เคยทําข้อนึงจํามะได้เเต่ที่รู้ๆเครียดกว่าเดิม
ก่อนอื่นขอให้เรามาทำความเข้าใจกับธรรมชาติของความเหงาก่อนคือ ใครๆ ก็เหงาเป็นกันทั้งนั้น ปัญหาอยู่ที่ว่า เราจะจัดการกับมันอย่างไร ซึ่งถ้าจัดการกับมันดีๆ อาจพลิกวิกฤตให้กลายเป็นโอกาสแห่งการพัฒนาได้
ธรรมชาติของโลกเราคือ ข่าวดีมักจะมาคู่กับข่าวร้าย และข่าวร้ายก็มักจะมาคู่กับข่าวดี... ถ้าเรามองความเหงาเป็นข่าวร้าย... ข่าวนี้ก็มักจะมาคู่กับข่าวดีๆ เช่นกัน
วิธีในการบรรเทาความเหงา 10 ข้อ ผู้เขียนขออนุญาตเขียนแบบ "ไทย(หลาย)คำ-อังกฤษ(น้อย)คำ" เพื่อให้พวกเราได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษไปพร้อมๆ กันครับ
(1). Learn to become more self-sufficient = เรียนรู้การอยู่แบบพอเพียง
การอยู่แบบพอเพียงในที่นี้หมายถึงการ "ทำอะไรด้วยตัวเอง" หรือ "ช่วยเหลือตัวเอง" ได้พอสมควร เช่น ถ้าเป็นคุณยายและขับรถไม่เป็นก็อาจจะนั่งเหงาอยู่คนเดียวที่บ้าน ฯลฯ หลักการหนึ่งของโลกคือ เราต้องช่วยเหลือตัวเองก่อน พยายามให้เต็มที่ จึงจะมีคน "หันใจ (ภาษาเหนือ; หันใจ = เห็นใจ)"
...
ทีนี้ถ้าคุณยายเกิดใช้คอมพิวเตอร์เป็น ใช้อินเตอร์เน็ตเป็น... อาจทำให้ 'chat (พิมพ์ข้อความคุยกัน)' กับคุณหลาน ถ้าคุณยายเกิดใช้โทรศัพท์มือถือเป็น... อาจจะโทร.ไปคุยกับหลานได้
หรือถ้าพัฒนาความสามารถขึ้นไปอีก เช่น ถ้านั่งรถไฟฟ้าเป็น... อาจทำให้นัดไปเลี้ยงไอศกรีมกับหลาน และขึ้นรถไป "พบกันครึ่งทาง" ได้ ถ้าขับรถเป็น... อาจขับรถไปหาหลาน ดีไม่ดีเก่งขึ้นไปอีก... เขียนบล็อกในอินเตอร์เน็ตเป็น คราวนี้อาจกลายเป็น "คุณยายสุดฮอต (hot grandma / hot grandmother) มีเพื่อนฝูง มีกิจกรรมสนุกๆ ทำ ไม่ต้องง้อคุณหลานคนเดียวอีกต่อไปอะไรทำนองนี้
...
(2). Take a hobby = ทำงานอดิเรก
มีคุณลุงหลังเกษียณหมาดๆ (เกษียณใหม่ๆ) หลายคนแต่งตัวแต่เช้า นั่งรถไปที่ทำงาน ไปแล้วก็เหี่ยวกลับบ้าน เพราะอะไรๆ ก็เปลี่ยนไป ยศถาบรรดาศักดิ์ที่เคยมีกลายเป็นไม่มี... นี่เป็นความเหงาแบบคนที่ไม่มีงานอดิเรก
...
ทีนี้ถ้าคุณลุงคนเดิมมีงานอดิเรก เช่น เล่นตะกร้อหรือเล่นเทนนิส ฯลฯ กับพรรคพวกเพื่อนฝูงเป็นประจำ ไปไหนก็เข้าวงตะกร้อได้... แบบนี้คงไม่เหงาง่ายๆ ยิ่งถ้าเล่นไปชมคนอื่นให้เป็นคงจะไม่เหงาแน่
ตอนเด็กๆ นี่ผู้เขียนเล่นหมากรุกชนะนายตำรวจท่านหนึ่งเป็นประจำ ทำให้ท่านไม่ค่อยอยากเล่นด้วย กลับชอบไปเล่นหมากรุกกับคุณพ่อผู้เขียน...
...
คุณพ่อผู้เขียนเลยบอกเคล็ดไม่ลับว่า ผู้เขียนน่ะ "เล่นหมากรุกไม่เป็น"... คนที่เล่นเป็นต้อง "แพ้ให้เป็น" เช่น เล่นไปสักพักแล้วต้องทำเป็นแกล้งแพ้ ฯลฯ แพ้บ้างชนะบ้างจึงจะมีคนอยากเล่นด้วย คนที่มุ่งมั่นเอาชนะอย่างเดียวไม่มีใครอยากเล่นด้วยเท่าไหร่
เพื่อนผู้เขียนท่านหนึ่งเป็นหมอกระดูกที่เก่งมาก ตอนเป็นนักศึกษาแพทย์... ท่านเล่นเทนนิสเก่ง เล่นกับอาจารย์เป็นประจำ สังเกตดูพอเล่นไปสักพักจะแกล้งแพ้ และแพ้ได้แนบเนียนมาก ทำให้เป็นที่ชื่นชมของครูบาอาจารย์ (แน่นอนว่า อาจารย์เป็นฝ่ายชนะ)
...
