ไม่ดัก100%
มันคือดาวที่มีชื่อตั้งทางวิทยาศาตร์ว่า นิบิรุ Nibiru
และด้วยหลักฐานโบราณวัตถุและนักโบราณคดีได้กล่าวไว้เนืองๆ ว่า...สิ่งของที่ไม่สามารถอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ได้เกิดจากดาวดวงนี้
แปลว่า... ที่นักวิทยาศาสตร์เห็นเพิ่มมาดวงก็แปลว่ามันโคจรเข้ามาใกล้กาแล็คซี่เราสินะ ถูกครึ่งเดียวครับ ความจริงมันเเข้ามาทับวงโคจรทั้งแถบเลย
อันนี้ใช้เทคโนโลยี้ขั้นสูงในการถ่ายซูมครับ ทำให้รู้ได้ว่า ดาวนี้เป็น ดาวฤกษ์ครับและทับเข้ามาแค่ไหนเส้นทางการเดินทางของวงโคจรดาว นิบิรุ เข้ามาทับเส้นเดียวกับโลกเลยครับแปลว่า... มันมีสิทธิชนโลกเราอย่างแน่นอน!!!
รูปนี้คือเส้นวงโคจรของดาวนิบิรุครับ
มันเข้าใกล้มาจริงเร้อ?เส้นทางวงโคจร ทำให้เรารู้ได้ว่าทางเราส่องดาวบริเวณทิศใต้สุดของดาวโลกเราจะเห็นแต่ปัจจุบันนี้ ปีนี้สามารถเห็นได้ด้วยเปล่าแล้ว
(เส้นขาวๆ คือลูกศรชี้ตำแหน่งดาวนิบิรุครับ)
และสำหรับคนที่อยากเห็นแต่ไม่มีตังไปออสเตรเลียหรือประเทศอะไรที่อยู่ทางใต้ของโลกนะครับแนะนำให้ลองใช้โปรแกรม googleSky ดู ท่านจะเห็นเป็นวงแดงๆ อยู่วงเดียวทั้งท้องฟ้า นั่นหละครับ นิบิรุ...แล้วทำไม? มันเกี่ยวอะไรกับโบราณสถานและวัตถุในอดีตหละนักโบราณฯ สันนิษฐานว่า นิบิรุเคยโคจรเข้ามาใกล้ทีนึงแล้วในเมื่อหลายแสนปีก่อนแต่มารอบนี้ มาเทียบและทาบวงโคจรของดาวนิบิรุ คาดว่ามีโอกาสที่จะชนกันสูงหรือแม้เฉียดกันก็เกิดอันตรายเพราะแกนของดาวมีสนามแม่เหล็กอยู่ อาจจะทำให้เกิดสภาพอากาศแปรปรวน เกิดภัยพิบัติธรรมชาติเกิดภาวะน้ำขึ้นกระทันหัน เกิดพายุต่างๆ นาๆและเค้าคาดการณ์ไว้แล้วว่า ปี 2012 เราสามารจะเห็นดาวนิบิรุ ใหญ่ขนาดดวงอาทิตย์ได้เลย เพราะมันเข้าใกล้เรามากแล้ว ข้อมูลอาจจะยังไม่แน่นพอ เพราะ NASA ปิดข่าว เพราะกลัวว่าถ้าประกาศข่าวนี้แก่ชาวโลกรู้ท่านลองคิดดูสิว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อท่านรู้ตัวว่าจะตายในอีกไม่กี่ปีข้าวหน้า ท่านจะใช้ชีวิตที่สุดเหวี่ยงเลยใช่มะ โลกจะเกิดอาชญากรรมเพิ่มขึ้น 80% โลกทั้งโลกจะวุ่นวาย เค้าเลยปิดเป็นความลับ (เฮอๆดีเน้อ) แต่นักดาราศาสตร์ออกมาอธิบายเรื่องทฤษฎีความเป็นไปได้กันอย่างจ้าละหวั่นข้อมูลที่ยังขัดแย้งกันอยู่คือ บางแหล่งบอก ดาวฤกษ์ และอุกกาบาต เพราะขนาดของมันใหญ่กว่าดาวพฤหัส 2 เท่า!!!(ดาวพฤหัสเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบนี้)
ข่าวใหม่ล่าสุด 23 พ.ค. 2552 ช่อง 11 (4 ทุ่ม) มีการคุยเรื่อง ภัยพิบัติล้างโลก 2012 อาจารย์ สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้วชาญไฮโดรเจน จากองค์การนาซ่า และเป็นผู้บุกเบิกรถยนต์ Hydrogen ในประเทศไทย ด้วยวิธีการใช้ไฟฟ้าแยกน้ำที่มี
ประสิทธิภาพสูง
