อ้างอิงจาก
http://www.cm108.com/bbb/index.php?showtopic=28233ก่อนหน้านั้นตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้ยินชื่อลัดดาแลนด์เลย อาจจะเป็นเพราะบ้านผมอยู่คนละฝั่งกับทางนู้นก็ไม่รู้และเส้นทางนั้นสมัยเก่าก็ไม่ได้กว้างขวางใหญ่โตเจริญอย่างที่เห็น ต่อมาได้ยินชื่อลัดดาแลนด์ครั้งแรกครั้งสมัยตอนเรียน ม.ปลาย เป็นที่ร่ำลือในหมู่วัยรุ่นทั่วแดนเชียงใหม่ว่าเป็นสถานที่วัยรุ่นจะเข้าไปลองของดูผีกัน จัดกลุ่มแก้งกันไปเป็นที่สนุกสนาน แต่ก็ไม่เคยมีใครเล่าว่าเจอผีแต่อย่างใด บอกว่าเจอแต่ตุ๊กตาหุ่นกับขยะต่าง ๆ และผมเคยผ่านครั้งแรกตอนจัดกีฬาซีเกมส์มองเข้าไปก็ดูเป็นป่ารกทึบกับมีศาลาเก่า ๆ หนึ่งหลัง จบจนบัดนี้อายุขึ้นเลขสามเข้าไปแล้ว ผ่านไปผ่านมาตลอดมีตึกรามบ้านช่องใหญ่โต รถลาวิ่งกันขวักไขว่ทำให้บรรยากาศที่น่าเกรงกลัวหดหายไปจากคำร่ำลือ กลางคืนไฟฟ้าส่องแสงสว่างไปทั่วไม่มีบรรยากาศน่าวิเวกวังเวงเวลาผ่านอีกต่อไป (แต่ถ้าเข้าไปข้างในคนเดียวอาจไม่แน่ครับ)
ถ้าผู้ใหญ่ท่านไหนมีเรื่องราวในสมัยเก่าที่ผมพอเคยได้ยินมาบ้างว่าเป็นหมู่บ้านและมีเครื่องเล่นเหมือนสวนสนุกก็เล่าให้ผมฟังบ้างนะครับ
ด้วยโครงการจัดสรรอันยิ่งใหญ่ของผู้หญิงท่านหนึ่ง อ้างกันว่าคือ “คุณนายลัดดา” (ขอสงวนนามสกุล) นักธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งสามีของท่านคือนายทหารผู้เป็นเจ้าของกิจการ “โรงหนังเวียงพิงค์”
การเล็งเห็นศักยภาพของที่ดินรกร้างผืนใหญ่อยู่ใกล้ ทางขึ้นดอยสุเทพ”พื้นที่ผืนนี้จึงถูกพัฒนาให้เป็น อุทยานการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ซึ่งในยุคนั้นยังไม่มีสถานที่ใดโดดเด่นเท่า
“แล้วโครงการขนาดใหญ่ที่ครองใจผู้คนในยุคนั้นก็เกิดขึ้น ด้วยการจัดศูนย์แสดง-สาธิต ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ทั้งพิพิธภัณฑ์ชาวเขา การทำเครื่องเขิน การแกะสลักไม้ การทอผ้าไหม การแสดงฟ้อนรำต่างๆ ภายใต้การควบคุมของคณะ วัดเจ้าพ่อเม็งราย อันโด่งดัง
รวมไปถึงการมัดใจเด็กๆ และครอบครัว ด้วยการให้บริการช้าง ม้า และรถไฟเล็กให้นั่ง ด้วยค่าบริการประมาณ 8 หรือ 10 บาท มี “น้ำมะเกี๋ยง” (น้ำลูกหว้า) เป็นที่แรกและเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่แห่งนี้ รวมทั้งมีการเปิดเพลงของคณะ ดิอิมพอสสิเบิ้ล ซึ่งโด่งดังในขณะนั้นเกือบตลอดทั้งวัน...”
สิ่งที่เป็นที่เชิดหน้าชูตาและโดดเด่นที่สุดของสถานที่แห่งนี้ได้แก่สวนดอกไม้เมืองหนาวพันธุ์ต่างประเทศ และ “รังกล้วยไม้”(สวนกล้วยไม้) ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ
ตระการตาด้วยพันธุ์พื้นเมืองและต่างประเทศกว่าร้อยชนิด ทำให้สถานที่แห่งนี้มีผู้มาเที่ยวชมกันเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว โดยมีบ้านขนาดใหญ่ของคุณนายลัดดา ซึ่งปลูกอยู่ใกล้ๆ ประตูทางเข้าลัดดาแลนด์ เป็นเสมือนสิ่งบ่งชี้กำไรจากผลประกอบการ ทว่าไม่มีสิ่งใดยั่งยืน หรือคงอยู่ตลอดกาล “เมื่อบ้านเมืองต้องพัฒนา” ความเจริญของวิถีชีวิตและการเข้ามาของศูนย์การค้าในท้องถิ่น ส่งผลให้สถานที่แห่งนี้ เป็นเพียง “ที่เก่าๆ” ซึ่งไม่มีความหมายสำหรับผู้คนอีกต่อไป
ทำให้รู้ได้ว่า สถานทีนี้คือที่ท่องเที่ยว ไม่ใช่บ้านจัดสรรค์นะครับ
แต่หนัง เป็นบ้านจัดสรรค์ ซึ่ง บ่งบอกได้ว่า หนังนำมาจากเรื่องเล่าที่คนรุ่นใหม่เล่ากันมา ว่าเกิดเหตุ นู่น นั่น นี่ ตามที่ จขกท ได้เล่ามา
เพราะความเป็นจริงลัดดาแลนด์ เป็นเพียงอุทยานการท่องเที่ยว ที่ไม่ประสบความสำเร็จทางการประกอบการจึงปิดตัวลงไป ไม่ใช่เป็น “โครงการบ้านจัดสรรเฮี้ยน” ดังที่ผู้คนจำนวนมากเข้าใจ
เครดิต
http://www.cm108.com/bbb/index.php?showtopic=28233