทิ ก็หมายถึง เกิดขึ้นจากฟองน้ำทะเล

เชื่อกันว่าเมื่อครั้งที่โครนอสทำการโค่นอำนาจจากยูเรนัส โครนอสได้โยนบิดาของตนเองลงในมหาสมุทร ทำให้เกิดฟองน้ำที่มีเด็กหญิงอยู่ภายในขึ้น และหลังจากเด็กหญิงผู้นั้นเติบโต เธอก็ลอยมาติดฝั่งพาฟอส ของไซปรัส โดยมีเปลือกหอยเป็นพาหนะ

อีกความเชื่อหนึ่ง เชื่อว่าอาโฟร์ไดร์ทิเป็นบุตรของซุส และไดโอนีแห่งเกาะดอโดน่า และว่าไดโอนีคือมเหสีองค์แรกของซูสก่อนที่จะสมรสกับเทพีเฮรา

 ชีวิตรักของเทพีแห่งความรัก
เทพีอาโฟร์ไดร์ทิเป็นหนึ่งในเทพีที่เลื่องชื่อด้านความสัมพันธ์เชิงชู้สาวมาก พระนางได้รับบัญชาจากซุสให้สมรสกับเทพเฮเฟตัสผู้อัปลักษณ์และพิการ ซึ่งเป็นบุตรชายของซุสกับเฮรา แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเทพและเทพีทั้งสองกลับไม่ได้ดำเนินไปอย่างราบรื่น เทพีอาโฟร์ไดร์ทิทรงมีความสัมพันธ์กับเทพและชายหนุ่มมากมายที่ไม่ใช่สวามีของตนเอง จนเกิดเรื่องราวนับไม่ถ้วน

หนึ่งในชู้รักของเทพีอาโฟร์ไดร์ทิทีคือเทพแอรีส เทพแห่งสงครามผู้เป็นบุตรชายอีกองค์ของซุสและเฮรา เทพเฮเฟตัสได้ดัดหลังทั้งคู่ด้วยการวางกับดักตาข่ายไว้ที่เตียงนอน เมื่อถึงเวลาเช้าที่แอรีสจะหลบออกไปจากห้องบรรทมของอาโฟร์ไดร์ทิ ทั้งเทพแอรีสและเทพีอาโฟร์ไดร์ทิจึงรู้ตัวว่าติดกับดัก และต้องทนอับอายต่อการที่ถูกเทพทั้งมวลมองดูร่างเปลือยเปล่าของทั้งคู่อยู่เป็นเวลานาน

นอกจากแอรีสแล้ว อาโฟร์ไดร์ทิยังมีชายชู้อีกหลายคนรวมถึง อะโดนิส และเฮอร์มีสด้วย




 บุตรของอาโฟร์ไดร์ทิ
อาโฟร์ไดร์ทิมีบุตรกับแอรีส 3 องค์ คือ

1. อีรอส หรือ คิวปิด ผู้เป็นกามเทพ

2. แอนติรอส ผู้เป็นเทพแห่งรักที่ไม่สมหวัง การรักตอบ และเป็นผู้ลงโทษผู้ที่ดูถูกความรัก

3. ฮาร์โมเนีย หรือ เฮอร์ไมโอนี่ ผู้เป็นเทพีแห่งความปรองดอง

บุตรของอาโฟร์ไดร์ทิกับเฮอร์มีส มี 1 องค์ คือ เฮอร์มาโฟรไดตุส ซึ่งเป็นเทพผู้คุ้มครองเพศที่ 3

นอกจากนี้อาโฟร์ไดร์ทิยังมีบุตรเจ้าชายแอนคีซีสแห่งโทรจันซึ่งเป็นมนุษย์ 1 คน คือ อีเนียส ผู้เป็นกำลังสำคัญในสงครามแห่งทรอย

 อาโฟร์ไดร์ทิกับตำนานต่างๆ
อาโฟร์ไดร์ทิเป็นเทพีที่มีความเกี่ยวข้องกับตำนาน เรื่องเล่า และมหากาพย์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นมหากาพย์โอดิสซีย์ และอีเลียด ตำนานดอกกุหลาบ ตำนานดอกนาซิสซา ฯลฯ

ในมหากาพย์อีเลียด ของโฮเมอร์ แอฟรอไดทีเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสงครามแห่งทรอย นางได้ทำให้ปารีสหลงรักเฮเลน ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกซึ่งเป็นมเหสีของกษัตริย์เมเนลาอุส ทำให้ชาวกรีกทั้งหลายมุ่งหน้าไปยังทรอยเพื่อชิงตัวเฮเลนคืนมา

ส่วนใหญ่แล้วกวีจะมอบบทบาทของหญิงสาวขี้อิจฉาที่ไร้เหตุผลให้กับอาโฟร์ไดร์ทิ นางเป็นผู้ลบปัญหาออกจากสมองของนักปราชญ์ บันดาลให้เกิดความรักที่บ้าคลั่งและเป็นไปไม่ได้ นำความทุกข์ใหญ่หลวงมาสู่คู่รักที่นางไม่โปรดปราน ซึ่งหนึ่งในนั้นคืออีรอสลูกชายของนางกับไซคี

อย่างไรก็ตามในมหากาพย์อีเลียด ของโฮเมอร์ เทพีอาโฟร์ไดร์ทิเป็นเทพีที่อ่อนแอและนุ่มนวล ซึ่งไม่สามารถทนดูบุตรอานิอัสบุตรชายของตนถูกฆ่าตายในสงครามแห่งทรอยได้ จนไปขอความช่วยเหลือจากซุสเพื่อให้ซุสให้พรกับบุตรชายของนาง ซึ่งซุสก็ได้ให้พรให้อานิอัสได้เป็นบิดาของชนชาติที่จะครองโลก ซึ่งก็คือชนชาวอิตาเลี่ยน