อาจารย์ สุมิตร" ทำงานในองค์การ NASA ในสายงานคือ ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก เพื่อสร้างยานอวกาศ เพื่ออพยพผู้คนจาก อุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 (แต่รู้ในวงจำกัด) "อาจารย์ สุมิตร" ยืนยันว่าอีก 3 ปี ข้างหน้านี้ โลกกำลังจะเกิดหายนะขึ้นจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 แน่นอน
และคนในองค์การ NASA ทุกคนทราบเรื่องนี้มานานแล้ว แล้วได้สร้างยานอวกาศเพื่ออพยพผู้คนจาก อุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 ใกล้เสร็จแล้ว (แต่ "อาจารย์ สุมิตร" ไม่ได้บอกว่าสร้างไว้กี่ลำ)
(ตึกใบหยกที่เราแสนจะภูมิใจในความสูง)
"อาจารย์ สุมิตร" ยังยืนยันด้วยว่า มนุษย์ต่างดาวนั้นมีจริง ปัจจุบันมีมนุษย์ต่างดาวมาทำงานร่วมกับองค์การ NASA โดยสื่อสารทาง "โทรจิต" ในการถ่ายทอดความรู้ทางเทคโนโลยี เพื่อช่วยมนุษย์จากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 (มนุษย์บางคนเท่านั้นที่ถูกเลือกให้รอด) "อาจารย์ สุมิตร" ยังยืนยันด้วยว่าโลกมนุษย์เรา ไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว ในจักรวาลอื่นๆ ก็มีมนุษย์ต่างดาวประมาณ 200 จักรวาล ซึ่งโลกของเราเป็นเพียงจักรวาลเล็กๆ 1 จักรวาล เท่านั้น เราไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวหรอกนะ
"อาจารย์ สุมิตร" บอกว่า มนุษย์โลกสามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวมานานแล้วโดยทาง "โทรจิต" แต่ทาง "สหรัฐอเมริกา" นั้นค่อนข้างปกปิด เรื่องนี้ ทำให้คนส่วนมากในโลกไม่รู้ ในเมื่อไม่รู้ ก็จะมองว่าเรื่องมนุษย์ต่างดาวเป็นเรื่องเหลวไหล "อาจารย์ สุมิตร" เป็นนักวิทยาศาสตร์องค์การ NASA มาหลายปีแล้ว ท่านเคยไปบอกให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ของไทยควรเร่งสร้างยานอวกาศ เพื่ออพยพคนไทยจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 โดยเร็ว เพราะ "คุณสุวิช" มีเทคโนโลยีในการสร้างแล้ว ขาดก็แต่งบประมาณเท่านั้น แต่กลับไม่มีใครเชื่อ แถมมองว่าท่านเป็นบ้าอีกด้วย พวกฝรั่งเขารู้กันมานาน เขาสร้างยานอวกาศเพื่ออพยพผู้คนจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกในค.ศ. 2012 เกือบเสร็จแล้ว แต่คนไทยยังไม่เชื่อ จะจมน้ำตายกันอยู่แล้ว ไม่รู้วันๆ คนไทยทำอะไรกันอยู่ น่าสงสารคนไทยจริงๆ"อาจารย์ สุมิตร" ยืนยันว่าอีก 3 ปี ข้างหน้านี้ โลกกำลังจะเกิดหายนะขึ้นจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 แน่นอน นี่เป็นเรื่องจริง ที่ฝรั่งเค้าตื่นตัวกันมาก โดยเฉพาะในหมู่นักวิทยาศาสตร์อวกาศ แต่คนไทยเกือบทั้งหมดยังไม่รู้เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ น่าสงสารคนไทยจริงๆ"อาจารย์ สุมิตร" กล่าวว่า คนไทยน่าจะเลิกทะเลาะกันได้แล้ว อีก 3 ปี ได้จมน้ำตายแน่ๆ เพราะอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012นั้นเป็นวันหายนะที่ร้ายแรงมาก ร้ายแรงขนาดล้างโลกเลยทีเดียว ไม่งั้นมนุษย์ต่างดาวเค้าคงไม่มาทำงานร่วมกับองค์การ NASA เพื่อช่วยในการสร้างยานอพยพผู้คนในครั้งนี้เป็นแน่นี่เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องเหลวไหล เพราะ อาจารย์ สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็นนักวิทยาศาสตร์องค์การ NASA จริง มีตัวตนจริงๆ
