เงียบจริงๆ เงียบเป็นเป่าครกเป่าสากเลย เข้ามาด่าบ้างก็ได้ไม่ว่ากัน
อุ้ยลืม จะเข้ามาบอกว่า บทต่อมาเสร็จแล้ว~~~~~~~~~~
_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-
บทที่ 1
ตอนที่ 1
ผู้เหมาะสมและการเดินทาง
ราตรีแล้วราตรีเล่าผ่านไปอย่างไร้ความหมาย ลิลลี่ยังคงแสวงหาผู้เหมาะสมอย่างยากเย็น ด้วยว่าอาจารย์ผู้นี้รวดเร็วดุจสายลม ลิลลี่ยังเดินทางตามหาอย่างมุ่งมั่น จากเซาเทิร์น ฟอทไปเรดคริฟ จากเรดคริฟไปเดธวอลเล่ย์ แต่ในที่สุด มันก็มาจบลงที่ เซาเทิร์น ฟอท
ลิลลี่มองเข็มทิศด้วยความยินดี พิกัดเหลือแค่ 3 กิโลเมตร แต่เธออาจไปไม่ทัน
ดังนั้น ลิลลี่จึงหยิบยาขวดหนึ่งขึ้นมาดื่ม เป็นยาเพิ่มกล้ามเนื้อขาชนิดพิเศษ 24 ชั่วโมงแล้วออกแรงพุ่งไป เมื่อมองเห็นเป้าหมาย คือ เด็กหนุ่มร่างผอมสูงกำลังเก็บของใส่กระเป๋าหลังตราพิกม่า
ลิลลี่คว้าก้อนหินเล็งไปทันที
แม้ไม่ได้ตั้งใจให้โดนตรงๆ แต่ก้อนหินนั้นปลิวไปโดนแข้งของเขา เกิดเสียงดัง“เก๊ะ”
เมื่อหินนั้นกระทบกับเกราะ เขาหันมาทันที
“ท่านอาจารย์...” ลิลลี่เปล่งเสียงด้วยความเหนื่อยอ่อน ก่อนล้มลงและหมดสติลงทันใด
เธอตื่นขึ้นมาในห้องหนึ่ง ลิลลี่ขยี้ตาก่อนลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว เสียงเด็กหนุ่มผู้หนึ่งร้องห้ามไว้
“อย่า! เจ้ายังไม่หาย นี่ก็เย็นแล้ว มารับประทานอาหารเถิด พรุ่งนี้เจ้าคงหาย และออกเดินทางได้”
ลิลลี่รับคำ เมื่อเห็นเด็กหนุ่มหน้าตาคมคายโผล่มาหลังตู้ใบใหญ่ที่เขากำลังรื้อค้น
เขาปราดเข้ามาพยุงให้เธอนั่งบนเก้าอี้เพื่อทานอาหารซึ่งอยู่บนโต๊ะ ก่อนลิลลี่จะเอ่ยปากถาม
“ที่นี่...”
“ที่นี่คือโรมแรมของมาดามหว่องในเซาเทิร์น ฟอท ข้าพาเจ้ามาพักที่นี่ เพราะเจ้ามีไข้สูง หากพรุ่งนี้ไข้เจ้าลด เราก็สามารถเดินทางได้”
ลิลลี่กล่าวขอบคุณพร้อมๆกับที่ประตูถูกเปิดผางออก แล้วเด็กสาวอายุมากกว่าเธอไม่กี่ปีก็เผ่นแผล้วเข้ามาพลางฟ้องทันที
“พี่! อีตานี่บอกว่ามันเป็นศิษย์ข้า พี่ก็รู้ว่าข้ายังไม่เปลี่ยนอาชีพด้วยซ้ำ”
มือซ้ายของเด็กหญิงหิ้วคอเสื้อใครบางคนมาด้วย ซึ่งนั่นทำให้ลิลลี่ดีใจจนลืมความปวดร้าวทั่วร่างกาย
“พี่เจมส์!”
“ไง น้องข้า มานี่ทีซิ พี่แกจะตายอยู่แล้ว”
แฮร์รี่ทักตอบด้วยอารมณ์หงุดหงิด เด็กสาวที่หิ้วแฮร์รี่มาก็พูดประชดประชัน
“แหม ดีใจกันซะเหลือเกิน ฉันไม่ดีใจหรอกย่ะ เจอกันแล้วก็ไปให้พ้นหน้าฉันซะ ไป!”
