แผ่นดินไหวทำเกาะญี่ปุ่นเคลื่อน 2.4 เมตร-เวลา 1 วันสั้นลง 1.8 ไมโครวินาที
เหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบให้ระยะเวลาใน 1 วันสั้นลงเล็กน้อย โดยผลการวิเคราะห์แผ่นดินไหวขนาด 8.9 ริคเตอร์พบว่า แรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เป็นตัวเร่งให้โลกมีการหมุนเร็วขึ้น และทำให้ระยะเวลา 24 ชม.ในหนึ่งวัน ลดลง 1.8 ไมโครวินาที โดย 1 ไมโครวินาทีมีค่าเท่ากับ 1/1,000,000 วินาที
นายริชาร์ด กรอสส์ จากศูนย์ปฏิบัติการวิจัยแรงขับเคลื่อนพลังงานแห่งองค์การนาซา ที่เมืองพาซาดีนา รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า เหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านการส่งผ่านมวลของโลก ซึ่งนั่นทำให้โลกหมุนเร็วขึ้น และทำให้เวลาในหนึ่งวันลดลง 1.8 ไมโครวินาที
ตามหลักทั่วไปแล้ว หนึ่งวันของโลกเท่ากับ 24 ชม. หรือ 86,400 วินาที และภายในหนึ่งปีจะมีระดับการคลาดเคลื่อนอยู่ที่ 1 มิลลิวินาที หรือ 1,000 ไมโครวินาที ขึ้นอยู่กับความแตกต่างตามแต่ละช่วงเวลาของปี
ข้อมูลเบื้องต้นของสำนักงานธรณีวิทยาสหรัฐฯบ่งชี้ว่า เหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ทำให้แผ่นดินของญี่ปุ่นเคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันออกถึง 8 ฟุต (2.4 เมตร) นอกจากนั้นยังทำให้แกนโลกเคลื่อนที่ประมาณ 17 ซม. อีกด้วย
การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของแกนปริมาณครั้งนี้ ส่งผลให้โลกเกิดความเอนเอียงเพียงเล็กน้อยขณะที่มันกำลังหมุน แต่จะไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อตำแหน่งของแกนโลกในอวกาศ
อย่างไรก็ดี นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เหตุแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อระยะเวลาของโลก โดยเมื่อปีก่อน เหตุแผ่นดินไหวในประเทศชิลีขนาด 8.8 ริคเตอร์ ได้เร่งให้เกิดการหมุนของโลกที่เร็วขึ้น 1.26 ไมโครวินาที และเหตุแผ่นดินไหวบริเวณเกาะสุมาตราขนาด 9.1 ริคเตอร์ ในปี 2004 ทำให้เวลาสั้นลง 6.8 ไมโครวินาที
แต่นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกประมาณการณ์ว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้ญี่ปุ่นเคลื่อนตัวเข้าใกล้อเมริกาเหนืออีก 12 ฟุต และทำให้ภูมิประเทศในหลายพื้นที่ของญี่ปุ่นจะไม่อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าน้ำทะเลเป็นการถาวร ซึ่งจะส่งผลให้น้ำท่วมที่เกิดจากสึนามิแห้งช้าลง นักวิทยาศาสตร์ยังระบุด้วยว่า ผลกระทบจะเกิดขึ้นยังไม่จบแค่นี้ เพราะแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นตามมาหรืออัฟเตอร์ช็อคที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องอาจส่งผลทำให้วันสั้นลงอีกก็เป็นได้
ขณะที่ผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ และเหตุอัฟเตอร์ช็อคที่เกิดขึ้นเป็นระยะๆ อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้อีกในอนาคต
เหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็นเหตุแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดของญี่ปุ่น และร้ายแรงเป็นอันดับที่ 5 ของโลก นับตั้งแต่ปี 1900 ตามข้อมูลของสำนักธรณีวิทยาสหรัฐฯ โดยเกิดอัฟเตอร์ช็อคขนาดความรุนแรง 6.0 ริคเตอร์ขึ้นถึง 20 ครั้ง หลังจากการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่
"ในทางทฤษฎี สิ่งใดก็ตามที่ส่งผลกระทบต่อมวลของโลก จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อการหมุนของโลก ดังนั้นตามหลักการแล้ว เหตุอัฟเตอร์ช็อคที่มีความรุนแรงน้อยกว่า ก็อาจส่งผลกระทบต่อการหมุนของโลกได้เช่นกัน ซึ่งก็คือหากมีความรุนแรงมาก ก็จะส่งผลกระทบมาก หากว่าน้อยก็ส่งผลกระทบน้อย" นายกรอสส์กล่าว
ตะลึง แผ่นดินไหว-สึนามิถล่ม ญี่ปุ่น สร้างความเสียหายด้านเศรษฐกิจสูงสุดของประวัติศาสตร์ภัยพิบัติโลก
สำนักข่างต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 14 มี.ค.ว่า ผู้เชี่ยวชาญได้ประเมินว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิถล่มเกาะฮอนชู ของญี่ปุ่น ที่ผ่านมา ได้ติดอันดับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่สร้างมูลค่าความเสียหายมากที่สุดของโลก โดยล่าสุด เมื่อวันจันทร์ ธนาคารกลางญี่ปุ่นได้ประกาศจะอัดฉีดเงินจำนวน 183,000 ล้านดอลลลาร์ เข้ายังตลาดหุ้นเพื่อรับประกันนักลงทุนให้เชื่อมั่นต่อการลงทุนตลาดหุ้นญี่ปุ่น นอกจากนี้ ธนาคารญี่ปุ่น ยังได้สำรองเงินมูลค่า 61,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือสำหรับสินทรัพย์ที่เสี่ยง เพื่อพยายามเพิ่มความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจที่กำลังได้รับผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติ ทั้งนี้ เมื่อวันจันทร์ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นซึ่งเปิดทำการวันแรกของเหตุภัยพิบัติญี่ปุ่น ได้ร่วงรูดตกกว่า 6.4 % สูงกว่าเมื่อเดือนก.ย.ปี 2008 จากกรณีบริษัทเลห์แมน บราเธ่อร์ส ล้มละลาย