ลองหาข้อมูลของ อาจารย์ สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา ใน Google ดูนะ
ฉะนั้นบอกคนที่คุณรักซะว่าคุณรักเค้ามากแค่ไหนเพราะอีก3ปี...คงไม่มีโอกาสได้บอก
ทาง NASA ได้คํานวนไว้เเล้ว
- ระบบอิเล็กโทรนิคจำนวนมากจะทำงานผิดปกติ (ระบบขีปนาวุธ computer)
- การอพยพของฝูงสัตว์ เช่น นก หรือปลาวาฬ ทำให้สูญเสียทิศทางและอื่นๆ
- ระบบภูมิคุ้มกันโรคในบรรดาสัตว์รวมถึงมนุษย์จะทำให้อ่อนอย่างมาก
- ทำให้ภูเขาไฟเพิ่มขึ้น เกิดการเคลื่อนที่ของเปลือกโลก แผ่นดินไหว และแผ่นดินถล่ม
- สนามแม่แหล็กโลก (Magnetosphere) จะอ่อนแอลง และการแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์จะเพิ่มปริมาณถึงระดับอันตราย ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังตามมา ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้เเละในที่สุดเราก็จะตายกันหมด
- กลุ่มวัตถุในอวกาศที่มีเส้นผ่านมากมายจะเฉียดเข้าใกล้โลกได้ง่ายขึ้น
-แรงดึงดูดของโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
นอกกรอบ
ทางโหราศาสตร์ - บ่งบอกว่าจะเกิดการเรียงตัวกันของ โลก กาแล็คซี่ทางช้างเผือก และดวงอาทิตย์
ทางโบราณคดี - อย่างที่พูดข้างต้นไว้...เป็นวันสุดท้ายในปฏิทินของช าวมายันมีเเค่ 2012 เท่านั้น
ทางการทำนาย - นอสตราดามุสได้ทำนายไว้กับราศีตีความแล้วสอดคล้องกับ ทางโหราศาสตร์
ทางด้าน UFO - ผู้ที่ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้อ้างว่ามนุษย์ต่างดาวได้บอกเค้า(แล้วแต่ความเชื่อ...)
หรือมันจะเป็นเเบบนี้ ไมมีไครคิดไว้เลย 3 ปีเท่านั้นรอดูกั
[attach]18020[/attach]
แบบจำลองคอมพิวเตอร์ ทำนายการพลิกกลับขั้วของแม่เหล็กโลก อาจนำมาสู่การสิ้นสุดอารยธรรมมนุษย์ในปี 2012
จากการทำงานของนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่ง ที่ได้ศึกษาปรากฎการณ์แกนโลกพลิกตัว บอกว่าโลกและดวงอาทิตย์ ทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกันและสัมพันธ์กัน โดยจะแลกเปลี่พลังงานและใช้จนหมดกระบวนการหนึ่ง จนเกิดกระบวนการของการพลิกกลับขั้วเกิดขึ้น ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีก่อน เมื่อสัตว์จำพวกไดโนเสาร์ที่สาบสูญไปในช่วงเวลานั้น
ดาว NIBIRU
ที่สามารถมองเห็นด้วยกล้องดดาว
