บทที่1. แรกพบ
ติง ติ่ง ติ้ง กราบเรียนท่านผู้มีอุปการคุณทุกท่านโปรดทราบ ขณะนี้ทางร้านอาร์ตตัวแม่ ที่ขายเสื้อผ้า รองเท้าและเครื่องประดับของสตรี กำลังจัดรายการโปรโมชั่นลดทั้งร้าน 50 – 80% ท่านผู้มีอุปการคุณท่านใดสนใจเชิญได้ที่ร้านอาร์ตตัวแม่ ที่อยู่ชั้น 3 ของห้างได้เลยค่ะ ติง ติ่ง ติ้ง”
สิ้นเสียงประกาศของประชาสัมพันธ์สาวเสียงหวานของห้างสรรพสินค้านี้ ซึ่งเป็นเสียงที่ช้าๆเนิบๆเหมือนดัดเสียงเพื่อให้ดูฟังลื่นหู แต่กลับดูเหมือนเป็นเสียงที่ทรงพลังที่สุดในขณะนี้กับบรรดาสาวๆขาช็อปปิ้งตัวยกทั้งหลาย ที่ตอนนี้สาวๆขาช็อปปิ้งตัวยงหลายคนกำลังตั้งหน้าตั้งตาเดินอย่างไวเพื่อมุ่งหน้าไปร้านอาร์ตตัวแม่ที่อยู่ชั้น 3ของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เพียงแค่ได้ยินว่าทางร้านจัดโปรโมชั่นลด50 – 80%
และที่หน้าร้านอาร์ตตัวแม่ตอนนี้มีผู้หญิงหน้าตาดี2คน แต่เป็นสวยคนละแบบ ผู้หญิงคนแรกผมสั้นแต่งตัวและแต่งหน้าทันสมัยเปรี้ยวจี๊ดอายุประมาณ24-25 ปี ส่วนผู้หญิงอีกคนผมยาวถึงกลางหลัง โดยแต่งตัวสบายๆเสื้อยืดกางเกงยีนส์เก่าๆขาดๆในแนวมาดสาวเซอร์และแต่งหน้าบางๆอายุประมาณ22-23ปี ทั้งคู่กำลังยืนอยู่ที่หน้าร้านอาร์ตตัวแม่ก่อนใครหลังจากสิ้นเสียงประกาศของประชาสัมพันธ์สาวเพียงไม่กี่วินาที
“เห็นมั๊ยข่าววงในของพี่ไม่ผิดเลยที่ได้ข่าวว่าร้านนี้กำลังจะจัดโปรโมชั่นลดราคาในวันนี้ เลยทำให้พวกเรามาถึงก่อนใครเพื่อน” ปอนด์สาวผมสั้นที่แต่งหน้าและแต่งตัวทันสมัยพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ดีใจอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งผิดกับแป้งสาวผมยาวมาดเซอร์ที่แต่งหน้าบางๆยืนอยู่ข้างๆ กำลังถอนหายใจเบาๆเมื่อเห็นป้ายสีแดงที่เขียนว่าลดราคา50 – 80%ทั้งร้านที่แปะอยู่หน้าร้าน และถอนหายใจเบาๆอีกครั้งเมื่อหันไปมองพี่สาวของตนที่กำลังทำท่าดีใจสุดๆที่มาถึงก่อนใครเพื่อน
“เข้าไปหาซื้อเสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องประดับกันเถอะแป้ง" ปอนด์หันมาพูดกับแป้งซึ่งเป็นน้องสาว โดยจังหวะการพูดของปอนด์จะดูช้ากว่าคนทั่วไปเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าปอนด์มีปัญหาในเรื่องการพูด แต่เป็นแป้งต่างหากที่มีปัญหาทางการพูดและการได้ยินหรือที่เรียกง่ายๆว่า คนใบ้หรือคนหูหนวก ปอนด์เวลาพูดกับแป้งจึงต้องพูดช้ากว่าปกติเพื่อที่จะให้แป้งอ่านปากได้ชัดๆและบางครั้งปอนด์ก็ใช้ภาษามือช่วยด้วยในเวลาที่แป้งอ่านปากแล้วไม่เข้าใจ หรือเป็นประโยคที่ยาวกินไป