ออฟไลน์ pittawat2542

  • Sergeant
  • *
  • กระทู้: 34
Re: รวมเรื่องเล่าตำนานเทพเจ้า
« ตอบ #9 เมื่อ: กันยายน 12, 2010, 09:49:22 »
ต่อครับ
เฮเฟสตัส (อังกฤษ: Hephaestus /hɪˈfɛstəs/) เทพแห่งไฟ โลหะ และการช่าง เป็นบุตรของซูส กับฮีรา (บางตำราว่าเป็นบุตรของฮีรา ผู้เดียว) พระองค์เป็นเทพที่พิการและอัปลักษณ์ ซึ่งอาจเกิดจากการที่ถูกซูสโยนลงจากสวรรค์เมื่อครั้งเข้าไปช่วยฮีรา จากการทะเลาะกับซูส

เนื่องด้วยเหตุดังกล่าว พระองค์จึงถูกพระบิดาและมารดาทอดทิ้ง อีกทั้งพระชายาคือเทพีอโฟรไดท์ยังดูแคลนจนกระทั่งไปมีชู้รักมากมาย รวมทั้งอนุชาร่วมอุทรของเทพเฮเฟสตัสเอง คือเทพอาเรสจนมีโอรสธิดาหลายองค์ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีสายเลือดสวามีอัปลักษณ์องค์นี้แม้แต่องค์เดียว

เฮเฟสตัสใช้เวลาช่วง 10 ปีแรกอยู่ในทะเล และได้สร้างโรงหล่อไว้ใต้ภูเขาไฟเอ็ตน่า มีไซคลอปส์เป็นคนงาน โดยสิ่งที่พระองค์สร้างขึ้น มีดังนี้

อาวุธของ อคิลลีส และ อีเนียส
คทาของ อะกาเมมนอน
สร้อยคอของ Harmonia ซึ่งผู้สวมใส่จะประสบเคราะห์ร้าย
โล่ของ เฮอร์คิวลีส

ออฟไลน์ pittawat2542

  • Sergeant
  • *
  • กระทู้: 34
Re: รวมเรื่องเล่าตำนานเทพเจ้า
« ตอบ #10 เมื่อ: กันยายน 12, 2010, 09:50:27 »
ต่อครับ
ไดโอนีซุส (อังกฤษ: Dionysus หรือ Dionysos, ˌdaɪəˈnaɪsəs; กรีกโบราณ: Διόνυσος หรือ Διώνυσος) หรือ แบคคัส (อังกฤษ: Bacchus, ˈbækəs)

ใน ตำนานเทพเจ้ากรีก “ไดโอนีซุส” เป็นเทพเจ้าแห่งไวน์ ผู้เป็นแรงบันดาลใจของความประเพณีความคลั่งและความปิติอย่างล้นเหลือ (ecstasy) และเป็นเทพองค์ล่าสุดในสิบสองเทพโอลิมปัส ที่มาของไดโอนีซุสไม่เป็นที่ทราบ แต่ตามตำนานว่าได้รับอิทธิพลมาจากต่างประเทศ

เทพไดโอนีซุสเป็นที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า แบคคัส เทพแห่งเมรัย และไวน์องุ่น เป็นบุตรของเทพซูสกับนางซิมิลี่ ซึ่งเป็นมนุษย์ ธิดาแห่งกรุงเธป เทพซูสได้แปลงกายเป็น มนุษย์รูปงามลงมาโลกมนุษย์ เพราะเกรงว่ามเหสี พระนางเฮร่า จะรู้เข้า และกลัวว่านางซิมิลี่จะเกรงกลัวในรัศมีของพระองค์ และในที่สุด ก็ได้นางเป็นชายาอีกองค์ แต่แล้ว พระนางเฮร่า ก็รู้เข้า จึงได้แปลงกายมาเป็นคนรับใช้ของนางซิมิลี่ มาหลอกล่อให้นางอยากเห็นรูปร่างที่แท้จริงของเทพซุส

นางซิมิลี่ จึงได้ให้เทพซุสในรูปมนุษย์ ไปสาบานกับแม่น้ำสติ๊กซ์ ว่าจะให้ของขวัญแก่นาง แล้วนางซิมิลี่ ก็ให้เทพซุสเปลี่ยนร่างที่แท้จริงออกมา พระองค์เกรงว่า ถ้าให้นางเห็นร่างที่แท้จริงของพระองค์ จะทำให้นางซิมิลี่มอดไหม้ เพราะ รัศมีของพระองค์ จึงบอกแก่นางซิมิลี่ว่า จะดูแลลูกในครรภ์ของนาง ส่วนนางก็จะได้รับของขวัญสมใจ แล้วพระองค์ก้ได้ เปลี่ยนร่างเป็นเทพซูส นางซิมิลี่ก็มอดไหม้ไป แต่บุตรของนางไม่เป็นอะไรเพราะ เป็นบุตรแห่งเทพ จากนั้น เทพซูส จึงได้ให้พวกนิมฟ์ล นางไม้ ดูแลเทพไดโอนีซุสพวกนิมฟ์ล ได้สอนให้เทพไดโอนีซุสปลูกพืชต่างๆ โดยเฉพาะองุ่น ต่อมาพระองค์ได้ทดลองนำองุ่นไปหมักเอาไว้ และก็ได้ค้นพบ นำองุ่นที่รสชาติดีอย่างประหลาด ที่ยิ่งดื่ม ยิ่งมึนเมา ยิ่งอยากดื่ม ยิ่งสนุกสนาน พระองค์จึงได้เผยแพร่การทำไวน์องุ่นไปทั่วแดน และต่อมา เทพซูส ได้รับพระองค์ไปเป็นเทพโอลิมปัสอีกพระองค์ (เทพไดโอนีซุสและเทพีดิมีเตอร์ เป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ ที่ชาวกรีกและโรมันให้ความเคารพบูชายิ่งนัก)