....ปัจจัยที่ดาวนิบิรุชนดาวโลกในปัจจัยข้อนี้มีโอกาศชนถึง 95 เปอร์เซ็นโดยประมาณที่จะทำไห้โลกแตกและหายไปทั้งดวงและอีก 3 เปอร์เซ็นโดยประมาณโลกจะหายไปส่วนหนึงดาวโลกจะเกิดการขาดสมดุลทางด้านแรงโน้มถ่วงและทำไห้โลกเราอาจจะเกิดการเปลี่ยนวงโครจรและทำไห้มนุษย์ตายและลอยเควงควางอยู่กลางอากาศอีก 1 เปอร์เซ็นโดยประมาณดาวนิบิรุชนดวงจันทร์ทำไห้ดาวนิบิรุเปลี่ยนวงโคจรทำไห้ไม่ชนโลกแต่สะเก็ดดวงจันทร์จะตกลงมายังโลกและเกิดการเสียหายอยู่ดีและทำไห้น้ำถ้วมโลกเพราะไม่มีดวงจันทร์ทำไห้ไม่เกิดปรากฎการน้ำขึ้นน้ำลงจึงทำไห้นำถ้วมโลกอยู่ดีและอีก 0.02 โดยประมาณดาวนิบิรุเพียงแค่เฉียดโลกเฉยๆ
ทั้ง 3 อย่าง NASA ว่าจะเกิดขึ้น(พร้อมกัน) ในวันที่ 22 หรือ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2012
หรือ พ. ศ. 2555
ไม่ว่าจะทางใด ดูจากหลาย ๆ ทางแล้วชี้ไปในปีเดียวกัน ความเชื่อมั่นกับสิ่งที่จะเกิดในปี 2012 นั้นน่าจะมีอะไรเกิดการเปลี่ยนแปลงแน่ ๆ แต่ที่แน่ ๆ ในปัจจุบันผมมั่นใจว่ามันน่าจะเริ่มเกิดขึ้นแล้ว โดยสังเกตุจากผลกระทบจากภัยธรรมชาตินี่เอง เมื่อกลับมามองดูปี 2012 ก็เลยมานั่งพิจรณาดูเล่น ๆ (การนับเลขฐานสิบจะนับศูนย์ถึงเก้า) ถ้าเราตัดเลขสองออกก็จะได้เลขนับ 0->1->2 เมื่อมาดูเป็นปี พ.ศ. มันเป็นปี 2555 (เลยสวยมาก) ถ้าเราตัดเลขสองออกเช่นกัน จะได้เลข 5 เรียงตัวกัน 3 ตัวผมขอโยงไปเรื่องโหราศาตร์ที่จะมี โลก กาแล็คซี่ และดวงอาทิตย์ ที่จะเกิดการเรียงตัวกัน ผลลัพธ์นั้นคงบอกไม่ได้ อาจเกิดผลกระทบรุนแรงต่อโลกหรืออาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยก็ได้ เพราะสิ่งที่เราไม่รู้นั้นยังมีอีกมากมายทั้งในอวกาศและจักรวาล ยังที่บอกไวว่าดาวเเบบเราไม่ได้มีเเบบนี้ใบเดียวจริงๆ มี 200 กว่าดวง
ข้างล่างนี้เเล้วเเต่คนจะเชื่อคับ
1. ประกาศจากองค์การ NASA วันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) วันนั้นแกนโลกของเราจะพลิกกลับขั้ว คือ ขั้วโลกเหนือจะมาอยู่ที่ขั้วโลกใต้ ช่วงเวลานั้น โลกของเราจะไม่มีสนามพลังแม่เหล็ก เพื่อป้องกันตัวเองจากสนามพลังแม่เหล็ก และ รังษีต่างๆจากอวกาศ
แล้ววัน นั้นจะเป็นวันเดียวกับที่ ดวงอาทิตย์จะพลิกกลับขั้วเช่นกัน เพราะดวงอาทิตย์จะพลิกกลับขั้วทุกๆ 11 ปี ปีล่าสุดคือปี พ.ศ. 2544 ถ้ามาถึงวันนี้ก็ 11 ปีพอดี (2544 + 11 = 2555) ขณะ ที่ดวงอาทิตย์กำลังพลิกกลับขั้วนั้น ดวงอาทิตย์จะแผ่สนามแม่เหล็ก และรังษีความร้อนสูงมายังโลก ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่โลก ไม่มีสนามแม่เหล็กป้องกันตัวเอง ผลคือ น้ำแข็งขั้วโลกละลายฉับพลัน น้ำท่วมโลกฉับพลัน ไม่มีทางหนีได้ทัน ในวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)
2. ชาวมายา (ชนเผ่ามายาแห่งอเมริกากลาง) ทำปฏิทินใช้เองตั้งแต่ 1,000 ปีที่แล้ว ชนเผ่ามายานี้มีความสามารถในการคำนวนการโคจร การเกิดดับของดวงดาวอย่างไม่น่าเชื่อ คือเขาสามารถคำนวนว่า โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์โดยใช้เวลา 365 วัน ตั้งแต่ 1,000 ปีที่แล้ว ซึ่งตรงกับปฏิทินที่ชาวโลกปัจจุบันใช้กัน แล้วยังสามารถคำนวนเกี่ยวกับระบบสุริยะจักรวาลได้อย่างแม่นยำมาก