ปอนด์จับแขนของแป้งและทำท่าจะลากแป้งเข้าไปในร้านอาร์ตตัวแม่ แต่แป้งก็ฝืนแรงฉุดของปอนด์เอาไว้ เพราะแป้งเป็นสาวมาดเซอร์เลยไม่ค่อยชอบเสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องประดับแนวหรูๆแบบนี้ แป้งชอบเสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องประดับแบบเรียบง่าย หรือถ้าวันไหนนึกครึ้มอกครึ้มใจแป้งก็จะใส่เสื้อผ้าและแต่งตัวเป็นแนวสาวโบฮีเมี่ยน ซึ่งแตกต่างจากปอนด์ที่เป็นพี่สาวของแป้งที่ชอบแต่งหน้าแต่งตัวให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา
ปอนด์หันมามองแป้งที่เป็นน้องสาว ที่ตอนนี้แป้งทำท่าชี้นิ้วไปที่ปอนด์และชี้ไปที่ร้านอาร์ตตัวแม่ และแป้งก็ชี้นิ้วมาที่ตัวเองและหันไปชี้ที่ม้านั่งยาวที่ไว้สำหรับให้คนที่เมื่อยมานั่งพัก ซึ่งในบริเวณนั้นมีม้านั่งยาวติดกันอยู่2ตัว ซึ่งมีคนนั่งพักอยู่3คน
“จะให้พี่เข้าไปในร้านคนเดียว แล้วแป้งจะไปนั่งพักเหรอ งั้นก็ตามใจแป้งแล้วกันนะ งั้นเดี๋ยวพี่จะหาเครื่องประดับที่ดูเหมาะกับแป้งให้เองละกัน” ปอนด์พูดพร้อมใช้ภาษามือช่วยนิดหน่อย แป้งได้รู้ดังนั้นก็ยิ้มให้กับพี่สาวและกำลังจะหันหลังเพื่อที่จะเดินไปไปนั่งพักที่ม้านั่งยาวของห้างฯ
แต่อยู่ๆแป้งก็หยุดกะทันหัน และหันหลังกลับมาพร้อมทั้งหยิบตั๋วหนัง2ใบออกมาจากกระเป๋ากางเกงและชี้ไปที่นาฬิกาข้อมือของตัวเองและทำหน้าวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“จ้าๆพี่ไม่ลืมเวลาดูหนังหรอกน่า หนังฉายตอนบ่ายสองสี่สิบนาที ตอนนี้ก็เพิ่งจะบ่ายสองโมงเอง ยังเหลือเวลาอีกสี่สิบนาที พี่ของเวลาแค่สามสิบนาทีก็พอ แต่ถ้าเกิดพี่ช็อปปิ้งจนลืมเวลาจริงๆแป้งก็เข้าไปตามพี่ออกมาเลยละกัน” ปอนด์พูดบอกและใช้ภาษามือช่วยด้วย เพราะเป็นประโยคที่ยาวกลัวว่าแป้งจะอ่านปากได้ไม่หมดซึ่งแป้งก็พยักหน้าเป็นการตกลง และปอนด์ก็เอามือมาจับไหล่ของแป้งทั้งสองข้างและจับแป้งให้หันหลังกลับ เพื่อที่จะให้แป้งเดินไปนั่งที่ม้านั่งยาว
“แปลกคนจริงๆ เป็นผู้หญิงด้วยกันแท้ๆ แต่กลับไม่ชอบของลดราคา” ปอนด์พูดพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ และมองไปที่แป้งที่กำลังเดินไปนั่งพักที่ม้านั่งยาว
และแล้วในขณะนั้นสายตาของปอนด์ก็เหลือไปเห็นผู้หญิงอีกหลายคนกำลังมุ่งหน้าตรงมาทางนี้ด้วยความเร็ว ซึ่งปอนด์เองก็รู้ได้โดยสัญชาตญาณนักช็อปปิ้งตัวยงว่าศัตรูและคู่แข่งในการช็อปปิ้งลดราคากำลังมุ่งหน้ามาทางนี้แล้ว ปอนด์จึงรีบมุ่งหน้าเข้าไปในร้านทันที เพื่อเลือกหาของและเลือกหยิบของที่ถูกใจไว้ในมือก่อนกันโดนแย่งจากคนอื่นๆ ซึ่งแป้งที่นั่งพักอยู่ที่ม้านั่งยาวก็กำลังมองอากัปกิริยาของพี่สาวและแป้งก็ยิ้มเล็กน้อย เพราะเห็นพี่สาวของตนเอาแต่หยิบโน่นหยิบนี่ที่ถูกใจไว้ที่ตัวก่อนกันโดนคนอื่นแย่งตัดหน้าไป