ไดโอนีซุสผู้เป็นเทพของการเกษตรกรรม และการละคร นอกจากนั้นก็ยังรู้จักกันในนามว่า “ผู้ปลดปล่อย” (Liberator) ที่ปลดปล่อยส่วนลึกของตนเองโดยทำให้คลั่ง หรือให้มีความสุขอย่างล้นเหลือ หรือด้วยเหล้าองุ่น[1] หน้าที่ของไดโอนีซุสคือเป็นผู้สร้างดนตรีออโลส (aulos) และยุติความกังวล[2] นักวิชาการถกกันเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างไดอะไนเซิสกับ “คตินิยมเกี่ยวกับวิญญาณ” และความสามารถในการติดต่อระหว่างผู้ยังมีชีวิตอยู่และผู้ที่ตายไปแล้ว

ออฟไลน์ pittawat2542

  • Sergeant
  • *
  • กระทู้: 34
Re: รวมเรื่องเล่าตำนานเทพเจ้า
« ตอบ #11 เมื่อ: กันยายน 12, 2010, 09:52:04 »
ต่อครับ(เยอะง่า)
เพอร์เซฟะนี (อังกฤษ: Persephone, /pərˈsɛfəni/) เป็นธิดาของดิมีเทอร์เทวีแห่งธัญพืชและการเกษตรกับเทพซูส พระนางมีทั้งรูปโฉมที่สวยสะคราญและน้ำเสียงอันไพเราะที่สามารถปลุกชีวิตชีวาให้แก่ธรรมชาติ เหล่าสัตว์ป่ามักจะชอบเข้ามาคลอเคลียกับพระนาง ไม่ว่าเยื้องกรายไปทางไหน พืชพันธุ์ที่เคยเน่าร้ากกก่ยวแห้งก็จะฟื้นกลับมาอุดมสมบูรณ์ เทพีดิมีเทอร์จึงรักพระธิดาองค์เดียวอย่างสุดสวาทขาดใจ

ในยามเยาว์เพอร์เซฟะนีมีความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะประพฤติตนเป็นเทพพรหมจารย์เช่นเดียวกับ เฮสเทีย ผู้เป็นป้า และอธีนากับอาร์เทอมีสผู้เป็นพี่สาว แต่ความตั้งใจนี้สร้างความไม่พอใจให้แก่เทพีอโฟรไดต์ ผู้เป็นเทวีแห่งความรักเป็นอย่างมาก เพราะการมีเทพที่ประพฤติตนเป็นพรหมจารีย์มากถึง 3 องค์นั้นมากเกินพออยู่แล้วสำหรับนาง ประกอบกับในขณะนั้นเฮดีสเทพแห่งโลกใต้พิภพเองก็ไร้คู่ เนื่องจากไม่มีเทวีองค์ใดต้องการที่จะลงไปใช้ชีวิตอยู่ใต้พิภพที่มืดมิดและเงียบเหงา อะโฟรไดต์จึงส่งอีรอส หรือ คิวปิด ไปหาโอกาสทำให้เทพเฮดีสและเทวีเพอร์เซฟะนีหลงรักกันให้ได้

จนกระทั่งวันหนึ่งเทพ เฮดีสแห่งยมโลกได้ขึ้นมายังพื้นโลก อีรอสจึงยิงลูกศรกามเทพปักอกเทพแห่ง

ออฟไลน์ pittawat2542

  • Sergeant
  • *
  • กระทู้: 34
Re: รวมเรื่องเล่าตำนานเทพเจ้า
« ตอบ #12 เมื่อ: กันยายน 12, 2010, 09:55:34 »
ต่อละครับ
คิวปิด (อังกฤษ: Cupid, kyu pɪd) หรือ อีรอส (อังกฤษ: Eros, /ɪər ɒs หรือ ɛr ɒs/) เป็นเทพเจ้าแห่งความรักของโรมัน นิยมเรียกในภาษาไทยว่า "กามเทพ" มักวาดภาพเป็นเด็กชายตัวจ้ำม่ำ เปลือย มีกระบอกศรอยู่ข้างหลัง ในมือถือคันศร หรือกำลังน้าวศร

ตำนานเล่าความเป็นมาของเทพเจ้าองค์นี้ต่างๆ กันไป ซิเซโร (Cicero) ได้เล่าไว้ 3 ทางด้วยกัน ทางหนึ่งว่า เป็นโอรสของเมอร์คิวรี (เฮอร์มีส) และเทพีไดอานา (อาร์ทีมิส) อีกทางหนึ่งว่า โอรสของเมอร์คิวรี และวีนัส (อโฟรไดท์) และอีกทางหนึ่งว่า เป็นโอรสของมาร์ส (เอรีส ตามปกรณัมของกรีก) และวีนัส

สำหรับพลาโตว่าไว้สองทาง ขณะที่ในเธโอโกนีของเฮสิออด ซึ่งเป็น ตำราเทวภูมิศาสตร์ (theoography) ที่เก่าแก่ที่สุดของกรีกโบราณ ระบุว่า คิวปิด ถูกสร้างขึ้นมาพร้อมกับเคออส และโลก

ในตำราเกี่ยวกับเทพเจ้าโบราณโดยทั่วไป ระบุว่ามีคิวปิดสององค์ หรือสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งว่าเป็นโอรสของจูปิเตอร์ (เซอุส) และวีนัส อีกฝ่ายหนึ่งว่าเป็นโอรสของนีกซ์ และเอเรบุส

