ตะลึง ! หญิงแปลงเพศชาวมะกัน อุ้มท้องแทนเมีย เตรียมคลอดลูกสาวออกมาดูโลกในอีก 4 สัปดาห์นี้ เจ้าตัวสุดตื้นตัน หลังอัลตราซาวนด์ครั้งแรก ขอเล่าเรื่องราวให้ลูกฟังทั้งหมดเอง เผยวางแผนมีลูกเพิ่มอีกในอนาคต
ช่วงวัยรุ่นเคยครองแชมป์นางงามฮาวายมาก่อน ขณะที่นักจิตวิทยา-นักวิชาการไทยไม่ห่วง ชี้เป็นเพศไหนก็ได้ หากดูแลลูกได้
ตะลึงหนุ่มแปลงเพศตั้งท้อง
นายโทมัส ปัจจุบันอายุ 34 ปีแล้ว ให้สัมภาษณ์พิเศษแก่ "นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์" ถึงการได้อุ้มท้องลูกว่า รู้สึกยอดเยี่ยมมาก ตนและภรรยาแทบจะทนรอไม่ไหวที่จะได้เห็นหน้า และอุ้มลูกสาวโดยพูดคุยถึงเรื่องนี้กันอยู่ทุกวัน ตอนนี้เตรียมทุกอย่างสำหรับลูกไว้พร้อมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเนิร์สเซอรี่ ผ้าอ้อม ห้องนอน รวมถึงชื่อก็ตั้งเอาไว้แล้วเช่นกัน แต่ยังอุบเงียบเอาไว้ก่อน ที่สำคัญทั้งคู่ยังได้วางแผนเอาไว้ว่า จะมีลูกกันอีก ภายหลังจากที่คลอดลูกคนนี้แล้ว แต่จะรอดูประสบการณ์ก่อนว่า การมีลูกคนแรกเป็นอย่างไ รแล้วค่อยคิดเรื่องนี้ใหม่อีกหน
รายงานข่าวแจ้งว่า ในวัยเด็ก นายโทมัส ซึ่งมีชื่อว่า "เทรซี ลากอนดิโน" เป็นเด็กสาวที่สวยมาก และมีตำแหน่งเป็นถึงนางงามวัยรุ่นของฮาวายเลยทีเดียว เขาตัดสินใจแปลงเพศเมื่อ 10 ปีที่แล้ว โดยตัดเต้านมทิ้ง แต่ยังคงเก็บมดลูกและรังไข่เอาไว้ ทำให้สามารถตั้งท้องแทนภรรยาได้ เพราะนางแนนซี วัย 45 ปี มีปัญหาต้องตัดมดลูกทิ้ง เมื่อถึงเวลาที่จะมีลูก โทมัสได้หยุดกินฮอร์โมนเพศชายที่เริ่มกินมาตลอด หลังจากแปลงเพศ เพื่อรังไข่จะสามารถผลิตไข่ได้อีกครั้ง
นายโทมัสเคยตั้งท้องลูกแฝดมาก่อนหน้านี้แล้วครั้งหนึ่ง โดยครั้งนั้นใช้สเปิร์มที่มีผู้บริจาคให้แก่ธนาคารสเปิร์ม ด้วยการที่แนนซีเป็นคนผสมเทียมให้แก่ผู้เป็นสามี โดยใช้กระบอกฉีดยาพิเศษที่ขอมาจากสัตวแพทย์ที่คอยรักษานกที่เลี้ยงเอาไว้ในบ้านมาฉีดน้ำเชื้อเข้าไปในร่างกายของโทมัส เพราะคลินิกไม่ยอมผสมเทียมให้ทั้งคู่ เพราะมองว่าเป็นกรณีที่ไม่เหมือนคนปกติทั่วไป แต่โชคร้ายที่โทมัสตั้งครรภ์ในตำแหน่งที่ผิดปกติทำให้แท้ง แต่ความพยายามครั้งที่สองของพวกเขาสำเร็จ และลูกก็จะลืมตาออกมาดูโลกด้วยการผ่าท้องโดย นพ.คิมเบอร์ลี เจมส์ ในวันที่ 3 กรกฎาคมนี้
"ตอนที่แนนซีกับผมเห็นภาพสแกนของลูกครั้งแรกๆ นั้น ช่างเป็นประสบการณ์ที่เต็มตื้นอย่างมากจนเราไม่แคร์ว่าใครจะพูดถึงเราอย่างไรบ้าง การได้เห็นหน้า ริมฝีปาก และร่างกายของลูกทำให้การปฏิบัติที่ไม่ดีทั้งหมดทั้งมวลที่พวกเราเคยได้รับมากลายเป็นเรื่องที่ไม่มีคุณค่าอะไรเลย"
นายโทมัส ซึ่งจะกลายเป็นบุรุษเพศคนแรกของโลกที่ตั้งครรภ์ด้วยตนเอง กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ ก่อนจะตบท้ายว่า "เราตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ว่าเราจะมีลูกด้วยกัน รวมถึงเรื่องที่ผมไม่ได้ตัดอวัยวะในการตั้งครรภ์ทิ้ง ความต้องการมีลูกนั้นไม่ใช่แค่ความต้องการของผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่เป็นความต้องการของมนุษย์"
นายโทมัสยังกล่าวด้วยว่า
เมื่อลูกโตขึ้นจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ลูกฟังด้วยตัวเอง พร้อมย้ำว่า ลูกเกิดมาจากความรักอันมากล้นของพ่อแม่ และกว่าที่ลูกจะมายืนอยู่ตรงนี้ได้ ต้องเอาชนะความประหลาดมากมาย ทั้งอุปสรรคทางร่างกาย อุปสรรคทางสังคม และทุกๆ อย่างจนกว่าจะมาถึงจุดนี้
ขอบคุนเครดิตhttp://news.hunsa.com/detail.php?id=9856