เมื่อแป้งนั่งรอปอนด์อยู่ที่ม้านั่งยาวสักพักก็เกิดอาการหาวเล็กน้อย เพราะเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ เลยหันมองไปรอบๆและเห็นร้านกาแฟที่เปิดเป็นบูทเล็กๆเปิดอยู่ไม่ไกลนัก แป้งจึงเดินไปที่ร้านกาแฟทันที และยืนต่อคิวอยู่สักครู่ก็ถึงคิวของแป้ง แป้งจึงชี้นิ้วให้คนขายกาแฟดูที่ป้ายกาแฟมอคค่า และยกนิ้วชี้ขึ้นเพื่อเป็นการบอกคนขายว่าต้องการหนึ่งแก้ว ซึ่งคนขายเห็นดังนั้นก็เข้าใจจึงยิ้มให้กับแป้งและทำกาแฟมอคค่าตามที่แป้งสั่งหนึ่งแก้ว เมื่อแป้งได้รับกาแฟแล้วก็จ่ายเงินตามป้ายราคาของกาแฟมอคค่า แล้วแป้งก็เดินเพื่อที่จะกลับมาที่ม้านั่งยาวตัวเดิมที่นั่งเมื่อกี้
แต่เมื่อแป้งเดินใกล้จะถึงม้านั่งยาวอยู่แล้วอีกเพียงแค่ก้าวเดียว อยู่ๆก็เมื่อมีชายหนุ่มหน้าตาดีและแต่งตัวดีคนหนึ่งอายุน่าจะพอๆกับแป้งมานั่งที่ม้านั่งยาวตัวนั้นตัดหน้าแป้งไปเพียงก้าวเดียว แป้งจึงพยายามหันไปมองทางอื่นว่ายังมีม้านั่งยาวให้นั่งอีกไหม
แต่อยู่ๆสิ่งที่ไม่คาดคิดและไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับแป้ง เมื่อมือของชายหนุ่มคนที่นั่งม้านั่งตัดหน้าแป้งเมื่อกี้ ยกมือเพื่อบิดขี้เกียจเพราะความเมื่อย แต่เผอิญมือข้างซ้ายของชายหนุ่มคนนั้นก็มาโดนหน้าอกของแป้งเต็มๆ แถมยังขยำเบาๆเหมือนกำลังงงว่ามือของเขาสัมผัสถูกอะไร จนทำให้แป้งตกใจอย่างมากจนทำให้ถ้วยกาแฟที่เพิ่งซื้อมาเมื่อกี้หล่นลงพื้น
และชายหนุ่มคนนั้นได้ยินเสียงของตกลงบนพื้นข้างๆตัวของเขา ผู้ชายคนนั้นก็รีบหันมาทางซ้ายมือของตน จึงเห็นว่ามือของเขาตอนนี้กำลังจับโดนหน้าอกของผู้หญิงคนหนึ่งเข้าอย่างจัง ซึ่งแป้งก็รีบถอยหลังและเอามือมาปิดหน้าอกของตัวเองเอาไว้ และมีสีหน้าที่ตกใจและโกรธอย่างเห็นได้ชัด
“ขอโทษครับๆ ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะจับ...” ชายหนุ่มคนนั้นจึงรีบลุกขึ้นและก้าวเดินมาหาแป้งพร้อมทั้งพูดขอโทษขอโพยอย่าไว แต่ก็ไวช้ากว่าหมัดของแป้งที่ต่อยสวนคำพูดเข้าที่หน้าของชายหนุ่มคนนั้นทันที และด้วยความที่ชายหนุ่มคนนั้นไม่ทันตั้งตัวเพราะไม่คาดคิดว่าจะโดนผู้หญิงต่อยหน้า และบังเอิญเท้าของชายหนุ่มคนนั้นที่กำลังก้าวมาหาแป้งเหยียบเข้ากับถ้วยกาแฟพลาสติกที่แป้งทำถ้วยกาแฟตกลงพื้นพอดี จึงทำให้ชายหนุ่มคนนั้นลื่นและเสียหลักลงไปนั่งกับพื้นทันทีเมื่อโดนแป้งชกเข้าให้ที่ใบหน้าแถวๆแก้มซ้าย
“อูยๆๆ ผมก็ขอโทษแล้วไงเพราะผมไม่ได้ตั้งใจ ทำไมยังมาต่อยผมอีก” ชายหนุ่มคนนั้นพูดพร้อมทั้งเอามือลูบแก้มซ้ายของตัวเอง และในขณะนั้นเองคนที่อยู่แถวนั้นก็เริ่มเข้ามามุงดู