ในตำนานการกำเนิดของคิวปิดส่วนใหญ่ที่ปรากฏบอกไว้ว่า เทพีวีนัสหรืออโฟรไดท์ ได้ลักลอบเป็นชู้กับเทพสงครามเอรีส (เนื่องจากฝ่ายหญิงได้สมรสแล้วกับเฮเฟสทัส เทพแห่งการช่าง แต่เทพีวีนัสไม่พอใจ เพราะเทพสวามีเอาแต่ขลุกตัวอยู่กับงานของตน อีกอย่าง พระนางก็พอใจเทพเอรีสมาแต่แรก แต่ที่ได้แต่งงานกับเทพเฮเฟสทัสเพราะเทพซีอุสยกพระนางให้เป็นรางวัลแก่เทพเฮเฟสทัส) จนกระทั่งมีโอรส ให้นามว่า คิวปิด หรือ อีรอส กล่าวกันว่า คิวปิดติดแม่มาก และเชื่อฟังแม่ทุกอย่าง เห็นเทพีวีนัสที่ใดก็ต้องมีโอรสคู่ใจอยู่ด้วยเสมอ แต่เวลาก็ล่วงเลยมานาน กามเทพที่สมควรจะเติบโตเป็นหนุ่มกลับไม่ยอมเติบโตขึ้นตามกาลเวลา เทพีผู้เป็นมารดาหนักใจมากจึงไปปรึกษาเทวีธีมิสแห่งความยุติธรรม พระนางจึงได้คำตอบว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะคิวปิดเหงา ไม่มีเพื่อนเล่น หากคิวปิดมีน้อง กามเทพน้อยก็จะเติบโตเอง ไม่นานจากนั้น เทพีอโฟรไดท์ก็มีโอรสอีกองค์กับเทพเอรีส ให้นามว่า แอนตีรอส (เทพแห่งการรักตอบ) คิวปิดจึงเติบโตขึ้นตามเวลา แต่เหล่าศิลปินยังคงปั้นคิวปิดเป็นเด็กอยู่เช่นนั้นเอง

[แก้] ความรักของคิวปิด
ความรักครั้งแรกและครั้งเดียวของกามเทพหนุ่มเริ่มขึ้นด้วยความริษยาของเทพีผู้เป็นมารดา เทพีวีนัสนั่นเอง

ครั้งหนึ่งในยุคกรีกโบราณ พระราชากรีกพระองค์หนึ่งมีพระธิดาทั้งหมดสามองค์ พระธิดาองค์พี่ทั้งสองมีความงดงามสะคราญยิ่งนัก แต่ทว่าความงามใดเลยจะมาสู้ธิดาองค์เล็กที่มีนามว่า ไซคี (Psyche) ได้ พระบิดาพระมารดารวมทั้งผู้คนทั่วนครต่างพากันชื่นชมความงดงามของไซคี จนพระพี่นางทั้งสองต่างพากันอิจฉาริษยาไซคีในใจ

แต่ความงามเหนือใครของไซคีนี่เอง ทำให้เรื่องร้ายมาถึงตัว เพราะเทพีวีนัส เทพีแห่งความงามเกิดความริษยาเจ้าหญิงชาวมนุษย์ขึ้นมาจับใจ เพราะพระนางคิดว่าตนคือผู้มีความงามยิ่งกว่าใครมาตลอด แต่ตอนนี้ ชาวเมืองกลับยกย่องไซคีจนล้ำเส้นตำแหน่งพระนาง ของบวงสรวงให้แก่เทพีวีนัสก็ไม่มีเพราะผู้คนต่างไปชมโฉมเจ้าหญิงไซคีกันหมด เทพีวีนัสจึงคิดแผนการร้ายแรงเพื่อทำลายไซคีขึ้นมา เพื่อไม่ให้ผู้ใดใฝ่ฝันถึงนางอีก โดยที่พระนางได้สั่งให้คิวปิดผู้เป็นโอรสแผลงศรความรักให้ไซคีตกหลุมรักชายผู้มีนิสัยชั่วช้าที่สุดในแผ่นดินสักคน หรือบางตำนานก็กล่าวว่า ให้นางหลงรักอสุรกายน่ารังเกียจ แต่จุดหมายก็เพื่อให้เจ้าหญิงไซคีต้องทนทุกข์ทรมาณอย่างสาหัสสมใจพระนาง

แม้จะไม่อยาก แต่คิวปิดก็กลัวแม่และเชื่อฟังมามาตั้งแต่ต้น กามเทพหนุ่มจึงจำยอมทำตามแผนการของเทพีวีนัสอย่างช่วยไม่ได้ คิวปิดบินเข้าในที่ประทับของไซคีเมื่อนางหลับ และเตรียมพร้อมจะยิงลูกศรรักในมือใส่นางตามแผนการ แต่ทว่าด้วยความงดงามของไซคีทำให้คิวปิดถึงกับตะลึงค้างชมโฉมนางอยู่พักใหญ่ และเมื่อไซคีพลิกตัว กามเทพหนุ่มก็สะดุ้งตกใจจนศรรักในมือปักเข้าถูกร่างกายตนเอง ทำให้เป็น คิวปิด ที่หลงรักไซคีจนถอนตัวไม่ขึ้น

คิวปิดต้องพบกับสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะอีกฝ่ายหนึ่งก็คือมารดาที่เคารพรักอย่างสูง แต่อีกฝ่ายก็คือหญิงที่รักสุดหัวใจ สุดท้ายกามเทพหนุ่มจึงขอความช่วยเหลือลับๆจากเทพเจ้าองค์อื่นๆ ในการอยู่กินกับไซคีโดยไม่ให้เทพีวีนัสรู้