ชาว มายายังกำหนดวันสุดท้ายของปฏิทินของพวกเขาคือ วันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) พวกเขาบอกด้วยว่า วันนั้นโลกจะถึงจุดสิ้นสุด (โดยบอกไว้เมื่อ 1,000 กว่าปีที่แล้ว) น่าแปลกมาก ทำไมมาตรงกับองค์การ NASA อ่ะ
3. นาย Gordon-Michael Scallion เป็นผู้หยั่งรู้อนาคต (futurist) มีญาณทัศนะ(Spiritual Visionary) คือมองเห็นอนาคตด้วยญาณ มีความแม่นยำมาก เขาได้ทำนายว่า น้ำกำลังจะท่วมโลก จนหลายประเทศหายไปจากแผนที่ ประเทศที่เป็นเกาะจะจมน้ำทั้งหมด ประชากรโลกที่รอดตายมีเพียง 10% เท่านั้น เขาเชื่อว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นในระหว่างปี 1998-2012 (พ.ศ.2541-พ.ศ.2555) และเขาได้สร้างแผนที่โลกใหม่หลังน้ำท่วมครั้งใหญ่ ภายใต้ชื่อ Future Map Of The World ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1978 (พ.ศ. 2521) ซึ่งประเทศไทยเหลือแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
ทําไมหน้ากลัวยังงี้นะ
ทำไมจึงไม่เป็นข่าวใหญ่โตหลายคนคงสงสัยผมได้ข้อมูลมาคับ
หลายคนสงสัยว่าทำไมไม่มีข่าวออกทาง TV
เค้าประกาศเป็นข่าวใหญ่ทั่วโลกมาหลายปีแล้วคับ ถ้าอยากจะอ่านย้อนหลัง
ให้เข้า Google พิมพ์ว่า องค์การ NASA แกนโลกพลิก 2012
หรือถ้าชอบอ่านภาษาอังกฤษให้พิมพ์ว่า Pole Shift NASA 2012
ถ้าคิดว่า อะไรที่เป็นข่าวจะต้องออก TV ล่ะก็นะ
พี่ๆคงเข้าใจผิดอ่ะคับ เพราะ TV เมืองไทยเค้าเซ็นเซอร์ เค้าไม่ได้ให้ออกทุกอย่างหรอก
ข่าวบางอย่าง ประเทศอื่นเป็นข่าว แต่ในไทยไม่ออกข่าว มีมากมาย เพราะมีญาติอยู่ที่อเมริกา
TV เมืองไทย ไม่ได้เสรีอย่าง อเมริกา
ถ้าจะดูข่าวแบบไม่เซ็นเซอร์ ขอแนะนำให้ดูทาง เคเบิ้ล TV
หรือติดจานดาวเทียม หรือ ตามข่าวจาก Internet เพราะสื่อแบบหลังๆนี้ ไม่มีการเซ็นเซอร์เนื้อหา มาแบบเต็มๆคับ
หลายๆคนเค้าเลิกดู TV เมืองไทยแล้ว งี่เง่า ห่วยแตก ปัญญาอ่อน แหะๆ ดูแล้วหงุดหงิดอ่ะคับ
รื่องแกนโลกพลิกเนี่ย เป็นข่าวใหญ่ในอเมริกา และ ยุโรป เมื่อหลายปีก่อนแล้ว
แต่เมืองไทยกลับไม่มีข่าว สงสารคนไทยจริงๆคับ ดีนะยังมี Internet
เพราะถึงแม้ว่าคนทั่วไปจะรับรู้ทุกๆคน ก็ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไร ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย
แม้แต่องค์การ NASA เอง ก็ไม่มีทางแก้ไขอะไรเลย เพราะนี่คือมหันตภัยที่ใหญ่หลวงที่สุด เท่าที่มนุษย์เคยพบมา
ไม่มีทางแก้ไขอะไรได้ ทางรอดมีทางเดียว อพยพผู้คนไปดาวดวงอื่นคับ ซึ่งในทางปฏิบัติ น่าจะเป็นไปได้เพราะ NASA ต้องหาทางออกได้เเน่
เเละคุนจะทําไงต่อไป
1. หาวิธีเอาตัวรอดที่จะอยู่บนโลกนี้
2. อยู่เฉยๆ
3. ไม่รู้เหมือนกัน
4. รอความตาย(ทุกวันนี้จะอยู่ไปทำใม อยู่ไปก็ตายอยู่ดี)
ขอให้ทุกคนโชคดีครับ เกมอสุราเหลืออีก1ปี!!
ปล.เห้ยยยยยยยยยยยยย