“เบลล่า” อาจารย์ปราม
“ทำไมล่ะ” เอริก้าเรรวนเหมือนเด็กๆ
“เข็มทิศบอกความจริงเสมอ เจ้าอาจเป็นผู้เหมาะสมแก่เขาจริง”
เอริก้ามีท่าทางกระฟัดกระเฟียดเล็กน้อย แต่เมื่อเถียงพี่ไม่ได้ จึงต้องเงียบอย่างไม่เต็ม
ใจ
“เจ้าชื่ออะไร”
“ข้าชื่อแฮร์รี่ น้องข้าชื่อลิลลี่ จะมาเปลื่ยนเป็นเวนสเตอร์”
“เวลานี้เป็นเวลาเย็น พรุ่งนี้เราควรออกเดินทางไปสมทบกับลูกศิษย์ของข้าอีก 2 คน ค่ำนี้เจ้าสองคน” อาจารย์ชี้ไปที่แฮร์รี่กับเอริก้า “ไปนอนห้องนั้น”อาจารย์ชี้ไปที่ห้องที่ติดกับห้องนี้ ซึ่งกั้นด้วยมูลี่บางๆ “เพราะเด็กคนนี้ต้องได้รับการดูแล และแฮร์รี่ต้องเป็นศิษย์ของเอริก้า แต่ข้าจะช่วยดูแล แฮร์รี่ต้องทำเควสกับข้า”
เอริก้าออกไปอย่างอารมณ์ไม่ค่อยดี แฮร์รี่มองอย่างลังเลแล้วเดินตามหลังเอริก้าออก
ไป
อาจารย์เดินไปที่หีบพลางบอกว่า
“วันนี้ ตอน 1 ทุ่ม เอริก้าจะมารับเจ้าไปอาบน้ำ แล้วกลับมานอนที่นี่ พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางไปที่ ‘หุบเขาเจ็ดบุปผา’”
“เจ้าค่ะ”
แล้วลิลลี่ก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย จนกระทั่งเอริก้าพาไปอาบน้ำ และเมื่อลิลลี่ล้มตัวลงบนเตียงอีกครั้ง 1วันก็ผ่านพ้นไป
รอย อาจารย์ผู้ไร้นาม ตื่นขึ้นมาในห้องที่สว่างไสวด้วยแสงแดดเจิดจ้า เขาลุกไปอาบน้ำทันที แล้วกลับเข้ามาในห้องซึ่งเด็กหญิงหลับอยู่ เขานั่งลงบนเตียงแล้วก้มลงมองใบหน้าที่เขาไม่เคยลืม
“อลิซาเบ็ธ ลิลลี่”
เขาเอ่ย แม้ประหลาดใจที่ตนจำได้ แต่ในมโนภาพนึกถึงเด็กหญิงผมเปียหน้ากลมแก้มป่อง ผิวผุดผ่องเพียงดวงจันทร์ ตาวราวรัตติกาลทอแววร่าเริงแจ่มใส
เขายิ้มอย่างไม่เคยทำในรอบหลายปี แล้วเอื้อมมือไปลูบแก้มเด็กหญิงที่โตขึ้นมากแล้วเบาๆ ด้วยความคิดถึง แต่นั่นทำให้ลิลลี่ตื่นขึ้นทันใด เขารีบปั้นสีหน้าแก้ตัว
“ไข้เจ้าลดลงมากแล้ว เจ้ารีบเก็บของเถิด เราจะออกเดินทางไปไม่ช้าก็เร็ว”
เขารีบผุดผันออกจากห้องไป ลิลลี่ลูบแก้มสีแดงเรื่อของตนเบาๆ อย่างตะลึงน้อยๆ
“เฮ้อ! ช่างคิดไปได้นะเรา เค้าเป็นอาจารย์นะ”
ลิลลี่พูดและยิ้มกับตัวเอง
10 นาทีผ่านไป ลิลลี่เก็บของเล็กๆ น้อยๆ จากห้องจนหมด เมื่อแน่ใจว่าเก็บของหมดแล้ว เธอจึงลงไปหาทุกคนที่ห้องรับรองของโรงแรม