แผนการขั้นที่หนึ่งของคิวปิดเริ่มขึ้น ด้วยการขัดขวางไม่ให้มีใครมาสู่ขอไซคี เวลาผ่านพ้นไปนาน พระพี่นางทั้งสองได้ แต่งงาน ออกจากเมืองไป เหลือแต่ไซคีที่ยังเปล่าเปลี่ยวไม่มีใครมาสู่ขอ เพราะต่างก็คิดกันว่านางสูงเกินกว่าจะเอื้อมถึง พระบิดาของไซคีจึงบวงสรวงขอคำทำนายจากวิหารเดลฟีของเทพอพอลโล เพื่อหาคำตอบว่าเนื้อคู่ของไซคีเป็นใคร

แต่คำทำนายที่ได้มากลับทำให้ผู้คนทั่วนครตระหนกอย่างมาก เพราะมันได้กล่าวว่า เนื้อคู่ของไซคีเป็นอสุรกายที่น่าเกลียดน่ากลัวที่ไร้เทียมทานไม่มีผู้ปราบได้ ซึ่งตอนนี้กำลังรอคอยนางอยู่บนยอดเขา และห้ามไม่ให้นางมองดูสามีเป็นอันขาด ทุกคนต่างเศร้าสลดโดยเฉพาะเจ้าหญิงไซคี แต่นางก็ทำใจกับโชคชะตา ชาวเมืองและพระบิดาพระมารดาจัดขบวนส่งเจ้าสาวไปยังหน้าผาด้วยความโศกเศร้า ก่อนจะทิ้งเจ้าหญิงไว้เพียงคนเดียวบนยอดเขา

ไซคียืนอยู่บนหน้าผาด้วยความตระหนกเพื่อรอคอยการมารับของว่าที่สวามี ทันใดนั้น เทพลมเซฟิโรส ซึ่งเป็นลมตะวันออกก็ปรากฏตัวขึ้น และได้บรรจงพัดพาไซคีไปยังยอดขุนเขา ซึ่งมีตำหนักงดงามตั้งอยู่พร้อมกับสาธารณูปโภคครบครัน สวยงามเกินกว่าจะเป็นที่อยู่ของอสุรกายดังคำทำนาย ไซคีใช้ชีวิตอยู่ในตำหนักเพียงคนเดียวจนกระทั่งฟ้ามืด คิวปิดก็มาอยู่กับไซคีตามแบบสามีภรรยา ซึ่งพอแผนการสำเร็จ คิวปิดก็โกหกเทพีวีนัสว่าไซคีพบกับความวินาศตามที่พระนางตั้งใจไว้แล้ว

ทุกคนต่างมีความสุขกับสิ่งที่เกิดขึ้น จนกระทั่งความสงสัยในใจของไซคีเกิดทับถมจนยากจะเก็บ เพราะคิวปิดนั้นมาอยู่กับไซคีในเวลากลางคืนซึ่งมืดมิดมองอะไรไม่เห็น และรีบกลับไปเมื่อฟ้าใกล้สว่าง อีกทั้งความรู้สึกของนางบ่งบอกได้ว่าสวามีไม่ใช่อสุรกายน่าเกลียด ไซคีจึงขอดูใบหน้าที่แท้จริงของคิวปิด แต่กามเทพหนุ่มปฏิเสธ เพราะถ้าความลับแตก ไซคีก็จะเป็นอันตราย จึงขอให้นางสัญญาว่าจะไม่ดูรูปโฉมของเขา เพราะไม่เช่นนั้นเราคงจะไม่มีวันได้พบกันอีก ไซคีจึงให้สัญญา และใช้ชีวิตสามีภรรยากับคิวปิดในความมืดของเวลากลางคืนต่อมา

กระทั่งไซคีมีความต้องการอยากพบพี่สาวทั้งสองเป็นกำลัง คิวปิดอยากจะปฏิเสธแต่ก็เห็นแก่ภรรยา จึงสั่งให้เทพลมเซฟิโรสไปรับพระพี่นางของไซคีมาที่ตำหนัก พี่สาวทั้งสองฉงนกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากเพราะคิดว่าน้องสาวตนคงต้องทรมาณกับการมีสามีอัปลักษณ์ แต่ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด พี่สาวทั้งสองซักถามถึงรูปร่างลักษณะของสามี แต่ไซคีตอบไม่ได้เพราะไม่เคยได้เห็นหน้าคิวปิด พี่สาวทั้งสองจึงยุให้ไซคีแอบดูโฉมหน้าของสามี และให้มีดแก่นางเพราะถ้าเป็นอสุรกายจริงๆจะได้ฆ่าทิ้งเสีย

ตกดึก คิวปิดก็มาอยู่กับไซคีดังเช่นเคย เมื่อคิวปิดหลับไปแล้ว ไซคีจึงลุกขึ้นจุดตะเกียงส่องดูหน้าสามี ภาพที่ปรากฏคือเทพบุตรหนุ่มรูปงามที่มีปีกขาวสะอาดซึ่งหล่อเหลาคมคายมากกว่าชายใดที่ไซคีเคยรู้จัก นางชมโฉมคิวปิดเพลิน น้ำมันตะเกียงร้อนๆหดรดคิวปิดจนเขาสะดุ้งตื่น คิวปิดโกรธไซคีมากที่ผิดสัญญา จึงได้หนีจากไซคีไป เมื่อไซคีรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่านางกลับมาที่วังของตน หาใช่ตำหนักแสนสุขที่ได้อยู่ร่วมกับสามีอีกต่อไป

ไซคีเสียใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น นางพร่ำโทษตัวเองที่ผิดคำสัญญา นางจึงตัดสินใจละทิ้งบ้านเกิดเมืองนอนเพื่อติดตามหาคิวปิด ซึ่งยากลำบากมากสำหรับผู้หญิงอ่อนบางแถมยังได้รับการเลี้ยงดูแบบเจ้าหญิงอย่างไซคี