“หน้าร้านมีอะไรกันเหรอ” เจ้าของร้านอาร์ตตัวแม่ถามลูกน้องสาวที่ยืนอยู่หน้าร้านพอดี
“มีคนต่อยกันค่ะเจ๊”
“อะไรกันขนาดอยู่ในห้างฯยังมีคนต่อยกันอีกเหรอเนี่ย เฮ้อ...”เจ้าของร้านพูดพร้อมทั้งถอนหายใจแรงและทำหน้าเบื่อๆและเอามือทั้งสองข้างมาเท้าสะเอว
“ว่าแต่ใครต่อยกันละเนี่ย คงเป็นพวกตัวผู้ละสิเอะอะอะไรก็ใช้แต่กำลัง” เจ้าของร้านถามลูกน้องพร้อมทั้งพยายามชะโงกหน้าดูแต่ก็มองไม่เห็น เพราะมีคนมุงดูเยอะขึ้น
“ไม่ใช่ผู้ชายต่อยกันค่ะเจ๊ แต่เป็นผู้หญิงต่อยผู้ชายจนผู้ชายลงไปนั่งกับพื้นเลยค่ะ” ลูกน้องสาวรายงาน
“หาผู้หญิงเนี่ยนะต่อยผู้ชาย” เจ้าของร้านทำหน้าแปลกใจ
“ใช่ค่ะเจ๊” ลูกน้องสาวพูดเสร็จก็เดินไปมุงดูที่หน้าร้านต่อ
ปอนด์ที่กำลังเลือกซื้อสินค้าลดราคาอยู่ในร้านอย่างสบายอารมณ์อยู่นั้น เพียงแค่ปอนด์ได้ยินคำว่าผู้หญิงต่อยผู้ชายลงไปนั่ง หัวใจของปอนด์ก็หล่นไปยังตาตุ่ม เพราะปอนด์รู้ได้ทันทีว่าเป็นฝีมือของแป้งน้องสาวของเธอแน่ๆ เพราะแป้งเป็นคนที่ใจร้อนและสู้คนในบางเรื่อง ยิ่งถ้าแป้งถูกรังแกด้วยแล้วแป้งจะสู้หัวชนฝาชนิดไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เพราะแป้งเป็นคนใบ้และหูหนวกมาแต่เด็กเพราะเกิดอุบัติเหตุ แป้งจึงโดนเด็กรุ่นเดียวกันแกล้งและล้อเลียนมาตลอด แม่ของพวกเขาจึงให้แป้งไปเรียนพื้นฐานมวยไทยติดตัวไว้เพื่อป้องกันตัวจากพวกที่มารังแก แป้งจึงมีนิสัยใจร้อนและสู้คนเวลาที่ถูกคนอื่นรังแกมาตั้งแต่เด็ก
ปอนด์จึงรีบวางของทั้งหมดที่ถืออยู่เมื่อกี้ไว้ที่พื้น และรีบวิ่งออกมานอกร้านและแหวกฝูงชนเพื่อเข้าไปในใจกลางของฝูงชนนั้น และเป็นไปตามคาดที่เห็นแป้งยืนนิ่งและกำหมัดอยู่ แต่ที่ปอนด์แปลกใจเพราะเห็นแป้งเอามืออีกข้างปิดที่หน้าอกของตัวเองไว้ และเห็นใบหน้าของแป้งมีสีแดงระรื่นเหมือนกับอาการอายอะไรสักอย่าง
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอแป้ง ถึงกับต้องลงไม้ลงมือขนาดนี้” ปอนด์รีบเดินเข้าไปถามแป้งด้วยอาการที่เป็นห่วงเป็นใยในตัวน้องสาว
แป้งหน้าแดงมากขึ้นกว่าเดิมเมื่ออ่านปากของปอนด์ ที่ปอนด์ถามว่าเกิดอะไรขึ้น แป้งจึงใช้ภาษามือบอกกับปอนด์ว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกับตัวเขา
“หา...แกโดนผู้ชายคนนี้จับหน้าอกเอาเหรอ” ปอนด์ตกใจเลยเผลอพูดเสียงดังออกมาเมื่อได้รู้ว่าเมื่อกี้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น
แป้งเห็นสีหน้าและปากของปอนด์ แป้งรีบเอามือมาปิดปากของปอนด์ทันทีและเอานิ้วชี้มาจ่อที่ปากของตัวเองและทำปากจู๋ เพื่อเป็นการบอกให้ปอนด์เงียบๆไว้อย่าพูดอีกเพราะแป้งอายกับเหตุการณ์เมื่อครู่นี้