ณ ที่นั่น อาจารย์ก้มลงเช็คของและแผนที่ เอริก้ากำลังนั่งลับมีดที่เป็นมันวาวให้คม ส่วนแฮร์รี่กำลังนั่งบนเก้าอี้อย่างหงุดหงิด ซึ่งลิลลี่รู้สาเหตุว่า ที่แฮร์รี่หงุดหงิดเพราะทนที่จะอยู่นิ่งไม่ได้นั่นเอง และนั่นทำให้ลิลลี่ยิ้มกว้างขึ้น ก่อนที่เธอจะเดินไปสมทบกับเหล่าคณะ แล้วอาจารย์ก็ลุกแล้วเดินมาข้างหน้า
“พวกเราจะต้องเดินทางไปสมทบกับพาลาดินอีก 2 คน เพื่อเดินทางไปทำเควสที่หุบเขาเจ็ดบุปผา”
แล้วทั้งหมดก็ลุกขึ้นเดินตามอาจารย์ที่เดินนำออกไปนอกโรมแรมแล้วอย่างกระตือรือร้น เพื่อเดินไปที่รถไฟสายใหญ่ในเซาเทิร์น ฟอท เมื่อถึงสถานี เหล่าคณะก็พบพาลาดินสองคนปีนต้นไม้พลางหัวเราะครื้นเครงราวเด็ก
“ฟรอนเทียร์ ไทเฟียร์ ลงมาได้แล้ว”
สิ้นคำอาจารย์ พาลาดินสองคนนั้นก็กระโดดลงมาแล้วยิ้มแป้นเหมือนกัน
“ข้าว่าแล้วว่าพวกเจ้าไม่เหมาะเป็นพาลาดิน พวกเจ้าเหมาะเป็นแอสแซสซินมาก
กว่า”
อาจารย์พูดเหมือนเหนื่อยใจด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“ก็เราละเมิดกฎที่จะเป็นเบรดมาสเตอร์แล้ว”ฟรอนเทียร์พูด
“ยังจะให้เราเป็นสายเรนเจอร์อีกหรือ”ไทเฟียร์ต่อ
“ขนาดเราเป็นไฟเตอร์สายพาลาดินแล้วแม่ก็ขุ่นใจเลย”
“ถ้าเราเป็นเรนเจอร์สายแอสแซสซินแล้วแม่อาจปะทุภูเขาไฟก็ได้”
“พูดดีนี่ ไทเฟียร์” ฟรอนเทียร์ชมแล้วหัวเราะ
“เอาเถอะน่า”เอริก้าบอกพี่ขณะที่สองคนนั้นหัวเราะคิกคักและเอามือตีกัน
“โธ่! หยุดเสียที”ลิลลี่ขอ
“ว้า! เสียดายจัง”ทั้งสองพูดพร้อมกันแล้วหัวเราะอย่างร่าเริง
“พวกเจ้ารู้ใช่ไหม ว่าจุดหมายปลายทางของเรา ก็คือ ‘หุบเขา 7 บุปผา’”อาจารย์ขัดขึ้น และทั้งสองก็หยุดหัวเราะทันที
“ขอรับ/เจ้าค่ะ”ลูกศิษย์รับคำ
“ภารกิจที่พวกเจ้าได้รับมอบหมาย คือ พวกเจ้าต้องนั่งบนแท่นหินกลางน้ำตก เป็นเวลา 1 สัปดาห์ เมื่อนั่งบนแท่นหินน้ำตกจะลด HP ของพวกเจ้า 60 หน่วยต่อชั่วโมง แต่ก่อนที่พวกเจ้าจะทำภารกิจ พวกเจ้าต้องทานอาหารและสวมใส่เสื้อผ้าที่ข้าจัดหาให้ รวมทั้งเจ้าด้วย แฮร์รี่”อาจารย์เสริมเมื่อเห็นแฮร์รี่กับเอริก้าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่กัน
“พวกเจ้าจงตามข้ามา”อาจารย์บอกแล้วหมุนตัวสาวเท้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วจนแทบวิ่ง พวกเขารีบตามไปแทบไม่ทัน อาจารย์วิ่งผ่านบ้านเรือนเรียงรายตามสองข้างทาง และในที่สุด ก็หยุดลงที่สถานีรถไฟสายหลักของเมืองเซาเทิร์น ฟอท