แต่พี่สาวทั้งสองของไซคีกลับรู้สึกยินดี พร้อมทั้งไปที่หน้าผาเรียกเทพลมมารับ เพราะคิดว่าคิวปิดอาจจะรับพวกนางเป็นชายาแทนไซคี แต่เพราะเทพลมเซฟิโรสไม่ได้รับคำสั่งให้มา เมื่อพวกนางกระโจนออกจากหน้าผา พวกนางจึงตกเขาตาย

ไซคีซัดเซพเนจรรอนแรมตามหาคิวปิดอย่างยากลำบาก จนพบเข้ากับวิหารเทพีดิมิเทอร์ เทพีแห่งพืชผล ซึ่งของบูชานั้นวางระเกะระกะไม่มีระเบียบเพราะชาวไร่ต่างเหนื่อยล้าจากการทำงาน ไซคีจึงจัดระเบียบของเซ่นสรวงจนเรียบร้อย เทพีดิมิเทอร์พอใจมาก จึงบอกให้ไซคีไปที่วิหารของเทพีวีนัสเพื่อขออภัยโทษ

แต่เทพีวีนัสมีความริษยาแรง จึงหาทางกลั่นแกล้งไซคีต่างๆนานาๆ โดยให้ไซคีแยกเมล็ดข้าว ข้าวบาร์เล่ย์ ข้าวโพด ถั่ว และธัญญาหารชนิดต่างๆ ที่ปะปนอยู่ในฉางแยกออกมาให้เสร็จก่อนค่ำเพื่อให้นกพิราบของพระนางกิน ไซคีถึงกับท้อแท้ใจเพราะนางเป็นแค่หญิงมนุษย์ธรรมดา ไม่มีทางจะทำสิ่งที่เกินความสามารถเช่นนี้ได้แน่นอน

ในขณะเดียวกัน คิวปิดที่คอยเฝ้ามองดูแลไซคีอยู่ห่างๆ ตลอดเวลาก็ส่งมดฝูงใหญ่มาช่วยงานไซคี โดยมดทั้งหมดต่างแยกธัญญาหารอย่างเรียบร้อย และรีบกลับไปก่อนค่ำ

เทพีวีนัสกริ้วมากเพราะรู้ว่าไซคีไม่ได้ทำเอง และคนที่ช่วยเหลือนางก็คือโอรสของพระนางนั่นเอง จึงสั่งให้ไซคีไปเก็บขนแกะทองคำมาให้พระนาง ซึ่งแกะขนทองฝูงนั้นโหดร้ายมาก แต่เทพประจำแม่น้ำก็ช่วยเหลือไซคี บอกเคล็ดลับต่างๆ จนไซคีทำภารกิจที่สองสำเร็จ

เมื่อผู้เป็นสะใภ้สำเร็จภารกิจประทุษร้ายมาได้ทั้งสองครั้ง ทำให้เทพีวีนัสคิดแผนการร้ายกาจที่สุดขึ้นมาได้ โดยรับสั่งให้ไซคีนำผอบไปขอเครื่องประทินโฉมจากเทพีเพอร์ซิโฟเน มเหสีของเทพเฮดีสแห่งยมโลกมาถวายพระนาง ซึ่งหมายถึงการส่งไซคีไปตายนั่นเอง

ไซคีท้อถอยหมดกำลังใจอย่างมากเมื่อรู้ความหมายของเทพีวีนัส นางจึงคิดว่า ดีเหมือนกัน ในเมื่อสามีไม่เหลียวมองตนอีกต่อไปแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ดังนั้น เจ้าหญิงไซคีจึงขึ้นไปยังยอดผาเตรียมตัวกระโดดฆ่าตัวตายไปสู่ยมโลกในทางลัด

แต่ยังไม่ทันที่ไซคีจะทำตามความตั้งใจ คิวปิดที่เฝ้ามองนางอยู่จึงเอ่ยปลอบประโลมนางอย่างอ่อนโยนด้วยความรักและสงสาร ทว่าทิฐิก็ยังทำให้กามเทพไม่ยอมปรากฏกายให้ไซคีเห็น ไซคีได้ยินเสียงปลอบใจปริศนานั้นก็ทำให้มีกำลังใจสู้ต่อ คิวปิดบอกวิธีต่างๆ ในการไปนรกอย่างปลอดภัยให้กับไซคี พร้อมกับย้ำเตือนนางไม่ให้นางเปิดผอบเครื่องประทินโฉมนั้นเป็นอันขาด

ไซคีทำตามที่คิวปิดบอกทุกประการยกเว้นประการสุดท้าย ด้วยความสงสัยอันเป็นพื้นฐานจิตใจมนุษย์ทำให้ไซคีเปิดผอบขึ้นดู ทันใดนั้นควันประหลาดก็พวยพุ่งใส่ไซคี ทำให้นางสลบแน่นิ่งลงไปทันที เพราะแท้จริงแล้วสิ่งในผอบคือ มนตร์แห่งการหลับใหล นั่นเอง

คิวปิดที่รอคอยไซคีอยู่ปากถ้ำยมโลกเห็นไซคีตกอยู่ในอันตรายเช่นนั้นก็รีบเข้ามาหาชายา พร้อมกับรวบรวมมนตร์เก็บในผอบและปลุกไซคีให้ฟื้นขึ้นมา

ไซคีดีใจมากเมื่อได้สวามีอีกครั้งหนึ่ง แต่คิวปิดก็ติเตียนนางเกี่ยวกับความอยากรู้อยากเห็นที่เป็นโทษแก่นางมาหลายครั้งแล้ว ไซคีกล่าวขอโทษ คิวปิดจึงบอกว่านางควรไปทำภารกิจที่ได้รับมาให้สำเร็จเสียก่อน