“คุณมาจับ...เอ่อ...คุณมาทำแบบเมื่อกี้กับน้องสาวฉันได้ยังไง” ปอนด์เดินเข้ามาหาชายหนุ่มคนนั้นที่ตอนนี้ยืนขึ้นมาแล้ว
“ผมอธิบายได้”
“ไหนลองอธิบายมาสิ ถ้าอธิบายไม่สมเหตุผลเรื่องถึงตำรวจแน่” ปอนด์พูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดันขึ้น
“ผมแค่เมื่อยและมานั่งลงที่ม้านั่งยาวตัวนั้น แล้วผมก็ทำท่าบิดขี้เกียจ แล้วเผอิญมือซ้ายผมก็ไปจับโดนหน้าอกของน้องสาวคุณก็เท่านั้นเอง ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะลวนลามน้องสาวคุณเลยผมสาบานได้” ชายหนุ่มรีบอธิบายพร้อมนั่งที่ม้านั่งยาวและทำท่าประกอบ
“เขาพูดจริงมั๊ยแป้ง” ปอนด์หันไปถามแป้ง
แป้งพยักหน้าลงเบาๆและมีสีหน้าที่เริ่มสำนึกผิดที่ใจร้อนลงมือต่อยชายหนุ่มคนนั้นเมื่อกี้
“เห็นไหมน้องสาวคุณยังพยักหน้าว่าใช่เลย”
“เอาเป็นว่าขอให้เรื่องมันเจ๊าๆกันไปแล้วกัน เพราะถือว่าต่างคนก็ต่างไม่ได้ตั้งใจ เพราะคุณก็ไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้นกับน้องสาวฉัน ส่วนน้องสาวฉันทำไปเพราะตกใจที่โดนทำแบบนั้น หวังว่าคุณคงเข้าใจและเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะอภัยให้กัน” ปอนด์พูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลงกว่าเดิมเพราะเข้าใจเรื่องทุกอย่างแล้ว
“เอาอย่างนั้นก็ได้ แต่ผมก็ขอโทษน้องสาวคุณไปแล้วกับเรื่องที่ผมทำกับเขาเมื่อกี้ แต่คุณก็น่าจะให้น้องสาวของคุณพูดขอโทษผมกลับบ้างสิที่ต่อยผมเมื่อกี้”
“คุณนี่มันสุดๆจริงๆ และอีกอย่างน้องสาวฉัน...” ปอนด์พูดพร้อมทำสีหน้าที่ไม่พอใจที่ชายหนุ่มคนนั้นจะให้แป้งพูดขอโทษ แต่ปอนด์ก็หยุดพูดเพราะแป้งเอามือมากระตุกเสื้อของปอนด์เอาไว้ และแป้งก็เดินไปข้างหน้าชายหนุ่มคนนั้น และจากนั้นแป้งก็ใช้ภาษามือ โดยยกมือซ้ายขึ้นและแบมือออกระดับอก แล้วใช้ฝ่ามือขวาลูบเป็นวงกลมที่ฝ่ามือซ้ายเบาๆ พร้อมกับพงกหัวลงเบาๆด้วยสีหน้าและแววตาที่ดูเสียใจ
“น้องคุณทำท่าอะไรนะ”
“น้องสาวฉันเป็นใบ้และหูหนวก และภาษามือที่น้องสาวฉันทำเมื่อกี้มีความหมายว่า ‘ขอโทษ’ ที่ใช้สำหรับผู้ที่อายุน้อยกว่าหรือไล่เลี่ยกัน” ปอนด์อธิบายพร้อมทั้งเดินไปข้างหน้าชายหนุ่มคนนั้น
“เอ่อ...” ชายหนุ่มคนนั้นไม่มีคำพูดใดๆออกมามีเพียงแค่สีหน้าที่เปลี่ยนไป เพราะเพิ่งได้รู้ความจริง
“พอใจหรือยัง” ปอนด์ถามย้ำ
“ผมขอโทษ ผมไม่รู้นี่ว่าน้องสาวคุณจะเป็นคนใบ้หูหนวก เพราะผมเห็นเขาเข้าใจที่คุณและผมพูด ผมก็นึกว่าเขาอายเลยไม่กล้าพูดอะไร” ชายหนุ่มพูดขอโทษอีกครั้งพร้อมด้วยสีหน้าที่สำนึกผิดอีกครั้งเมื่อรู้ความจริง