รายงานระบุว่า นอกจากนี้ประเมินว่า การฟื้นฟูบูรณะต่าง ๆ ยังจะเพิ่มหนี้สาธารณะญี่ปุ่นให้เพิ่มสูงขึ้น หรือคิดว่าเกือบเท่าตัวของตัวเลขจีพีดีทั้งหมดสองเท่าตัว และถือว่าสุงที่สุดในประเทศโลกพัฒนาแล้ว นอกจากนี้ ประเมินว่า ความสูญเสียต่างๆ นั้น คิดเป็นมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์ รวมทั้งความสูญเสียด้านบ้านเรือนคิดเป็นมูลค่า 20,000 ล้านดอลลาร์ ด้านสาธารณูปโภค 40,000 ล้านดอลลาร์ ตั้งแต่ถนน รางรถไฟ และท่าเรือ
ทางด้านหน่วยงาน"AiR"ประเมินด้วยว่า ความสูญเสียด้านค่าใช้จ่ายประกันภัยอาจพุ่งถึงราว 15,000-35,000 ล้านดอลลาร์ เฉพาะภัยแผ่นดินไหวเท่านั้น และยังไม่นับรวมความเสียหายที่เกิดขึ้นจากคลื่นยักษ์สึนามิถล่ม หรือความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ของญี่ปุ่นด้วย
เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์โรงไฟฟ้าฟูกุชิมาระเบิดยังไม่มีรายงานคนบาดเจ็บ
สำนักข่าวเอ็นเอชเคของญี่ปุ่นรายงานว่า เวลา 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นญี่ปุ่น วันที่ 14 มีนาคม ได้เกิดเหตุระเบิดที่เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 3 ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ฟูกุชิมา ไดอิชิ โดยมีควันสีขาวฟุ้งกระจายขึ้นมาจากอาคารเตาปฏิกรณ์
สาเหตุการระเบิดเป็นผลมาจากการสั่งสมของก๊าซไฮโดรเจนที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการเติมน้ำเข้าไปหล่อเลี้ยงแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์เพื่อระบายความร้อน หลังจากระบบความร้อนไม่ทำงานเนื่องจากระบบปิดอัตโนมัติหลังแผ่นดินไหว และก๊าซไฮโดรเจนทำปฏิกิริยากับก๊าซออกซิเจนจนเกิดการระเบิด
ด้านโฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นแถลงว่า ประชาชนที่อยู่ในรัศมี 20 กิโลเมตร รอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จังหวัดฟูกุชิมาได้รับคำสั่งให้อยู่แต่ในบ้านเรือนเพื่อความปลอดภัย ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิด และยังไม่มีความเสียหายต่อตัวคอนเทนเนอร์เหล็กที่ครอบเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์
ญี่ปุ่นประกาศภาวะฉุกเฉินที่โรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์โอนาวาวะ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 14 มีนาคม อ้างคำเปิดเผยของเจ้าหน้าที่หน่วยงานพลังงานนิวเคลียร์ระหว่างประเทศ หรือไอเออีเอ ว่าได้รับรายงานจากบริษัท โตโฮกุ อิเล็กทริก เพาเวอร์ ว่าได้ประกาศภาวะฉุกเฉินทางนิวเคลียร์ในระดับที่ 1 ที่เป็นระดับต่ำสุด ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์โอนาวาวะ หลังพบการแพร่กระจายของสารกัมมันตภาพรังสีในปริมาณสูงบริเวณโดยรอบโรงไฟฟ้าดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบหาที่มาของการรั่วไหล อย่างไรก็ดี เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทั้ง 3 เครื่องภายในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์โอนาวาวะยังทำงานเป็นปกติและอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่
ญี่ปุ่นเผยคลื่นสึนามิสูง 3 เมตรจ่อถล่มอีก ทางชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 14 มี.ค.ว่า เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นเปิดเผยว่า คลื่นสึนามิขนาดสูง 3 เมตร เตรียมจะกระทบชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงเช้าวันจันทร์นี้ โดยคาดว่าจะกระทบในอีกไม่กี่นาทีนี้
คลื่นดังกล่าวถูกจับพบได้จากเฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงดับเพลิงนอกเมืองฟูกูชิมา โดยสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเครายงานเมื่อเวลา 11.20 น.ระบุว่า คลื่่นสึนามิดังกล่าว จะกระทบชายฝั่งญี่ปุ่นในอีก 15 นาที
ด้านทหารและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ดังกล่าว ได้เตือนประชาชนให้ออกจากพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากคลื่นสึนามิถล่ม โดยได้สั่งให้ประชาชนอพยพไปยังพื้นที่สูงแล้ว นอกจากนี้ ยังมีการเปิดไซเรนทั่วเมืองโซมา และมีการออกประกาศเตือนสั่งให้ประชาชนอพยพขึ้นที่สูงด้วย