จากนั้นคิวปิดก็ขึ้นไปบนเขาโอลิมปัส ขอร้องแก่ทวยเทพทุกองค์ให้ช่วยเหลือ โดยเทพซีอุสขอให้เทพีวีนัสเลิกจงเกลียดไซคี และได้ประทานน้ำอมฤตแก่ไซคี เพื่อให้นางกลายสภาพเป็นเทพีอีกองค์หนึ่ง

ท้ายสุด ไซคีและคิวปิดก็มีธิดาด้วยกันหนึ่งองค์คือ เดลิซิโอ (Delicio - รากศัพท์ของคำว่า Delicious) ทั้งสองได้ครองค่อยู่ด้วยกันตราบนานเท่านานและไม่พลัดพรากจากกันอีกต่อไป

ในทางจิตวิทยา ชื่ออีรอสหมายถึงแรงขับของจิตสำนึกที่แสวงหาความสุขแก่ตนเอง

ออฟไลน์ pittawat2542

  • Sergeant
  • *
  • กระทู้: 34
Re: รวมเรื่องเล่าตำนานเทพเจ้า
« ตอบ #13 เมื่อ: กันยายน 12, 2010, 09:57:38 »
ต่อครับ(องค์สุดท้ายสักที แต่ยังไม่ท้ายสุด)
เฮดีส (อังกฤษ: Hades, /ˈheɪdiz/) ในที่ชาวโรมันเรียกว่า พลูโต (Pluto) เทพเจ้าผู้ปกครองนรกและโลกหลังความตาย ในตำนานถือว่ามีศักดิ์เป็นพระเชษฐาของ ซูส ราชาแห่งเหล่าเทพ และยังถือได้ว่าเป็นเจ้าแห่งทรัพย์เพราะเทพเฮดีสมีสิทธิ์ในทรัพย์สินทุกอย่างภายใต้พื้นพิภพ จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ดีส (Dis) ซึ่งแปลตรงตัวว่า ทรัพย์สิน

เฮดีส แท้ที่จริงแล้วเป็นเทพที่มีความยิ่งใหญ่อีกองค์หนึ่งเช่นเดียวกับซูส หรือ โพไซดอน เนื่องจากเป็นพี่น้องกัน แต่ทว่าความที่เฮดีสเป็นผู้ปกครองนรกซึ่งเป็นโลกใต้ดินซึ่งมีแต่ความมืดมิดและน่ากลัว จึงไม่ใคร่ขึ้นไปยังเขาโอลิมปัส อีกทั้งเทพองค์อื่น ๆ ก็ไม่ใคร่ที่จะต้อนรับเฮดีสด้วย ดังนั้น เฮดีสจึงไม่มีชื่อเป็นหนึ่งในเทพโอลิมปัสเฉกเช่นองค์อื่น ๆ

เฮดีส ได้ชื่อว่าเป็นเทพที่มีความเที่ยงธรรมอย่างมาก ตัดสินความดีชอบของคนตายโดยปราศจากอคติใด ๆ ทั้งสิ้น กล่าวกันว่า พระองค์มีหมวกวิเศษอยู่ใบหนึ่งที่สามารถทำให้ผู้สวมหายตัวได้ ซึ่งในครั้งที่ทำสงครามกับเหล่าไททันส์นั้น เฮดีสใช้หมวกนี้ลอบเข้าไปทำลายอาวุธของไททันส์ก่อนการต่อสู้ และพระองค์มีเทพผู้ช่วยในการตัดสินความดีชั่วในยมโลกอีก 3 องค์คือ ราดาแมนทีส, ไมนอส, ไออาคอส ที่เรียกว่า สามเทพสุภา และยังมีฮิปนอส เทพแห่งการหลับไหล และ ทานาทอส เทพแห่งความตายคอยช่วยอีก

เฮดีส มีชายาองค์หนึ่งชื่อ เพอร์ซิโฟเน (Persephone) ซึ่งเป็นพระธิดาองค์เดียวของ ดีมิเทอร์ (Demeter) เทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์และการเกษตร จากความงดงามของนางเพอร์ซิโฟเน ทำให้เฮดีสลืมเลือนไปหมดสิ้นว่า นางที่แท้จริงคือหลานสาวแท้ ๆ ของตน เพราะว่า ดีมิเทอร์มีศักดิ์เป็นพระขนิษฐาของพระองค์เอง เมื่เฮดีสได้ฉุดนางไปเป็นเทพีแห่งนรกคู่กัน ทำให้เกิดเป็นกรณีพิพาทขึ้นระหว่างทวยเทพแห่งโอลิมปัส ซูสซึ่งเป็นองค์ประธานได้ตัดสินให้เฮดีสต้องคืนเพอร์ซิโฟเนแก่ดิมิเทอร์ เฮดีสก็ใช้อุบายลวงให้นางต้องมาหาตนปีละ 3 เดือนทุกปีไป ดังนั้นในปึหนึ่ง ๆ เฮดีสจึงต้องประทับอยู่อย่างเดียวดายนานอยู่ถึง 9 เดือน แต่ทั้งที่ต้องประทับอยู่อย่างเดียวดายนานถึงปีละ 9 เดือน เฮดีสก็พิสูจน์องค์เองว่าเป็นพระสวามีที่ซื่อสัตย์

ชาวกรีกโบราณจะถวายการสักการะแด่เฮดีสด้วยแกะดำ และเป็นพิธีกรรมที่เร้นลับสืบมาที่ได้ค่อนข้างยาก แต่ก็สืบทอดกันมาว่า หากจะบูชาเทพแห่งความตายหรือเทพอันใดที่เป็นสัญลักษณ์ของความน่ากลัวหรือชั่วร้าย ต้องบูชายัญด้วยแพะหรือแกะดำ