“น้องสาวฉันเขาใช้วิธีอ่านปากของคนเอา ถึงได้พอจะรู้ว่าคุณพูดอะไร” ปอนด์อธิบาย
“ถ้างั้นก็ไม่มีอะไรแล้วนะ ฉันกับน้องฉันขอตัวก่อนแล้วกัน” ปอนด์พูดจบก็รีบจูงมือแป้งไปให้ห่างจากตรงนั้นทันที ทิ้งให้ชายหนุ่มคนนั้นยืนอยู่ที่เดิมโดยมีสายตาของคนแถวนั้นมองชายหนุ่มคนนั้นด้วยสีหน้าท่าทางที่เหมือนจะโทษชายหนุ่มคนนั้น
และไม่นานสองสาวพี่น้องก็เดินมาถึงชั้น5ที่เป็นชั้นโรงหนัง ปอนด์และแป้งก็เดินซื้อข้าวโพดคั่วและน้ำคนละแก้วและเข้าไปรอที่นั่งรอสำหรับคนที่มาดูหนัง เพราะยังไม่ถึงเวลาที่โรงหนังจะเปิดให้เข้าไป และสักพักปอนด์ก็สะกิดให้แป้งลุกเพราะพนักงานโรงหนังเปิดประตูให้คนเข้าไปนั่งในโรงหนังได้แล้ว
เมื่อถึงหน้าประตูโรงหนังและทางข้างหน้าเป็นทางเดินเข้าที่มืด แป้งก็รีบจับแขนของปอนด์แน่น ซึ่งปอนด์ก็เข้าใจแป้งดี เพราะคนที่เป็นใบ้และหูหนวกหลายคนเมื่อเสียประสาทสัมผัสทั้ง2ไปแล้ว จะเหลือประสาทสัมผัสที่ตาทีพอจะใช้งานได้ ฉะนั้นเวลาอยู่ในที่มืดมิดที่มองอะไรไม่เห็นแบบนี้แป้งจึงกลัวเพราะเหมือนว่าแป้งโดนปิดประสาทสัมผัสที่เหลือทั้งหมด แป้งจึงกลัวสถานที่มืดมิดมากๆแบบนี้
และปอนด์ก็จูงมือและนำทางแป้งมานั่งที่เก้าอี้เบอร์9ส่วนปอนด์นั่งเก้าอี้เบอร์8 และสักพักหนังตัวอย่างก็ค่อยๆเริ่มฉายไปทีละเรื่อง และผู้คนก็ค่อยๆทยอยเดินเข้ามาในโรงหนังและนั่งตามเลขตั๋วหนังของแต่ละคน และไม่นานเก้าอี้เบอร์10ที่อยู่ข้างๆแป้งก็มีคนมานั่ง และเมื่อแป้งหันไปมอง แป้งก็รีบเอามือซ้ายมากระตุกแขนเสื้อของปอนด์ทันที
“มีอะไรเหรอแป้งอยู่ๆมากระตุกแขนเสื้อพี่แรงๆแบบนี้” ปอนด์หันมาถามแป้ง ซึ่งเห็นแป้งกำลังมองหน้าคนที่นั่งเก้าอี้ดูหนังข้างๆแป้ง
“คุณ...” ปอนด์พูดด้วยน้ำเสียงที่ตกใจและชี้นิ้วไปที่คนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้เบอร์10ที่อยู่ข้างๆแป้ง
“อ้าวพวกคุณ...” ชายหนุ่มคนนั้นก็หันมามองตามเสียง ซึ่งเป็นผู้ชายคนเดียวกับที่มีเรื่องกับพวกเขาเมื่อกี้ที่หน้าร้านอาร์ตตัวแม่
“นี่ถึงขนาดคุณตามพวกฉันถึงนี่เลยเหรอ”
“จะบ้าเหรอคุณ ผมจะรู้ได้ยังไงว่าพวกคุณมาดูหนังกัน และอีกอย่างผมซื้อตั๋วหนังก่อนล่วงหน้าที่หนังฉายเป็นชั่วโมงๆแล้ว“
ปอนด์ได้ยินดังนั้นจึงย้อนคิดได้ว่าตอนที่พวกเขาไปซื้อตัวหนังเรื่องนี้ มันบังเอิญเหลือที่แค่ตรงนี้พอดี2ที ปอนด์จึงไม่พูดอะไรต่อ
“อีกอย่างไหนคุณบอกว่าน้องสาวคุณเป็นใบ้และหูหนวกไม่ใช่หรอ แล้วทำไมถึงเข้ามาดูหนังได้ละ” ชายหนุ่มแกล้งทำเป็นขยับตัวมาใกล้ๆและมองหน้าแป้ง