(3). Join a group = เข้ากลุ่ม เข้าก๊วนบ้าง
คนส่วนใหญ่คงจะมีเรื่องที่ชอบ เช่น กีฬา ดนตรี สุขภาพ น้องแมว น้องหมา ฯลฯ ไม่มากก็น้อย ทุกวันนี้มีกลุ่มหรือก๊วนให้เข้าร่วมได้มากมาย ขอเพียงสลัดความอายหน่อย แล้วลองเข้าไปร่วมวงก็คงจะหากลุ่มหรือก๊วนที่ "ถูกคอ" กันได้บ้าง
...
เรื่องสำคัญในการรวมกลุ่มคือ คงต้องจริงใจกับตัวเราก่อน เลือกเรื่องที่เราชอบ ไม่ต้องเสแสร้งไปเข้ากลุ่มที่เราไม่ชอบ เช่น ถ้าชอบน้องแมวก็ไม่ต้องทำเป็นสนใจน้องหมา ให้หากลุ่มที่ชอบน้องแมวแทนจะยั่งยืนกว่ากันแยะเลย ฯลฯ
...
(4). Get a companion animal = เลี้ยงสัตว์คู่ใจ
การเลี้ยงสัตว์คู่ใจเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่ง ผู้เขียนเคยเห็นพยาบาลเกษ๊ยณแล้วท่านหนึ่งเก็บน้องหมาข้างถนนไปเลี้ยง ถูกใจกันจนน้องหมาเสียไปก็ยังทำการเลี้ยงพระ สวดศพ ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้อย่างดี
ทีนี้ถ้ามีที่ทางน้อย... การเลี้ยงสัตว์เป็นกลุ่มก็เป็นทางเลือก เช่น หลายๆ บ้านอาจจะเลี้ยงน้องแมวหรือน้องหมาร่วมกัน จะได้สนุกด้วย ประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย แถมยังมีอิสรภาพ จะไปไหนก็ไม่ต้องกลัวมันเหงาด้วย
...
(5). Help others = ช่วยเหลือคนอื่น
การช่วยเหลือคนอื่นพอประมาณ (ไม่มากหรือน้อยเกิน และช่วยให้คนอื่นช่วยตัวเองได้) นั้นจริงๆ แล้ว "เป็นการช่วยทั้งฝ่ายผู้รับและผู้ให้"
...
ที่อีสานมีมูลนิธิหนึ่งที่สนับสนุนทุนเล่าเรียน... ผู้บริจาคเป็นชาวญี่ปุ่นด้วยชาวไทยด้วย ปีหนึ่งก็มีทัวร์ให้คุณแม่คุณพ่ออุปถัมภ์ไปเที่ยวบ้านนักเรียนทุน นักเรียนยากจนได้โอกาสในการเล่าเรียน ชาวญี่ปุ่นได้บุญด้วย ได้มาเห็นชีวิตจริงที่ยากลำบากด้วย ทำให้เกิด "ความรู้สึกดีๆ" กับชีวิต
...
การช่วยเหลือคนอื่นไม่จำเป็นต้องลงทุนวัตถุสิ่งของเสมอไป... ขอเพียงกล่าวคำว่า "ขอบคุณ ขอบใจ ขอโทษ" ให้เป็นและให้พอดี... แบบนี้ก็ช่วยให้คนรอบข้างมีความสุขได้มากแล้ว
ยิ่งถ้ารู้จัก "รับฟัง" คนอื่นบ้าง และหัดชมคนรอบข้างอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง และค่อยๆ เพิ่มเป็นอย่างน้อยวันละ 3 ครั้งหลังอาหารก็จะทำให้คนอื่นอยากคบหาเรามากขึ้น
...
คนสูงอายุที่ขี้บ่น เอาแต่ใจตัวเองมักจะ "กำพร้าลูกหลาน"... ตรงกันข้ามคนสูงอายุที่ "รับฟัง" คนอื่น รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ชมคนอื่นให้เป็นมักจะไม่เหงา และมีคนแวะไปเยี่ยมเยียนเป็นประจำ
...
(6). Get out of your house = ออกจากบ้าน (หรือห้อง)
การออกจากบ้านหรือออกจากห้องบ้าง... ไปโน่นไปนี่ และหัดไป "ไม่ซ้ำที่" กัน เช่น ไปจ่ายตลาด ไปห้องสมุด ฯลฯ พร้อมกับหัด "ทักทาย" คนอื่นให้มากขึ้นหน่อย เริ่มจากการหัดกล่าว "สวัสดีครับ(ค่ะ) - ขอบคุณ - ขอบใจ - ขอโทษ" ให้เป็น และพูดอะไรให้ "มากกว่านั้น" อีกหน่อย โดยเฉพาะการหัดพูดในแง่บวก เช่น ชื่นชมการทำดีของคนรอบข้าง ฯลฯ ให้เป็น... แบบนี้เราจะได้เพื่อนแยะเลย
...