“หยุดก่อน! เจ้าพลเรือน มีการใดที่เจ้าจะทำในที่นี้”ทหารคุมรถทักอย่างไม่เป็นมิตรด้วยใบหน้าเย็นชา
“ข้ามาที่นี่ตามความประสงค์ของท่านอาเธอร์ ขอท่านจงออกรถไฟเดี๋ยวนี้”อาจารย์สั่งเสียงเข้มพร้อมกับยื่นนามบัตรให้ ทหารนายนั้นมองดูเพียงชั่วครู่ แล้วท่าทีของเขาก็แปรเปลี่ยนไป
“ได้ขอรับ ขณะนี้รถของเราว่างอยู่ จะไปส่งเดี๋ยวนี้เลยนะขอรับ”ทหารบอกด้วยท่าทางนอบน้อม
ลูกศิษย์ทุกคนถึงกับงุนงงสุดขีดในท่าทีที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงของทหารคุมรถผู้นี้ เมื่อ
อาจารย์ผู้มีกริยานิ่งเฉยกระโดดขึ้นรถอย่างว่องไว ทหารคุมรถตระโกนสั่งคนขับ ลูกศิษย์จึงตระหนักว่าได้เวลาขยับเขยื้อนแล้ว
“เร็ว! อย่ามัวนิ่งเฉยอยู่เลย”อาจารย์เตือนอีกรอบ ทุกคนค่อยๆ ก้าวขึ้นรถไฟอย่างลังเล อาจารย์สั่งทหารที่ยืนอยู่อย่างรวดเร็ว
“ออกรถ” ทหารถ่ายทอดคำสั่งสั้นๆ ต่อไปเรื่อยๆ จนถึงผู้ขับ รถไฟสีเขียวมะกอกพ่นไอน้ำสีขาวออกมา แล้วแล่นช้าๆ ทหารคนเดิมกระโดดถอยหลังลงโค้งคำนับให้เขา เมื่อรถไฟเพิ่มระดับความเร็วขึ้น แล้วหักเลี้ยวหัวมุม เธอก็มิเห็นทหารรายนั้นอีกเลย
ในเวลาไม่นานนัก รถไฟคันหนึ่งจอดเทียบสถานีอย่างสง่างาม ร่างชายหนุ่มผู้ปราดเปรียวก้าวลงจากรถแล้วปัดผมสีน้ำตาลเข้มออกให้พ้นตา ลิลลี่ก้าวตามลงไปพร้อมกับเงยหน้าขึ้นสำรวจสถานที่เบื้องหน้าอย่างสนใจ หมอกยามเช้าสีขาวลอยละล่องผ่านภูเขาอันเขียวขจีและเต็มไปด้วยดอกไม้ใบหญ้าชนิดต่างๆ ชายหญิงเบื้องหลังเธอต่างอุทานต่างๆนานาด้วยตะลึงในความงามแห่งธรรมชาติ
“ไม่ว่าข้าจะมาอีกกี่ครั้ง มันก็ยังงามอยู่เช่นนี้” เสียงเอริก้าดังแว่วมาเหมือนอยู่ไกลแสนไกล อาจารย์หันไปคุยกับคนขับที่ยังนั่งอยู่บนรถด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดสักพัก แล้วเขาก็โบกมือลา ออกรถไฟคันนั้นกลับสู่สถานีที่มันจากมา
“พวกเจ้าไปรอตรงนั้นก่อน ระหว่างที่ข้าจัดของให้พวกเจ้า”อาจารย์ว่าพลางผายมือไปทางหินก้อนใหญ่ที่มีต้นไม้ล้อมรอบ ฟรอนเทียร์กับไทเฟียร์หันมายิ้มให้กันแล้วกระโจนไปทันที
รอยถอนใจก่อนนั่งลงบนก้อนหินก้อนหนึ่ง แล้วดึงของออกจากระเป๋าหลังตราพิกม่าทีละชิ้น ได้แก่ ถุงสีน้ำตาล 5 ใบ ขนมปังนมสด 5 ก้อน เสื้อหนังสัตว์ 5 ตัว กางเกงหนังสัตว์ขายาว 5 ตัว เสื้อคลุมสั้น 4 ตัว แต่ทว่า...