ซึ่งแป้งเห็นอากัปกิริยาของผู้ชายคนนั้น แป้งจึงเอี้ยวตัวห่างออกมาหน่อยก่อนที่จะจ้องอ่านคำพูดจากปากของผู้ชายคนนั้น แป้งจึงใช้มือสื่อสารโดยใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางติดกันและแตะไปที่หูและปากของตัวเอง และใช้นิ้วชี้และกลางชี้มาที่ตาของตัวเองและชี้กลับไปที่จอภาพยนตร์ และค่อยๆเลื่อนมือไปช้า
“น้องสาวคุณเขาจะบอกอะไรผมเหรอ”
“น้องสาวฉันบอกว่าถึงเขาเป็นใบ้และหูหนวกก็ไม่มีปัญหา เพราะใช้ตาดูหนังและอ่านซับภาษาไทยเอา แค่นี้ก็ไม่มีปัญหาในการดูหนังแล้ว คุณมีปัญหาอะไรจะถามอีกไหม” ปอนด์ตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูดุขึ้นเพราะเริ่มรำคาญชายหนุ่มคนนี้แล้ว
“เอ่อ...”
ไม่ทันที่ชายหนุ่มคนนี้จะถามอะไรต่อ แป้งเห็นดังนั้นจึงยกมือสองข้างห้ามไว้เหมือนไม่ให้พี่สาวของตนและผู้ชายคนนั้นพูดอีก และแป้งก็ชี้ให้ปอนด์และชายหนุ่มคนนั้นดูที่จอภาพยนตร์ที่ตอนนี้หนังเริ่มฉายแล้ว เพราะแป้งอยากจะดูหนังแล้ว และแป้งก็ไม่สนใจอะไรแล้ว เพราะตาและใจของแป้งจดจ่อกับหนังเพราะต้องรีบอ่านซับภาษาไทยให้ทันพร้อมๆกับดูหนังไปด้วย
ชายหนุ่มถึงตาจะดูหนัง แต่ก็ยังแอบเหลือบมองดูแป้งเป็นระยะ ซึ่งก็เห็นแป้งทั้งยิ้มและทำท่าหัวเราะออกมาเวลาที่เป็นฉากตลกถึงแม้จะหัวเราะแบบไม่มีเสียง และมีบางครั้งที่ชายหนุ่มคนนั้นแอบมองแป้งเวลาที่เป็นฉากเศร้า ซึ่งชายหนุ่มก็เห็นแป้งทำหน้าเศร้าตามแถมเกือบจะเห็นแป้งร้องไห้ตามหนังด้วยซ้ำ ซึ่งชายหนุ่มคนนั้นกลับรู้สึกดีอย่างแปลกประหลาด เมื่อเห็นเวลาที่แป้งยิ้มและหัวเราะออกมาซึ่งเขาไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน และ2ชั่วโมงผ่านไปหนังที่ฉายก็จบลง
“สนุกมั๊ยแป้ง” ปอนด์ถามและมองหน้าแป้ง
แป้งยิ้มพร้อมพยักหน้า
สองพี่น้องจึงลุกจากเก้าอี้และเดินออกไปทางซ้ายมือ เพราะจะได้ไม่ต้องเดินผ่านเก้าอี้ตัวที่ตอนนี้ชายหนุ่มคนนั้นก็ยังนั่งอยู่ไม่ยอมลุกออกจากโรงหนัง
สองพี่น้องเดินออกมาจากโรงหนังจนใกล้จะถึงบันไดเลื่อน อยู่ๆชายหนุ่มคนนั้นก็วิ่งกระหืดกระหอบมาดักหน้าพวกเขา
แป้งเห็นดังนั้นจึงใช้ภาษามือโดยทำมือ โดยแบมือขวาและใช้นิ้วกลางดีดกับนิ้วโป้งรัวๆและทำหน้าสงสัย
“น้องฉันถามว่ามีอะไร” ปอนด์อธิบายภาษามือของแป้งให้ชายหนุ่มคนนั้นฟัง
“ผมอยากทำความรู้จักพวกคุณ อยากเป็นเพื่อนกับพวกคุณ โดยเฉพาะน้องสาวของคุณที่ชื่อแป้ง” ชายหนุ่มพูดพร้อมยิ้มเล็กน้อยและมองมาทางแป้ง