(7). Develop your mind = พัฒนาใจคุณ
เรียนรู้เรื่องใหม่ๆ เสมอ เช่น ไปเข้าชั้นเรียนภาษาใหม่ๆ ไปเรียนทำอาหาร ฯลฯ และไม่ว่าจะเริ่มต้นเรียนรู้เรื่องอะไรก็ควรหาเพื่อนใหม่ๆ ให้ได้สักคน
ถ้าเขียนบล็อกก็อย่ามุ่งมั่นแต่จะเขียนๆๆๆๆ ลูกเดียว... ขอให้แลกเปลี่ยนข้อคิดกับคนอื่นบ้าง อ่านบล็อกคนอื่นบ้าง บางทีวิธีนี้ก็ทำให้ได้เพื่อนมากขึ้น
...
(. Write about your feeling = เขียนความรู้สึกออกมา
ลองหัดเขียนไดอารีหรือบันทึกความรู้สึกง่ายๆ ซึ่งสมัยนี้ทำได้ด้วยการเขียนบล็อก ไม่ต้องเป็นเซียนก็เขียนได้ เพราะต้นทุนในการเผยแพร่ออนไลน์ต่ำลงไปเรื่อยๆ ยิ่งถ้ามีภาพประกอบจากกล้องดิจิตอลยิ่งเยี่ยมไปเลย
...
วิธีเขียนบล็อกให้ไม่เหงาคือ ควรหมั่นทบทวนข้อเขียนของเราเสมอ หลักที่ใช้ได้ดีคือ '80-20' นั่นคือ ขอให้มีมุมมองด้านบวกอย่างน้อย 80% ด้านลบอย่าให้เกิน 20% หรือน้อยกว่านั้นยิ่งดี และขอให้นำเสนอทางออกปัญหาอย่างน้อย 80% นำเสนอปัญหา(ที่ยังไม่มีทางออก)อย่าให้เกิน 20%
...
อย่าลืมว่า ในชีวิตจริงและในโลกออนไลน์นั้น... เรื่องร้ายหรือปัญหาต่างๆ มีมากพอ หรือมีมากเกินพอแล้ว ผู้คนจึงโหยหาเรื่องดีๆ เรื่องที่มีประโยชน์ ทางออกของปัญหา และเรื่องการมองโลกในแง่ดี
ชีวิตจริงนั้น... คนเรามักจะ "ร้องไห้คนเดียว" และ "ยิ้มกันหลายคน" ถ้าเราเลือกที่จะร้องไห้ทุกวันก็คงหาคนมาช่วยร้องกับเราไม่ได้ หรือถ้าได้ก็ไม่กี่คน แต่ถ้าเราเลือกที่จะยิ้มแย้มแจ่มใสทุกวัน... แบบนี้คงหาคนมายิ้มกับเราได้เกือบทุกวันทีเดียว
...
(9). Get some physical exercise = ออกแรง-ออกกำลังบ้าง
พระรูปหนึ่งท่านสอนว่า "เหงื่อออกมาก-น้ำตาออกน้อย เหงื่อออกน้อย-น้ำตาออกมาก" ไว้นานแล้ว คำสอนนี้ยังคงใช้ได้ดีเสมอ
...
การออกแรง-ออกกำลังเป็นประจำ เช่น เดิน เดินขึ้นลงบันได วิ่งเหยาะ (จอกกิ้ง) ขี่จักรยาน จูงน้องหมาเดินเล่น (walk a dog) ฯลฯ ทำให้เกิดความสุขที่ไม่ต้องไปซื้อหามาแพงๆ
ขอให้ออกกำลังนอกบ้านอย่างน้อย 20% เพื่อให้มีโอกาสออกจากบ้านหรือออกจากห้องบ้าง เพราะนั่นอาจจะทำให้ได้เพื่อนใหม่ๆ เช่น เกิดก๊วนเล่นกีฬาด้วยกัน ฯลฯ
...
(10). Use community resources = ใช้ทรัพยากรชุมชน
ชุมชนต่างๆ มักจะมีสนามกีฬา สถานที่ออกกำลัง สโมสร หรือกิจกรรมหลายๆ อย่างให้ไปทำร่วมกันได้ เช่น ไทเกก-ไทชิ รำมวยจีน เต้นแอโรบิค รำกระบองชีวจิต ฯลฯ กิจกรรมเหล่านี้มักจะทำให้ได้เพื่อนใหม่ๆ อีกหลายคน
...
(11).บล่าๆๆๆๆๆ=การเตะคนตอนเซ็ง
ตามเมืองเเละนครใหญ่ๆมีเเต่งานเเละงาน มีไรเเก้เซงคือให้เรา ต่อยคนเเก่ โขมยขนมเด็ก เเกล้งคนตาบอด ลังเเกสัตว์อ่อนเเอ ด่าครู เเกล้งคนท้อง เตะน้องชาย/สาว
ข้อ11คิดเองอะอิอิอิ