ออฟไลน์ pittawat2542

  • Sergeant
  • *
  • กระทู้: 34
Re: รวมเรื่องเล่าตำนานเทพเจ้า
« ตอบ #14 เมื่อ: กันยายน 12, 2010, 09:58:54 »
เอาละครับจบเรื่องเทพหลักก็ถึงเทพรองครับกับอื่นๆครับ
เทพชั้นรอง
เทพชั้นรอง (Minor gods) เป็นเทพที่ไม่ได้อยู่บนเขาโอลิมปัส มีมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งเทพเหล่านี้ต่างก็มีหน้าที่และความสำคัญต่างๆ กันไป อาทิ เช่น

โพรมีเธียส (Prometheus)
อีออส (Eos)
เฮลิออส (Helios)
เซเลน่า (Selena)
ออโรร่า (Aurora)
แพน (Pan)
ไอริส (Iris)
กลุ่มเทพีอิรินีอีส (The Erinyes)
[แก้] พวกอมนุษย์
พวกอมนุษย์ (The Immortals) กลุ่มนี้จะเป็นพวกนางไม้ (Nymphs) ที่อยู่ตามป่า แม่น้ำ ลำธาร ถ้ำ หรือ ในทะเล หรือพวกสัตว์ประหลาดอย่างเช่น ยักษ์ตาเดียว ฯลฯ เหล่าอมุนษย์ของกรีกนั้นมีมากพอๆ กับพวกเทพเจ้า ดังนั้นจะขอกล่าวถึงเฉพาะวีรบุรุษที่สำคัญและเป็นที่รู้จักกันมากเท่านั้น เช่น

นางไม้เอ็คโค่ (Echo)
แซนทอร์ (Cantaurs)
ยักษ์ไซคลอปส์ (ยักษ์ตาเดียว) (The Cyclops)
ปีศาจฮาร์พีส์ (Harpies)
เนดส์,ไนแอด (Naiads)
นางพรายทะเลโอเซียนิดส์ (The Oceanids)
นางไม้อมัลเธีย (Amalthea)
ซาไทร์ (Satyrs)
แม่มดเมดูซ่า (Medusa)
ยักษ์แอทลาส (Atlas)
[แก้] พวกเลือดผสม
พวกเลือดผสม (Demigod) มีเชื้อสายเป็นบุตร-ธิดาของเหล่าเทพเจ้าองค์ต่างๆ กลุ่มนี้จะรวมทั้งเหล่าวีรบุรุษและวีรสตรีของกรีกด้วย (The Heroes and Heroines) เหล่าวีรบุรุษและวีรสตรีของกรีกนั้น มีมากพอๆ กับพวกเทพเจ้า ดังนั้นจะขอกล่าวถึงเฉพาะวีรบุรุษที่สำคัญและเป็นที่รู้จักกันมากเท่านั้น

เฮอร์คิวลีส (Hercules) บุตรแห่งซุสเป็นผู้ที่ทำภารกิจทั้ง 12 ประการได้สำเร็จ เป็นผู้ที่มีพละกำลังมากที่สุดในกรีก นอกจากนั้นยังสร้างวีรกรรมอีกมากมาย
โอดีสซุซ (Odysseus) เป็นวีรบุรุษในสงครามกรุงทรอย เนื่องจากเป็นผู้คิดประดิษฐ์ม้าไม้ขึ้น และยังได้ผจญภัยในที่ต่างๆ อีกถึง 20 ปี ก่อนที่จะได้กลับบ้าน
เจสัน (Jason) เป็นหัวหน้าคณะ Argonaut ไปตามหาขนแกะทองคำ
เพอร์ซิอุส (Perseus) บุตรแห่งโพไซดอนซึ่งมีแม่เป็นมนุษย์ เป็นผู้สังหาร เมดูซ่า ได้สำเร็จ และยังเป็นผู้แก้ปมปริศนาของสายฟ้าและเรื่องขัดแย้งระหว่างซุส โพไซดอน และ ฮาร์เดสได้
เบลเลอโรฟอน (Bellerophon) เป็นผู้จับที่เพกาซัสได้แล้วขี่มันไปสังหารไคเมร่า
ธีซูส (Theseus) เป็นผู้สังหาร Minotaur ได้สำเร็จ
อตาลันต้า (Atalanta) เป็นคนแรกที่ทำให้หมูป่าคาลิโดเนี่ย (Caledonian) บาดเจ็บได้ และเป็นผู้สังหาร Centaur ได้
มีแลมพัส (Melampus)
โอดิพัส (Oedipus)
อคิลลีส (Achilles) วีรบุรุษในตำนานกรีกมหากาพย์อีเลียด สงครามกรุงทรอย เมื่อแรกเกิดมารดาของเขาได้จุ่มเขลงไปในแม่นำสติกซ์ ทำให้เขาคงกระพันฟันแทงไม่เข้า ยกเว้นจุดเดียวคอเหนือข้อเท้าซึ่งเป็นตำแหน่งที่มารดาจับเขาจุ่มนำนั่นเอง
เฮกเตอร์ (Hector)
โอเรสเตส (Orestes)
แอ็ดมิทัส และ อัลเซสติส (Admetus + Alcestis)
อีนีอัส (Aeneas)
แคสเตอร์ และ พอลลักซ์ (Caster + Pollux)
ซิซิฟัส (Sisyphus)
ไมดัส (King Midas)
แทนทาลัส (Tantalus)
แคดมัส (Cadmus)
แอสคลีปิอัส (Asclepius)
ออร์ฟิอัส (Orpheus)