ปอนด์หันมามองหน้าแป้งเหมือนกับกำลังจะถามแป้งว่าจะเอายังไงดี ถึงปอนด์จะไม่พูดแต่แป้งก็พอจะเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ได้ดีว่าปอนด์กำลังจะพูดว่าอะไร แป้งจึงหันหน้าไปทางชายหนุ่มคนนั้น และใช้ภาษามือ โดยใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้มาลูบที่ลำคอของตัวเองโดยลูบลงเบาและทำหน้าเศร้านิดๆซึ่งแปลว่า‘หิว’ และแป้งก็หันไปชี้ที่ร้านขายน้ำหน้าโรงหนัง
“น้องสาวฉันบอกว่าเธอหิวน้ำ” ปอนด์แปลภาษามือให้ผู้ชายคนนั้นได้รู้
“เอาแบบนี้ละกัน ถ้าคุณอยากจะรู้จักพวกฉันสองคน คุณก็ไปซื้อน้ำอัดลมให้พวกฉันคนละแก้วละกัน” ปอนด์พูดและหันมามองหน้าแป้ง ซึ่งแป้งก็ทำหน้ายิ้มๆและพยักหน้าให้กับชายหนุ่มคนนั้น
“ได้สิ งั้นพวกคุณสองพี่น้องนั่งรอแถวนี้นะ เดี๋ยวผมจะรีบไปซื้อน้ำมาให้” ชายหนุ่มพูดจบก็รีบเดินไปซื้อน้ำที่ร้านขายน้ำหน้าโรงหนังพอดี
พอชายหนุ่มคนนั้นเดินไปถึงร้านขายน้ำแล้ว ปอนด์รีบหันมามองหน้าแป้งและทำท่าหัวเราะเบาๆ เพราะสองพี่น้องแค่มองตาก็รู้ใจกันแล้วว่าที่แป้งบอกว่าหิวน้ำ แล้วปอนด์บอกให้ไปซื้อน้ำให้หน่อย เพราะสองพี่น้องจะหาจังหวะชิ่งหนีจากชายหนุ่มคนนั้น
ปอนด์จึงรีบจับมือแป้งและจะพาแป้งไปที่บันไดเลื่อน แต่แป้งก็ฝืนเอาไว้แถมชี้ไปที่ลิฟต์ที่ตอนนี้ลิฟต์กำลังเปิดและมีคนเดินออกมาพอดี ปอนด์เห็นดังนั้นจึงเข้าใจว่าแป้งอยากให้ลงลิฟต์ เพราะถ้าลงบันไดเลื่อนชายหนุ่มคนนั้นก็อาจจะตามมาอีกได้ สองคนพี่น้องจึงรีบวิ่งไปไปที่ลิฟต์ทันที เมื่อเข้าลิฟต์ได้จึงรีบกดปุ่มลงไปชั้น1 และกำลังจะกดปุ่มปิดประตูลิฟต์ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ผู้ชายคนนั้นซื้อน้ำเสร็จและหันมาเห็นสองพี่น้องอยู่ในลิฟต์พอดี
“เดี๋ยวๆอย่าเพิ่งไป” ชายหนุ่มคนนั้นตะโกนเรียกและวิ่งถือแก้วน้ำอัดลมมาทั้ง2มือมาที่หน้าลิฟต์ และก่อนที่ลิฟต์กำลังจะปิดลง ปอนด์และแป้งมองหน้ากันอีกครั้ง ก่อนที่จะหันหน้าไปหาชายหนุ่มคนนั้นและทำท่าแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ชายหนุ่มคนนั้นพร้อมๆกัน และหันหน้ามาหัวเราะ เพราะถือว่าการแกล้งชายหนุ่มคนนั้นสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี และลิฟต์ก็ปิดประตูและค่อยๆเลื่อนลงไปทีละชั้นเรื่อยๆ
“แสบจริงๆนะพี่น้องคู่นี้” ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆและเดินมานั่งที่ม้านั่งแถวนั้น
“ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เจอพี่น้องคู่นี้อีกมั๊ย โดยเฉพาะคนน้องที่ชื่อแป้ง” ชายหนุ่มพูดเบาๆกับตัวเองด้วยใบหน้าที่ยิ้มที่เวลาที่พูดและนึกถึงรอยยิ้มของผู้หญิงคนน้องที่ชื่อแป้ง พร้อมทั้งนั่งดื่มน้ำอัดลมทั้ง2แก้วนั้นคนเดียว
...............................................................................