“อ้าว! เสื้อคลุมสั้นไม่พอ ไม่มีร้านแถวนี้ด้วย อืม...”เขาลุกขึ้นเดินไปมาพร้อมนับไปด้วย“1 ตัวของแฮร์รี่ 1ตัวของเอริก้า 1ตัวของฟรอนเทียร์ 1ตัวของไทเฟียร์ หากเป็นเช่นนั้นก็เหลือของลิลลี่สินะ อืม”รอยมองถุงอย่างชั่งใจ แล้วถอดเสื้อคลุมเขาใส่ในถุงใบสุดท้าย ก่อนจัดของเป็นชุดๆ ใส่ในถุงสีน้ำตาลทั้ง 5 ใบแล้วเดินไปหาพวกศิษย์
“เอ้า! นี่ของพวกเจ้า”เขาบอกพลางโยนถุงสีน้ำตาลให้“บัดนี้พวกเจ้าพร้อมแล้ว เจ้าจงไปนั่งตามชั้นต่างๆ ที่ข้าบอก เอริก้านั่งชั้นมณีเทวา แฮร์รี่นั่งชั้นบัว ฟรอนเทียร์ชั้นเยอบีร่า ไทเฟียร์ชั้นคาร์เนชั่น และลิลลี่ชั้นลีลาวดี”
หุบเขา 7 บุปผามี7ชั้น ได้แก่ ชั้นสร้อยฟ้า ชั้นชวนชม ชั้นลีลาวดี ชั้นบัวชั้นมณีเทวา ชั้น
คาร์เนชั่น ชั้นเยอบีร่าและมีถ้ำอยู่เหนือสุดเรียกว่า“ชั้นน้ำแข็ง 7 บุปผา”แต่มิได้นับเป็นชั้นแต่อย่างใด
“แล้วท่านเล่า”เอริก้าถามพี่ชาย
“ข้าจะรอพวกเจ้า ณ ชั้นน้ำแข็ง 7 บุปผา”
“อะไรนะ!”เอริก้าอ้าปากค้าง
“เจ้าไม่เชื่อใจพี่หรือ เบลล่า”รอยว่า และนั่นทำให้เอริก้านิ่งไปทันที
เขารู้ว่าทำไมเอริก้าจึงกล่าวเช่นนั้น เนื่องจากชั้นน้ำแข็ง 7 บุปผาเป็นถ้ำที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็ง ภายในถ้ำมีบ่อน้ำแข็งเปราะบางอยู่ ตรงกลางบ่อมีแท่นศิลาใหญ่และมีทางเดินทอดยาวไปยังแท่นศิลานั้น รอบๆสระน้ำมีดอกไม้จากทั้ง7ชั้นล้อมรอบ ที่ดูงดงามราวภาพมายา แต่ทว่า อากาศที่หนาวเย็นจะลดHP ผู้เข้าไป 60 หน่วยต่อนาที ด้วยเหตุนี้ เอริก้าจึงเป็นห่วงพี่ชายผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุขมา
“เอาล่ะ มีใครสงสัยอะไรไหม”รอยถาม และทุกคน แม้แต่เอริก้า ก็นิ่งเงียบ ดังนั้น เขาจึงถือเป็นข้อสรุป
“ไม่มี! ไปได้แล้ว” เขาบอกแล้วเดินแกมวิ่งขึ้นภูเขาเบื้องหน้า ทางเดินนั้นชันขึ้นเรื่อยๆ มีเสียงสะดุดบ้างเป็นบางครั้ง บ้างต้องปีนขึ้นกองหินเพื่อขึ้นเขาต่อไป หยาดเหงื่อจากใบหน้าลิลลี่ผุดขึ้นมาหยดแล้วหยดเล่า
เวลาผ่านไปเร็วราวโกหก ลิลลี่ปีนถึงลีลาวดีเป็นคนแรก เธอเดินหายไปหลังก้อนหินใหญ่ที่บดบังชั้นลีลาวดีจากสายตา เหล่าคณะยังปีนต่อให้ถึงจุดหมายของตน แฮร์รี่ออกจากคณะไปที่ชั้นบัวเป็นคนต่อไป ติดตามด้วยเอริก้าที่ชั้นมณีเทวา ไทเฟียร์ชั้นคาร์เนชั่นและฟรอลเทียร์ชั้น
เยอบีร่า ในที่สุดก็เหลือเขาคนเดียวที่ยังเดินด้วยความพยายามต่อไป ในหัวเขายังร้องบอกตลอดเวลาว่า...จะถึงแล้ว จะถึงแล้ว...
ในที่สุด รอยก็มาเจอปากถ้ำใหญ่ ใจหนึ่งก็ยินดี อีกใจหนึ่งก็หวาดหวั่น แม้เขาจะเคยมาที่นี่ แต่ครั้งนั้นเขาทนไม่ได้จนต้องออกจากการแข่งขัน เขาหันมาลาตะวันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะไม่ได้เห็นเป็นเวลา 7 วัน แล้วเดินผ่านม่านเถาไอวี่เข้าไปในถ้ำที่คุ้นเคย
อากาศหนาวเยือกเย็นบาดผิวเขาขณะที่เขาเดินช้าๆ ไปที่หินศิลาก้อนเดิม บรรยากาศภายในถ้ำยังเหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยน เขานั่งลงบนหินเย็นเฉียบพลางบังคับตัวเองไม่ให้สั่น พลางนึกกังวลถึงชะตากรรมของเหล่าคณะในหุบเขาแห่งนี้
ค่ำนี้ ทุกคนในหุบเขาต่างภาวนาให้สัปดาห์นี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทว่า ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าหัวใจของรอยได้เก็บภาพของใครบางคนไว้ตลอดกาล....